ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980
รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลินเหยาซื่อทำแป้งโดว์ให้เด็กทั้งสองเล่นและสอนปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ จางหย่ง จางลี ต่างก็ชื่นชอบกันมาก
“ไม่คิดว่าแป้งสาลี่จะเอามาทำแป้งปั้นแบบนี้ได้นะคะ”
“ใช้ดีกว่าดินน้ำมันอีก” หลินเหยาซื่อหัวเราะคิกคัก นั่งมองเด็กๆ ปั้นแป้งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ “ให้เด็กๆ เล่นหน้าบ้านสักยี่สิบนาทีแล้วพาเข้าบ้านนะคะ ฉันจะไปทำงานก่อน”
“เจ้าค่ะ คุณผู้หญิง” ป้าฮุ่ยชิวนั่งดูเด็กๆ ปั้นดิน ตอนนี้หลินเหยาซื่อใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าตัวอย่าง จึงไม่อยากให้เด็กๆ เข้าไปรบกวนเวลาทำงาน
“ไข่ น้องไก่ไข่แล้วไปเก็บไข่กัน” จางลี่พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแม่ไก่ร้องกระต๊ากๆ
“เก็บไข่ๆ” จางหย่งพูดขึ้นและทำท่าจะวิ่งไปที่เล้าไก่ใกล้ๆ
“ใจเย็นๆค่ะคุณหนูคุณชาย” ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะออกมา จางลี่เป็นผู้หญิงแต่นิสัยใจกล้าอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กผู้ชาย แต่จางหย่งเป็นเด็กชายกลับนิสัยอ่อนโยนว่าง่ายราวเด็กผู้หญิง
“เดี๋ยวป้าเก็บเอง คุณๆ รออยู่ตรงนี้ อ้อ เล่นลูกบอลนี้ก็ได้ค่ะ” ป้าฮุ่ยชิวส่งลูกบอลให้จางหย่งแล้วเดินไปทางเล้าไก่ ครั้งก่อนให้เด็กๆ เก็บไข่เอง ทำไข่แตกคามือ จางหย่งเสียใจจนน้ำตาร่วง คราวนี้นางจึงไปเก็บเอง
จางลี่แย่งลูกบอลให้มือจางหย่ง จางหย่งมองมือที่ว่างเปล่าแล้วก็ได้สติ วิ่งไล่แย่งลูกบอลจากจางลี่ เด็กสองคนวิ่งเล่นแย่งลูกบอลส่งเสียงหัวเราะสดใส ใครเดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดมองด้วยรอยยิ้ม จางหย่งแย่งลูกบอลกลับมาได้ จางลี่แย่งกลับคืน แล้วเด็กหญิงตัวน้อยก็โยนลูกบอลขึ้นก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะไปสุดแรงเลียนแบบที่เคยเห็นในโทรทัศน์ แต่หนูน้อยเสียหลัก หงายหลังก้นกระแทกพื้น ลูกบอลกระเด็นกระดอนออกนอกรั้ว จางหย่งหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะช่วยพี่สาวหรือลูกบอลก่อนดี
“ไปเก็บลูกบอล” จางลี่รีบสั่งการ “เดี๋ยวถูกคุณแม่ดุเอาอีก”
ทั้งสองสร้างวีกรรมเล่นของเล่นแล้วพังคามือมานับไม่ถ้วน
จางหย่งวิ่งตามลูกบอลที่กลิ้งไปอยู่นอกรั้วบ้าน เขาอาศัยรูปร่างเล็กและปราดเปรียวมุดช่องว่างของรั้วหน้าบ้านวิ่งตามลูกบอลไป สายตาของเด็กชายตัวน้อยอยู่ที่ลูกบอลลูกนั้น เขาวิ่งไปตะครุบไว้ได้ทัน แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นรถยนต์คันหนึ่งตรงมาทางเขาแล้ว
รวดเร็วจนเด็กชายตัวน้อยยังไม่ทันกะพริบตา ร่างของเขาก็ลอยละลิ่วขึ้นทั้งที่กอดลูกบอลอยู่
เสียงกดแตรรถยนต์หน้าบ้านดังลั่น หยินเหยาซื่อที่กำลังตัดผ้าถึงกับทิ้งกรรไกรแล้ววิ่งออกมาดูทันที แรกทีเดียวเธอเกือบโล่งอกแต่กลับเห็นเพียงจางลี่นั่งอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่ไม่เห็นเงาร่างของจางหย่ง ป้าฮุ่ยชิววิ่งหน้าตาตื่นออกมาพร้อมไข่ไก่ในมือก็ตกใจ ทั้งสองสบตากันแล้วมองไปที่นอกรั้วบ้าน
“หย่งหย่ง!”
หลินเหยาซื่อวิ่งไปที่หน้าบ้าน เธอแทบกระชากประตูรั้วให้เปิด ทว่าเบื้องหน้ามีชายหนุ่มอุ้มจางหย่งนั่งบนท่อนแขนของเขา ในมือลูกชายยังกอดลูกบอลอยู่ เด็กชายเห็นมารดาก็ยิ้มกว้าง
“แม่ครับ”
“หย่งหย่ง! ทำไมทำแบบนี้!” ทั้งตกใจทั้งโกรธ หลินเหยาซื่ออยากจะตีลูกตัวเองนัก ถ้าถูกรถชนขึ้นมา เธอจะทำยังไง แค่คิดหัวใจก็เจ็บ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที
“แม่...” จางหย่งเสียงอ่อนลง แค่เห็นตาสวยๆ ของแม่มีน้ำตา ตัวเองก็พาลจะร้องไห้ไปด้วย “ขอโทษครับแม่”
หญิงสาวยื่นมือไปรับ แต่ชายหนุ่มยังกอดเด็กชายไว้ คิ้วเรียวงามเลิกขึ้นประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาดำลึกล้ำคู่นั้นอย่างไร้ความหวาดกลัว พลันรู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้าง เหมือน...เหมือนเคยเจอที่ร้านกาแฟหลายวันก่อน
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ แต่ส่งลูกชายฉันคืนมาด้วยค่ะ”
ชายหนุ่มยังคงนั่งงัน แต่หลินเหยาซื่อขึงตาใส่
“คุณ! ฟังไม่เข้าใจเหรอ”
“แม่...นี่คุณพ่อไง”
คราวนี้หลินเหยาซื่อเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง เธอพิเคราะห์คนตรงหน้าอีกครั้ง จะว่าไปก็หน้าตาคล้ายๆ กับคนในรูปถ่ายงานแต่งงานอยู่นะ แต่คนนี้ดูผิวเข้ม ผอมลง แต่ท่อนแขนเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ไม่ละมั้ง คนหน้าคล้ายมีเยอะไป
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก เด็กชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ ได้เต็มปากเต็มคำ แต่คนที่เป็น ‘ภรรยา’ กลับทำหน้าเหมือนไม่เคยรู้จักกัน ต่อให้โกรธเกลียดกันขนาดไหนก็ไม่ใช่ว่าจะทำเป็นไม่รู้จักกันเช่นนี้
ป้าฮุ่ยชิวอุ้มจางลี่ออกมาดูที่หน้าบ้าน ดวงตานางเบิกกว้างก่อนจะพูดออกมา
“คุณผู้ชาย! คุณผู้ชายกลับมาแล้ว”
ชายหนุ่มคนเดิมจ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับเด็กชายที่เขาอุ้มอยู่ จางลี่ยื่นมือไปข้างหน้า หลินเหยาซื่อรับลูกสาวมาอุ้มไว้เองแล้วกวาดสายตามองอีกฝ่ายเต็มตา เท่าที่เคยอ่านในไดอารี่ของ ‘หลินเหยาซื่อ’ เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ วันที่ตำรวจแจ้งเรื่องอุบัติเหตุ เธอไปดูที่เกิดเหตุและสภาพรถรวมทั้งศพผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนนั้น เธอหน้ามืดเป็นลมไป ตำรวจจึงพาส่งโรงพยาบาลและทำให้รู้ว่าตอนนั้นเธอตั้งท้องลูกได้สามเดือนแล้ว การที่รู้ว่าตั้งครรภ์กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอพยายามที่จะมีชีวิตอยู่
เขาหายไปกี่ปีกัน
ใบหน้าเด็กฝาแฝดดูอย่างไรก็เห็นโครงหน้าละม้ายคล้ายเขาอยู่หลายส่วน
“ลูก...”
กว่าจะค้นหาเสียงจนพูดออกมาได้ก็ทำเอาชายหนุ่มข่มความรู้สึกบางอย่างลงไป ไม่คิดว่า แค่ ‘คืนเดียว’ ที่มีความสัมพันธ์กันและเขาก็เมามาก จะทำให้มีเด็กน่าตาน่าเอ็นดูถึงสองคนอย่างนี้
“คุณพ่อ!” จางลี่พูดออกมา “คุณพ่อกลับมาแล้ว”
“เข้าไปในบ้านก่อนเถอะค่ะ”
ป้าฮุ่ยชิวพูดขึ้น นางกลัวว่าคุณผู้หญิงจะโกรธจนไล่คุณผู้ชายออกไป อย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน คุยกันปรับความเข้าใจกันจะดีกว่า อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าลูกที่เพิ่งจะได้พบพ่อครั้งแรก แต่นี่ก็เพราะคุณนายชอบคุยกับเด็กๆ ให้ดูรูปทุกวันจนพวกเขาจำได้ว่า ‘พ่อ’ หน้าตาเป็นอย่างไร
หลินเหยาซื่อได้สติก็พยักหน้ารับ เป็นฝ่ายเดินนำเขาเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มคนนั้นยังคงอุ้มจางหย่งอยู่เพราะเด็กชายก็กอดคอเขาไม่ยอมปล่อย
เพียงเดินเข้ามาในบ้าน กั๋วคังเหรินพลันรู้สึกได้สัมผัสความคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน เขาปรายตามองไปยังชั้นผนังห้องด้านหนึ่ง เป็นรูปวาดสเก็ตภาพด้วยดินสอ เป็นรูปครอบครัวสี่คนพ่อแม่และลูกแฝดทั้งสอง ภาพงานแต่งงานยังคงประดับอยู่ที่ผนังห้อง รูปภาพเหล่านั้นไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด แสดงว่าถูกทำความสะอาดหรือหยิบดูบ่อยๆ นี่คงเป็นเหตุผลที่เด็กสองคนที่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขาแต่กลับเรียกเขาว่าพ่อได้เต็มปากเต็มคำ
“คุณหนู คุณชาย มาทางนี้ก่อนค่ะ” ป้าฮุ่ยชิวพยักหน้าเรียกเด็กทั้งสอง แต่จางหย่งกอดคอชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย จางลี่มองด้วยตาแดงๆ อยากกอดคุณพ่อบ้าง หลินเหยาซื่อเกรงว่าเด็กจะร้องไห้ออกมาเลยส่งลูกให้ป้าฮุ่ยชิว
“หย่งหย่ง ลี่ลี่ อยู่กับคุณป้าก่อนนะคะ คุณ...เอ่อ...คุณพ่อไม่ไปไหนหรอกค่ะ เราสัญญากันว่าจะไม่ดื้อและเชื่อฟังแม่ใช่ไหม”
เด็กสองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับ จางหย่งยอมปล่อยมือแล้วเดินไปจับมือกับจางลี่ที่ยังมองใบหน้าของผู้ชายที่เหมือนในรูปถ่ายก่อนจะจับมือป้าฮุ่ยชิวไปในครัว
เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว หยินเหยาซื่อจึงจ้องมองชายคนหน้าเต็มตา เช่นเดียวกับกั๋วคังเหริน ที่กวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่เจอกันเกือบสี่ปี ดู...เปลี่ยนไปมาก หรือไม่ก็เพราะทำใจเรื่องเขาได้แล้วถึงได้ดู ‘สวย’ ขึ้นขนาดนี้
“คุณ...กั๋วคังเหริน?” หลินเหยาซื่อถามตรงๆ ผู้ชายคนนี้นะหรือ?ที่ ‘หลินเหยาซื่อ’ รักสุดจิตสุดใจ รักมากขนาดที่เธอผู้มาอาศัยร่างนี้ยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก ตั้งแต่สบตาในวินาทีแรก ร่างนี้ก็แทบอยากโผเข้ากอด ยังดีที่เธอหันไปคว้าเอาจางลี่มากอดไว้แทน ไม่งั้นก็คง...
“ไม่เชื่อว่าเป็นผมเหรอ” เขาถาม น้ำเสียงราบเรียบ
“ก็...คุณหายไป…”
“สามปี”
“สามปีกับอีกหกเดือน” เธอพูดขึ้น ที่จำได้ก็เพราะไดอารี่ของ ‘หลินเหยาซื่อ’ ล้วนๆ
“ลูก...สามขวบแล้วสินะ”
“ค่ะ จางหย่งกับจางลี่สามขวบแล้ว”
“ชื่อที่ผมเคยตั้งไว้...”
เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากำลังจะบอกว่าเขาคือกั๋วคังเหรินตัวจริงใช่ไหม เชอะ! อย่าให้ตอกย้ำ ในไดอารี่ของหลินเหยาซื่อเขียนไว้ว่า เขาเคยหลุดปากพูดออกมา ถ้ามีลูกชายจะให้ชื่อจางหย่ง ลูกสาวชื่อจางลี่ แต่เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเต็มใจมีลูกกับเธอ
“ใช่...ก่อนที่คุณจะหายตัวไป”
ที่พูดเพราะอยากตอกย้ำ ไม่ใช่อาลัยอาวรณ์หรอกนะ เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะกลับมาขอหย่า! สวรรค์! หย่าเลยค่ะ ฉันพร้อมค่ะ!