ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980
รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กั๋วคังเหรินนอนหลับสนิทอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แรกทีเดียวเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะนอนหลับได้ แต่เมื่อหัวถึงหมอนกลับหลับลึกแทบจะทันที เขาตื่นเช้าเป็นปกติ ชีวิตเหมือนไม่ได้จากบ้านหลังนี้ไปไหน หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็เดินออกมาจากห้องนอน แต่กลับพบว่ามีร่างเล็กๆ ยืนแหงนหน้ามองเขาดู
‘เด็กๆตื่นเช้าเหมือนกันเหรอ’
“คุณพ่อ..” เด็กหญิงพูดขึ้นก่อนแต่ผลักน้องชายให้เดินมาข้างหน้า
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนแล้วเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา เมื่อวานเด็กๆ ตื่นเต้นที่พบเขา หยิบของเล่นมาอวดจูงมือเขาไปรอบบ้าน พาไปดูไก่ที่เลี้ยง ด้านหลังยังมีแปลงผักขนาดเล็กที่ปลูกพืชผักหลากหลาย เขาแอบสังเกตว่าเหมือนสิ่งตรงหน้าจะเพิ่งเปลี่ยนแปลงไม่นานมานี้เอง เขาไม่ได้โกรธที่หลินเหยาซื่อทำกับบ้านแบบนี้ เธออาจจะเพิ่งตัดใจเรื่องของเขาได้ หรือไม่ก็เพราะอาการความจำเสื่อมของเธอเอง น่าแปลกที่เธอจำเขาไม่ได้ แต่กลับจำทักษะการวาดภาพ ออกแบบและตัดเย็บที่เขาเคยเห็นเธอทำอยู่ระยะหนึ่งแล้วจู่ๆ ก็เลิกไป นั้นน่าจะเป็นตอนที่เธออายุแค่สิบสี่หรือสิบห้า หลินเหยาซื่อเป็นชอบงานศิลปะมาแต่ไหนแต่ไร เคยปักผ้าเช็ดหน้าและยื่นให้เขาด้วยท่าทีประหม่าขืนอาย คุณพ่อของเธอคือผู้มีพระคุณของเขา แต่เขาก็เห็นเธอเป็นน้องสาว และรู้ดีว่าในวันที่เรียนจบจะกลับมาทำงานตอบแทนบุญคุณท่านประธานที่ช่วยเขาและแม่
แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกยื่นเงื่อนไขให้รับตำแหน่งลูกเขย
แม้เป็นการแต่งงานที่จำใจแต่ง แต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายหลินเหยาซื่อ ยังคงดูแลเธออย่างดี ไม่เคยให้เธอต้องลำบากทำงานแต่อย่างใด มีเพียงเรื่องหัวใจที่ไม่สามารถบังคับได้ หากไม่เพราะคืนนั้น เขาดื่มเหล้าไปมาก เป็นคืนเดียวที่เขามีความสัมพันธ์ทางร่างกายของภรรยาที่ถูกต้องแม้แต่งงานกันมานานนับปีหลังจากสร่างเมา เขากลับโกรธที่เธอปล่อยตัวเองให้มาอยู่ใกล้เขายามที่เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้ สีหน้าซีดเผือดของเธอทำให้เขารู้สึกผิด แต่ทิฐิทำให้เขาปั้นปึ่งเย็นชาใส่ ชีวิตคู่จึงดูเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
“คุณพ่อ”
เสียงเด็กชายตัวน้อยยังพูดไม่ชัดนักแต่เรียกกั๋วคังเหรินให้ตื่นจากภวังค์ ยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไร ป้าฮุ่ยชิวก็เดินเร็วๆ ตรงมาทางเขา
“ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย คุณหนูกับคุณชายน้อยไปรบกวนหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ไม่หรอก” เขาตอบแล้วยกมือวางบนศีรษะของเด็กทั้งสอง “ทำไมเด็กๆ ตื่นเช้ากันจัง”
“คุณหนูกับคุณชายน้อยตื่นพร้อมป้าเจ้าค่ะ” นางพูดเพราะกลัวว่าคุณผู้ชายจะเข้าใจผิดว่านางดูแลเด็กไม่ดีให้ตื่นไม่เป็นเวลา “ปกติป้านอนห้องเดียวกับคุณๆ ส่วนคุณผู้หญิงทำงานดึกนอนไม่เป็นเวลา เกรงว่าจะรบกวนเวลานอนของลูกเลยแยกไปนอนอีกห้อง แต่เพิ่งแยกห้องนอนไม่นานนี่นะเจ้าคะ ปกติคุณนายดูแลคุณหนูทั้งสองดีมาก ต้องอ่านนิทานให้ลูกฟัง กล่อมจนกว่าจะหลับถึงจะออกไปทำงาน”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาไม่มีสิทธิตำหนิหลินเหยาซื่อด้วยซ้ำ
“ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงล้มป่วยหมดสติไปเจ็ดวัน คุณหนูทั้งสองกลัวคุณผู้หญิงจะไม่ตื่นจึงชอบมาปลุกด้วยตัวเอง เอ่อ...ประเดี๋ยวป้าพาคุณหนูคุณชายลงไปชั้นล่างเองเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมพาไปเอง ป้าไปทำอาหารเช้าเถอะ เหยาซื่อตื่นมาจะได้กินข้าวเช้าด้วยกัน”
“ค่ะๆ” ป้าฮุ่ยชิวยิ้มกว้าง นางหวังใจว่าคุณหนูกับคุณชายจะช่วยเป็นกาวประสานใจให้คนทั้งสองได้ครองรักกันเช่นคู่สามีภรรยาทั่วไป
ป้าฮุ่ยชิวเดินลงบันไดไปแล้ว เขาก้มมองลูกฝาแฝดทั้งสอง เด็กๆ จูงมือเขาไปที่ห้องนอนของหลินเหยาซื่อ ตั้งแต่แต่งงานกันก็แย่งห้องนอนมาตลอด เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนค่อยๆ หมุดลูกบิดเปิดประตูเข้าไป เด็กทั้งสองปล่อยมือเขาแล้วถลาไปเกาะที่เตียงนอนของมารดาแต่กลับไม่กล้าแตะตัว ได้แต่นั่งจ้องมองใบหน้าที่หลับตาอย่างเหนื่อยล้า เขานึกถึงเรื่องที่ป้าฮุ่ยชิวพูด เด็กๆต้องอยู่ด้วยความรู้สึกอย่างไรนะ พ่อก็อยู่ในรูปถ่ายส่วนแม่ก็หมดสติหลับนอนนิ่งอยู่หลายวัน กั๋วคังเหรินค่อยๆ นั่งลงริมเตียง ก้มมองใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหวานระบายยิ้มทั้งที่ดวงตาพริ้มหลับ เขามองอย่างหลงใหลก่อนที่มือเรียวเล็กจะยื่นออกมาจากผ้าห่มมาประกบใบหน้าของเขาอย่างแม่นยำแล้วยื่นริมฝีปากมาจุ๊บแก้มเขาแรงๆ
หลินเหยาซื่อประหลาดใจที่ไม่ใช่แก้มนุ่มๆ ของลูก เธอจึงลืมตาขึ้นแล้วพบว่าเป็น...
“คุณ...”
เสียงเด็กๆ หัวเราะคิกคักแล้วกระโดดกอดหลินเหยาซื่อ หญิงสาวได้สติรีบปล่อยมือแล้วหันมากอดเด็กๆ แล้วหอมแก้มแก้เขิน
“หย่งหย่ง ลี่ลี่เป็นเด็กดี เด็กดีต้องตื่น” เธอพูดกับลูกแฝดไม่กล้าสบตากับผู้ชายที่ยังนั่งนิ่งอยู่ริมเตียง
“หย่งหย่งเป็นเด็กดี”
“ลี่ลี่ก็เป็นเด็กดี”
“ถูกแล้วๆ เด็กดีตื่นเช้า” เธอจับแก้มนุ่มๆ ของลูกแล้วก็หันมามองชายหนุ่มที่สายตายังจ้องเธออยู่ หญิงสาวรู้สึกตัวจึงก้มมองแล้วพบว่า กระดุมชุดนอนเปิดอยู่ เผยให้เห็นทรวงอกกลมกลึงที่ไร้ชุดชั้นใน ก็เธอไม่ชอบใส่บราเซียนอนนี่น่า แล้วก็นอนคนเดียวจนชินแล้ว
กั๋วคังเหรินบังคับสายตาให้มองไปทางลูกฝาแฝดที่ยังกอดแม่อยู่ เขายื่นมือออกไป เด็กๆ ก็โผเข้าหาอ้อมกอดของเขาทันที
“คุณตื่นแล้วก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผมจะพาลูกไปชั้นล่างเอง”
“ค่ะ”
เธอพยักหน้ารับอย่างขัดเขิน มือเรียวยกขึ้นปิดหน้าอกอย่างรวดเร็ว ทว่าภาพที่เห็นทำสะกดสายตาเธอเอาไว้ กั๋วคังเหรินอุ้มลูกสาวมือซ้าย ลูกชายมือขวา เด็กสองคนกอดคอพ่อหัวเราะเสียงใส
เขาแข็งแรงมากขนาดนี้เลยเหรอ…
“แม่มาเร็วๆ” จางลี่เร่งมารดา
“แม่หม่ำๆ” จางหย่งก็พูดขึ้นบ้าง
“จ๊ะๆ เดี๋ยวแม่ลงไปนะ ไปนั่งรอดีๆ อย่ารบกวนคุณพ่อกับป้าฮุ่ยชิว”
“คับ/ค่ะ”
อาจเป็นเพียงแค่เสี้ยวนาที หลินเหยาซื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของผู้ชายคนนั้น แต่เขาก็อุ้มลูกเดินออกไปก่อนแล้ว เธอแตะแก้มตัวเองเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้นจัดการตัวเองให้พร้อมเจอหน้า ‘สามี’
ป้าฮุ่ยชิวเห็นกั๋วคังเหรินอุ้มเด็กทั้งสองลงมาจากชั้นบนก็อดยิ้มไม่ได้
“คุณผู้ชายรับกาแฟกับขนมปังหรือจะเป็นโจ๊กดีเจ้าคะ”
“โจ๊กกับกาแฟดำได้ไหมครับ”
“ได้สิเจ้าค่ะ ทำไมต้องพูดเกรงใจแบบนี้ คุณผู้ชายผอมไปมาก ต้องบำรุงเยอะๆนะคะ”
ชายหนุ่มมองเห็นเก้าอี้เด็กสองตัว เขาเลื่อนเก้าอี้แล้วอุ้มลูกขึ้นนั่ง เด็กๆ ยิ้มร่าจนดวงตาหยีเล็ก เมื่อวานแทบจะเอาแต่จ้องเขาจ้องผล็อยหลับไป ป้าฮุ่ยชิววางถาดอาหารลง กั๋วคังเหรินเห็นว่าเวลานี้มีเพียงป้าฮุ่ยชิวที่ทำงานทุกอย่างในบ้าน เขาจึงยกชามอาหารลงวาง
“คุณผู้ชาย!”
“ไม่เป็นไร ผมทำเอง” เขายิ้มบางๆ “ตอนนี้มีแค่เรา ตอนที่ผมไม่อยู่ ป้าฮุ่ยชิวก็ดูแลลูกและเมียให้ผม เรื่องแค่นี้ให้ผมทำเองเถอะครับ”
“คุณผู้ชาย...” ป้าฮุ่ยชิวกลั้นน้ำตาแล้วยิ้มออกมา “ค่ะๆ รีบกินข้าวเถอะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องรอเหยาซื่อเหรอครับ” เขาถามอย่างแปลกใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณผู้หญิงปกติจะลงมาช้าและเคยสั่งไว้ว่าให้คุณผู้ชายกินก่อนได้เลย”
กั๋วคังเหรินพยักหน้ารับ เขาหันไปทำท่าจะป้อนข้าวให้เด็กๆ แต่จางหย่งจางลี่จับช้อนตักโจ๊กฟักทองแล้วเป่าจนแก้มป่องก่อนจะส่งเข้าปาก คนเป็นพ่อดูประหลาดใจไม่น้อยแต่ก็ยิ้มออกมา
“เก่งจัง กินข้าวได้เองไม่ต้องป้อนด้วย”
“ลี่ลี่เป็นคนเก่งค่ะ” จางลี่พูดขึ้น
“หย่งหย่งก็เป็นคนเก่งคับ” จางหย่งรีบพูดขึ้น แต่โจ๊กเลอะมุมปาก จางลี่จึงหยิบผ้าเช็ดปากมาเช็ดให้จางหย่ง กั๋วคังเหรินมองลูกที่คอยช่วยเหลือกันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“เหยาซื่อเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ”
“ค่ะ คุณนายดูแลคุณหนูกับคุณชายอย่างดี ให้ดูรูปของคุณผู้ชายทุกวันจนทั้งสองจำหน้าคุณพ่อได้ทันทีที่ได้พบ”
กั๋วคังเหรินไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขากินโจ๊กในชามตัวเองแล้วคอยดูลูกๆ กินข้าว เสียดายที่ไม่ได้อยู่ตอนที่พวกเขาเกิด ไม่ได้อุ้มตอนที่พวกเขายังแบเบาะ ต่อไปนี้เขาจะชดเชยเวลาที่ขาดหายไปให้ดีที่สุด และเอาทุกสิ่งที่ควรเป็นของหลินเหยาซื่อกลับคืนมา
“ลูกแม่เก่งมากๆ”
หลินเหยาซื่อพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกกินข้าวได้เองแต่พร่องไปเกือบหมดชามแล้ว กั๋วคังเหรินกวาดตามองภรรยาตัวเล็กที่สวมเสื้อผ้าแปลกตา ที่ผ่านมาเขาเห็นเธอมักสวมกระโปรงแต่งกายเรียบร้อยอยู่เสมอแม้จะอยู่บ้านก็ตาม แต่ตอนนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตคอจีนแบบพอดีตัว แต่เป็นแบบเสื้อแขนกุด อวดเรียวแขนขาวผ่อง กับกางเกงทรงประหลาด ดูคล้ายเป็นกางเกงสแล็คของผู้ชายแต่ตัดให้พอดีกับรูปร่าง ผ้าสีครีมทำให้เธอดูอ่อนนุ่มไปทั้งตัว ผมยาวถูกรวบขึ้นอย่างง่ายๆ รับกับผมม้าน่ารัก
“คุณแม่หม่ำๆ” จางลี่พูดแล้วยิ้มกว้าง
“คุณแม่กินข้าว” จางหย่งไม่ยอมแพ้
“จ๊ะๆ แม่กินข้าวด้วยนะ” เพียงหลินเหยาซื่อนั่งลง ป้าฮุ่ยชิวก็ยกโจ๊กมาให้เธอ “ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” จางลี่พูดเลียนแบบแม่
“ขอบคุณค่ะ” จางหย่งรีบพูดขึ้นบ้าง
หลินเหยาซื่อหัวเราะเบาๆ “หย่งหย่งต้องพูดว่าครับ ลี่ลี่พูดว่าค่ะ”
“คับ/ค่ะ”
ถึงจะพูดไม่ชัดนัก แต่ก็นับว่ามีความพยายาม หลินเหยาซื่อพยักหน้าอย่างพอใจแต่นึกขึ้นได้จึงหันไปมองกั๋วคังเหรินที่กินโจ๊กไปได้แค่ครึ่งชาม
“ไม่ถูกปากหรือคะ เอาอะไรเพิ่มไหม?”
“อ้อ! ไม่หรอก ผมดูลูกกินข้าวอยู่” เขารู้สึกผิดขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ฟักทองมีเบต้าแคโรทีน สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เหมาะกับเด็กๆค่ะ” เธอคิดไปเองว่าเขาอาจจะไม่พอใจที่เห็นเด็กแฝดกินโจ๊กฟักทองแบบนี้
เขาแค่พยักหน้ารับ ลอบมองหญิงสาวที่นั่งใกล้เขาไม่ได้ แล้วก็ย้ายไปมองลูกทั้งสอง ที่แต่งตัวคล้ายกันมาก แค่คนหนึ่งใส่กระโปรง อีกคนใส่กางเกง ‘เด็กๆถูกจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตา’ น่ารักไม่น้อย
“กินข้าวแล้วผมออกไปธุระข้างนอกสักหน่อยนะ”
“คะ?” หลินเหยาซื่อย้ายสายตาจากเด็กฝาแฝดมามองผู้ชายที่นั่งหัวโต๊ะ
“ผมไปธุระ ตอนเย็นจะกลับ” เขาไม่อาจอธิบายรายละเอียดได้ “ไม่ต้องกลัว ครั้งนี้ผมไม่หายไปไหนอีกแล้ว”
น้ำเสียงราบเรียบแต่หลินเหยาซื่อรู้สึกเหมือนได้ยินคำมั่นสัญญา แววตาอ่อนโยนที่ทอดมองทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นมา เอ่อ...นี่เป็นเพราะร่างกายของหลินเหยาซื่อมีปฏิกิริยากับกั๋วคังเหรอใช่ไหม
เธอไม่ได้หวั่นไหวกับเขาเลยสักนิดเดียว