ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's - ตอนที่16 ทำงานวันแรก โดย เพลงมีนา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980

ผู้แต่ง

เพลงมีนา

เรื่องย่อ

สารบัญ

เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่1 ลืมตา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่2 ไม่ง่ายเลยนะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่3 สวนสนุก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่4 หลินเหยาซื่อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่5 นิ้วมือเล็กๆ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่6 ถ้าคุณหน้าตาดีโลกนี้จะใจดีกับคุณ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่7 คุณพ่อกลับมาแล้ว,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่8 ไม่ใช่ภรรยาผู้ว่านอนสอนง่าย,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่9 ใจที่เต้นแรง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่10 พี่น้อง,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่11 อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่12 ทำไมรู้ทัน,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่13 ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่ชะมัด,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่14 คุณแม่อย่าดื้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่15 ทำไมหน้าหนาแบบนี้นะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่16 ทำงานวันแรก,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่17 คุณพ่ออย่าดิ้อ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่18 ดีไซน์เนอร์คนใหม่,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนทึ่19 นอนเตียงเดียวกันจะเป็นไร,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่20 รู้แค่ว่า...,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่21 หรือถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมา,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's- ตอนที่ 22. มากกว่าจูบได้ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 23. คุณพร้อมจะฟังเรื่องทั้งหมดใช่ไหม,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 24. เท่าที่จำได้ ก็ไม่เคยแย่งของใครนะคะ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 25. ครอบครัว ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 26 ซ่อนเร้น ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 27. วันเสาร์ ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 28. ไล่ล่า ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 29. ตื่นพบความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-ตอนที่ 30. ความจริง ,เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงก็ดี่ยวยุค80's-31 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

ตอนที่16 ทำงานวันแรก

การทำงานวันแรกของหลินเหยาซื่อผ่านไปด้วยดี แม้เธอถูกมองว่าเป็นเด็กเส้นของมาดามหวัง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร หลินเหยาซื่อไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะเชื่อว่าความสามารถที่มีจะพิสูจน์ตัวเอง     หลังเลิกงานกั๋วคังเหรินมารอรับจริงๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจ ตัวเธอในปี2023ไม่เคยมีคนรัก ไม่มีใครมารอกลับบ้านพร้อมกัน ในปี1980นี้ มีคนมารอรับกลับบ้าน ในหัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
           “ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้าง” เขาถามเมื่อขับรถออกมาแล้ว
           “ดีมากเลยค่ะ มาดามหวังดูแลฉันดีมากจริงๆ” เธอยิ้มกว้าง “ฉันไม่มีวุฒิการศึกษาด้านนี้ แต่มีโอกาสได้ทำงานในฐานะดีไซเนอร์รู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ ที่สำคัญ ฉันดีใจที่มีคนเห็นความสามารถของฉัน”
           เขาฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น
“คุณอยากกลับไปเรียนต่อหรือเปล่า”
           “เอ่อ...อะไรนะคะ”
           “เมื่อก่อนร่างกายคุณไม่แข็งแรง ไปโรงเรียนยังไปได้แค่เดือนละไม่กี่วัน แต่คุณพ่อคุณก็เชิญอาจารย์มาสอนที่บ้าน ตอนนี้สุขภาพคุณแข็งแรงดี ถ้าอยากเรียนหรืออยากทำอะไรก็บอกผมได้”
           “ให้ฉันไปสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเด็กคนอื่นไม่น่าจะรอดนะ” 
หลินเหยาซื่อนิ่งคิด ไม่ใช่ว่าไม่อยากเรียน แต่เธอเคยเรียนจบมหาวิทยาลัยมาแล้วต่างหาก ต่อให้เธอมีความรู้ของคนในยุค 2023 แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องติวและเตรียมตัวกันเป็นปีเลยทีเดียว 
“ผมหมายถึงเรียนที่โรงเรียนสอนออกแบบเสื้อผ้าโดยเฉพาะ” เขาตอบสายตายังคงมองไปที่ถนน “ผมไม่ได้ดูถูกผลงานของคุณ แค่เสนอเป็นทางเลือก เผื่อคุณอยากเพิ่มพูนทักษะของตัวเอง คนเราไม่มีใครแก่เกินเรียนหรอก ถ้าคุณสนใจผมช่วยหาข้อมูลให้ได้”
การมีคนคอยสนับสนุนมันดีแบบนี้เองเหรอ
วันนี้มีเรื่องกระทบใจหลายครั้งแล้วนะ คนที่ใช้ชีวิตมาเติบโตมาแบบตัวคนเดียวอย่างหลินเหยาซื่อ บางทีก็ไม่คุ้นชินกับการถูกเอาใจใส่แบบนี้นัก 
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เห็นจู่ๆ เธอเงียบไป เขาก็อดถามไม่ได้
คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปมองด้านนอกรถ แล้วสายตาก็ปะทะกับร้านเค้กริมทาง 
“คุณคะ เราจอดรถได้ไหม”
“ได้สิ มีอะไรเหรอ” เขาถามแล้วเปิดไฟสัญญาณก่อนจอดข้างทางในจุดที่สามารถจอดริมถนนได้ 
“ฉันอยากซื้อเค้กกลับบ้าน หย่งหย่งกับลี่ลี่ชอบเค้กร้านนี้มากเลยค่ะ”
“เอาสิ”
“คุณรอประเดี๋ยวนะคะ ฉันวิ่งไปเดี๋ยวมา” หญิงสาวไม่รออีกฝ่าย เธอปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วก็รีบลงจากรถ ก้าวเร็วๆ ไปที่ร้านเค้ก เธอก้มๆ เงยๆ อยู่ที่หน้าตู้โชว์ขนม วันนี้เธอทำงานวันแรก ซื้อขนมไปฝากเด็กแฝดที่บ้านดีกว่า 
“เอาชิ้นไหนดีคะ” พนักงานเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “นี่เค้กสตอเบอร์รี่สูตรพิเศษของทางร้านเราเลยค่ะ”
“ช็อกโกแล็ตก็น่ากิน สตอเบอรี่ก็น่ากัน เอาชิ้นไหนดีนะ”
“ทำไมต้องเลือก ก็เอาไปสองชิ้นเลยก็ได้”
หลินเหยาซื่อไม่คิดว่าเขาจะเดินตามมาด้วย เธอมองเงารางๆ ที่สะท้อนอยู่ในตู้โชว์ขนมเค้ก เฮ้อ...ผู้ชายคนนี้ดูดีเกินไปแล้วนะ 
“ไม่เอาค่ะ เอาปอนด์เดียวก็พอแล้ว” เธอเงยตัวขึ้นแล้วบอกพนักงานหลังตู้ขนม “เอาสตอเบอร์รี่ค่ะ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” 
กั๋วคังเหรินก้มมองภรรยาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมานับเงินเพื่อจ่ายค่าขนมเค้ก เขาเพิ่งนึกรีบล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าเงินออกมา แต่หลินเหยาซื่อห้ามเขาไว้ก่อน
“วันนี้ฉันทำงานวันแรก ขอซื้อขนมไปเลี้ยงลูกๆ ที่บ้านเองค่ะ” 
“ขอโทษด้วย”
“คะ?” เธอจ่ายค่าขนมเค้กแล้วหันมามองเขาอย่างงุนงง “ขอโทษเรื่องอะไรคะ”
“เมื่อก่อนค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ตอนนี้คุณเป็นคนดูแลบ้าน ผมควรให้คุณถือเงินทั้งหมด”
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่” เธอยักไหล่ ปกติเธอคุ้นชินกับการใช้เงินแบบจำกัดจำเขี่ย เพราะรายได้อันแสนน้อยนิดแม้วิ่งรอกรับงานตัวประกอบหลายเรื่องก็ตาม 
“สามีภรรยาก็เหมือนคนเดียวกัน ยังไงเรื่องเงินก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”
‘แต่เงินเดือนของเธอก็คือของเธอนะ ไม่ใช่ของเขา’
กั๋วคังเหรินเห็นแววตาขบขันในดวงตาคู่สวยของภรรยา แปลกใจที่เธอยังยิ้มได้ทั้งที่... ช่างเถอะ พูดไปทุกอย่างก็เป็นความผิดของเขา  ขนมเค้กใส่กล่องเรียบร้อยแล้ว เขาได้แต่ยืนมือหญิงสาวยื่นมือไปรับมาประคองไว้ราวกับสิ่งล้ำค่า ทำให้เขารู้สึกผิดหนักขึ้น ที่ผ่านมา เธอต้องลำบากเพราะเขา ทั้งที่เขาเคยสัญญากับประธานหลินไว้ว่าจะดูแลเธอให้ดี ไม่ใช้ต้องลำบากกายและใจ ถ้าประธานหลินยังอยู่ ได้เห็นหลานชายหญิงคงมีความสุขไม่น้อย 
“กลับกันเถอะค่ะ เด็กๆ รอแย่แล้ว” 
“ครับ” 
เขาเปิดประตูร้านให้หญิงสาวเดินออกไปก่อน แล้วยื่นมือไปรับกล่องเค้กมาถือเอง 
“ให้ผมถือให้ดีกว่า” 
“กลัวลูกไม่ได้กินเค้กสวยๆเหรอ” 
เธอทำปากยื่นใส่แต่ยอมให้เขาถือกล่องเค้ก ยามเย็นผู้คนผลุกพล่าน ร่างเล็กถูกเบียดอย่างไม่ตั้งใจ เธอยื่นมือไปจับมือเขาไว้ เพียงสัมผัสกันเล็กน้อยก็ทำให้กั๋วคังเหรินชะงักและหันมามองมือเล็กเล็กๆ ที่จับมือของเขาอยู่ เธอทำท่าจะชักมือกลับแต่เขากระชับมือเล็กไว้ไม่ยอมปล่อย เขาจูงมือเธอมาที่รถยนต์แล้วจึงปล่อยมือเธอออกอย่างเสียดาย
‘แค่จับมือ ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยเล่า หลินเหยาซื่อ’
เธอนั่งในรถแล้วไม่พูดอะไรอีก กั๋วคังเหรินก็ไม่ได้ถามอะไร แม้ในรถจะเงียบแต่กลับมีความอบอุ่นอ่อนโยนเกิดขึ้น 
เมื่อกลับถึงบ้าน เด็กฝาแฝดมายืนรอที่ประตูบ้าน หลินเหยาซื่อถือกล่องขนมเค้กเองเพราะรู้ดีว่าลูกลิงทั้งสองต้องวิ่งมาปีนป่ายคนเป็นพ่อแน่ๆ และก็เป็นไปตามที่คิด กั๋วคังเหรินโน้มตัวลงอุ้มลูกขึ้น สำหรับเขาแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ไปทำงานกลับมาบ้านแล้วมีลูกมารอรับ 
“วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าคะ” หลินเหยาซื่อถามลูกทั้งสอง พอมีพ่อแล้วก็ทำเป็นลืมแม่ไปเสียสนิทเลยนะ 
“ลี่ลี่เป็นเด็กดีค่ะ”
“หย่งหย่งก็เป็นเด็กดีครับ”
เดี๋ยวนี้ลูกเริ่มพูดชัดขึ้น หลินเหยาซื่อชูกล่องขนมในมือขึ้น 
“ใครเป็นเด็กดีได้กินขนมเค้ก”
“ขนมเค้ก!”
เสียงเด็กแฝดพูดพร้อมกัน เสียงดังจนกั๋วคังเหรินหยีตาไม่รู้ตัว หลินเหยาซื่อเห็นแล้วก็หัวเราะคิกคัก ‘ที่นายเจอนะ ฉันเจอมาหมดแล้วย่ะ’ เธอรีบเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน 
“คุณพ่อเร็วๆ คุณแม่เอาขนมเค้กหนีเราไปแล้ว” จางลี่ทึ้งผมของพ่อเพื่อเร่งให้เดินตามแม่ เอ่อ ไม่สิ เดินตามกล่องขนมต่างหาก 
“คุณพ่อเร็วๆ”
หลินเหยาซื่อส่งกล่องขนมเค้กให้คนรับใช้ แล้วนั่งลงถอดรองเท้า หลินเหยาซื่อเปลี่ยนเป็นรองเท้าใส่ในบ้านเสร็จแล้ว พ่อและสองลูกลิงก็เดินเข้ามาพอดี เธอเห็นสภาพกั๋วคังเหรินแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาทำตาดุใส่ แต่เธอกลับลอยหน้าลอยตา เพราะรู้ว่ามือเขาไม่ว่า ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว
“วันนี้คุณแม่ไปทำงานมาเหนื่อยมากเลย ขอหอมแก้มเพิ่มพลังหน่อยค่ะ” เธอพูดแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มนุ่มๆ ของจางลี่และจางหย่ง เด็กๆ หัวเราะคิกคักแล้วหอมแก้มแม่ทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา 
“แล้วผมล่ะ”
“คะ?”
“คุณหอมแก้มลูก ไม่หอมแก้มผมเหรอ”
“เอ่อ...” เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรหน้าตายแบบนี้ได้
“หอมแก้มเพิ่มพลัง!” จางลี่กับจางหย่งพูดขึ้นพร้อมกัน 
เด็กๆ พูดรบเร้า ทำให้หลินเหยาซื่อต้องยื่นหน้าไปหอมแก้มกั๋วคังเหรินเร็วๆ เขายิ้มได้ใจที่ได้เอาคืนเธอเล็กๆ น้อยๆ 
ป้าฮุ่ยชิวมองด้วยรอยยิ้ม ลงทุนแกล้งป่วยเพื่อให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่นางเสียดายจริงๆ ถ้านายท่านหลินยังอยู่ได้เห็นภาพนี้ต้องดีใจเป็นแน่ นางได้แต่ภาวนาของให้สวรรค์เมตตาให้ครอบครัวนี้ได้พบความสุขหลังจากที่พบความทุกข์ใจมาหลายปี