เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น
แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว,เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูดเคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น
เพราะการแก้แค้นนั้นหอมหวานและทำให้คนคนหนึ่งยอมเปลี่ยนตัวตนเพื่อการแก้แค้นอดีตเพื่อนรัก หากแต่การแก้แค้นของเคทลินนั้นทำให้ใครอีกคนได้ค้นพบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน การอยู่ร่วมกันของเคทลินและนิคนั้นจะเป็นเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วที่แตกต่างแต่ก็ดึงดูดเข้าหากันเสมอ
เมื่อนิคได้เข้ามาในโลกของนักเวทก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันมากมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกที่จะเดินทางนี้เอง และเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะมีคนคอยดูแลอย่างเคทลินแห่งเลควูดคอยตามเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง และดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นๆ หลายอย่างรอทั้งสองอยู่เบื้องหน้า
"ที่นัดมาวันนี้มีอะไรกันแน่" เสียงไม่สบอารมณ์ของหญิงสาวผู้มาใหม่ดังขึ้น ริ้วรอยบนใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอน้อยลงเลย เธอจับปลายผมงองุ้มสีดำที่ยาวประบ่าอย่างเช่นทุกครั้งยามเมื่อเธอหงุดหงิด
"เธอไม่อยากรู้ถึงความเป็นไปของลูกบ้างหรืออย่างไรซูซาน ฉันอุตส่าห์ใจดีมาต่างเมืองเพื่อบอกเธอเรื่องนี้เลยนะ" เคทลินตอบเธอและซูซานมักจะนัดเจอกันทุกเดือนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของนิคให้ซูซานผู้เป็นแม่ได้รับรู้ เธอดูท่าทีของอีกฝ่ายที่ไม่ได้ตอบโต้อะไรจึงพูดต่อ "นิคอยากเรียนต่อมหาลัย"
"เธอก็เลยจะมาเรียกเงินค่าเทอมจากฉันงั้นเหรอ" ซูซานพูดขึ้น มือละจากปลายผมไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสีขาว "อยากได้เท่าไหร่ล่ะ ฉันจะแถมไปให้ด้วยแล้วกัน"
พลันมือของเคทลินก็พุ่งไปจับข้อมือของเพื่อนเก่าอย่างแรง เธอมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายราวกับกำลังเค้นหาอะไรบางอย่าง
"เอะอะอะไรก็แก้ปัญหาด้วยเงินตลอดเลยนะเธอนี่ เหมือนเมื่อตอนที่ช่วยเธอเลี้ยงซานาฉันไม่ทันจะเรียกร้องอะไรเธอก็ดันยัดเงินมาให้ฉันเสียก่อน แต่ก็ขอบใจนะที่เงินก้อนนั้นของเธอทำให้ฉันได้หนีเธอไปพ้นหน้า" แรงบีบที่ข้อมือนั้นแรงขึ้นตามอารมณ์ที่เดือดพล่านของเธอ "ก่อนอื่นเลย ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอเรื่องลูกชายแต่เธอกลับสนใจแต่เรื่องของฉันเนี่ยนะ ถ้าเธอสนใจลูกชายสักหน่อยเขาคงไม่มาติดแจอยู่กับฉันหรอกนะ"
"เธอน่ะมันนังงูพิษ! คงใช้เวทมนตร์มารยากับนิคล่ะสิท่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำจนทิ้งแม่ตัวเองไปอยู่กับเธอน่ะ" เสียงของซูซานที่ดังขึ้นเรียกให้รอบข้างสนใจโต๊ะของพวกเธอมากขึ้น เคทลินรู้อยู่แล้วว่าหากมาคุยกับซูซานเธอคงไม่ยอมคุยดี ๆ แน่
"งูพิษงั้นเหรอ เหอะ เก็บไว้พูดกับตัวเองเหอะ อีกอย่างนั่นลูกเธอนะทำไมถึงได้พูดถึงนิคแบบนั้นล่ะ"
"เด็กคนนั้นมีแต่จะทำให้ฉันผิดหวัง ทั้งที่เมื่อก่อนว่านอนสอนง่าย หลัง ๆ มานี้เอาแต่เพ้อถึงความฝันของตัวเองทั้งที่แม่คนนี้ก็ปูทางให้แล้วแท้ ๆ"
"เธอเข้าใจนิคเสียบ้างสิ เขาไม่ได้อยากเดินตามรอยเธอแม้แต่น้อย ทีซานาเธอยังไม่จี้ขนาดนี้เลย"
"ซานาเหรอ เด็กนั่นไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่แล้ว ไม่มีเลย ผิดกับนิค เขาน่ะมีฝีมือและสามารถดีได้มากกว่านี้อีก"
"นิคอยากเป็นหมอ! ไม่ได้อยากเป็นศิลปินแบบเธอจำไว้ด้วย" เคทลินลุกขึ้นแล้ววางนามบัตรไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปจากร้านด้วยความหงุดหงิด ทิ้งให้ซูซานนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับอารมณ์คุกรุ่นที่ถูกทิ้งไว้
"นิคเธอชอบวาดรูปมั้ย" เคทลินเอ่ยถามพลางกัดลูกพลับในมือ สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง นาน ๆ ทีเธอจะมีวันหยุดกับเขาบ้างแต่เพราะนัดวันนี้เลยทำให้วันหยุดของเธอไม่ค่อยดีนัก
"ก็ชอบนะครับ" นิคตอบทั้งที่สายตายังจดจ่อกับหนังสือในมือ หนึ่งปีหลังจากเรื่องในวันนั้นทำให้เขาได้มาอยู่ที่บ้านของเคทลินและในตอนนี้เขาก็เป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยเลควูดแล้ว
"แล้วทำไมถึงเรียนแพทย์ล่ะ" เคทลินเคี้ยวลูกพลับที่หวานฉ่ำเพื่อหวังให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นแต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรนัก สมองของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมไม่จบสิ้น
นิคปิดหนังสือลงพลางทอดสายตาไปทางเคทลินที่นั่งถัดไปจากเขา เส้นผมสีดำสนิทที่เคยตัดสั้นตอนนี้เริ่มยาวจนปิดใบหูของเขามิดแล้ว อีกทั้งส่วนสูงของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้คอยย้ำเตือนเคทลินว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วสำหรับผู้ใช้เวทที่มีอายุยืนกว่ามนุษย์ธรรมดา การคอยสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงจะช่วยเตือนว่าเวลาไม่ได้หยุดนิ่งอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่เวลาของพวกเขานั้นหมุนช้ากว่าคนทั่วไป
"นั่นสิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"แค่ก ๆ" เคทลินสำลักลูกพลับที่กำลังกลืนลงคอในทันที ตอนไปคุยกับซูซานเธอพูดอย่างมั่นใจว่านิคอยากเป็นหมอ แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้ว่าตัวเองเรียนสายนี้ไปทำไมกัน
"ถึงอย่างนั้นผมเองก็มีคนที่เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนนะครับ"
"หมอคนไหนล่ะที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอ"
"ไม่ใช่หมอหรอกครับ แต่เอาเป็นว่าผมนับถือคนคนนั้นก็แล้วกัน"
เคทลินพยักหน้ารับ เมื่อสิ้นสุดบทสนทนาความเงียบก็โรยตัวลงระหว่างทั้งคู่ นิคกลับไปอ่านหนังสือตามเดิมส่วนเคทลินเองก็เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นาน ๆ ทีเธอจะมีเวลาว่างแต่เมื่อมีเวลาว่างเธอกลับไม่รู้ว่าจะใช้เวลาว่างอย่างไรให้คุ้มค่าจึงได้แต่นั่งเหม่อไม่ก็กลับไปขลุกตัวอยู่ในห้องปรุงยาตามเดิม
"คุณรู้ได้ไงว่าผมวาดรูปได้" นิคเอ่ยถามเมื่ออ่านหนังสือจบ เขาบิดขี้เกียจไล่ความตึงออกไปจากร่างกาย
"เพราะว่าฉันเองก็เคยชอบวาดรูปเลยถามดูเล่น ๆ"
"เคยชอบงั้นเหรอ หมายความว่าตอนนี้..."
"ฉันเกลียดมันแล้วล่ะ" พูดจบเคทลินก็หยัดตัวยืนขึ้น เธอเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยท่าทีเซื่องซึม
นิคมองตามแผ่นหลังนั้นจนเธอเข้าไปในห้องนอนแล้วจึงกลับมาอ่านหนังสือต่อ สิ่งที่เคทลินพูดนั้นทำให้เขาเกิดความอยากรู้ถึงอดีตของเธอขึ้นมาว่ามีความเป็นมาอย่างไร ถึงจะอยู่ด้วยกันมาเกือบหนึ่งปีแล้วก็ตามเคทลินยังคงปิดกั้นตัวเองจากเขาอยู่ เธอแทบไม่ปริปากพูดถึงเรื่องส่วนตัวเลย เขารู้เพียงแค่สาเหตุที่เธอสนใจในเวทมนตร์เป็นเพราะอยากแก้แค้นแม่ของเขาก็แค่นั้น รายละเอียดยิบย่อยต่าง ๆ เธอไม่ได้เล่าอะไรต่อครั้นจะให้ไปถามจากผู้เป็นแม่ก็กระไรอยู่เพราะทั้งคู่ไม่ถูกกัน
"แล้วผมควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ" นิคพูดกับความว่างเปล่าในห้อง แสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่ายของต้นฤดูหนาวส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าของเขาเสียจนต้องหรี่ตา จากวันนั้นก็ผ่านมีหนึ่งปีได้แล้วกระมัง แต่ไม่มีแม้แต่การติดต่อจากแม่ของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว พี่สาวของเขาเองก็เช่นกัน ไม่มีใครที่เป็นห่วงเขาสักคน
น้ำอุ่น ๆ ที่ไหลจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มหยดลงไปบนหน้าหนังสือที่ตั้งอยู่บนตัก นิคปาดหยดน้ำเหล่านั้นออกไปแล้วจึงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไปราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเขาก็ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เขาต้องสนใจในตอนนี้มีเพียงตัวเขาเท่านั้นเพราะตอนนี้มีแค่เขาคนเดียวที่เป็นห่วงตัวเอง
"นิค" ฝ่ามืออุ่นของคนที่ร้องเรียกแตะแก้มขวาของเขาที่กำลังเอนตัวนอนยาวอยู่บนโซฟาโดยมีหนังสือกางอยู่บนอก
"ให้ตายสิ โหมหนักแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี" เคทลินวาดมือไปในอากาศเธอเรียกผ้าห่มผืนหนึ่งมาห่มให้กับนิคที่ยังคงหลับสนิทแม้เธอจะดึงหนังสือออกมาจากมือของเขาแต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาตื่นเลยแม้แต่น้อย
"อากาศก็เริ่มเย็นแล้วยังจะใส่เสื้อแขนสั้นอยู่อีกงั้นเหรอ เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดจริง ๆ หรอก" เธอบ่นพลางจัดแจงห่มผ้าให้เด็กหนุ่ม ในขณะที่กำลังจะเดินจากไปสายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับรอยแผลเป็นที่หน้าผากซ้ายของนิค ปกติผมหน้าของเขามันปรกหน้าและปิดมันไว้เธอจึงไม่ทันสังเกต เธอวางมือบนแผลเป็นนั้นและเพ่งสมาธิไปที่มัน
'ถึงจะสัญญากันแล้วแต่ขอแค่ครั้งนี้แล้วกัน' เคทลินพูดขึ้นในใจ พลันภาพในอดีตก็ปรากฏขึ้นในหัว เคทลินยกมือขึ้นจากแผลเป็นและลูบผมของนิคแทน
"ขอให้เธอมีแต่ฝันดีไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมานะ" เคทลินละมือจากเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของนิคแล้วกลับไปยังห้องนอนของเธอ ในตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่ร่ายเวทให้เขามีความฝันที่ดี แต่นั่นก็คงไม่เพียงพอสำหรับเขาที่เจ็บปวดมาทั้งชีวิต
ทันทีที่ถึงห้องเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างกันมีตู้กระจกที่ใส่ของประดับตกแต่งไว้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูจะไม่เข้าพวกอยู่ เคทลินมองไปยังกรอบรูปของชายคนหนึ่งในตู้นั้น เธอหลับตาลงอยู่ในห้วงความคิดของเธอ มือทั้งสองข้างโอบกอดตัวเองไว้ปลอบประโลมตัวเธอที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว เคทลินลืมตาขึ้นมามองไปที่รูปนั้นอีกครั้ง
"ฉันควรทำอย่างไรดีนาธาน ทุกอย่างมันน่ากลัวไปหมด ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกต้องแล้วหรือเปล่า ถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้แทนที่ฉันก็คงจะดีกว่า"
แสงแดดยามเช้าส่องลอดหน้าต่างเข้ามากระทบตาของคนที่นอนอยู่บนโซฟา นิคบิดตัวไล่ความง่วงออกไป เขามองกองหนังสือที่อยู่บนโต๊ะแล้วจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อคืนเขาฝันว่าเป็นอิสระจากทุกอย่างแล้วแท้ๆ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็ดันเจอกับความจริงที่กองอยู่ตรงหน้า พลันสายตาของเขาสะดุดกับผ้าห่มบนตัว
นี่มันผ้าห่มจากห้องนอนของเขาเอง
ทันทีที่คิดได้แบบนั้นนิคก็ตื่นเต็มตา เขาวิ่งไปที่ห้องปรุงยาและเจอตัวคนที่อยากคุยด้วยอยู่ในนั้น
"คุณเคทลิน นี่คุณเข้าไปในห้องนอนผมเหรอ"
เคทลินที่กำลังโยนรากไม้ลงในหม้อต้มขนาดใหญ่หยุดชะงัก เธอหันมาทางนิคที่ยืนรอคำตอบอยู่หน้าประตู
"ห้องเธอมีอะไรที่ทำให้ฉันอยากเข้าไปนักล่ะ แค่เรียกผ้าห่มมาแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยน่า อ๊ะ หรือว่าเธอเก็บความลับอะไรไว้งั้นเหรอถึงได้ทำหน้าตื่นขนาดนี้" เคทลินป้องปากหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกล้อหนุ่มน้อยที่อ่อนไหวกับการที่มีคนเข้าออกห้องนอนโดยไม่ได้รับอนุญาต
"ถ้ายังแกล้งกันแบบนี้ผมไม่ช่วยแล้วนะครับ"
"ใครบอกให้เธอช่วยกัน กลับไปอ่านหนังสือนู่น ทางนี้ฉันจัดการเองได้ เธอต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนที่สุด เข้าใจมั้ย" เคทลินโบกมือให้นิคกลับไปในขณะที่อีกมือยังคงคนของเหลวในหม้อต่อไป
"แล้วจะจัดการทั้งหมดนี้คนเดียวได้เหรอครับ"
"ก่อนเธอมาฉันก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่แล้ว แค่นี้สบายมาก"
"ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ"
นิคเดินกลับออกไปจากห้องปรุงยาและไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่งในมือ
"แบบนี้น่าจะดีกว่า มีอะไรให้ช่วยก็เรียกผมได้" นิคเสนอ เขายกเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งใกล้กับเคทลินที่ยืนปรุงยาอยู่
นักเวทสาวไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ส่งยิ้มให้แล้วกลับไปสนใจหม้อปรุงยาต่อ ถึงความจริงแล้วสมาธิของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับยาในหม้อนัก ความกลัวกำลังก่อตัวขึ้นในใจเธอ เธอเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเธอกับนิคมันเริ่มที่จะขยับเข้าใกล้กันนั่นยิ่งทำให้เธอกลัวว่าสักวันเขาจะเป็นฝ่ายจากไปก่อน ด้วยอายุที่ยืนยาวของนักเวทไม่ควรที่จะผูกพันกับมนุษย์ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นการจับคู่กันของนักเวทกับคนทั่วไปนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ทั่วไปแรกเริ่มทุกอย่างก็ดีไปหมด รู้ตัวอีกทีคู่ของตัวเองก็เริ่มโรยราไปตามกาลเวลา ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงอยู่ นี่อาจเป็นคำสาปสำหรับคนที่คิดจะคบหากันข้ามเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้ ต่อให้เธอไม่ได้คิดกับนิคในแง่นั้นแต่การสานสัมพันธ์กันต่อไปรังแต่จะทำให้เธอต้องเจ็บปวด
'ฉันควรทำอย่างไรต่อดี' เคทลินขบคิดเรื่องนี้ซ้ำไปมา เธอทอดสายมองเด็กหนุ่มที่เอาแต่อ่านหนังสือมาตั้งแต่เมื่อครู่ ท่าทางที่ดูเอาจริงเอาจังนั่นแอบทำให้เธอเป็นห่วง
"เธอได้พักแล้วยังน่ะเห็นอ่านมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"
นิคละสายตาจากหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้า "ผมชินกับการอ่านให้จบที่เดียวก่อนแล้วค่อยพักน่ะครับ"
ไม่รอให้เด็กหนุ่มพูดจบเคทลินก็ดึงหนังสือในมือของเขาออกไป เธอลูบศีรษะของนิคอย่างเบามือก่อนจะเปิดปากพูดบางอย่างออกมา
"ที่นี่ไม่มีใครดุเธอหรอกนะ ตั้งใจเรียนก็ดีแต่สุขภาพเองก็สำคัญเหมือนกันนะ"
เคทลินเดินจากไปพร้อมหนังสือที่ฉกมาได้ปล่อยให้นิคนั่งมองแผ่นหลังเธอเดินออกไปจากห้อง
"ขอบคุณนะครับ" นิคตอบกลับในความเงียบของห้องที่ไร้ซึ่งเคทลิน