ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980
รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
‘คนบ้า!’
ผ่านมาสองวันแล้ว แต่ทุกครั้งที่เผลอคิดถึงริมฝีปากของเขา หลินเหยาซื่อก็หน้าแดงทุกที แม้จะพยายามตั้งสติมุ่งมั่นกับการทำงานตรงหน้า แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่เรื่อยไป ไม่ว่า ‘กั๋วคังเหริน’ เป็นผู้ชายสุภาพอ่อนโยนไม่ใช่เหรอ แต่ ‘กั๋วคังเหริน’ ที่เธอรู้จัก ทำไมเผด็จการขนาดนี้
‘ห้ามพูดเรื่องหย่าอีก ระหว่างคุณกับผมจะไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน’
ที่พูดแบบนั้นเพราะรู้สึกผิดกับ ‘หลินเหยาซื่อ’ หรือเพราะอะไรกันแน่นะ คงไม่ได้...
หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า มือเรียวหยิบกรรไกรอันเล็กตัดขุยด้ายออก สำรวจดูความเรียบร้อยครั้งที่สามแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ ชุดต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มภูมิใจผุดขึ้นที่ใบหน้า อย่างไรก็ถือว่าได้เริ่มก้าวแรกแล้ว ถ้าก้าวต่อไปจะหกล้ม มันก็แค่ยันกายลุกขึ้นเดินใหม่แค่นั้นเอง
หลินเหยาซื่อแขวนชุดที่ต้นแบบแล้วเดินไปหยิบนามบัตรที่หวังเข่อซิงให้ไว้แล้วเดินไปที่ห้องรับแขกที่มีโทรศัพท์บ้านตั้งอยู่ ยังดีที่โทรศัพท์บ้านนี้เป็นเครื่องทันสมัยแบบปุ่มกดและไร้สาย ไม่อย่างนั้น เธอคงโทรศัพท์ออกไม่เป็นแน่ๆ เพราะใช้โทรศัพท์แบบหมุนๆไม่เป็น หญิงสาวโทรศัพท์นัดหมายกับเลขาของมาดามหวัง หลังจากนัดเวลาและวางหูโทรศัพท์เรียบร้อย เธอก็ยิ้มกว้างดีใจ โชคดีพรุ่งนี้มาดามหวังอยู่ที่บ้านด้วย
หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กฝาแฝด เธอจึงเดินตามเสียงนั้นไปที่ห้องรับแขก ระหว่างที่เธอใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงาน ก็ดูเหมือนว่ากั๋วคังเหรินใช้ห้องรับแขกเป็นคนทำงาน เด็กๆ ปีนป่ายบนตัวคุณพ่อ ในขณะที่เขายังนั่งอ่านเอกสารหน้าตาเฉย หลินเหยาซื่อยืนมองครู่หนึ่งแล้วรีบไปดึงเจ้าลิงน้อยออกมา
“นี่! ทำไมรบกวนคุณพ่อแบบนั้นล่ะ” หลินเหยาซื่อดุลูกทั้งสองคน
กั๋วคัวเหรินเงยหน้าขึ้นแล้วขยับแว่นตาเล็กน้อย “ไม่ได้รบกวนอะไร ผมให้เขาเล่นที่นี่เอง”
“คุณทำงานอยู่นี่”
“คุณก็ทำงานเหมือนกัน”
เด็กสองคนมองหน้าไปมาก่อนจะพูดขึ้นเกือบพร้อมกัน
“พวกเราก็ทำงานเหมือนกัน”
หลินเหยาซื่อทำตาโต “ทำงาน? ลี่ลี่กับหย่งหย่งทำงานอะไรคะ?”
“ก็...ทำแบบคุณพ่อไงคะ” จางลี่ชี้นิ้วไปที่โต๊ะ มีกระดาษวาดรูประบายสีวาดอยู่ จางหย่งพยักหน้ารับยืนยันอีกเสียง
หลินเหยาซื่อหลุดหัวเราะพรืดออกมา เด็กๆ คง ‘เลียนแบบ’ พ่อที่นั่งเขียนอะไรในสมุด
“อย่าว่าลูกเลย เด็กๆไม่ได้รบกวนผมหรอก”
“ไม่ได้นะคะ ตามใจแบบนี้ไม่ถูก” หลินเหยาซื่อเบ้ปากใส่แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาใกล้กับเขา และให้จางลี่ กับจางหย่งนั่งข้างๆ เธอ
“เวลาคุณพ่อทำงาน ลูกต้องอย่าเสียงดัง ห้ามเล่นซุกซน เพราะไปรบกวนการทำงานของคุณพ่อ” หลินเหยาซื่ออธิบายโดยพูดช้าๆ ชัดๆ หวังให้เด็กๆเข้าใจ “ถ้าคุณพ่อทำงานไม่ได้ เราก็ไม่มีเงินกินขนมกันไงค่ะ”
คราวนี้เป็นกั๋วคังเหรินที่หัวเราะออกมาบ้าง แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของภรรยา เขาก็ต้องแสร้งทำเคร่งขรึม
“ลูกๆ อยู่กับพ่อแม่เวลาทำงานได้ แต่อย่าเสียงดัง เข้าใจไหมคะ”
เด็กฝาแฝดมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนพยักหน้าหงึกหงัก หลินเหยาซื่อยกขึ้นนวดขมับเล็กน้อยแล้วพูดออกมา
“ต้องพูดว่ายังไงคะ”
เด็กแฝดมองหน้ากันแล้วค่อยเอ่ยเสียงเบา
“เข้าใจแล้วค่ะ/ครับ”
หญิงสาวระบายลมหายใจเบาๆ ทั้งทำงาน ทั้งอบรมสั่งสอนลูก แถมยังเป็นลูกแฝดชายหญิงอีก เป็นแม่คนนี่ก็ไม่ง่ายเลยนะ
อ้อ! เกือบจะได้กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วด้วย ถ้าจู่ๆ ไม่มี ‘สามี’ โผล่มา
“ไปหาป้าฮุ่ยชิวที บอกว่าแม่หิวแล้ว มีอะไรให้แม่กินรองท้องหน่อยไหม”
“ได้ค่ะ/ครับ”
เด็กสองคนปีนลงจากโซฟาแล้วเดินจูงมือออกไป หลินเหยาซื่อเป่าลมหายใจออกทางปากแล้วหันไปทำหน้าจริงจังกับกั๋วคังเหริน
“วัยนี้เป็นวัยอยากรู้อยากเห็น เราต้องค่อยๆสอนด้วยเหตุผลค่ะ คุณก็อย่าตามใจนัก ไม่งั้นจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองได้นะคะ”
“ครับๆ ทราบแล้วครับ” เขาผงกศีรษะให้เธอแล้วลอบมองริมฝีปากแดงสดที่ขยับพูดจาเจื้อยแจ้ว “ผมเห็นคุณยุ่งอยู่ และไม่อยากให้ลูกไปกวนป้าฮุ่ยชิวมากไป ก็เลยให้ลูกมาอยู่กับผม”
“งานฉันเสร็จแล้วค่ะ พรุ่งนี้นัดเอาชุดต้นแบบไปให้ลูกค้าดู”
“ที่ไหน”
“บ้านมาดามหวังค่ะ หวังเข่อซิง คุณเคยได้ยินชื่อไหมคะ ฉันจะโดนหลอกหรือเปล่า”
กั๋วคังเหรินนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย
“ไม่หรอก เท่าที่ผมได้ยินว่า สกุลหวังเป็นนักลงทุนที่ดีน่าคบหา” ใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยยิ้มบางๆ “รถยนต์ที่บ้านก็ซ่อมแล้ว สตาร์ทติดใช้งานได้ปกติ ให้ผมขับรถไปส่งดีไหม”
ไปรถโดยสารก็ไม่สะดวก จะเรียกแท็กซี่ก็เสียดายเงิน เธอเกรงใจมาดามหวังเลยไม่ได้ให้อีกฝ่ายส่งรถมารับ
“จะรบกวนคุณหรือเปล่าคะ”
“ช่วงนี้ผมพอมีเวลา อีกไม่กี่วันผมจะเข้าบริษัท”
“เข้าบริษัท? บริษัทไหนคะ?”
กั๋วคังเหรินมองสีหน้างุนงงของภรรยาสาวก่อนจะยิ้มบางๆ “ก็บริษัทของคุณพ่อคุณนั้นแหละ”
“คุณพ่อมีบริษัท?” เธอเอียงคอครุ่นคิด ถ้าบ้านเธอรวย ทำไมที่ผ่านมาเงินแทบไม่พอใช้เลย
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะจัดการให้ทุกอย่างกลับมาเป็นอย่างที่มันควรเป็น” กั๋วคังเหรินแตะหลังมือเธอเบาๆ
“ฉันเข้าบริษัทด้วยได้ไหม”
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ปกติเธอไม่ค่อยสนใจกิจการของตัวเอง เป็นเขาที่ต้องทำทุกอย่าง
“เอ่อ...ฉันก้าวก่ายเกินไปใช่ไหม” หลินเหยาซื่อแอบแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้น
“เปล่า” เขาส่ายหน้าไปมา “ถ้าอยากไปก็ได้ ผมไม่มีอะไรปิดบัง อืม...ความจริงผมก็มีเรื่องจะปรึกษาคุณ ผมจะหาพี่เลี้ยงไว้ช่วยคุณเลี้ยงลูกกับเรียกคนรับใช้เก่าแก่ที่เขายังต้องการทำงานอยู่กลับมาทำเหมือนเดิม”
“เรา...เรามีเงินจ่ายค่าจ้างเหรอ” หลินเหยาซื่อทำตาโต “เรื่องลูกยังไงฉันก็จะเลี้ยงเอง ไม่ต้องหาพี่เลี้ยงมาหรอก แต่...ป้าฮุ่ยชิวดูแลบ้านคนเดียวคงไม่ไหว ถ้ามีคนช่วยอีกสักคนสองคนก็คงดีไม่น้อย”
เจ้าของเสียงทุ่มต่ำหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นมือมาจับเอวบางขึ้นมานั่งบนตักของเขา หลินเหยาซื่อทำหน้าตาแตกตื่น คิดจะดิ้นหนีแต่มือแกร่งกอดเอวไว้แน่นทำให้เธอขยับตัวไม่ได้
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เรื่องงานที่คุณทำ ผมก็ไม่ห้าม ขอแค่อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป เข้าใจไหม?”
หลินเหยาซื่อพยักหน้าหงึกหงักแล้วเอนหลังถอยหนี แต่ฝ่ามือใหญ่ดันแผ่นหลังเอาไว้ แถมยังยื่นหน้าไปใกล้อีก
“เมื่อครู่เพิ่งสอนลูกไปไม่ใช่เหรอ ต้องพูดว่ายังไง”
หลินเหยาซื่อขึงตาใส่ แต่เขายังไม่ยอมปล่อย เธอสู้แรงไม่ได้จึงพูดเสียงเบาออกไป
“ขะ...เข้าใจแล้วค่ะ”
“เป็นเด็กดีอย่าดื้อ” เขาได้ใจแกล้งเธออีก ยิ่งเห็นแก้มเนียนแดงเรื่อ ยิ่งพอใจ คิดถึงรสหวานจากริมฝีปากสวยก็อยากลิ้มรสอีกสักครั้ง
อยู่ใกล้แค่ไม่กี่นิ้ว ทำให้หลินเหลาซื่อได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้มีขนตาหนาเป็นแพดูนุ่มนวลอ่อนโยนเสียจริง ถ้าไม่ใช้คำพูดเผด็จการ เธอคงคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษมาก
อีกเพียงนิดเดียวที่ได้สัมผัสริมฝีปากอุ่น เสียงฝีเท้าเล็กๆ วิ่งแข่งกันเข้ามา กั๋วคังเหรินรีบดันไหล่หญิงสาวออกห่าง
“ข้าวเที่ยงเสร็จแล้วค่ะ”
“ข้าวเที่ยงพร้อมแล้วครับ”
จางลี่กับจางหย่งชะงักไปทันทีที่เห็นแม่นั่งตักพ่อ ทั้งสองทำหน้าไม่พอใจแล้ววิ่งเข้าไปปีนขึ้นโซฟาแย่งไปจะนั่งตักพ่อด้วย
“ลี่ลี่จะนั่งตักพ่อ”
“หย่งหย่งก็จะนั่งตักพ่อ”
กั๋วคังเหรินทำหน้าไม่ถูก นี่ก็ลูก นั้นก็เมีย เด็กๆ ทำตัวเหมือนลิงน้อยปีนป่ายขึ้นราวกับตัวเขาเป็นต้นไม้ หลินเหยาซื่อหัวเราะเสียงใส เห็นสีหน้าเขาแล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้นอีก เด็กๆ จึงพากันหัวเราะตามแม่ ในบ้านจึงอบอวลด้วยเสียงแห่งความสุข
ป้าฮุ่ยชิวแอบมองด้วยรอยยิ้ม แม้บรรยากาศในบ้านจะดีขึ้น แต่อย่างไรสามีภรรยายังแยกห้องนอนอยู่ แบบนี้ไม่ดีแน่ จะทำยังไงให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากกว่านี้นะ