ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980
รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลินเหยาซื่อจับจอมซนตัวน้อยอาบน้ำสระผม เด็กๆ เห็นอะไรก็เป็นเรื่องเล่นสนุกไปหมด กว่าเธอจะอาบน้ำให้ลูกเสร็จ ตัวเองก็เปียกมะล่อกมะแล่ก แถมยังมีฟองแชมฟูติดอยู่บนศีรษะ หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจึงหันไปมอง ร่างสูงโปร่งยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำกลั้นหัวเราะสุดกำลัง
“คุณพ่อมาอาบน้ำ” เจ้าจอมซนตาใสจางลี่พูดขึ้น
“คุณพ่ออาบน้ำๆ” จางหย่งรีบพูดขึ้นทันที
“ครับๆ ลูกอาบก่อน เดี๋ยวพ่อจะอาบน้ำพร้อมแม่ ดีไหม”
หลินเหยาซื่อทำตาดุใส่ แต่แก้มเนียนแดงเรื่อ เธอหันมาสนใจกับลูกลิงรีบเช็ดตัวให้ลูกและสวมชุดนอนให้อย่างรวดเร็ว
“อุ้มไปเลย” เธอสั่งแล้วส่งจางหย่งให้กั๋วคงเหรินอุ้ม แล้วหันมาช่วยจางลี่ใส่ชุดนอนให้เรียบร้อย
“ส่งลูกมาแล้วคุณก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าปล่อยให้ชื้น ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
เธอเริ่มชินกับการเห็นเขาอุ้มลูกพร้อมกันสองคนแล้วจึงไม่กังวลอะไร ลูกตัวโตกว่านี้เขาก็คงอุ้มไม่ไหวเองแหละ หลินเหยาซื่อเห็นสายตาที่เขามองเธอดูแปลกๆ จึงก้มมองตัวเอง เสื้อผ้าเธอเปียกจนแทบอวดทุกสัดส่วน ก่อนหน้านี้เธอก็อาบน้ำให้ลูกทุกวันแต่ไม่เคยกังวลว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพไหน
“คุณออกไปก่อน ฉันเปลี่ยนเสื้อแล้วจะตามไป”
หลินเหยาซื่อเห็นเขาพยักหน้ารับแล้วอุ้มลูกลิงออกไปพร้อมเสียงหัวเราะของเด็กๆ ริมฝีปากสวยเม้มแน่นอย่างครุ่นคิด จะว่าไปเขาก็เป็น ‘พ่อ’ ที่ดีของลูกไม่น้อย ไม่เคยอิดออดถ้าขอร้องให้ช่วยเรื่องลูก ข้อเสียคงมีแค่ตามใจมากไปนิด เธอเลยเหมือนคุณแม่ใจร้ายเจ้าระเบียบไปทันที ไหนๆก็เปียกแล้ว คุณแม่ยังสาวจัดการอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอน เธอเดินไปดูที่ห้องนอนของกั๋วคังเหริน เขากำลังเช็ดผมให้ลูกๆอยู่ ชายหนุ่มหันมามองทางภรรยาสาวที่ผมยังชื้นอยู่ เขาก้มหน้ากระซิบกับจางลี่และจางหย่ง เด็กแฝดหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปจูงมือคุณแม่มานั่งที่ปลายเตียง
“คุณแม่ผมเปียก” จางลี่พูดตามที่พ่อสอน
“คุณแม่ต้องเช็ดผม” จางหย่งพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“เอ่อ...แม่เช็ดเองได้” เธอขยับตัวหนีแต่ไหล่ถูกกดไว้ก่อน
“นั่งนิ่งๆ อย่าดื้อ พ่อจะเช็ดผมให้แม่” เขายิ้มกริ่มพูดกับหลินเหยาซื่อเหมือนที่พูดกับลูก
“คุณแม่อย่าดื้อ”
เด็กทั้งสองพูดพร้อมกัน ทำให้หลินเหยาซื่อปฏิเสธไม่ได้ เธอจึงได้แต่นั่งนิ่งๆ แล้วปล่อยให้กั๋วคังเหรินเช็ดผมให้จนแห้งดี ปลายนิ้วของเขาสัมผัสต้นคอเธอแผ่วเบา จางลี่ถือหวีช่วยแปรงผมยาวสลวยให้แม่
“พอแล้วๆ” หลินเหยาซื่อเขินหน้าแดง ทั้งที่มีเด็กๆนั่งอยู่แต่เธอทำหน้าตายเหมือนผู้ชายคนนั้นไม่ได้ “เดี๋ยวแม่จะไปดูป้าฮุ่ยชิวก่อน แล้วจะอุ่นนมมาให้ ตอนนี้อยู่กับคุณพ่อก่อนนะคะ อย่าส่งเสียงดังล่ะ”
“ค่ะ/ครับ”
หญิงสาวลุกออกไป เธอเป็นห่วงอาการของป้าฮุ่ยชิว อยู่ด้วยกันมานาน นอกจากปวดเข่าหรือปวดเนื้อตัวตามประสาคนอายุมากแล้ว แทบไม่เคยเจ็บป่วยอะไร
“ป้าฮุ่ยชิวเป็นยังไงบ้างคะ”
ป้าฮุ่ยชิวที่นอนอยู่สะดุ้งเล็กน้อยแล้วไอแรงๆ สองสามครั้งก่อนโบกไม้โบกมือ “คุณนายอย่าเข้ามาเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวติดหวัดจากป้า”
หลินเหยาซื่อชะงักไป ได้แต่ยืนมองห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง
“ป้ากินยาแล้ว นอนพักสักวันสองวันก็ดีขึ้นเจ้าค่ะ”
“ถ้ามีอะไรป้าเรียกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเราก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน”
“ลำบากคุณผู้หญิงต้องดูแลคุณหนูกับคุณชายแล้วเจ้าค่ะ”
“พูดอะไรแบบนั้น นั่นลูกฉันนะ” เธอหัวเราะ “ป้าพักผ่อนมากๆนะคะ ตอนเช้าไม่ต้องรีบลุกก็ได้ ฉันทำอาหารเช้าเองได้”
ป้าฮุ่ยชิวพยักหน้ารับแล้วหลับตาลง หลินเหยาซื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเดินไปที่ห้องครัว อุ่นนมสองแก้วให้ลูก แต่นึกขึ้นได้ก็อุ่นนมเพิ่มให้ เอ่อ...สามีอีกแก้ว จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็วางแก้วนมใส่ถาดเดินกลับขึ้นมาที่ห้องชั้นบน ห้องนอนกั๋วคังเหรินไม่ได้ปิดประตู เธอจึงเดินเข้าไปโดยง่าย
“ดื่มนมก่อนนอนนะคะ ถ้าดื่มไม่หมด แม่ไม่อ่านนิทานให้ฟังด้วย”
“ค่ะ/ครับ” เด็กฝาแฝดพูดพร้อมกันแล้วรีบเดินมารับแก้วนมในถาด
“เป่าก่อน มันร้อนค่ะ”
เด็กทั้งสองทำแก้มป่องก่อนเป่าลมใส่แก้วนมของตัวเอง หลินเหยาซื่อยิ้มขำแล้วเดินไปหากั๋วคังเหริน
“นมค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย เขาไม่ได้ดื่มนมก่อนนอนมานานมากแล้ว แต่เธอทำให้ขนาดนี้เขาไม่รับก็เกรงว่าจะผิดใจกัน เขาจึงรับแก้วนมมาถือไว้
“เป่าๆ” จางหย่งบอกคุณพ่อ
“คุณพ่อเป่าก่อน นมร้อน” จางลี่พูดขึ้นด้วย
“อ้อ...ใช่ๆ ต้องเป่าก่อน” เขาทำตามที่ลูกสอน แต่ปรายตามองทางหลินเหยาซื่อแล้วเปลี่ยนใจ ยื่นแก้วไปทางภรรยา “นมมันร้อน เป่าให้หน่อยสิ”
ห๊ะ ! หลินเหยาซื่อได้แต่ทำตาโต แต่จะแสดงออกอะไรก็ไม่ได้เพราะลูกๆ จ้องอยู่ เธอจึงยื่นปากเป่าแก้วนมให้เขา
รู้งี้ไม่อุ่นนมมาให้ก็ดีหรอก!
“ขอบคุณครับ” เขาพูดแล้วกลั้นยิ้ม ยกนมขึ้นดื่มจนหมด หลินเหยาซื่อแอบแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนยื่นมือไปรับแก้วนม แต่เขาปฏิเสธ
“เดี๋ยวผมเก็บเอง คุณอยู่กับลูกเถอะ” เขาพูดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเป็นคนรับถาดของเธอมาถือไว้ก่อนเดินไปรับแก้วนมของลูกๆ ไปวางไว้ที่โต๊ะมุมห้อง
“คุณแม่ขา อ่านนิทานค่ะ”
จางหย่นหยิบหนังสือนิทานภาพขึ้นมา จางลี่จูงมือมารดาไปที่เตียง หญิงสาวเขินเล็กน้อยก่อนขึ้นเตียงของสามี เด็กๆ มุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วไปโผล่ที่หัวเตียงพลางหัวเราะกันสนุกสนาน
“อย่าเสียงดังสิคะ คุณพ่อทำงานอยู่นะ” หลินเหยาซื่อยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปาก
เด็กสองคนยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากแล้วส่งเสียงใส่กัน
“ชู่ว์ๆ”
หลินเหยาซื่อกลั้นหัวเราะ เธอจัดที่นอนและวางหมอนที่เด็กๆไปขนมาจากห้องของตัวเอง ลูกสองคนนอนตรงกลางเตียง เธอนอนด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเว้นที่ให้คนเป็นพ่อ
“วันนี้เรื่องอะไรดีคะ” เธอถามทั้งที่เห็นว่าลูกหยิบหนังสือนิทานภาพมารอแล้ว
“ลูกหมูสามตัว”
เด็กสองคนแย่งกันพูดเสียงดัง หลินเหยาซื่อยกนิ้วชี้แตะปากเป็นสัญญาณ เด็กๆเงียบเสียงลง เธอเปิดหนังสือภาพแล้วเริ่มอ่านนิทานให้ลูกฟัง
กั๋วคังเหรินได้ยินเสียงหวานเล่านิทานด้วยน้ำเสียงสูงต่ำเป็นจังหวะ ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป เธอเล่าด้วยแววตาเป็นประกายและใบหน้าระบายยิ้ม เด็กๆฟังแล้วพูดแทรกบ้าง หัวเราะบ้าง บางครั้ง เธอก็พูดเป็นเชิงสอนให้เด็กรู้ว่าไม่ใครไว้ใจคนแปลกหน้า ชีวิตวัยเด็กของเขา แม่ไม่เคยเล่านิทานให้ฟังแบบนี้ แต่ที่เขาจำได้ คือแม่มักร้องเพลงเก่าๆ ให้เขาฟังจนผล็อยหลับไป สายตาของเขามองไปยังร่างของหญิงสาวในชุดนอนที่ค่อนข้างเรียบร้อย อาจเพราะคืนนี้เธอมานอนห้องเดียวกับเขา ไม่เหมือนเวลาที่เธอนอนตามลำพัง กระดุมเสื้อจึงติดครบทุกเม็ด เผลอคิดไปถึงภาพที่เธออาบน้ำให้ลูก เสียงหัวเราะสนุกสนานแต่พอเขาเห็นเรือนร่างภรรยาที่เปียกชุ่ม ตัวเขาก็แทบสะกดอารมณ์ไม่อยู่จนต้องเบือนสายตาไปทางอื่น
จบเรื่องหมูสามตัว จางหย่งขอร้องให้แม่อ่านหนูน้อยหมวกแดง หลินเหยาซื่อก็ไม่ขัดใจ อ่านให้ลูกฟังหลายครั้งแต่พวกเขาก็ยังชอบอยู่ เธอเหลือบตามองไปทางกั๋วคังเหรินเป็นระยะๆ เพราะเกรงใจว่าจะรบกวนเขาทำงาน หลินเหยาซื่อเล่านิทานพลางทำมือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เธอพยายามทำรูปหมาป่าแต่ดูไม่เหมือนเท่าไหร่
“นี่หมาป่าหรือกำปั้นครับแม่” จางหย่งขมวดคิ้ว
“หย่งหย่งให้กำลังใจแม่หน่อยสิ” จางลี่พูด
คราวนี้หลินเหยาซื่อทำหน้ามุ่ยแล้วมองมือตัวเอง
‘ก็ทำถูกแล้วนี่ ดูไม่เหมือนหมาป่าเหรอ?’
“แบบนี้เป็นหมาป่าได้ไหม” กั๋วคังเหรินเดินมานั่งบนเตียงแล้วทำมือเป็นรูปหมาป่า เขาทำได้เหมือนมากจนเด็กๆ ตาโต แต่หลินเหยาซื่อแลบลิ้นใส่
คิดจะแย่งลูกไปจากฉันเรอะ!
ถึงจะบ่นในใจ แต่หลินเหยาซื่อก็รู้สึกดีที่เห็นลูกๆ มีความสุข เด็กน้อยนอนกอดพ่อจนผล็อยหลับไปกั๋วคังเหรินลูบผมของลูกสองคนสลับกัน การมี ‘ครอบครัว’ มันดีแบบนี้นี่เอง เขาที่เกิดมาในครอบครัวใหญ่เหมือนตัวคนเดียวมาตลอด เวลานี้หัวใจอ่อนยวบลงทันทีที่เห็นนิ้วมือของลูกจับนิ้วของเขาไว้ ราวกับกลัวว่าพ่อจะหนีหาย
“คุณจะไปทำงานต่อไหมคะ” เธอถามเบาๆ อย่างเกรงใจ
“ผมอยากนอนกับลูก” เขาพูดแล้วมองหน้าเธอ “ได้ไหมครับ”
“ก็...คุณเป็นพ่อพวกเขาก็ต้องได้อยู่แล้ว” เธอหลุบตาลงแล้วค่อยๆ จับมือของลูกออกจากมือของพ่อให้เด็กๆ ได้นอนสบายๆ แล้วก็แอบหัวเราะเบาๆ แต่กั๋วคังเหรินเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เดี๋ยวก็รู้อิทธิฤทธิ์ลูกลิง นอนดิ้นยิ่งกว่าอะไรอีก”
เด็กจะนอนดิ้นสักแค่ไหนเชียว
กั๋วคังเหรินคิดในใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่จางหย่งเตะเท้าขึ้นมาประทับที่ใบหน้าของเขาทันทีหลินเหยาซื่อกลั้นหัวเราะเต็มที่ ไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวลูกจะตื่น จางลี่ก็ไม่น้อยหน้าเหวี่ยงแขนใส่มาทางแม่ แต่หลินเหยาซื่อนอนกับลูกมาหลายครั้งจึงรับมือได้ทันไม่โดนลูกฟาดหน้าเข้าให้
“ตลกมากสินะ”
“เปล่านะคะ” เธอยิ้มจนดวงตาเป็นประกายพราวระยับ
เด็กสองคนนอนตรงกลาง กั๋วคังเหรินใช้มือยันฟูกนอนยื่นตัวข้ามร่างของลูกลิงที่นอนอยู่ตรงหน้า ยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากสวยเร็วๆ แล้วกลับมาฝั่งตัวเอง หลินเหยาซื่อไม่ทันตั้งตัวได้แต่กระพริบตาปริบๆ และครู่ต่อมาใบหน้าก็แดงเรื่อขึ้นมา
“คุณ!”
“ชู่ว์”
เขายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเหมือนที่เธอเคยทำเวลาบอกให้ลูกเงียบ หลินเหยาซื่อทั้งเขินและอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอจึงมุดตัวลงไปนอนอย่างหงุดหงิดที่ถูกเอาเปรียบ แต่จะว่าไป เธอก็ไม่ได้โกรธ แค่เขินอายกับการกระทำใกล้ชิดสนิทสนมอย่างกับคนรัก
หัวใจเต้นแรงจังเลย
หรือจะป่วยนะ
เฮ้อ!