ใครเลยจะรู้ว่า นักแสดงตัวประกอบอย่างเหยาซื้อจะประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในร่างของสตรีที่ชื่อเดียวกันแต่อยู่ในปี1980
รัก,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,จีน,ครอบครัว,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
มาดามหวังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะห้องประชุม ปลายนิ้วพลิกหน้ากระดาษที่ละแผ่น สีหน้าเคร่งเครียดจนทีมงานทุกคนแทบกลั้นหายใจ โดยเฉพาะหลินเหยาซื่อที่เสนองานให้มาดามหวังพิจารณา แม้นั่งตัวตรงมือประสานบนตัก สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด แต่หัวใจเต้นแรงเลยทีเดียว
“ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ” มาดามหวังถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนสบตากับหลินเหยาซื่อ “คุณมั่นใจในงานชุดนี้เหรอคะ”
“ค่ะ” หยินเหยาซื่อคลี่ยิ้มออกมา “ลายผ้าที่ออกแบบนี้ ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากลูกที่ชอบพืชผักสวนครัว จึงนำพืชผักเหล่านั้นมาวาดด้วยเทคนิคสีน้ำทำให้ภาพดูเหมือนภาพในหนังสือนิทานสำหรับเด็ก เราเน้นสีสันสดใส อย่างรูปมะเขือเทศนี้มีทั้งสีเขียวและสีแดง เป็นการนำเอาสีโทนร้อนและสีโทนเย็นมาอยู่ในภาพเดียวกัน สามารถตัดเย็บได้ทั้งชุดเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง รวมทั้งชุดของคุณแม่หรือคุณพ่อได้ด้วย นอกจากเสื้อผ้าแล้ว เรายังสามารถทำหมวกและกระเป๋าลายเดียวกันได้อีก เหมาะกับฤดูใบไม้ผลินี้แน่นอนค่ะ”
หวังเข่อซิงพยักหน้ารับแล้วถามความเห็นของคนอื่นๆ หลายคนต่างแอบสบตากันเล็กน้อยก่อนที่จะมีคนใจกล้าพูดขึ้นมาก่อน
“ลวดลายสีสันสดใส บ่งบอกได้ชัดเจนให้ความรู้สึกถึงฤดูใบไม้ผลิ”
“แบบเสื้อทันสมัยแปลกตาแต่ก็ต้องลองเสี่ยงวัดดวงดูว่าคนจะกล้าซื้อใส่หรือเปล่า”
“แต่ถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลาง มีการศึกษาขึ้นมาหน่อยก็ดูน่าสนใจอยู่นะ”
“ก็นั้นไง กลุ่มลูกค้าที่มาดามหวังต้องการ”
มาดามหวังยกมือขึ้นทำให้ในห้องประชุมเงียบ เธอได้คำตอบที่ต้องการแล้วจึงหันไปมองหลินเหยาซื่อที่นั่งอยู่ขวามือแล้วถอนหายใจเบาๆ ทำให้หลินเหยาซื่อกำมือที่วางอยู่บนตักของตน ฝ่ามือของว่าที่ดีไซเนอร์คนใหม่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลินเหยาซื่อเตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าจะได้คำตอบแบบใดก็ตาม อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าตัวเองได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะนำเสนอแนวคิดของตัวเองออกไป
“ก็อย่างที่ได้ยินแหละเหยาซื่อ” มาดามหวังส่งยิ้มให้ “ลำบากเธอแล้วนะ”
“คะ?”
หลินเหยาซื่อกะพริบตาปริบๆ ยังไม่เข้าใจ ทำให้มาดามหวังหัวเราะออกแล้วลุกขึ้นยืน ทำให้หลินเหยารีบลุกขึ้นตาม หวังเข่อซิงยื่นมือขวามาด้านหน้า หญิงสาวมองมือที่ยื่นมาก่อนยื่นมือไปสัมผัสอย่างงุนงงจนกระทั่งอีกฝ่ายใช้อีกมือประคองมือเธอไว้แล้วบีบเบาๆ ทำให้หลินเหยาซื่อได้สติค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ยินดีต้อนรับดีไซเนอร์คนใหม่ของเรา”
เสียงปรบมือในห้องประชุมดังขึ้น หลินเหยาซื่อยิ้มกว้างแล้วเอ่ยขอบคุณซ้ำๆหลายครั้งจนมาดามหวังหัวเราะออกมา
“มาลุยงานกัน อาจต้องเข้าออฟฟิศถี่ขึ้น ถ้าไม่มีคนดูแลลูกจะพามาที่ทำงานด้วยก็ได้” มาดามหวังเป็นสาวสมัยใหม่ เธอเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมาก และมักสนับสนุนผู้หญิงเก่งให้ทำงานในระดับแนวหน้า เธอจึงกล้าได้กล้าเสียกับผลงานของหลินเหยาซื่อ และจากประสบการณ์ที่ทำงานด้านนี้มาหลายปี เธอย่อมมองว่าต้องได้กำไรอย่างแน่นอน
“เรื่องลูกไม่มีปัญหาค่ะ” เธอยิ้มดีใจแล้วหันไปขอบคุณทีมงานทุกคนที่ปรบมือให้เธอ “ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส ฉันจะทุ่มเทสุดความสามารถเลยค่ะ”
“เอาล่ะ เรามาประชุมแผนงานกันก่อนดีกว่านะ งานนี้เหนื่อยกันหน่อยนะทุกคน”
“ค่ะ/ครับ”
หลินเหยาซื่อนั่งลงและจดบันทึกงานของตน เธอทำงานเพลินจนลืมเวลา หวังเข่อซิงที่ออกจากห้องประชุมไปแล้วเดินผ่านมาเห็นดีไซเนอร์คนใหม่ยังนั่งอยู่ในห้องจึงเข้ามาเรียกด้วยตนเอง
“ฉันนึกว่าน้องเหยาซื่อกลับไปแล้วเสียอีก”
“ตายจริง ฉันทำงานเพลินไปเลยค่ะ” หลินเหยาซื่อตอบด้วยรอยยิ้มแล้วเก็บสมุดสเก็ตภาพและเอกสารงานใส่กระเป๋า
“กลับบ้านยังไงคะ” มาดามหวังเอ่ยถาม
“สามีจะมารับค่ะ” หลินเหยาซื่อยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “อีกสักพักเขาคงมาถึง ฉันไปรอด้านล่างดีกว่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเราลงไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ” หวังเข่อซิงยิ้มและยืนรอหลินเหยาซื่อเก็บของใส่กระเป๋าแล้วจึงเดินออกมาพร้อมกัน
“น้องเหยาซื่อทำงานนอกบ้านเป็นครั้งแรกสินะคะ” หวังเข่อซิงชวนคุยขณะกำลังเดินไปที่ลิฟต์
“ค่ะ” เธอยิ้มตอบ ‘ถ้าไม่นับรวมก่อนที่เธอจะมาอยู่ในร่างนี้นะ’ “ขอบคุณมาดามที่ให้โอกาสฉันด้วยค่ะ”
“ฉันก็ให้ได้แค่โอกาสแต่ความสามารถก็ต้องมีด้วย” มาดามหวังพูดไปตามตรง “จริงสิ เมื่อครู่ฝ่ายตัดเย็บโทรบอกว่าชุดสูทชุดนั้นตัดเย็บเรียบร้อยแล้ว เราลงไปดูด้วยกันไหม ฉันก็อยากเห็นของจริงว่าเป็นยังไง”
“เสร็จแล้วหรือคะ ดีจริง”
ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองก้าวเข้าไปในลิฟต์ มาดามหวังไม่ถือตัวแม้เป็นรองประธานบริษัทก็กดลิฟต์ด้วยตนเอง หลินเหยาซื่อรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่ได้ทำงานกับผู้หญิงคนนี้ หวังเข่อซิงพาหลินเหยาซื่อมาที่แผนกตัดเย็บเสื้อผ้าตัวอย่าง ซึ่งหลายครั้งก็ตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับลูกค้า VIP ด้วย เมื่อรองประธานบริษัทก้าวเท้าเข้าไป ทุกคนก็หันมามองแต่ยังไม่ทันลุกขึ้น มาดาวหวังก็ยกมือห้ามไว้ก่อน
“ไม่เป็นไร ทำงานกันต่อเถอะ ขอฉันดูชุดสูทของหลินเหยาซื่อหน่อยสิ เห็นแค่ในแบบร่าง อยากรู้เหมือนกันว่าตัดออกมาแล้วเป็นยังไง”
“ก็แค่ชุดสูทธรรมดาค่ะ”
หลินเหยาซื่อยิ้มเขินๆ ครู่ต่อมาช่างเย็บผ้าก็นำชุดสูทของเธอมาให้ ที่จริงมันไม่ใช่ชุดแปลกประหลาดอะไร ในปี2023 เสื้อสูทจะเป็นแบบเข้ารูปพอดีตัว แต่ในปี1980 ชุดสูทจะเป็นแบบตัวหลวมใหญ่มีฟองน้ำเสริมบ่า รูปร่างของกั๋วคังเหรินกำยำอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่เสื้อเสริมบ่าก็ดูเท่มาก
ตายจริง! เธอกำลังชื่นชมรูปร่างของเขาอยู่ใช่ไหมนะ
“แบบนี้ก็ดูแปลกตาดีนะคะ” ช่างตัดเสื้อผ้าพูดขึ้น “ใช้ผ้าไหมเนื้อดีมาตัดสูทพอดีตัว ดูทันสมัยเหมือนชุดสูทสไตล์ผู้ดีอังกฤษเลยค่ะ”
“เหยาซื่อนี่ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ นี่เธอไม่ได้เรียนออกแบบมาจริงๆเหรอ”
“ก่อนหน้านี้ร่างกายฉันไม่ค่อยแข็งแรงเลยไม่ได้ไปเรียนเหมือนคนอื่น แต่คุณพ่อก็เชิญครูสอนศิลปะมาสอนที่บ้านค่ะ”
“ก็นั้นสินะ เธอต้องมีพื้นฐานพวกนี้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะออกแบบเสื้อผ้ารวมทั้งลายผ้าได้ยังไง” หวังเข่อซิงชื่นชมอย่างจริงใจ “ชุดนี้ของสามี แล้วของเธอตัดเย็บเองใช่ไหม”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบใบหน้ามีแดงระเรื่อ
“คนหนุ่มคนสาวนี่ดีจริงๆนะ” มาดามหวังพูดยิ้มๆ
“มาดามก็ยังสาวสะพรั่งอยู่นะคะ” ช่างเย็บผ้าคนหนึ่งเอ่ยหยอกล้อ
“โอ๊ย!ไม่ต้องมาชมฉัน ฉันสี่สิบกว่าแล้ว” มาดามหวังหัวเราะออกมา “แล้วชุดของเดซี่ล่ะ ...เดซี่ จาง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แค่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยเท่านั้น”
“ดี... อย่าให้เสียงชื่อห้องเสื้อของเรา” มาดามหวังพยักหน้ารับ นอกจากธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปแล้ว มาดามหวังยังมีห้องเสื้อในแบรนด์ของตัวเองอีกด้วย “เดซี่เป็นดาราชื่อดังในตอนนี้ การที่เธอเลือกเสื้อผ้าของเราก็สร้างชื่อเสียงให้เราด้วย”
“ทราบแล้วค่ะมาดาม”
หลินเหยาซื่อได้แต่ยืนฟัง เธอยังใหม่กับยุคนี้อยู่มาก มือเรียวเล็กรับชุดสูทมาถือไว้เอง เธอได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยตรงมาทางเธอจึงหันไปมอง สายตาปะทะกับหญิงสาวใบหน้างดงามหมดจด ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสด ร่างเพรียวก้าวเดินดุจนางพญา โดยมีคนเดินตามมาด้วย
“โอ้! คุณเดซี่มาด้วยตัวเองเลยหรือคะ กำลังจะให้ทีมงานเอาชุดไปให้ลองใส่อยู่พอดี” หัวหน้าทีมตัดเย็บเสื้อผ้าเอ่ยขึ้นแล้วรีบเข้าไปต้อนรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผ่านมาทางนี้พอดี ยังไงก็ต้องมาดูชุดด้วยตาตัวเองสักครั้งก่อนใส่จริง จะได้ไม่มีปัญหา”
“สมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ”
เดซี่ จาง ดารานางแบบแถวหน้าที่นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักผู้หญิงสวยโดดเด่นสะดุดตาคนนี้ หญิงสาวยิ้มตามมารยาทแล้วเอ่ยทักทายหวังเข่อซิง ทั้งสองพูดคุยกันท่าทางคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลิวเหยาซื่อยืนมองอยู่ห่างๆ เพราะเกรงจะไปรบกวน ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเพจเจอร์เครื่องใหม่ล่าสุดที่กั๋วคังเหรินซื้อให้ก็ดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเพราะยังไม่คุ้นกับเครื่องมือสื่อสารชิ้นนี้รีบหยิบขึ้นมากดอ่านข้อความ เธอจึงเอ่ยขอตัวลากลับกับมาดามหวัง
“เจอกันคืนกาลาฯ นะจ๊ะ” มาดามหวังกำชับ ส่วนตัวนางเองก็ต้องการเห็นชุดที่หลิวเหยาซื่อออกแบบให้เข้าคู่กับชุดสูทนั้นเหมือนกัน
“ค่ะมาดาม” เธอยิ้มรับ บังเอิญไปสบตากับดาราดัง เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก ทำงานเป็นตัวประกอบมาหลายปี ดาราดังทั้งชายหญิง ดาราตกอับ ดารารุ่นใหม่ เธอเจอมาหมดจนไม่รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
“คนนี้คือ...” เดซี่ จาง เอ่ยถาม สายตากวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“คุณหลินเหยาซื่อ เป็นดีไซเนอร์คนใหม่ของเราค่ะ” มาดามหวังแนะนำด้วยตัวเอง
“สวัสดีค่ะ” หลินเหยาซื่อทักทายด้วยรอยยิ้ม
“หลิน-เหยา-ซื่อ” เดซี่ จาง พูดเหมือนย้ำกับตัวเอง แม้ริมฝีปากคลี่ยิ้มแต่แววตาตรงข้าม “คุณหลินเหยาซื่อภรรยาของคุณกั๋วคังเหรินใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ...รู้จักฉันด้วยหรือคะ?” หลินเหยาซื่อยังงุนงงอยู่ แน่นอนว่าเธอไม่เคยเจอเดซี่ จาง มาก่อน และมั่นใจว่าใน ‘ไดอารี่ของหลินเหยาซื่อ’ ก็ไม่มีเอ่ยถึงชื่อผู้หญิงคนนี้
ดาราสาวหัวเราะน้อยๆ แล้วยิ้มแย้มดวงตาพราวระยับ “เคยได้ยินชื่อภรรยาของประธานกั๋วมานาน เพิ่งได้เจอตัวจริงวันนี้ ได้ยินคนพูดกันว่าประธานกั๋วรักและทะนุถนอมภรรยาไว้ในอุ้งมือ แทบไม่เคยให้ก้าวเท้าออกจากบ้าน แต่ความสวยของคุณทำให้ฉันเข้าใจได้เลย ผู้ชายคนไหนก็อยากเก็บของล้ำค่าในบ้านของเขา”
คำพูดชื่นชมที่ฟังดูแปลกหูพิลึก ทำให้หลินเหยาซื่อยิ้มแข็งค้างบนใบหน้า
“คุณเดซี่พูดเกินไปแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้สุขภาพฉันไม่ค่อยแข็งแรงจึงไม่ได้ออกไปไหนค่ะ” เธอยังคงแย้มยิ้มแม้รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง “ขอตัวกลับก่อนนะคะ สามีมารอแล้ว ประเดี๋ยวเขาจะรอนาน”
“ประธานกั๋วกลับมาแล้วหรือคะ?” เดซี่ถาม ดวงตาเบิกโตขึ้นเล็กน้อย “ได้ยินว่าเขาหายไปทำธุรกิจต่างประเทศ”
“ค่ะ” หลินเหยาซื่อแสร้งทำเป็นก้มอ่านข้อความในเพจเจอร์อีกครั้ง “ขอตัวก่อนนะคะ”
หวังเข่อซิงแอบถอนหายใจเบาๆ ขนาดเธอเองยังไม่กล้าเอ่ยปากถามเรื่องสามีคนอื่นแบบนี้ ดูท่าทางเดซี่ จาง คนนี้ก็คงไม่ธรรมดา แต่...ข่าวลือที่ว่าประธานกั๋วมีเลี้ยงผู้หญิงอื่นไว้นอกบ้านก่อนที่จะหายตัวไปก็มี แต่ก็นั้นแหละ ไม่ว่าจะจนหรือรวย หรืออยู่ระดับไหน ก็ถูกคนหยิบเอาไปนินทาได้ทั้งนั้น
หลิวเหยาซื่อลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง เธอเดินผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ สองสาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม่ได้สนใจเธอสักนิด แต่สายตาไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โซฟารับรองแขกตรงทางเข้า เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วหยุดยืนมองคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจราวกับตัดขาดตัวเองกับโลกภายนอก ครู่หนึ่งเธอจึงกระแอมไอออกมา ทำให้กั๋วคังเหรินเงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่ตนรออยู่จึงพับหนังสือพิมพ์แล้วลุกขึ้นยืน
“ฉันว่า...ฉันรับข้อเสนอให้คุณหาคนขับให้ฉันดีกว่า”
“ทำไมล่ะ?” กั๋วคังเหรินเลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปช่วยถือข้าวของที่เธอหอบไว้ในวงแขน
“ระดับประธานกั๋วต้องมาขับรถให้เอง ดูไม่เหมาะนะคะ ดูสิมีแต่สาวๆจ้องตาเป็นมันเชียว!”
ได้ยินแบบนี้แล้ว กั๋วคังเหรินกลับอารมณ์ดี การงานที่เคร่งเครียดมาทั้งวันหายไปปลิดทิ้ง
“ไม่ใช่เพราะว่า...ผมเกะกะสายตาคุณหรอกหรือ? ถ้าผมไม่มารับเอง หนุ่มๆ แถวนี้คงต่อแถวยื่นบัตรคิวอาสาไปส่งคุณแน่นอน”
“จะมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ฉันมีลูกแล้วนะ” เธอเบ้ปากใส่เขา
“อืม ผมก็มีทั้งลูกทั้งเมียแล้วเหมือนกัน” เขายิ้มกลั้นหัวเราะแล้วโน้มหน้าลงพูดริมใบหูแผ่วเบา “กลับบ้านเรากันเถอะ ลูกรออยู่นะ”
แค่พูดถึงเรื่องลูก หลินเหยาซื่อก็ใจอ่อนทุกที เธอเคยได้ยินผู้หญิงหลายคนพูดว่า ‘อดทนเพื่อลูก’ เธอเพิ่งเข้าใจความหมายก็วันนี้ แม้มีบางสิ่งรบกวนจิตใจ แต่เธอก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อลูกจริงๆ
“ค่ะ เรากลับบ้านกัน”
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนยื่นมือที่ว่างไปคว้ามือเรียวเล็กไว้ก่อน เธอพยายามดึงมือกลับแต่เขากระชับมือเธอแน่นขึ้นทำให้เธอต้องยอมให้เขาจูงมือเธอไปขึ้นรถกลับบ้านด้วยกัน