ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's - ตอนที่15 ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ โดย เพลงมีนา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's โดย เพลงมีนา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

ผู้แต่ง

เพลงมีนา

เรื่องย่อ

สารบัญ

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่1 ลืมตา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่2 ไม่ง่ายเลยนะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่3 สวนสนุก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่4 หลินเหยาซื่อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่5 นิ้วมือเล็กๆ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่6 ถ้าคุณหน้าตาดีโลกนี้จะใจดีกับคุณ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่7 คุณพ่อกลับมาแล้ว,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่8 ไม่ใช่ภรรยาผู้ว่านอนสอนง่าย,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่9 ใจที่เต้นแรง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่10 พี่น้อง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่11 อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่12 ทำไมรู้ทัน,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่13 ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่14 คุณแม่อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่15 ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่16 ทำงานวันแรก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่17 คุณพ่ออย่าดิ้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่18 ดีไซน์เนอร์คนใหม่,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนทึ่19 นอนเตียงเดียวกันจะเป็นไร,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่20 รู้แค่ว่า...,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่21 หรือถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's- ตอนที่ 22. มากกว่าจูบได้ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 23. คุณพร้อมจะฟังเรื่องทั้งหมดใช่ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 24. เท่าที่จำได้ ก็ไม่เคยแย่งของใครนะคะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 25. ครอบครัว ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 26 ซ่อนเร้น ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 27. วันเสาร์ ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 28. ไล่ล่า ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 29. ตื่นพบความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 30. ความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-31 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

ตอนที่15 ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ

หลินเหยาซื่อรู้สึกคุ้นตากับคนรับใช้สองคนและคนสวนอีกหนึ่งคนที่กั๋วคังเหรินเรียกกลับมาทำงานที่บ้านอีกครั้ง อาจเป็นร่องรอยความทรงจำเก่าก็ผุดขึ้นมาที่ละน้อยก็เป็นได้ ที่สำคัญเขาทำตามที่พูดไว้จริงๆ  คนรับใช้ที่รับกลับเข้ามาต่างน้ำตาคลอเบ้าไม่รู้ว่าดีใจหรือซาบซึ้งใจที่ได้กลับมาทำงานที่นี้ 
           หลินเหยาซื่อลอบมองใบหน้าของกั๋วคังเหริน เธอนั่งข้างเขาที่โซฟาห้องรับแขก สีหน้าเรียบนิ่งยากจะคาดเดาความคิดแต่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามจนทำให้เธอต้องยืดแผ่นหลังตั้งตรง จะได้ดูเหมาะสมกับภรรยาของเขา 
           “ผมหวังว่าทุกคนจะช่วยดูแลจางหย่งจางลี่อย่างดี” เขาพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่ไม่ได้เหย่อหยิ่งเกินไปนัก แล้วหันมามองทางภรรยาที่นั่งอยู่ด้านข้าง “คุณอยากให้เขาทำอะไรกับแปลงผักของคุณไหม”
           “นั่นแปลงผักออแกนิคเลยนะ” เธอพูดขึ้นเพราะกลัวเขาจะรื้อแปลงผักของเธอ แต่กั๋วคังเหรินยกมุมปากยิ้ม ทำให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาขึ้นอีกเป็นกอง 
           “ช่วยดูแลไก่และแปลงผักของคุณผู้หญิงด้วย” เขากำชับกับคนดูแลสวน “ผมคิดว่าจะสั่งชิงช้ามาตั้งบริเวณนั้น”
           “ปลูกองุ่นดีไหมครับ” ลุงจวงคนดูแลสวนพูดขึ้น “องุ่นขึ้นเป็นเครือให้ร่มเงาแล้วยังออกผลคุณหนูคุณชายเก็บกินได้ด้วย”
           “ก็ดีค่ะ ฉันก็อยากทำอยู่เหมือนกัน” อะไรที่กินได้ เธอชอบทั้งนั้นแหละ 
           “พวกเราทราบแล้ว” ลุงจวงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่เห็นนายท่านและคุณนายกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและยังมีลูกแฝดที่วิ่งเล่นไปมาในห้องรับแขกอีก 
           กั๋วคังเหรินมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วลุกขึ้นยืน เขายื่นมือไปประคองหลินเหยาซื่อขึ้น เธอไม่คุ้นชินกับการเอาใจใส่แบบนี้นักแต่จะขัดต่อหน้าคนอื่นก็ดูไม่เหมาะจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย 
           “ฝากเด็กๆด้วย พวกเราไปทำงานก่อน”
           วันนี้หลินเหลาซื่อทำงานเป็นวันแรก แน่นอนว่าเธอตื่นเต้นแต่ก็เตรียมตัวพร้อมมากเช่นกัน ป้าฮุ่ยชิว จูงมือเด็กฝาแฝดมาส่งคุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน กั๋วคังเหรินอุ้มลูกขึ้นมา เด็กๆแย่งกันหอมแก้มพ่อแล้วหัวเราะคิกคัก เขาหมุนตัวให้ลูกไปหอมแก้มคุณแม่ด้วย แต่วันนี้หลินเหยาซื่อแต่งหน้าบางๆ กลัวแก้มจะเลอะแล้วต้องแต่งหน้าใหม่ก็เลยเป็นฝ่ายหอมแก้มลูกเสียเอง เขาปล่อยลูกลงยืนแล้วให้ป้าฮุ่ยชิวดูแลต่อ หลินเหยาซื่อส่ายหน้าไปมาแล้วยื่นมือไปจับเนคไทและขยับเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาหวานเชื่อมทำเอาเธอต้องรีบย้ายสายตาไปทางอื่น
           “ไปเถอะค่ะ ฉันไปทำงานวันแรกไม่อยากไปสาย”
           “ทราบแล้วครับ เมียจ๋า”
           บึ้ม!
         เหมือนได้ยินเสียงระเบิดดังข้างหู กว่าหลินเหยาซื่อจะได้สติ เธอก็เห็นบรรดาคนรับใช้ที่ยืนรอส่งเจ้านายต่างก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม หญิงสาวทั้งเขินทั้งอายได้แต่จ้องหน้าคนต้นเรื่องอย่างคาดโทษแล้วเดินไปที่รถยนต์ กั๋วคังเหรินเดินตามไปด้วยรอยยิ้มแล้วเปิดประตูรถให้ภรรยาสาวเข้าไปนั่งแล้วปิดประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินมาที่ฝั่งคนขับ
           “คุณจะขับรถไปส่งฉันที่ทำงานจริงๆเหรอ” เธอถามไม่มั่นใจนัก ระดับประธานกั๋วขับรถเองเลยดูแปลกพิลึก
           “ผมชอบขับรถเอง” แววตาเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนกลับมาเป็นปกติ “คุณลำบากใจหรือเปล่า”
           “ไม่นี่ค่ะ” เธอมองเขาอย่างแปลกใจ “ประหยัดดีออก นั่งรถไปทางเดียวกัน แต่ถ้าคุณลำบาก ฉันนั่งรถโดยสารได้”
           “ใครจะปล่อยให้คุณนายกั๋วไปนั่งรถโดยสาร” เขาทำหน้ายุ่ง “ผมซื้อรถให้คุณสักคันดีไหม หาคนขับรถที่ไว้ใจได้สักคน”
           “ฉันขับรถเป็นนะ” หลินเหยาซื่อเสนอ 
           “คุณขับรถเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
           หญิงสาวสะดุ้งไปเล็กน้อย จะบอกว่าขับเป็นตั้งแต่ชาติที่แล้วก็คงพูดไม่ได้สินะ 
           “ก็...ตอนคุณไม่อยู่ไง แต่ไม่ค่อยสะดวกก็เลยไม่ได้ขับอีก” 
นี่เธอพูดเรื่องจริง เพราะปีที่เธอจากมา รถยนต์เป็นเกียร์ออโต้ แต่ที่นี่เป็นเกียร์รุ่นเก่า เกรงว่ากว่าเธอจะใส่เกียร์ถูกก็ทิ่มท้ายรถคันหน้าไปแล้ว 
           “ถ้าอยากขับจริงๆ ผมสอนให้เอง” เขาปรายตามองทางเธอเล็กน้อยขณะขับรถมุ่งหน้าไปส่งหลินเหยาซื่อที่ทำงาน 
           “คุณว่างเหรอคะ”
           “เรื่องของคุณกับลูกต้องมาก่อนเสมอ”
           ตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด หลินเหยาซื่อถึงกับนิ่งไป เธอได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆ จึงเหลือบตามองใบหน้าด้านข้างของเขา
           “คุณไม่ต้องรีบเชื่อใจผม ขอแค่เปิดใจให้โอกาสผมก็พอ”
           “ยังไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” เธอแสร้งทำเป็นเปิดกระเป๋าตรวจดูความเรียบร้อยของตนเอง รถจอดหน้าบริษัทแล้ว หญิงปลดเข็มขัดนิรภัยแต่มือแกร่งคว้ามือเธอไว้ก่อน เธอเงยหน้ามองอย่างงุนงงแต่เขากลับยื่นหน้ามาใกล้ 
           “อะ...อะไรคะ” 
           ‘จะเอาอะไรอีกเล่า นี่คนอื่นมองอยู่นะ’
         “ลืมอะไรหรือเปล่าครับ”
           “ลืมอะไรคะ?” เธอเอียงคอมองอย่างสงสัย แล้วเขาก็ให้คำตอบด้วยการใช้นิ้วจิ้มที่แก้มตัวเอง หญิงสาวเขินอายขึ้นมาอีกระลอก
           “คุณ! คนอื่นมองอยู่นะ” เธอชักมือกลับแต่เขากุมไว้แน่น 
           “ก็เร็วๆสิครับ”
           ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ! หลินเหยาซื่อกัดริมฝีปากตัวเองก่อนยื่นหน้ากดปลายจมูกกับแก้มของเขาเร็วๆ 
           “ไปได้แล้ว”
           “ครับๆ เลิกงานแล้วผมจะมารับ ห้ามหนีกลับก่อน”
           “รู้แล้วค่ะ”  
เขาปล่อยมือเธอแล้ว หญิงสาวก็แลบลิ้นใส่แล้วรีบลงจากรถเดินเข้าบริษัทไปทันที 
           กั๋วคังเหรินมองตามร่างเล็กเดินเข้าตึกไปแล้วจึงขับรถออกไป ยังดีที่ที่ทำงานของเขากับเธอห่างกันไม่กี่ช่วงตึก ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงบริษัทหลินกรุ๊ฟ การกลับมาของเขาดึงดูดสายตาทุกคู่ เลขาหน้าห้องที่เวลานี้ทำงานให้กั๋วซีฮั่นถึงกับตกตะลึงไปทันที
           “ประธานกั๋ว...”
           “เลขาหลี่ ช่วยนัดประชุมผู้บริหารให้ผมด้วย”
           “คะ...เอ่อ...ค่ะ ได้ค่ะ”
           กั๋วซีฮั่นสูดลมหายใจลึก ปรับสีหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้ามาใกล้ยื่นมือขวาออกไป กั๋วคังเหรินปรายตามองเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มแล้วยื่นมือขวาไปจับมือพี่ชายต่างมารดา
           “ยินดีต้อนรับกลับบริษัทหลินกรุ๊ฟ”
           “ที่ผ่านมาทำให้พี่ซีฮั่นต้องลำบากแล้ว” เขายิ้มแต่บีบมือแรงขึ้น “ต่อไปนี้จะไม่ให้พี่ต้องลำบากอีกแน่นอนครับ”
           แม้ภายนอกคนมองพี่น้องรักใคร่ปรองดองกันดี กั๋วคังเหรินเข้ามาสืบทอดกิจการของประธานหลินก่อนที่ท่านจะเสียไป แสดงให้เห็นว่าหลินซือซง-ประธานบริษัทผู้ก่อตั้งมีความเชื่อใจและไว้ใจลูกเขยคนนี้มาก แม้ก่อนหน้านี้ ผู้คนต่างคาดเดากันไปต่างๆนานา ว่าระหว่าง กั๋วซีฮั่นกับกั๋วคังเหริน ใครจะได้เป็นเขยสกุลหลิน สุดท้ายแล้วเป็นกั๋วคังเหรินที่เหมือนหนูตกถังข้าวสาร แม้ว่าเป็นการแต่งงานเข้าบ้านผู้หญิง แต่ฐานะที่ร่ำรวยเช่นนั้น เป็นใคร ใครก็อยากแต่งเข้าไปทั้งนั้น 
           หลินซือซงบุกเบิกสร้างกิจการใหญ่โตจนกลายเป็นเศรษฐี เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม แต่เขารักมั่นในภรรยาหนึ่งเดียว แม้ภรรยาตายจากก็ไม่ได้แต่งานใหม่ เสียดายที่หลินเหยาซื่อร่างกายอ่อนแอ น้อยครั้งที่จะมีคนได้พบเห็นใบหน้าบุตรสาวท่านประธานหลิน หลินซือซงสนิทสนมกับครอบครัวตระกูลกั๋วเพราะทำธุรกิจร่วมกัน ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าลูกชายสองคนเข้ามาทำงานตำแหน่งสูงในบริษัทสกุลหลิน การที่สองครอบครัวจะเกี่ยวดองก็ไม่แปลกอันใด เพียงแค่ประธานหลินซือซงเลือกกั๋วคังเหรินที่เป็นบุตรชายภรรยารองของตระกูลกั๋วมาเป็นเขย ทว่าความสามารถที่กั๋วคังเหรินมีนั้น ไม่ทำให้คนกังขาในความสามารถ  หลังรับช่วงต่อบริหารบริษัทหลินกรุ๊ฟแล้ว ทุกอย่างก็พุ่งทยานราวกับพลุไฟที่พุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า จนกระทั่งเกิดเรื่องไม่คาดฝัน จู่ๆ ก็มีข่าวอุบัติรถตกเขาพร้อมกับการหายตัวไปของกั๋วคังเหริน
ในเวลานั้น กั๋วซีฮั่นจึงก้าวขึ้นมาเป็นประธานรักษาการแทน โดยให้เหตุผลว่ากั๋วคังเหรินไปคุมงานที่ต่างเมือง แต่ทุกคนในบริษัทต่างลือกันไปต่างนานา แน่นอนว่าเป็นข่าวในทางเสียหาย 
           ทันที่หัวหน้าแผนกต่างๆ รู้ว่ากั๋วคังเหรินกลับมาแล้ว พวกเขาก็ต่างกรูกันเข้ามาดูให้เห็นกับตา แม้มีคำถามมากมายแต่ไม่มีใครกล้าปริปากถาม ได้แต่ส่งเสียงยินดีที่เขากลับมา
           เพียงแต่มีบางคนที่ใบหน้าแย้มยิ้มแต่กำมือเป็นหมัดแน่นจนเส้นเลือดโปดปูน ไม่ยินดีที่เห็นกั๋วคังเหรินกลับมายืนที่นี่
ที่ที่มันควรอยู่ต้องเป็นหลุมศพไร้ญาติเท่านั้น.