เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด - บทที่ 9 บทที่ 9 โดย s.BlackSheep @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว,เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์

รายละเอียด

เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น

ผู้แต่ง

s.BlackSheep

เรื่องย่อ

เพราะการแก้แค้นนั้นหอมหวานและทำให้คนคนหนึ่งยอมเปลี่ยนตัวตนเพื่อการแก้แค้นอดีตเพื่อนรัก หากแต่การแก้แค้นของเคทลินนั้นทำให้ใครอีกคนได้ค้นพบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน การอยู่ร่วมกันของเคทลินและนิคนั้นจะเป็นเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วที่แตกต่างแต่ก็ดึงดูดเข้าหากันเสมอ

เมื่อนิคได้เข้ามาในโลกของนักเวทก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันมากมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกที่จะเดินทางนี้เอง และเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะมีคนคอยดูแลอย่างเคทลินแห่งเลควูดคอยตามเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง และดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นๆ หลายอย่างรอทั้งสองอยู่เบื้องหน้า

สารบัญ

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 0 บทที่ 0,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 1 บทที่ 1,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 2 บทที่ 2,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 3 บทที่ 3,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 4 บทที่ 4,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 5 บทที่ 5,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 6 บทที่ 6,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 7 บทที่ 7,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 8 บทที่ 8,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 9 บทที่ 9,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 10 บทที่ 10,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 11 บทที่ 11,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 12 บทที่ 12,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 13 บทที่ 13,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 14 บทที่ 14,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 15 บทที่ 15,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 16 บทที่ 16,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 17 บทที่ 17,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 18 บทที่ 18,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 19 บทที่ 19,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 20 บทส่งท้าย,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 21 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

บทที่ 9 บทที่ 9

"เอาล่ะ อย่าตีกันอีกนะ ฉันจะออกไปทำสวน ถ้ารู้ว่าทะเลาะกันอีกได้เจอฟักทองโหม่งหน้าผากแน่" เรเวนเคาะหัวฟักทองของตัวเองดังป๊อก ๆ พลางมองนิคและเคทลินสลับกัน บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ยังคงตึงเครียดกันอยู่แต่เขาคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เห็นทีให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกันเอง 

"ให้ตายสิเล่นอะไรก็ไม่รู้" ทันทีที่เรเวนปิดประตูลงทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน เคทลินมองนิคที่ยังคงหลบหน้าเธออยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง 

"ขอทีเถอะ นี่ฉันกลายเป็นสิ่งที่เธอเกลียดไปแล้วงั้นเหรอเนี่ย" เคทลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เธอยังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮอร์โมนของอายุหรืออะไรทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา 

"ไม่ได้เกลียดนะครับ แค่ไม่พอใจ" นิคโต้แย้ง เขาพยายามใจเย็นด้วยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดดาล อีกอย่างเขาเห็นเรเวนผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ที่หน้าต่างมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ไหนเขาบอกว่าจะไปทำสวนไง

"ไม่พอใจอะไรก็พูดมาสิ" 

"แล้วคุณเคทลินฟังผมบ้างไหมล่ะครับ ให้ตายสิสมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน ใจร้อนเหมือนกันเลย" นิคอ้างถึงแม่ของเขาที่มักใจร้อนใส่ ดูเหมือนคำพูดของเขาจะทำให้เคทลินหยุดชะงัก 

"โอ้ไม่ นี่ฉันจะเป็นแบบซูซานคนเก่าไม่ได้สิ หรือยัยนั่นคนเก่าเข้าสิงฉันแทนเสียแล้ว หรือเป็นเพราะกรรมตามทันที่ฉันเคยสาปส่งยัยนั่นเมื่อก่อนกันนะ" เคทลินบ่นพึมพำถึงเวรกรรมที่ตัวเองเคยก่อไว้ในอดีตยาวเหยียด ทางนิคก็ปล่อยให้เธอพ่นมันออกมาเผื่อว่าจะทำให้เธอสบายใจขึ้น 

"โอเค" เคทลินพูดกับตัวเองพลางหายใจเข้าแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ "ขอบคุณท่านนักบุญนาธานที่มาโปรด--" 

"ขอบคุณผมสิ! ผมเป็นคนดึงสติคุณนะ!"

"อ่า ขอบคุณท่านนักบุญนิคที่ดึงสติข้าพเจ้า" เคทลินพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเธอหรี่ตามองนิคแล้วหัวเราะเสียงดังออกมา

นิคมองเคทลินอย่างมึนงง ดูเหมือนว่าเธอจะทำงานหนักเสียจนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 

"โถ่นิค เธอจะเก็บเรื่องนั้นไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ถ้าฉันไม่ถามซูซานก็คงไม่รู้หรอกนะว่าเธอน้อยใจเรื่องนั้นอยู่นะ" 

"แล้วทำไมถึงต้องบอกด้วยล่ะครับ" 

"ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องรู้สึกเหมือนถูกกีดกันนะ แล้วก็เรื่องส่งเธอกลับบ้านน่ะฉันไม่อยากจะให้เธอเสียเวลาอยู่กับฉันมากกว่าอยู่กับครอบครัวนะ นายยังมีครอบครัวรออยู่ที่บ้านตั้งเยอะ" 

"แต่คุณไม่มีใครรออยู่ที่บ้านเลยนี่ครับ เว้นก็แต่เจ้านั่น" นิคชี้ไปยังเรเวนที่โผล่หัวฟักทองมาให้เห็นอยู่หน่อย ๆ 

"ฉันไม่เป็นไรหรอก" เคทลินตอบ เธอเสมองไปยังเรเวนที่พยายามหลบให้พ้นขอบหน้าต่าง 

"เป็นครับ คุณมักมองไปทางอื่นเวลาโกหกเสมอ" นิคแย้ง เคทลินหันกลับมาสบตากับเขาเหมือนเดิม เธอแสดงสีหน้าเรียบเฉยก็จริงแต่ในหัวคงกำลังวางแผนบางอย่างอยู่แน่ ๆ

"ช่างสังเกตจริงเชียว" เคทลินถอนหายใจอย่างยอมแพ้ เธอยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนหลังพิงโซฟา

"เรื่องลบความทรงจำอะไรนั่นน่ะฉันมีตัวเลือกมาเสนอ" 

นิคพยักหน้าพร้อมตั้งใจฟังตัวเลือกที่เคทลินกำลังจะพูด 

"ฉันเก็บไปนอนคิดทั้งคืน --"

"ไม่ครับ คุณนอนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า"

"ฟังฉันพูดให้จบก่อนสิเจ้าเด็กนี่!" เคทลินหันขวับไปดุนิคก่อนจะพูดต่อ "อย่างแรกคือลบความทรงจำของเธอแล้วทำลายพลังเวทให้หมดเพื่อที่มิเกลจะตามตัวเธอไม่ได้ ฉันจะส่งเธอไปอยู่กับซูซานเหมือนเดิมเธอจะได้ใช้ชีวิตแบบปกติไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเวทมนตร์ แต่ช่วงวุ่นวายนี้ฉันคงจะให้ซูซานพาเธอไปซุกไว้ที่ไหนซักที่ก่อนเพื่อหลบมิเกล เพราะอย่างไรเมื่อฉันทำลายพลังเวทไปแล้วมิเกลก็ไม่มีทางหาเธอเจอได้ง่าย ๆ หรอก ส่วนเรื่องเรียนก็คงต้องให้ออกจากเมืองนี้ไปซะเพราะดูแล้วคงจะส่งผลกระทบในวงกว้าง" 

นิคตัดตัวเลือกนี้ทิ้งในทันที เขาพร้อมที่จะตอบตกลงกับตัวเลือกถัดไปในทันทีที่เคทลินอธิบายจบ เขาจะไม่ยอมให้ความทรงจำเกี่ยวกับเคทลินหายไปจากชีวิตเขาเด็ดขาด

"อย่างที่สองคือฉันจะไม่ลบความทรงจำเธอจะได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่ถ้าฉันสั่งอะไรเธอต้องทำตาม นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง" 

"ผมเลือกตัวเลือกที่สองครับ!" นิคตอบอย่างมั่นใจ เขายิ้มดีใจที่เคทลินมอบโอกาสให้ได้เลือก แต่กลับกันสีหน้าของเคทลินนั้นดูจะไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย เธอเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงเพื่อปกปิดความรู้สึกบางอย่างไว้ เธอมองสีหน้าที่ยิ้มแย้มของคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นตรงหน้าเขา 

"เด็กโง่ ฉันบอกว่ามีตัวเลือกมาเสนอแต่ไม่ได้ให้เธอเลือกเสียหน่อย" เคทลินพูดเสียงเบา มือกำชายกระโปรงแน่นจนมันเป็นรอยยับย่นไม่ต่างจากความรู้สึกข้างในของเธอ

ไม่ทันที่นิคจะได้เปลี่ยนสีหน้าหรือถามคำถามใด ๆ รอบตัวเขาก็เต็มไปด้วยความมืดแล้วก็เข้าสู่นิทรา เคทลินคอยประคองนิคไม่ให้เขาล้มลงไปนอนกองกับพื้น เธอใช้เวทต้านแรงโน้มถ่วงยกตัวนิคขึ้นมานอนยาวบนโซฟาก่อนจะวางมือเหนือศีรษะของเขาแล้วเริ่มการลบความทรงจำ เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาตามมาด้วยเสียงเปิดประตู เรเวนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าเคทลินจะกล้าลบความทรงจำของนิคแบบนี้ เขาเพียงแค่ต้องการให้ทั้งสองคุยปรับความเข้าใจกันเท่านั้น ตอนนี้เคทลินกำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการลบความทรงจำถึงมันจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปีแต่เธอกลับต้องเพ่งสมาธิกับมันมากเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับเธอและนิค เคทลินพยายามประคองสมาธิของตัวเองให้คงที่ไม่ไขว้เขวไปตามความทรงจำของนิคที่ฉายผ่านเข้ามาในหัวเธอ ไม่นานมากนักเธอก็ลบความทรงจำจนเสร็จ เธอปาดน้ำตาของนิคที่ไหลออกมาราวกับรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร 

"เธอทำแบบนี้ไปทำไม" เรเวนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเคทลินลบความทรงจำเสร็จแล้ว

"แล้วฉันทำไงได้ล่ะ ทางนี้มันดีที่สุดแล้ว" เคทลินวาดนิ้วเหนือหน้าผากของนิคก่อนจะร่ายเวทที่ทำให้เขาฝันดี 

"แล้วเธอทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่" เรเวนถามต่อ เขารู้ว่าเคทลินใช้เวลาฝึกหลายปีกว่าจะได้เป็นนักปรุงยาเลื่องชื่อ แต่ในเรื่องเวทด้านอื่นนั้นเธอไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อนมาสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน

"นานพอสมควร และฉันสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วย" เธอหยัดตัวลุกขึ้นยืนข้างนิค เธอยื่นมือทั้งสองออกไปเหนือลำตัวของนิคแล้วหงายฝ่ามือขึ้นราวกำลังยกบางอย่างอยู่ ก้อนพลังเวทสีฟ้าลอยขึ้นจากร่างของนิคแล้วมาหยุดตรงหน้าเคทลิน เธอค่อย ๆ รวบมือทั้งสองข้างเข้าหากันช้า ๆ ขณะเดียวกันกับก้อนพลังเวทของนิคที่ค่อย ๆ เล็กลงตามมือของเธอที่กำลังประกบเข้าหากันเมื่อมือทั้งสองข้างประกบกันพลังเวทของนิคก็ดับไป

"ซูซาน ตอนนั้นว่างรึเปล่า" เคทลินยกโทรศัพท์ขึ้นคุยกับปลายสาย

"ฉันจะพาลูกชายของเธอไปส่งที่บ้าน งั้นเดี๋ยวเจอกันเลย" เมื่อวางสายจากซูซานแล้วเคทลินก็อุ้มร่างของนิคขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน 

"เรเวน ติดต่อพันธมิตรทุกคนให้เข้าประชุมในอีกหนึ่งชั่วโมง" 

"แต่เธอเพิ่งจะ--" 

"ไม่มีเวลาให้เสียใจ" เคทลินพูดขึ้น เธอหันมาทางเรเวนทำให้เขาเห็นใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในตานั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาตลอดเวลา "เรารีบจบเรื่องนี้กันเถอะ"


"อะไรกัน อยู่ ๆ ก็เรียกประชุมด่วนทำไมเนี่ย" ลูซิเฟอร์พูดบ่น เขาจับแต่งทรงผมที่เพิ่งไปทำไฮไลต์สีบลอนด์มาเพิ่มและดูจะไม่พอใจอย่างมากที่ถูกเรียกในวันหยุด 

"ขอโทษแล้วกัน แต่เรื่องนี้มันสำคัญ เร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี" เคทลินเหนื่อยเกินกว่าจะพูดเถียงกับลูซิเฟอร์เหมือนทุกครั้ง 

เฟรย์เหมือนจับสังเกตบางอย่างได้เขาใช้ปลายนิ้วสะกิดหลังมือเธอเบา ๆ 

'เด็กคนนั้นล่ะ' เขาส่งโทรจิตหาเคทลิน 

'ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรามาเต็มที่กับงานตรงหน้าต่อดีกว่า' 

เฟรย์บีบมือเธอเป็นเชิงปลอบใจ

'ฉันไม่เป็นไร ขอบใจ' เคทลินตอบ

"เมื่อวานฉันลองดูนิมิตอีกครั้งแล้วพบกับบางอย่างที่ดูผิดปกติค่ะ" เกว็นเอ่ยขึ้น "เหตุการณ์ทุกอย่างดูจะเหมือนเดิมแต่ถ้าสังเกตดี ๆ แล้วก็จะเห็นว่าตำแหน่งของมิเกลในเหตุการณ์ยิบย่อยนั้นเปลี่ยนไปค่ะ ฉันเกรงว่าหากเป็นแบบนี้อาจจะส่งผลต่อเหตุการณ์หลักได้"

ทั้งห้องเงียบกริบ ทุกคนกำลังคิดถึงเรื่องเดียวกันอยู่ มันเป็นเรื่องเล่าของนักเวทที่หลายคนบอกว่าเป็นเพียงแค่ตำนานไม่มีทางเป็นความจริงได้นั่นคือการควบคุมอนาคต คนที่ใช้เวทนี้ได้จะเป็นดั่งพระเจ้าที่ควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ การที่เกว็นเห็นว่าเหตุการณ์ย่อยที่มีมิเกลอยู่นั้นเปลี่ยนแปลงได้ก็แสดงว่าเขามีพลังมากพอที่จะควบคุมอนาคตได้ ถึงจะไม่รู้ว่าระดับเวทนี้ของเขามากน้อยเพียงใด แต่หากเขาใช้เวทนี้ได้จริงนั่นก็ทำให้เขาเหนือกว่าทุกคนไปหลายขุมแล้ว

"มันมีอยู่จริงงั้นเหรอ ผู้ควบคุม" ลูซิเฟอร์พูดเสียงสั่น เขาเคยมีปากเสียงกับมิเกลและเห็นถึงพลังของเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถควบคุมอนาคตได้ 

"ถ้าคิดในแง่ดีฉันอาจจะเห็นนิมิตคลาดเคลื่อนก็ได้ ยังไงพลังของฉันมันก็ไม่ได้มาก --" 

"ไม่ ในสถานการณ์นี้เราควรคิดแง่ลบไว้จะดีกว่า" เฟรย์ขัดขึ้นมา

"เฟรย์พูดถูก เราต้องหาวิธีตั้งรับในทุกอย่างที่พร้อมจะเกิดขึ้น" 

"แล้วอีกอย่าง" เกว็นเกริ่นขึ้นมา "เหตุการณ์หลักเองก็เปลี่ยนไป" 

ทุกคนดูแตกตื่นทันทีที่ได้ยินเรื่องเหตุการณ์หลักเปลี่ยนไป แม้แต่เฟรย์เองก็ยังขมวดคิ้วเข้าหากัน

"คุณเคทลิน คุณทำอะไรกับเด็กคนนั้นคะ" 

หัวใจของเคทกระตุกวูบ เมื่อเกว็นพูดถึงนิค 

"เด็กคนนั้นหายไปจากเหตุการณ์หลักทั้งหมดเลยค่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะปลอดภัยแล้ว" 

เคทลินทรุดตัวลงบนเก้าอี้อย่างโล่งอกที่ไม่มีนิคมาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์หลัก น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครทั้งนั้น ต่อให้ลูซิเฟอร์จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่กับเธอที่ขี้มูกโป่งอยู่เธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย