ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's - ตอนที่12 ทำไมรู้ทัน โดย เพลงมีนา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

ผู้แต่ง

เพลงมีนา

เรื่องย่อ

สารบัญ

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่1 ลืมตา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่2 ไม่ง่ายเลยนะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่3 สวนสนุก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่4 หลินเหยาซื่อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่5 นิ้วมือเล็กๆ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่6 ถ้าคุณหน้าตาดีโลกนี้จะใจดีกับคุณ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่7 คุณพ่อกลับมาแล้ว,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่8 ไม่ใช่ภรรยาผู้ว่านอนสอนง่าย,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่9 ใจที่เต้นแรง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่10 พี่น้อง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่11 อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่12 ทำไมรู้ทัน,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่13 ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่14 คุณแม่อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่15 ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่16 ทำงานวันแรก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่17 คุณพ่ออย่าดิ้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่18 ดีไซน์เนอร์คนใหม่,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนทึ่19 นอนเตียงเดียวกันจะเป็นไร,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่20 รู้แค่ว่า...,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่21 หรือถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's- ตอนที่ 22. มากกว่าจูบได้ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 23. คุณพร้อมจะฟังเรื่องทั้งหมดใช่ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 24. เท่าที่จำได้ ก็ไม่เคยแย่งของใครนะคะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 25. ครอบครัว ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 26 ซ่อนเร้น ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 27. วันเสาร์ ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 28. ไล่ล่า ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 29. ตื่นพบความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 30. ความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-31 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

ตอนที่12 ทำไมรู้ทัน

กั๋วคังเหรินขับรถมาส่งภรรยาที่บ้านมาดามหวังเข่อซิง เขาจอดรถนิ่งสนิทแล้วหันไปมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ แล้วยื่นมือไปแตะหลังมือเบาๆ 
           “อยากให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม?”
           หลินเหยาซื่อส่ายหน้า “ฉันมาทำงาน จะทำตัวเป็นเด็กมีผู้ปกครองมาส่งได้ไงเล่า” 
           “ถ้าอย่างนั้น อีกชั่วโมงผมมารับ”
           “ได้ค่ะ ชั่วโมงเดียวน่าจะคุยงานเสร็จ” เธอยิ้มรับ “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
           เขาไม่ใช่คนพูดให้กำลังใจใครเป็น แค่นี้ก็นับว่ามากแล้ว กั๋วคังเหรินเองก็แปลกใจ เมื่อก่อนเขาแทบไม่เคยรู้สึกว่าหลินเหยาซื่อมีเสน่ห์ชวนมอง เธอสวย เรื่องนี้เขายอมรับ แต่เหมือนทุกครั้งมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นไว้ และทุกครั้งที่เขามองไปทางเธอจะพบเจอสายตาที่มองเขาอย่างอ่อนหวานและท่าทีเขินอายตลอด น่าแปลกที่สายตาแบบนั้นทำให้เขาอึดอัด จนกลายเป็นความห่างเหินเย็นชา หรือเพราะว่า เขาจากไปในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หรือเพราะเธอมีลูกให้เขา บางที... การที่เธอไม่มีใครอยู่ข้างๆ อาจผลักดันให้ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างนี้
           “คุณ...คุณคังเหรินคะ” หลินเหยาซื่อโบกมือไปมาตรงหน้าเขา “เป็นอะไรเหรอคะ ไม่สบายเหรอ”
           ท่าทางเหม่อลอยทำเอาเธออดเป็นห่วงไม่ได้
           “ไม่มีอะไร” เขาส่ายหน้าไปมา “จำไว้ว่าไม่ต้องฝืนตัวเอง”
           “ค่ะ”
           หลินเหยาซื่อใช้ชีวิตตัวคนเดียวจนชินชา ไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เธอไม่รู้ว่าการที่กั๋วคังเหรินดีกับเธอแบบนี้เพราะเธอคือแม่ของลูก หรือว่าเขาแค่รู้สึกผิดที่หายตัวไป หรือ..เขาชอบเธอจริงๆ 
           หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วยิ้มออกมา ไม่ได้! เธอมีงานรออยู่! ต้องเอาสติไปเสนองานกับลูกค้า 
           จู่ๆ เขาก็ยื่นหน้ามาใกล้ หลินเหยาซื่อเอนหลังถอยหนีจนแทบชิดประตูรถยนต์ ดวงตาดำตัดขาวคู่นั้นจ้องมองจนใจสั่นไหว เธออึกอักครู่หนึ่งก่อนหาเสียงตัวเองเจอแล้วถามออกไป
           “จะทำอะไรคะ?”
           “เมื่อเช้าตอนคุณออกจากบ้าน คุณยังหอมแก้มลูกๆ ขอกำลังใจอยู่เลย นี่ผมก็ยื่นแก้มให้แล้วไง”
         ดวงตากลมโตเบิกกว้างแล้วทำทำตาดุใส่ 
           “นั้นลูก แต่คุณ...”
           “ก็ถูก นั้นลูก แต่ผมเป็นสามี ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นจูบปากดีไหม”
           “คนบ้า!” หลินเหยาซื่อทำตาดุใส่ คราวนี้เธอไม่รอแล้ว เปิดประตูรถแล้วเดินไปหยิบของที่อยู่เบาะหลังอย่างรวดเร็วและทะมัดทะแมง แล้วหันไปพูดกับผู้ชายที่ยังนั่งนิ่งหลังพวงมาลัยรถยนต์
           “อีกชั่วโมงหนึ่งเจอกันค่ะ”
           “ทราบแล้วครับ”
           หลินเหยาซื่อหอบชุดอย่างเข้าไปในบ้านของมาดามหวัง พ่อบ้านเชิญให้เธอนั่งรอที่ห้องรับแขก ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวในชุดลำลองเรียบหรูก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม   
           “ตรงเวลาจริง ฉันชอบ” หวังเข่อซิงพูดด้วยรอยยิ้ม
           อาจเพราะได้ปะทะอารมณ์กับกั๋วคังเหรินมาแล้ว หลินเหยาซื่อคลายความตื่นเต้นลงไปมา เธอหยิบชุดออกมาจากถุงคลุมเสื้อผ้า
           “ชุดนี้เป็นชุดลำลองแบบเซ็ตครอบครัวค่ะ แม่กับลูกสาว ฉันตัดเย็บตามขนาดรูปร่างของมาดาม มาดามจะลองใส่ดูก็ได้นะคะ” 
           ดวงตาของหวังเข่อซิงเป็นประกาย เธอรับมาดูอย่างสนใจ 
           “งานตัดเย็บละเอียดมาก” 
           “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มกว้าง  “ฉันสามารถทำแพทเทิรน์เสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบได้ด้วยค่ะ” 
           “ฉันไม่ดูถูกความสามารถของคุณเลยค่ะ แต่ถ้า...ถ้าคุณทำงานกับเรา คุณสามารถเข้าออฟฟิศมาคุยงานกับทีมงานได้ไหม ฉันเข้าใจว่าศิลปินชอบทำงานอิสระ แต่เราทำธุรกิจก็ต้องการความชัดเจนตรงเวลา คุณออกแบบเสื้อผ้า ก็ต้องมีการพูดคุยกับสายงานการผลิตและการตลาดที่เขาทำข้อมูลความต้องการของลูกค้า”
           “ฉันเข้าใจค่ะ”
           “ที่สำคัญ คุณจะไม่มีปัญหากับสามีใช่ไหม”
           “เอ่อ...สามีฉันไม่มีปัญหาค่ะ เขาอนุญาตให้ทำงานนอกบ้านได้”
           “อย่าว่าฉันจุกจิกเลยนะ” หวังเข่อซิงยิ้มน้อยๆ “ฉันทำงานกับคนมาหลายระดับแล้ว บางทีร่วมงานกันดีๆ สามีก็มาโวยวายเอาตัวคนงานฉันไป กว่าจะฝึกจะสอนงานจนเข้าที่เข้าทางได้ใช้เวลาไปไม่น้อย เธอพอจะเข้าใจฉันใช่ไหม”
           “เข้าใจค่ะ” เธอพยักหน้ายืนยัน “สามีของฉันยังพูดเลยว่า สกุลหวังเป็นนักลงทุนที่ดีมีวิสัยทัศน์ในการทำงานที่ยอดเยี่ยมค่ะ” 
           “พูดต่อหน้ากันแบบนี้ฉันก็เขินแย่สิ” หวังเข่อซิงหัวเราะเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับลูกสาวอายุสิบสองเดินผ่านมา นางจึงเรียกไว้ “แองเจิ้ล ลองเปลี่ยนใส่ชุดนี้ดูสิลูก” 
           เด็กหญิงหน้าตาน่ารักรับชุดกระโปรงมาไว้ในมือ เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวเดินจากไป 
           “แกเป็นคนพูดน้อยค่ะ” หวังเข่อซิงรีบพูดแทนลูกสาว “สามีคุณก็คงกว้างขวางในแวดวงนักธุรกิจสินะคะ”
           “ไม่หรอกค่ะ” เธอพูดอย่างถ่อมตัว แต่จริงๆ เธอก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของเขานัก 
           “ไหนๆ เราก็จะได้ร่วมงานกันแล้ว ฉันอยากรู้จักสามีของคุณแล้วสิ เขาชื่ออะไรคะ”
         “กั๋วคังเหรินค่ะ เขาไม่ใช่คนเด่นดังอะไรหรอกค่ะ” 
           “กั๋วคังเหริน...ผู้บริหารหลินกรุ๊ฟ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือคะ?”
           “เอ่อ...น่าจะใช่นะคะ” 
           ก็เธอไม่รู้จริงๆนี่น่า ในไดอารี่ไม่ได้มีเขียนเรื่องพ่อกับบริษัทตัวเองเลย ในสมองมีแต่เรื่องกั๋วคังเหรินทั้งนั้น แล้วเธอไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างด้วย  เธอหลับตาครุ่นคิด บางสิ่งผุดขึ้นมาในสมอง
           “คุณพ่อบอกว่าแซ่หลิน แปลว่า "ป่า" มาจากอักษร 木 ที่แปลว่า "ต้นไม้" 2 ตัววางติดกัน บริษัทเราเริ่มจากกิจการเล็กๆ และเชื่อมโยงผู้คนไว้ พวกเขาไม่ใช่แค่คนงานหรือพนักงานแต่เป็นคนในครอบครัว”
           “ตายจริง คนกันเองทั้งนั้น” 
หวังเข่อซิงหัวเราเสียงใส เธอยั้งปากไว้ได้ทัน ไม่ถามเรื่องที่เคยได้ยินมา ที่ว่า ‘กั๋วคังเหริน’ หายตัวไป ตอนนี้ หรืออาจจะเพราะเรื่องนี้ทำให้ภรรยาคนสวยต้องออกมาทำงานนอกบ้าน เธอนึกถึงภาพเด็กฝาแฝดที่อยู่ในร้านอัด-ขยายที่เจอวันนั้น แล้วก็นึกเห็นใจผู้หญิงด้วยกันขึ้นมาทันที ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ลูกสาวคนสวยก็เดินออกมาด้วยใบหน้าระบายยิ้ม 
“สวยจริงๆ” หวังเข่อซิงทำมือให้ลูกสาวหมุนตัว เด็กหญิงก็ทำตาม กระโปรงผ้าพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ 
หลินเหยาซื่อเลือกผ้าสีชมพูอมส้มเหมือนกลีบกุหลาบ ออกแบบคล้ายชุดฮั่นฝูแต่เป็นกระโปรงสั้น แบบดูไม่เก่าและไม่ทันสมัยจนเกินไป ราวกับองค์หญิงตัวน้อย ในยุคสมัยที่เธอจากมา คนก็นิยมใส่ชุดฮั่นฝูประยุกต์กันมาก  คงรูปแบบไว้ปรับเปลี่ยนชนิดของผ้า ลวดลายทันสมัย ลดความยาวเพิ่มความคล่องตัว 
“ชุดฮั่นฝูโบราณจะสวมใส่ยากไปสักหน่อย ฉันออกแบบให้สวมใส่ง่าย เสื้อกับกระโปรงแย่งชิ้นกันได้ หากเบื่อเราก็ใส่กับชุดอื่นได้ค่ะ”
“ชอบไหมจ๊ะ” มาดามหวังถามลูกสาว 
“ชอบค่ะ ใส่ไปแสดงเปียโนได้ไหมคะ”
หวังเข่อซิงหันไปสบตากับหลินเหยาซื่อ “ได้ไหมจ๊ะ”
“ยินดีเลยค่ะ” 
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องงานออกแบบเสื้อผ้ากับโรงงานของเรา คุณเหยาซื่อพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ดีค่ะ”
ดวงตากลมโตเป็นประกายขึ้นมา ใจจริงอยากบอกว่าเริ่มงานได้ทันที แต่พอนึกถึงเด็กสองคนที่บ้านก็ทำให้หยุดปากไว้ก่อน 
“สัปดาห์หน้าได้ไหมคะ”
“ได้สิค่ะไม่มีปัญหาเลย” หวังเข่อซิงเรียกพ่อบ้านหยิบนามบัตรของบริษัทมาให้หลินเหยาซื่อ “ที่อยู่บริษัทค่ะ รายละเอียดค่าตอบแทนรวมทั้งการทำงาน จะมีหนังสือสัญญาจ้างงานในวันนั้นนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ทั้งสองนั่งพูดกันกันอย่างเป็นกันเอง หลินเหยาซื่อคิดว่าเป็นโชคดีของเธอจริงๆ อาจเพราะชีวิตผ่านความทุกข์มามาก สวรรค์เมตตาให้เธอได้สุขสบายเสียที หลินเหยาซื่อดูเวลาและคิดว่ากั๋วคังเหรินคงมารอแล้ว เธอจึงขอตัวกลับ หวังเข่อซิงถึงกับเดินออกมาส่งที่ประตูด้วยตนเอง 
ชายหนุ่มบานประตูเปิดออกพร้อมร่างของภรรยาที่แย้มยิ้มเบิกบานก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอคงได้รับข่าวดีเป็นแน่ เขาเปิดประตูลงไปรับภรรยาด้วยตนเอง หวังเข่อซิงอดมองชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้ไม่ได้ ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่คนขับรถแน่
“มาดามหวังค่ะ นี่สามีฉันค่ะ กั๋วคังเหริน” หลินเหยาซื่อแนะนำสามีให้ว่าที่เจ้านายรู้จัก
“สวัสดีครับ” กั๋วคังเหรินทักทายอย่างมีมารยาท 
“คุณกั๋วตัวจริงสินะ” หวังเข่อซิงไม่อาจเก็บความตื่นเต้นไว้ได้ “เราเคยเจอกัน คุณจำฉันได้ไหม”
“แน่นอนครับมาดามหวัง” เขายิ้มด้วยท่าทีสุภาพ “ขอบคุณที่สนับสนุนภรรยาของผมด้วย”
“เหยาซื่อมีฝีมืออยู่แล้วค่ะ เธอเป็นเพชรน้ำงามเลยทีเดียว ฉันต่างหากต้องขอบคุณที่คุณให้ภรรยามาทำงานกับฉัน”
หลินเหยาซื่อลอบมองใบหน้าของผู้ชายที่ยืนข้างๆ เธอก็อยากจะบอกว่า ‘นี่ฝีมือของเธอล้วนๆ’ แต่เห็นสีหน้าภูมิใจของเขาแล้ว เธอก็เลือกที่จะยิ้ม ที่เหลือค่อยเอาไปคุยที่บ้าน 
“จริงสิ” หวังเข่อซิงพูดอย่างนึกได้ “งานกาล่าดินเนอร์ที่จะจัดระดมทุนสร้างโรงพยาบาลในพื้นที่ทุรกันดาร คุณกั๋วกับภรรยามาด้วยไหมคะ”
“แน่นอนครับ” เขายิ้มแล้วก้มมองภรรยาที่เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาพอดี “คุณแข็งแรงดีแล้ว ออกงานเปิดหูเปิดตาบ้างดีไหม”
           แม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่เธอรู้สึกเหมือนมีความนัยแฝงอยู่ แต่กระนั้นเธอก็ยังยิ้มและพนักหน้ารับ 
           “ค่ะ” 
           “พวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ”
           “เชิญค่ะ”
           กั๋วคังเหรินประคองไหล่ภรรยาเดินมาที่รถและเปิดประตูให้เธอ เมื่อปิดประตูเรียบร้อยก็หันไปส่งยิ้มและผงกศีรษะให้มาดามหวังเล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งที่ฝั่งคนขับ สายตาของหลินเหยาซื่อยังจ้องมองเขาอยู่ ชายหนุ่มสตาท์รถพร้อมรอยิ้มมุมปาก 
           “คุณจะบอกฉันเมื่อไหร่”
           “เรื่องอะไรครับ”
           “งานกาล่าดินเนอร์”
           “ปกติคุณไม่เคยออกไปงานเลี้ยงงานสังสรรค์อะไรเลย แต่วันนี้มาดามหวังพูดขึ้นมา ผมก็เลยคิดว่าคุณคงอยากไป”
           “ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้ฉันไปเหรอ” เธอเบ้ปากใส่ “ฉันต้องเตรียมตัวเจออะไรบ้าง”
           “ทำไมรู้ทัน” เขาหัวเราะออกมา 
           “ชิ!” เธอทำเสียงในลำคอ  “คุณเจ้าเล่ห์ชะมัด อย่าบอกนะว่าคุณมั่นใจว่ามาดามหวังต้องชอบงานของฉันแน่นอน”
           “ผมมั่นใจ” เขาพูดไปตามตรง “แต่เพราะคุณมีฝีมือต่างหากล่ะ”
           “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ” คราวนี้เธอหันมามองเสี้ยวหน้าของเขาที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ 
           “แน่นอน”
           “ไม่ได้พูดให้ฉันดีใจใช่ไหม”
           “ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น” เขายิ้มปรายตามองเธอเล็กน้อย “อีกอย่าง คุณคงลืมไปแล้วว่าผมพูดไม่เก่ง โดยเฉพาะพูดเอาใจใคร”
           “อย่างคุณเนี้ยนะ พูดไม่เก่ง” เธอทำหน้าไม่เชื่อ 
           “ถ้าเรื่องธุรกิจ เราก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมนิดหนึ่ง”
           “แล้วคุณจะมีเล่ห์เหลี่ยมกับฉันไหม”
           เสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกหนึ่ง เขาไม่อาจหันมาสบตากับเธอได้ ได้แต่พูดอย่างหนักแน่นจากใจ
           “ผมไม่มีวันทำร้ายคุณและลูกเด็ดขาด”