อาถรรพ์รัก 7 ปีมันมีจริงไหมนะ? ธาม x เกี๊ยว เป็นแฟนที่รักเอยเตยหอมรักนี้ไม่มีหมดโปรโมชั่นกันมาโดยตลอด จนกระทั่งมีบททดสอบครั้งใหญ่เข้ามาให้ทั้งคู่พิสูจน์รักแท้...
รัก,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,น่ารัก,แฟน,รักวัยรุ่น,มหาวิทยาลัย,วัยว้าวุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ธาม x เกี๊ยว รักเดียวคือเธออาถรรพ์รัก 7 ปีมันมีจริงไหมนะ? ธาม x เกี๊ยว เป็นแฟนที่รักเอยเตยหอมรักนี้ไม่มีหมดโปรโมชั่นกันมาโดยตลอด จนกระทั่งมีบททดสอบครั้งใหญ่เข้ามาให้ทั้งคู่พิสูจน์รักแท้...
ธาม x เกี๊ยว รักเดียวคือเธอ
Happy Anniversary…
สุขสันต์วันครบรอบ 7 ปี…
ปึง!
แต่ก็เท่านั้นแหละ…
เสียงประตูที่ดังขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่าแฟนของฉันเทวันครบรอบ 7 ปีของเราแบบกลางคันแล้วเลือกที่จะออกไปหาเพื่อนแทนที่จะอยู่ด้วยกัน
ให้มันได้อย่างนี้สิ!!
“ธามเดี๋ยวเราแวะซื้อขนมไปฝากม๊ากับป๊าด้วยดีกว่า ไม่ได้กลับบ้านมาหลายอาทิตย์แล้วเนี่ย” ฉันพูดขึ้นมาในตอนที่ธามขับรถยนต์คันหรูผ่านร้านขนมชื่อดังพอดี
วันนี้เป็นวันหยุดฉันกับธามก็เลยตั้งใจว่าจะกลับมาที่บ้านสักหน่อย เพราะไม่ได้กลับมาตั้งหลายอาทิตย์แล้วแถมเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งเกิดเรื่องวุ่นๆ ชวนปวดหัวขึ้นมาอีก
แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับมาแฮปปี้เหมือนเดิมแล้วนะ คิคิ
แฟนคนเดิมที่น่ารักของฉันกลับมาแล้ว เพิ่มเติมคือหมอนี่บอกว่าจะไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนแบบที่ผ่านมาแล้วด้วย กลัวว่าจะเกิดปัญหาอีกแต่เขาจะขอไปแค่โอกาสสำคัญก็เท่านั้น ซึ่งตอนแรกฉันก็บอกว่ามันไม่เกี่ยวกับที่เขาออกไปเที่ยวหรอกฉันไม่ได้อยากห้ามอะไร แต่ธามก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ไปจะอยู่กับฉันดีกว่า
ส่วนเรื่องรุ่นน้องของธามตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็หายไปเลย แต่ว่าเหมือนได้ข่าวจากที่นายเพื่อนของธามมาเล่าให้ฟังว่าเฟย์น่าจะเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังแล้วล่ะ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะอนาคตเธอจะได้ใช้ชีวิตที่สดใสแบบคนอื่นเขาบ้าง
ถ้าถามว่าตอนนี้ฉันยังโกรธกับเรื่องที่ผ่านมาอยู่ไหมน่ะเหรอ? ก็ยังมีบ้างแต่ก็น้อยลงมากๆ แล้วล่ะ จะให้หายโกรธไวทันใจอะไรแบบนั้นมันก็ยากอยู่เหมือนกัน นึกไม่ออกเลยว่าถ้าตอนนั้นธามมาไม่ทันฉันจะโดนอะไรอีกบ้าง
“คิดอะไรอยู่น่ะเกี๊ยว รถจอดหน้าร้านนานแล้วเธอจะลงไปซื้อขนมไหมหะ” เสียงของธามเรียกสติฉันให้กลับมาที่ปัจจุบันฉันจึงลงจากรถเพื่อไปเลือกขนมที่จะเอาไปฝากป๊าของฉันกับม๊าของธาม
ไม่นานรถยนต์ของธามก็มาจอดที่หน้าร้านบะหมี่เกี๊ยวของฉัน ช่วงนี้เป็นช่วงคนกำลังเยอะจนล้นร้านเลยแหละ เห็นป๊าทำงานหนักแบบนี้ก็อดที่จะรู้สึกตื้นตันขึ้นมาไม่ได้ ป๊าฉันเก่งมากเลยนะเลี้ยงลูกสาวตัวคนเดียวมาได้จนโตขนาดนี้แล้ว
ได้แต่หวังว่าถ้าฉันเรียนจบจะให้ป๊าเลิกขายบะหมี่แล้วฉันจะเป็นคนดูแลท่านเองบ้าง
“ป๊ากำลังวุ่นเลย… งั้นเธอไปนั่งเล่นที่บานฉันก่อนไหมรอคนน้อยลงแล้วค่อยออกมาหาป๊าก็ได้ อีกอย่างม๊าคงคิดถึงลูกสาวสุดที่รักใจจะขาดแล้วล่ะ” ธามพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ร้านบะหมี่ของฉันด้วย
ทำไมฉันกับธามถึงไม่ลงไปช่วยป๊าขายน่ะเหรอ? เพราะว่าลูกน้องอยู่เต็มร้านเลยยังไงล่ะ ธามน่ะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ตอนที่เราสองคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะฉันเคยงอแงว่าถ้าฉันไม่อยู่ใครจะคอยช่วยป๊าจนถึงขั้นจะไปกลับไม่ยอมค้างคอนโดกับเขา
สุดท้ายลูกชายร้านทองอย่างธามก็แก้ปัญหาด้วยการจ้างเด็กเสิร์ฟมาเลย 4 คน เพื่อที่จะให้ฉันไปเรียนอย่างสบายใจแล้วก็พักที่คอนโดเดียวกันกับเขา
“หนูเกี๊ยวของม๊า~ คิดถึงหนูที่สุดเลย”
ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในร้าน ม๊าของธามที่นั่งอยู่ก็รีบลุกขึ้นมาแล้วกอดฉันอย่างอบอุ่นทันที
“หนูก็คิดถึงม๊าค่ะ นี่หนูซื้อขนมมาฝากด้วยร้านนี้กำลังดังตอนนี้เลย” ฉันพูดพร้อมกับชูถุงขนมในมือให้ม๊าดูด้วย
“น่ารักที่สุด… แต่เอ๊ะ! เกี๊ยวไปทำอะไรมาทำไมมีแผลตามตัวแบบนี้ล่ะหื้ม?” ม๊าของธามถามออกมาด้วยความสงสัย คงจะเป็นแผลจากตอนที่มีเรื่องกันก่อนหน้านี้นั่นแหละ มันยังไม่หายดีก็เลยต้องปิดแผลเอาไว้อยู่เลย
“อ๋อ~ หนูซุ่มซ่ามเองค่ะม๊าเลยสะดุดขาตัวเองล้ม แหะๆ” ฉันเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับม๊าไปเพราะว่าไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง อีกอย่างเรื่องมันก็จบไปแล้วด้วย ก็เลยไม่อยากจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีก
“ตายแล้ว! และตาธามทำไมไม่ดูแลเกี๊ยวเลยหะ” แล้วม๊าก็หันไปทำเสียงดุใส่ธามต่อ
“ม๊าครับ… ที่จริงแล้วผมมีเรื่องจะบอก”
ฉันหันไปมองหน้าธามทันทีที่เขาพูดจบพร้อมกับส่งสายตาเชิงห้ามเอาไว้ แต่คนตัวโตก็ไม่สนใจเพราะฉันรู้ดีว่าเขาจะบอกม๊าเรื่องอะไร
ธามน่ะไม่เคยมีเรื่องปิดบังม๊าเลยสักเรื่อง…
“ปล่อยให้เกิดเรื่องขนาดนี้ได้ยังไงหะตาธาม!!!” ม๊าเสียงดังขึ้นทันทีที่ธามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านฟัง “หนูเกี๊ยว… ลูกชายม๊ามันโง่นักเห็นคนอื่นสำคัญกว่า ม๊าว่าเลิกกับมันไปเลยเดี๋ยวม๊าหาแฟนให้ใหม่ ลูกชายเพื่อนม๊าหล่อๆ รวยๆ นิสัยดีมีเยอะแยะไป”
“เห้ยม๊า! ได้ไงอะนี่ธามไงลูกชายม๊านะ เกี๊ยวเป็นแฟนลูกชายม๊าจู่ๆ จะมาหาแฟนใหม่ให้เกี๊ยวได้ไงอะ” ธามโวยขึ้นมาทันทีที่ม๊าบอกว่าจะหาแฟนใหม่ให้ฉัน
“ไม่รู้แหละ… แฟนที่ดีคือแฟนใหม่นะหนูเกี๊ยว”
“ม๊า!”
“แกปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายเกี๊ยวแถมยังไม่เชื่อเกี๊ยวอีก ทั้งๆ ที่แกน่าจะเป็นคนที่รู้จักเกี๊ยวดีกว่าใครไม่ใช่หรือไงธาม… ม๊าจะไม่เข้าข้างเพราะแกเป็นลูกชายม๊าหรอกนะ เพราะม๊าเองก็รักหนูเกี๊ยวเหมือนลูกคนหนึ่ง เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็ก วันที่ธามมาบอกม๊าว่าเป็นแฟนกับเกี๊ยวม๊าก็อุตส่าห์ไว้ใจว่าลูกชายของม๊าจะดูแลหนูเกี๊ยวได้ นี่ปล่อยถึงขั้นเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันเลยม๊าว่ามันเกินไปนะธาม”
“ผมขอโทษครับม๊า มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ธามพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดจริงๆ
“ม๊าจ๋า~ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากเลยนะคะ แล้วธามก็เป็นคนมาช่วยหนูไว้ด้วย คิดดูสิถ้าตอนนั้นธามไม่เชื่อใจหนูก็คงคิดว่าหนูเป็นคนทำร้ายรุ่นน้องคนนั้นไปแล้ว แต่เพราะว่าธามรู้จักหนูดีและรู้ว่าหนูไม่ใช่คนแบบนั้นเรื่องมันถึงจบลงได้นะคะม๊า” ฉันที่เห็นแฟนตัวเองทำหน้าจ๋อยก็อดที่จะสงสารไม่ได้เลยต้องช่วยพูดกับม๊าของธามอีกแรง
“ผมสำนึกผิดแล้วครับ… แล้วอีกอย่างที่ผมอยากจะบอกกับม๊าก็คือถ้าเรียนจบแล้วให้ผมแต่งงานกับเกี๊ยวนะครับม๊า”
ม๊าอึ้ง! ฉันก็อึ้งเหมือนกัน ไม่คิดว่าจู่ๆ ธามจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็จริงอยู่ที่ว่าเขาเคยบอกฉันหลายรอบแล้วว่าถ้าเรียนจบก็อยากจะแต่งงานกันเลย แต่ฉันคิดว่าเขาแค่พูดเล่นเรื่อยเปื่อยตามประสาก็เท่านั้น
“ม๊าไม่ให้แต่งหรอก” คราวนี้คนที่อึ้งอีกคนก็คือธาม หลังจากที่ม๊าปฏิเสธเรื่องที่เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ม๊า…”
“ธาม… ม๊าพูดจริงๆ นะ แกจะมาทำเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้ แต่งงานมันเรื่องใหญ่ไม่ใช่นึกปุบปับอยากจะแต่งก็ตามใจได้เลย ถามเกี๊ยวหรือไงว่าพร้อมไหม ได้คุยกับป๊าของเกี๊ยวแล้วหรือยัง”
“ผมยังไม่ได้คุยกับป๊าเพราะผมอยากมาบอกม๊าก่อน… ส่วนเรื่องที่อยากแต่งงานผมไม่ได้คิดปุบปับนะม๊า ผมคิดแบบนี้มาตลอดเคยบอกเกี๊ยวไปแล้วด้วย ถ้าเรียนจบแล้วผมก็แค่อยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้องจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอด อยากให้เกียรติเกี๊ยวกับป๊าของเกี๊ยวด้วย พาลูกสาวเขาไปอยู่ด้วยมาตั้งหลายปีนะม๊า” ธามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกลับเช่นกัน
“แต่ว่าแกเพิ่งก่อเรื่องไปเอง ม๊าจะไว้ใจได้ไง”
“เข็ดจนตายเลยครับ” ธามพูดต่อก่อนจะหันมาทางฉัน “เกี๊ยวไม่อยากแต่งงานกับธามเหรอ? หรือว่ายังไม่พร้อม ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรนะยังไงธามก็รอเกี๊ยวได้”
ใจเหลวไปหมด! แล้วฉันจะไปไหนรอดล่ะ!!
อันที่จริงฉันไม่ได้ไม่พร้อมหรือไม่อยากแต่งงานกับธามหรอกนะ แต่แค่นึกไม่ถึงว่าไอ้ที่เขาพูดๆ มาตลอดคือเขาพูดจริงทำจริงเท่านั้นเอง
“ม๊าจ๋า~” ฉันตัดสินใจเรียกม๊าของธามด้วยเสียงอ้อนเหมือนที่ทำเป็นประจำ “ยกลูกชายตัวแสบของม๊าให้หนูเถอะนะคะ”
หลังจากที่ฉันพูดจบคนตัวโตก็ยิ้มจนหน้าบาน ปากจะฉีกไปกับประโยคเมื่อกี้ของฉัน ส่วนม๊าของธามเองท่านก็อมยิ้มไม่แพ้กัน
ม๊าน่ะชอบแกล้งธามไปแบบนั้นเองแหละ ที่จริงท่านรักธามจะตายก็นะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวนี่นา สุดท้ายม๊าก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกชายตัวเองอยู่แล้ว
สิ่งที่ดีที่สุดที่ว่านั่น… ก็คือฉันคนนี้นั่นเอง
“หนูเกี๊ยวคิดดีแล้วใช่ไหมลูก?” คราวนี้ม๊าหันมาถามฉันบ้าง
“คิดดีแล้วสิคะ… ไม่มีใครรู้ใจหนูเท่าธามหรอก อีกอย่างหนูก็รักของหนูมาตั้งนานไปไหนไม่รอดแล้วค่ะม๊า” ฉันตอบออกไปตามความจริง และรู้สึกเขินขึ้นมาอยู่เหมือนกัน การที่จะต้องมาบอกความรู้สึกตัวเองต่อหน้าทั้งธามและม๊าแบบนี้
“เกี๊ยว… ธามรักเกี๊ยวที่สุดเลย” คนตัวโตพูดพร้อมกับทำท่าจะดึงฉันเข้าไปกอดแต่แล้วก็…
“อะ แฮ่ม! เบาได้เบาม๊าก็นั่งอยู่”
“ก็รักอะครับม๊า”
“รู้แล้วๆ ไอ้ลูกชาย! ถ้าอย่างนั้นไว้เรียนจบแล้วม๊าจะไปคุยกับป๊าของเกี๊ยวอย่างจริงจังก็แล้วกันนะ อ้อ! นี่ม๊าต้องไปเตรียมคิดเรื่องสินสอดไว้รอแล้วล่ะ จะมีลูกสะใภ้ที่ถูกใจทั้งที ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากพูดจบม๊าก็เดินเข้าไปข้างในห้องทำงานส่วนตัวพร้อมกับพูดคำนวณนั่นนี่พึมพำตามประสาไป
สรุปแล้วใครควรเป็นที่ดีใจที่สุดกัน?
ฉัน… ธาม… หรือว่าม๊า…