ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980
รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“กั๋ว-จาง-หย่ง- กั๋ว-จาง-ลี่”
หญิงสาวพูดพลางให้เด็กๆ จับดินสอเขียนชื่อตัวเอง นิ้วมือเล็กๆ จับดินสออย่างตั้งใจ หลายวันก่อนซื้ออุปกรณ์สำหรับฝึกเขียนอักษร รวมทั้งหนังสือคัดอักษร เด็กแฝดทั้งสองหัวไวกว่าที่เธอคิดไว้มาก ซ้ำยังสนุกกับการขีดๆ เขียนๆ รวมทั้งวาดรูปจนเลอะเทอะให้ป้าฮุ่ยชิวบ่นอุบอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“เดี๋ยวฉันเย็บผ้ากันเปื้อนให้เด็กๆใส่แล้วกัน เวลาเด็กๆ ทำเลอะจะได้ไม่เลอะไปถึงเสื้อผ้า”
“ก็ดีเจ้าค่ะ”
ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะเบาๆ นางก็บ่นไปอย่างนั้น แต่บ้านที่มีเสียงหัวเราะแบบนี้สิ ถึงจะเป็นบ้าน นางทำงานที่นี่ตั้งแต่สาวยันแก่ บรรยากาศในบ้านมักจะเงียบนิ่งเสมอ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ตาม วันๆ คุณนายก็เอาแต่ตามหาสามีที่หายไป นางเข้าใจคนมั่นในรักอย่างหลินเหยาซื่อ แต่สามีที่หายไปสามปี หากยังมีชีวิตอยู่ก็ควรกลับมาหาลูกหาเมียสิ แต่นี่หายไปไร่ร่องรอยเหมือนคนไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีก แต่หลังจากคุณนายฟื้นขึ้นก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เลิกตามหาคุณผู้ชาย และทุ่มเทดูแลคุณหนูคุณชายน้อยทั้งสอง เห็นเช่นนี้แล้วนางก็พลอยดีใจกับคุณหนูทั้งสองที่ได้มารดากลับคืน
“หลิน-เหยา-ซื่อ” หญิงสาวมองลายมือโยเยของลูกๆ ที่ฝึกเขียนชื่อของเธอ “เด็กๆ เก่งมากๆเลย”
“เด็กๆ?” ป้าฮุ่ยชิวหันไปมองอย่างแปลกใจ
“เด็กๆ ก็ลูกๆ ไง” หลินเหยาซื่อนึกได้ก็แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน เธอเลี้ยงเด็กจนชิน พอได้สวมบทคุณแม่ยังสาวก็ลืมไปบ้าง
“นี่ชื่อคุณแม่ นี่ชื่อจางลี่ นี่ชื่อจางหย่ง” เด็กหญิงตัวน้อยใช้นิ้วจิ้มๆไปที่ตัวอักษรตรงหน้า
“ชื่อคุณพ่อล่ะฮะ” จางหย่งเอียงคอมองอย่างสงสัย
“อ้อ! ชื่อคุณพ่อ”
หลินเหยาซื่อแย้มยิ้มแต่ในใจแอบก่นด่าผู้ชายคนนั้น เธอนั่งอ่านสมุดบันทึกของ ‘หลินเหยาซื่อ’ ทุกอย่างจดบันทึกอย่างละเอียด เรียกได้ว่า เธอซึ่งไม่เคยรู้จัก ‘ผู้ชายคนนั้น’ ก็พอจะนึกออกมาเป็นคนเย็นชามากแค่ไหน นอกจากขยันทำมาหากินดูแลกิจการในส่วนที่บิดามอบให้อย่างดีแล้ว เรื่องอื่นก็นึกไม่ออก ผู้หญิงดีๆ อย่างหลินเหยาซื่อทำไมถึงตกหลุมรักผู้ชายเย็นชาอย่างนั้นได้นะ ถ้าเป็นเธอนะเหรอ หาผู้ชายดีๆไม่ได้ก็อยู่โสดๆ สวยๆ และรวยๆ ดีกว่า
แต่เรื่องดีเรื่องเดียวที่เธอนึกออกก็คือ คู่แฝดสองคนนี้ ลูกชายหล่อ ลูกสาวสวย เห็นแล้วเจริญหูเจริญตาจริงๆ
“กั๋ว-คัง-เหริน”
หลินเหยาซื่อเขียนชื่อสามีที่เธอไม่นับเป็นสามี แอบกัดฟันกรอดอยู่ในใจทั้งที่ต้องฉีกยิ้มเปี่ยมสุข อย่างไรเขาเป็น ‘พ่อ’ ของเด็กแฝด เธอไม่ควรเอาความเกลียดชังของตัวเองไปยัดเหยียดใส่เด็ก...เอ่อ...ลูก
“กั๋ว-คัง-เหริน” จางลี่จางหย่งออกเสียงพร้อมกันแล้วค่อยๆ ลากเส้นเป็นชื่อของบิดา
“คุณแม่ฮะ เราชวนคุณพ่อไปสวนสนุกด้วยกันนะฮะ”
“ใช่ค่ะคุณแม่ พาคุณพ่อไปสวนสนุกด้วยนะคะ”
หลินเหยาซื่อยิ้มแข็งค้าง คงเพราะความรักอันเปี่ยมล้นของเจ้าของร่างนี้ที่มีต่อสามีในนามคนนั้น คงจะเล่าบรรยายแต่เรื่องดีงามทำให้ลูกๆ ถึงยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงพ่อที่ไม่เคยเจอหน้า จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย เธอจะไปทำลายมโนภาพของเด็กๆไม่ได้
“ได้จ๊ะ คุณพ่อกลับมาเราจะไปเที่ยวด้วยกัน”
“ในรูปถ่ายไม่มีรูปคุณพ่อเลย” จางลี่ทำเสียงเศร้า
“นั้นสิๆ ไม่มีรูปคุณพ่ออยู่กับพวกเราเลย”
ป้าฮุ่ยซิวสบตากับคุณผู้หญิง เด็กสามขวบอยู่ในวัยช่างถาม นางก็ไม่รู้จะช่วยอธิบายอย่างไรดี
หลินเหยาซื่อยังคงฉีกยิ้มอ่อนโยน ในยุคของเธอถ้ามีโน้ตบุ๊คสักเครื่อง เธอก็ตัดต่อภาพได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เท่าที่มองเห็นก็มีเครื่องพิมพ์ดีดในบ้าน โทรทัศน์ขาวดำ แล้วก็โทรศัพท์บ้าน เธอเหลือบมองไปรอบตัวก็แล้วนึกได้
“ได้จ๊ะ” หลินเหยาซื่อตอบทันที ป้าฮุ่ยซิวถึงกับมีสีหน้าประหลาดใจ
“คุณผู้หญิงจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
“ทำได้สิ ลูกๆก็ทำได้นะ” หลินเหยาซื่อพูดแล้วหยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งมาวางตรงหน้า แล้วหยิบดินสอของลูกมาใช้ก่อน “เราก็วาดรูปคุณพ่อเพิ่มลงไปไงล่ะ”
“จริงด้วย เราวาดรูปคุณพ่อได้นี่น่า” จางลี่ทำตาโต
“วาดรูปๆ” จางหย่งพูดแล้วเดินไปหยิบสีไม้มาวางบนโต๊ะ
“ใช่แล้ว เราจะวาดรูปคุณพ่อกัน ลี่ลี่กับหย่งหย่งอยากให้คุณพ่ออยู่ตรงไหนเอ่ย”
“คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ตรงกลาง ลี่จะอยู่กับคุณพ่อ หย่งหย่งอยู่ข้างคุณแม่”
“ไม่เอาๆ หย่งหย่งจะอยู่กับคุณพ่อ!”
“ลี่ลี่จะอยู่กับคุณพ่อ!”
เด็กสองคนเริ่มแยกเขี้ยวใส่กัน
“อ้าว! ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณแม่เหรอคะ” หลินเหยาซื่อแกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจ เด็กทั้งสองเลิกทะเลาะกันทันทีแล้ววิ่งอ้อมโต๊ะเขียนหนังสือมากอด
“พวกเราจะอยู่กับคุณแม่!”
“ไม่หลอกแม่นะ” หลินเหยาซื่อถาม เด็กแฝดพยักหน้าพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น เราวาดรูปลูกๆ อยู่ตรงกลางแล้วพ่อกับแม่กอดลูกๆ ดีไหม”
“ดีครับ/ค่ะ”
ยังไม่ทันลงมือวาดรูป ก็มีเสียงกริ่งดังที่หน้าบ้าน ป้าฮุ่ยซิวเดินออกไปดู ครู่หนึ่งก็มีชายวัยประมาณสามสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวหลวมกับกางเกงสแลคสีดำเข้ากับรองเท้าหนังที่สวมอยู่ เพียงเห็นเธอเขาก็เปิดรอยยิ้มดีใจสาวเท้าเข้ามาเร็วๆ ยื่นมือมาจะจับมือของเธอ แต่หลินเหยาซื่อไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อถูกตัวนัก แม้เป็นนักแสดงตัวประกอบ หากนอกบทเธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาถูกตัว ปฏิกิริยาขยับตัวถอยหนีจึงเกิดขึ้นทันที ทำให้ชายคนนั้นชะงักไป เขาชักมือกลับอย่างเก้อเขินแล้วหัวเราะน้อยๆ
“ขอโทษด้วย พี่ดีใจที่เห็นน้องเหยาซื่อฟื้นเป็นปกติ”
“พี่...” หลินเหยาซื่อทำหน้างงแล้วปรายตามองไปทางป้าฮุ่ยซิว
“คุณนายไม่สบายหลายวัน ความจำสับสนไปบ้าง” ป้าฮุ่ยซิวเองก็ไม่ค่อยพอใจนัก ตอนที่บ้านนี้ลำบาก นางบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากหลายๆคน แต่ไม่มีใครมาดูดำดูดีเลย แต่เวลานี้คุณนายดีขึ้นแล้ว กลับเพิ่งมีคนโผล่หน้ามา “นี่คุณกั๋วซีฮัน เป็นพี่ชายคุณผู้ชายเจ้าค่ะ”
“กั๋วซีฮัน...” หลินเหยาซื่อพยักหน้ารับ เธอพอนึกออกอยู่บ้างเพราะในสมุดบันทึกของ ‘หลินเหยาซื่อ’ มีเขียนถึงกั๋วซีฮันซึ่งเป็นพี่ชายของกั๋วคังเหริน “ป้าฮุ่ยซิวพาเด็กๆไปกินขนมก่อนนะคะ ฉันจะดูแลคุณ เอ่อ พี่ซีฮันเอง”
กั๋วซีฮันมองหญิงสาวที่พูดคุยกับเด็กฝาแฝดที่ลอบมองทางเขาก่อนสะบัดหน้าเดินไปพร้อมกับแม่บ้าน ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มซ่อนความชิงชังไว้อย่างมิดชิด เด็กสองคนนั้นหน้าตาคล้าย ‘กั๋วคังเหริน’ เสียเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าไอ้ไก่อ่อนอย่างกั๋วคังเหรินจะทิ้งทายาทไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามชีวิตอีก
“พี่ซีฮัน รับน้ำชานะคะ” เธอเอ่ยถามแต่ตัวเองเดินไปรินน้ำร้อนใส่กาน้ำชาเรียบร้อยแล้ว
“ให้พี่ช่วยดีกว่าครับ” กั๋วซีฮันปาดเข้าไปยกถาดน้ำชาด้วยตนเอง “เรานั่งที่เก้าอี้สนามหน้าบ้านดีไหม”
“ค่ะ” หยินเหยาซื่อพยักหน้ารับ เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในบ้านอยู่พอดี พอเขาเสนอให้ไปนั่งด้านนอกก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ช่วงที่ไม่สบายหลับไปหลายวัน ตื่นมาอีกทีก็มึนๆ งงๆ จำใครไม่ค่อยได้”
“น้องเหยาซื่อไปหาหมอหรือยัง ให้คุณหมอตรวจร่างกายหน่อยดีไหมครับ” กั๋วซีฮันถามอย่างห่วงใย เขาวางถาดน้ำชาลงแล้วรินน้ำชาด้วยตนเอง “พี่เองก็ยุ่งมาก เพิ่งกลับจากไปดูโรงงานที่ต่างเมือง พอรู้ข่าวเรื่องน้องเหยาซื่อก็รีบมาทันที”
เอ๊ะ! ทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนี้ เธอมีฐานะเป็นน้องสะใภ้ ไม่ต้องดูแลใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวก็ได้มั้ง? หลินเหยาซื่อตั้งคำถามในใจแต่ยังคงยิ้มอย่างมีมารยาท
“พี่รู้ว่าน้องเหยาซื่อรักคังเหรินมากแค่ไหน แต่ยังไงก็ต้องห่วงสุขภาพตัวเองก่อน อย่าลืมว่าเรามีลูกและลูกต้องการแม่ อย่าเสียเวลาตามหาคนที่ไม่กลับมาอีกเลย”
ออกตัวแรงไปไหม? นี่มาบอกให้น้องสะใภ้เลิกตามหาสามีที่เป็นน้องชายตัวเองเหรอ? ปกติคนในครัวครอบเขาต้องให้กำลังใจกันสิ นี่ยังไม่นับรวมทำตาหวานใส่อีก ดีนะว่าเธอคือหลินเหยาซื่อ นักแสดงที่ต่อให้เป็นแค่ตัวประกอบก็เคยผ่านคอร์สเรียนการแสดงมาก่อน
“ขอบคุณพี่ซีฮันมากค่ะ” เธอแค่ยิ้มน้อยๆ ดูเปราะบางและน่าสงสาร
“มีอะไรก็บอกพี่ได้” เขายิ้มอ่อนโยน “ยังไงเด็กๆ ก็กำลังกินกำลังโต คงต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น พี่จะลองหาทางให้น้องเหยาซื่อได้รายเดือนเพิ่มนะ”
เงิน! เรื่องนี้แหละที่อยากได้ยิน
“ค่ะ คงต้องฝากพี่ซีฮันดูแลเรื่องนี้ด้วย” เธอทำหน้าเศร้า “ที่ผ่านมาก็ใช้เงินเก็บจ้างนักสืบตามหาคังเหริน เงินเก็บที่มีอยู่ก็พร่องไปจนแทบจะหมดแล้ว”
“ได้ๆ รับรองว่าพี่ไม่ให้น้องเหยาซื่อต้องลำบากแน่นอน”
“เอ่อ...พี่ซีฮันพอจะมีงานอะไรให้ฉันทำไหมคะ” เธอลองถามดู “ลำพังรอแค่เงินกงสีส่งให้รายได้มันไม่พอใช้ ฉันอยากหางานทำเพื่อจะมีรายได้อยู่บ้าน”
กั๋วซีฮันมีสีหน้าลำบากใจ จบแค่มัธยมปลาย และสุขภาพก็ไม่ค่อยดี ที่ผ่านมาคุณอาก็ประคบประหงมน้องเหยาซื่อมาตลอด ที่ให้กั๋วคังเหรินแต่งงานกับหลินเหยาซื่อก็เพียงเพราะต้องการให้มีใครสักคนคอยดูแลลูกสาวคนเดียว แต่ใครจะรู้เล่าว่าวันหนึ่ง ลูกเขยที่ฝากชีวิตไว้จะมาทอดทิ้งภรรยาที่ยังสาวและสวยขนาดนี้ได้ลง
“พี่จะลองดูให้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอยิ้มขอบคุณ อันที่จริงเธอแค่อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ถูกปิดบังอยู่บ้าง แต่เดิมสกุลกั๋วก็ไม่ได้มีฐานะดีนัก พ่อของเธออุปถัมภ์ค่าเล่าเรียนให้กั๋วคังเหรินมาตลอดจนเรียนจบมหาวิทยาลัย และตั้งความหวังให้กั๋วคังเหรินมาทำงานกิจการของสกุลหลิน แต่ไม่รู้อย่างไร พ่อคงบีบบังคับหรือทวงบุญคุณจนทำให้กั๋วคังเหรินที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับหลินเหยาซื่อจำใจต้องมาแต่งงานกัน เรื่องเหล่านี้เธออ่านจากสมุดบันทึกของหลินเหยาซื่อ
ก็น่าแปลกอยู่นะ ถ้ากั๋วคังเหรินไม่ได้รักหรือชอบหลินเหยาซื่อ แต่ทำไมทำให้หลินเหยาซื่อตั้งท้องได้เล่า หรือทำไปเพราะต้องทำหน้าที่สามี
หลินเหยาซื่อได้แต่ถอนหายใจ ชีวิตเธอมันเรียบง่ายไปหรือไง สวรรค์ถึงเหวี่ยงเธอมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้ด้วยนะ