ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's - ตอนที่13 ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด โดย เพลงมีนา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

ผู้แต่ง

เพลงมีนา

เรื่องย่อ

สารบัญ

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่1 ลืมตา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่2 ไม่ง่ายเลยนะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่3 สวนสนุก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่4 หลินเหยาซื่อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่5 นิ้วมือเล็กๆ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่6 ถ้าคุณหน้าตาดีโลกนี้จะใจดีกับคุณ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่7 คุณพ่อกลับมาแล้ว,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่8 ไม่ใช่ภรรยาผู้ว่านอนสอนง่าย,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่9 ใจที่เต้นแรง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่10 พี่น้อง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่11 อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่12 ทำไมรู้ทัน,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่13 ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่14 คุณแม่อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่15 ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่16 ทำงานวันแรก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่17 คุณพ่ออย่าดิ้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่18 ดีไซน์เนอร์คนใหม่,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนทึ่19 นอนเตียงเดียวกันจะเป็นไร,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่20 รู้แค่ว่า...,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่21 หรือถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's- ตอนที่ 22. มากกว่าจูบได้ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 23. คุณพร้อมจะฟังเรื่องทั้งหมดใช่ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 24. เท่าที่จำได้ ก็ไม่เคยแย่งของใครนะคะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 25. ครอบครัว ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 26 ซ่อนเร้น ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 27. วันเสาร์ ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 28. ไล่ล่า ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 29. ตื่นพบความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 30. ความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-31 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

ตอนที่13 ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้งก่อนบานประตูจะเปิดออกโดยไม่รอให้คนด้านในอนุญาต กั๋วคังเหรินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือหนังสือตำราพิชัยสงครามซุนวู หลินเหยาซื่อเดินเข้ามาพร้อมสมุดบันทึกและตลับสายวัดตัว  เธอเห็นเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม 
           “ฉันจะวัดตัวคุณค่ะ ไหนๆ เราจะได้ออกงานคู่กัน ฉันจะสั่งตัดชุดสูทใหม่ให้คุณให้เข้ากับชุดของฉัน”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่ม 
 “เหมือนชุดของลูกๆ ที่แบบเดียวกับคุณนะเหรอ”
           “ก็ทำนองนั้น” หลินเหยาซื่อยักไหล่ “ในฐานะที่ฉันกำลังจะเป็นดีไซเนอร์ ฉันก็อยากแสดงว่าตัวเองมีฝีมือจริงๆ ไม่ได้เส้นสายของใคร”
           เขากลืนเสียงหัวเราะลงท้องแล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืนพิงโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องนอน ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่เผยเสื้อกล้ามสีขาว จู่ๆ หลินเหยาซื่อก็รู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้า 
           “คุณ...คุณ ถอดเสื้อทำไม”
           “อ้าว...” เขาแสร้งทำหน้างุนงง “คุณภรรยาจะวัดตัวสามีไม่ใช่เหรอ ผมก็ควรถอดเสื้อให้คุณวัดตัวนี่”
           เขาพูดแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออก ถึงจะยังมีเสื้อกล้ามอยู่แต่ก็เห็นได้ชัดว่าร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดไหน มิน่าล่ะ เจ้าลูกลิงทั้งสองปีนป่ายห้อยโหนได้สบาย 
           “คุณยืนนิ่งๆ” เธอพูดเสียงเรียบเป็นการเป็นงานกลบเกลือนหัวใจที่เต้นรัว ผู้ชายเปลือยก็เคยเห็นมาแล้ว จะมาใจเต้นแรงอะไรกัน เธอวางสมุดไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบสายวัดตัวออกมาวัดสัดส่วนของเขา 
           “ผมใส่อะไรก็ได้ แค่ไม่อยากให้คุณลำบาก” 
           “เสื้อสูทของผู้ชายตัดเย็บยากค่ะ ฝีมือฉันไม่ถึง แต่ฉันจะส่งให้ช่างตัดเสื้อของมาดามหวังจัดการให้ ยังไงได้ใช้ทันวันงานแน่นอนค่ะ”
           เธอเพ่งความสนใจกับงานตรงหน้า แต่ปลายนิ้วที่บังเอิญแตะถูกร่างกายเขา มันรู้สึกแปลกๆ ชอบกล ดูภาพนอกเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง แต่เห็นแบบนี้เนื้อแน่นดีจริงๆ 
           ให้ตายสิ! ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด!
           คนตัวเล็กก้มหน้างุดๆ กั๋วคังเหรินยื่นมือไปด้านหลังร่างบอบบางแล้วประสานมือไว้ แม้ไม่ถูกร่างเธอแต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ เธอเงยหน้าสบตาดวงตาคมทรงเสน่ห์ที่ก้มมองอยู่ก่อนแล้ว
           “แบบนี้เรียกว่าเป็นพรีเซนเตอร์ให้คุณหรือเปล่า” เขายิ้มบางๆ แต่แววตาเจ้าเล่ห์ 
           “จะคิดค่าตัวเหรอคะ” เธอถามพยายามไม่สนใจลมหายใจอุ่นร้อนที่อยู่ใกล้ใบหน้า 
           “นั้นสิ...ระดับประธานกั๋วคิดค่าตอบแทนยังไงดี”  
         น้ำเสียงหยอกเย้าที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินทำให้ต้องแหงนหน้าขึ้นมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่มือแกร่งจับเอวคอดขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงาน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ ริมฝีปากสวยอ้าปากจะส่งเสียงร้องแต่เขาโน้มหน้าลงจูบปากเธอเสียก่อน รวดเร็วราวงูฉกงับเหยื่อ รสหวามแทรกผ่านปลายลิ้น หลินเหยาซื่อถูกดวงตาร้อนแรงจ้องมองจนต้องปิดเปลือกตาแต่กลับสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มจากกายแกร่ง สองมือยันแผ่นอกของเขาไว้ แต่เขาดันร่างเธอจนนอนหงายไปกับโต๊ะ เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ ร่างเล็กดิ้นรนไปมาแต่ยิ่งทำให้สองร่างแนบชิด ฝ่ามือร้อนลูบไล้เรียวขาใต้กระโปรงที่ร่นขึ้น หลินเหยาซื่อแตกตื่น เธอไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมร้อนแรงถึงเพียงนี้ การดิ้นรนของร่างเล็กทำให้ข้าวของบนโต๊ะหล่นเกลื่อนพื้น เสียงของตกทำให้กั๋วคังเหรินได้สติ เขาถอนริมฝีปากแต่ยังจ้องมองคนใต้ร่างที่หอบหายใจจนตัวโยน ใบหน้าแดงก่ำและริมฝีปากบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อย                   
         อยู่ใกล้กันทีไร เขาเริ่มควบคุมตัวเองยากขึ้นทุกที
           เขาประคองร่างเล็กขึ้นมาแต่ยังโอบกอดเธอไว้ อยากจะฝั่งร่างนุ่มนี้ไว้ในอกไม่ให้ใครได้พบเห็นความเย้ายวนตรงหน้าเช่นที่เขามองเห็นเมื่อครู่ หญิงสาวยังมึนงงทำอะไรไม่ถูกแต่เมื่อถูกกอดนิ่งๆ ก็เริ่มสงบใจตนเองลงได้
           คล้ายว่า...คนที่โอบกอดเธออยู่จะตัวสั่นน้อยๆ 
           คล้ายว่า...เคยพบเจอความยากลำบากมาก่อน
           คงเป็นความลำบากที่ยากจะอธิบายและทำให้คนแข็งแกร่งเผยความอ่อนแอออกมาเช่นนี้
           หลินเหยาซื่อเคยเรียนการแสดงมาก่อน แน่นอน เธอย่อมรู้ว่าต้อง ‘แสดง’ อย่างไร แต่ในเวลานี้ เธอกลับทำอะไรไม่ถูก อาจเพราะไม่เคยถูกโอบกอดแนบแน่นอย่างนี้ และไม่เคยรู้ว่าคนตรงหน้าเผชิญเรื่องใดมา เธอยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของเขาเบาๆ แม้จะสัมผัสผ่านผ้าเนื้อบางแต่รู้สึกได้ว่า แผ่นหลังของเขามีรอยแผลเป็นนูนๆ อยู่ เพียงปลายนิ้วแตะต้องรอยแผลเป็นนั้น ร่างหนาก็เกร็งขึ้นเล็กน้อย เขาปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ คลายวงแขนออก  ดวงตาสองคู่ผสานกันนิ่งนานจนเห็นเงาของตนในแววตาของอีกฝ่าย หลินเหยาซื่อเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเขินอาย ทว่าสายตากลับปะทะกับหนังสือที่หล่นอยู่บนพื้น มีรูปภาพใบหนึ่ง 
           กั๋วคังเหรินปรายตามองตามสายตาของหญิงสาว เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วลูบผมของเธอก่อนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วผละจากร่างอรชร ก้มลงหยิบภาพถ่ายแผ่นนั้นและหนังสือที่หล่นขึ้นมา เขารู้ว่าเธอสงสัยและไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไรจึงยื่นให้เธอดู 
           “ภาพคุณแม่ผมสมัยที่ท่านยังสาวๆ”  
เขายิ้มเศร้า เพราะความคิดที่อยากทิ้งร่องรอยของตนเองไว้ในบ้านหลังนั้น ตอนที่ย้ายออกมาจึงไม่ได้หยิบหนังสือเล่มนี้ที่ซ่อนภาพของแม่ไว้ ดูเหมือนคนที่นั้นจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขานัก เพราะหนังสือของเขายังอยู่ดี เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนรอยยิ้มกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง  แล้วก็พูดอย่างนึกได้ 
“ผมเห็นรูปถ่ายคุณกับลูกๆที่ร้านอัดขยายภาพด้วยนะ” 
           “อ้อ! เราไปเที่ยวสวนสนุกกันค่ะ ฉันเอาฟิล์มไปล้างที่นั้น เจ้าของร้านอัดรูปขยายให้ฟรี” 
           “มีรูปวาดครอบครัวเราในห้องนั่งเล่นด้วย นั้นก็ฝีมือคุณสินะ” 
           เธอพยักหน้ารับ “ลูกๆ อยากมีรูปตัวเองกับพ่อ ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่ ก็เลยใช้วิธีวาดรูปเหมือน... วาดรูปเราสี่คนพ่อแม่ลูกแทน” 
           “ขอบคุณ” เขาพูดจากใจจริง “ขอบคุณที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว”
           หลินเหยาซื่อชะงักไป ชีวิตเด็กกำพร้าของเธอก็หวังเพียงแค่ ‘เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว’ แม้สุดท้ายในวันที่เธอตายจากโลกใบนั้น เธอก็ยังไม่เคยได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไหน ยังคงตัวคนเดียวและโดดเดี่ยวเสมอมา แต่เมื่อได้มาอยู่ในร่างของ ‘หลินเหยาซื่อ’ ในยุคนี้ เธอมี ‘ครอบครัว’ ที่ตัวปรารถนา แม้จะเริ่มต้นแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่เธอก็พร้อมจะดูแล ‘ครอบครัว’ นี้ด้วยสองมือของตัวเอง
           “ยังไงคุณก็เป็นพ่อของลูก...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็จะเป็นลูกของคุณตลอดไป”
           เขาดันไหล่เธอออกเบาๆ เพื่อได้สบตากับดวงตาคู่สวย 
           “แล้วคุณล่ะ”
           “คะ?”
           “ระหว่างคุณกับผม”
           “ฉัน...” 
           สายตาตาเว้าวอนรอคำตอบทำให้เธอพูดไม่ออก เธอใช่ร่างของหลินเหยาซื่อก็จริง แต่ ‘ความรู้สึก’นั้นเป็นของเธอโดยแท้จริง นอกจากรู้จักเขาผ่านไดอารี่ของหลินเหยาซื่อแล้ว เธอก็เพิ่งได้พบเขาไม่นาน เขาอาจจะ ‘รัก’ เจ้าของร่างนี้ที่ตายไป หรือ ‘รัก’ หลินเหยาซื่อที่เป็นเธอ คนที่อยากทำอะไรก็ทำ ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่  หรือเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย แค่เพราะมี ‘ลูก’ ด้วยกัน
           ทำไมจู่ๆ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมา
           สายตาเลื่อนลอยและริมฝีปากที่เม้มแน่นทำให้หัวใจของกั๋วคังเหรินเจ็บปวดขึ้นมา โทษเธอไม่ได้หรอก เป็นเขาที่ทำให้เธอเจ็บ คนที่ทำลายความรักที่เธอมีก็คือตัวเขาเอง
           “ผมเข้าใจ”
           “คะ?” 
           ‘เข้าใจอะไร ฉันยังไม่เข้าใจอะไรเลย’
         “ผมขอแค่คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว ผมจะทำให้คุณรักผมอีกครั้ง” สิ้นประโยคแล้วเขาก็โน้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอเบาๆ 
           “นะครับ..”
         ริมฝีปากอุ่นขบเม้มติ่งหูเบาๆ แต่ทำให้หญิงสาวหลุดเสียงครางหวานออกมา หลินเหยาซื่อตกใจเสียงตัวเองรีบยกมือขึ้นปิดปาก ใบหน้าหวานแดงก่ำ
           ‘ไม่จริงน่า ฉันส่งเสียงน่าอายแบบนั้นเหรอ’
         ถึงจะไม่ได้ยินคำตอบที่ต้องการ แต่เห็นท่าทีเขินอายของเธอแล้วเขาก็พอใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โกรธเกลียดจนไม่ให้เข้าใกล้ 
           “คุณพ่อ!คุณแม่!”
           จางลี่จางหย่งวิ่งเข้ามาเกาะขาผู้เป็นพ่อแล้วแหงนหน้ามองด้วยดวงตาพราวระยับ หลินเหยาซื่อได้สติรีบหมุนตัวหันหลังให้สำรวจเสื้อผ้าว่าเข้าที่ดีหรือไม่ บทเรียนต่อไป เธอจะต้องสอนลูกให้ลูกจักเคาะประตูก่อนเข้าห้องแล้ว
           “มีอะไรครับ” กั๋วคังเหรินอุ้มลูกสองขึ้นแล้วหอมแก้มนุ่มๆของเด็กทั้งสองคน จนเด็กน้อยหัวเราะคิกคัก
         “ป้าฮุ่ยชิวไม่สบายค่ะ”
           “ป้าฮุ่ยชิวเป็นหวัดครับ” 
         หลินเหยาซื่อหันกลับมา “ทำไมไม่สบายได้ล่ะ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย” 
           “ป้าฮุ่ยชิวบอกว่า กลัวพวกเราติดหวัด” จางลี่พูดขึ้น
“ป้าฮุ่ยชิวบอกว่า คืนนี้ให้มานอนกับคุณพ่อคุณแม่ครับ” จางหย่งรีบแย่งพูด
กั๋วคังเหรินสบตากับหลินเหยาซื่อที่ยังหน้าแดงอยู่
“ถ้าอย่างนั้นมานอนห้องแม่ก็ได้ เราไปเอาหมอนกับผ้าห่มกันมาเถอะ ให้ป้าฮุ่ยชิวได้พักผ่อนสบายๆ”
“ไม่ได้หรอก ห้องคุณเตียงเล็กจะนอนยังไงกันตั้งสามคน”
“เมื่อก่อนก็ยังนอนด้วยกันได้” หลินเหยาซื่อขมวดคิ้ว “ปกติฉันก็อ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน รอจนลูกหลับถึงมานั่งทำงานที่ห้องตัวเอง”
ใจจริงเธออยากฝึกให้ลูกนอนในห้องตัวเอง แต่ป้าฮุ่ยชิวบอกว่ายังเด็กเกินไป บ้านนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดที่จะดูภาพจากโทรศัพท์มือถือได้เหมือนยุคของเธอ ป้าฮุ่ยชิวก็เลยนอนห้องเดียวกับลูกๆ 
“นอนห้องผมสิ เตียงห้องนี้ใหญ่กว่าห้องของคุณ นอนกันสี่คนไม่เบียดกันหรอก”
“ลี่ลี่จะนอนกับคุณพ่อ”
“หย่งหย่งก็จะนอนกับคุณพ่อ”
หลินเหยาซื่อเบ้ปาก “ไม่มีใครอยากนอนกับแม่แล้วเหรอ”
เด็กฝาแฝดมองหน้ากันแล้วยื่นมือไปทางแม่ 
“พ่อกับแม่นอนกับพวกเราไม่ได้เหรอคะ”
จางหย่งพยักหน้าเลียนแบบผู้ใหญ่ 
คราวนี้หลินเหยาซื่อพูดไม่ออก ได้แต่เห็นรอยยิ้มของกั๋วคังเหริน เอาน่า...ทำเพื่อลูก ท่องไว้สิ หลินเหยาซื่อ!