เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด - บทที่ 16 บทที่ 16 โดย s.BlackSheep @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว,เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์

รายละเอียด

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด โดย s.BlackSheep @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น

ผู้แต่ง

s.BlackSheep

เรื่องย่อ

เพราะการแก้แค้นนั้นหอมหวานและทำให้คนคนหนึ่งยอมเปลี่ยนตัวตนเพื่อการแก้แค้นอดีตเพื่อนรัก หากแต่การแก้แค้นของเคทลินนั้นทำให้ใครอีกคนได้ค้นพบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน การอยู่ร่วมกันของเคทลินและนิคนั้นจะเป็นเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วที่แตกต่างแต่ก็ดึงดูดเข้าหากันเสมอ

เมื่อนิคได้เข้ามาในโลกของนักเวทก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันมากมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกที่จะเดินทางนี้เอง และเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะมีคนคอยดูแลอย่างเคทลินแห่งเลควูดคอยตามเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง และดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นๆ หลายอย่างรอทั้งสองอยู่เบื้องหน้า

สารบัญ

Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 0 บทที่ 0,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 1 บทที่ 1,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 2 บทที่ 2,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 3 บทที่ 3,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 4 บทที่ 4,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 5 บทที่ 5,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 6 บทที่ 6,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 7 บทที่ 7,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 8 บทที่ 8,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 9 บทที่ 9,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 10 บทที่ 10,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 11 บทที่ 11,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 12 บทที่ 12,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 13 บทที่ 13,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 14 บทที่ 14,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 15 บทที่ 15,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 16 บทที่ 16,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 17 บทที่ 17,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 18 บทที่ 18,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 19 บทที่ 19,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 20 บทส่งท้าย,Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูด-บทที่ 21 ตอนพิเศษ

เนื้อหา

บทที่ 16 บทที่ 16

ในห้องประชุมขนาดเล็กของเซฟเฮ้าส์ที่ยูริเอลพาทุกคนมาหลบหนี นิคนั่งตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจทันทีที่เห็นได้ชัดว่าเงาตะคุ่มที่หางตานั้นเป็นมิเกล หรือก็คือพ่อแท้ ๆ ของเขา ต่อมาเขาเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงสิ่งที่มิเกลทำกับเคทลิน เขาหยัดตัวยืนขึ้นแล้วพุ่งหมัดไปยังทิศที่มิเกลอยู่ในทันที แต่กลับกลายเป็นว่าหมัดนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงห้องเสียอย่างนั้น

"ให้ตายสิ ดูท่าความฉลาดคงไม่ส่งต่อทางสายเลือด" มิเกลแสร้งยกมือป้องปากขำ

นิคมองดูมือตัวเองที่ห้อเลือดสลับกับมิเกล เมื่อครู่ที่เขาพุ่งหมัดเข้าใส่นั้นราวกับต่อยอากาศที่ว่างเปล่า บางทีมิเกลคงใช้เวทบางอย่างทำให้เขาแตะต้องตัวไม่ได้

"ผิดแล้วล่ะ" มิเกลเอ่ยขึ้นเมื่อได้ฟังความคิดของนิคพลางเดินเข้าไปใกล้เขา "นี่คือการผูกจิต จิตของเราผูกกันทางสายเลือดไม่จำเป็นต้องใช้เวทขั้นสูงใด ๆ เราก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ และผมสามารถไปหาเธอตอนนี้ยังได้เลย"

นิคแทบจะหยุดหายใจเมื่อชายผู้อ้างสิทธิ์เป็นพ่อของเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า นี่หมายความว่าที่ผ่านมามิเกลรับรู้ถึงเขามาโดยตลอด แต่กลับไม่มาหาเขาแล้วฉกเอาพลังในตัวเขาไป หรือเขาจะวางแผนอะไรไว้ จู่ ๆ สิ่งที่เคทลินพูดก็แล่นเข้ามาในหัวแต่นิคก็สลัดมันออกไปในทันทีที่นึกถึงสิ่งที่มิเกลทำกับเคทลิน มันไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง

"อา งั้นเหรอ แม้แต่เคทลินก็ยังให้อภัยผมอีกงั้นเรอะ ช่างเป็นแม่พระเสียจริง ๆ" มิเกลเหยียดยิ้มพร้อมทั้งระเบิดหัวเราะออกมา

นิคมองมิเกลอย่างงุนงง บางที่เขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ อย่างที่เคทลินกับยูริเอลว่า "คุณเคทลินไม่ได้บอกว่าจะให้อภัยคุณ" นิคกัดฟันกรอดขณะพูด มือสองข้างกำหมัดแน่นเสียจนเล็บของเขาจิกลงไปในเนื้อ "ต่อให้คุณเคทลินให้อภัย ผมก็จะเป็นคนที่ตามจองล้างจองผลาญคุณแทน"

"แหม ผมเป็นพ่อของเธอแท้ ๆ แต่เธอกลับไปให้ความสนใจกับคนอื่นงั้นเหรอ ผมนี่ช่างน่าเวทนาเสียจริง" มิเกลตีหน้าเศร้า เขาไพล่มือไว้ข้างหลังแล้วถอยห่างจากนิคหนึ่งก้าว "หวังว่าเจอกันคราวหน้าคุณจะเรียกผมว่า พ่อ สักทีนะ" เขาพูดเน้นคำก่อนจะเดินถอยหายไปในมุมมืดของห้อง

หัวใจของนิคเต้นโครมครามอยู่ในอกราวกับเสียงกลอง เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ความรู้สึกโกรธถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ที่ซัดฝั่ง เขาโกรธที่ตัวเองยังเก่งไม่มากพอ ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่เป็นตัวเสริม ไม่ก็ตัวถ่วงของกลุ่มเท่านั้น

"นายละเมองั้นเหรอ" คาร์เธอร์คนน้องโผล่หน้ามาจากประตูที่เขาเปิดแง้มเข้ามา เขาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงงวย เมื่อครู่ลูซิเฟอร์ได้ยินเสียงของนิคดังมาจากห้องประชุมขณะที่เขาออกมาเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อแง้มประตูดูก็เห็นนิคกำลังพูดกับใครบางคนอยู่แต่เขากลับไม่พบคู่สนทนาของนิคจึงแอบดูต่ออยู่ครู่หนึ่งจนถึงเมื่อครู่นี้

"คุณแอบดูผมอยู่เหรอ" นิคเอ่ยถาม เขาเดินไปเปิดประตูให้ลูซิเฟอร์เข้ามาในห้อง

"ก็ประมาณนั้น" ลูซิเฟอร์ตอบทั้งที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้เข้าไปในห้องตามที่นิคเชื้อเชิญ "ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นใช่ไหม" เขาถามต่อ สายตาสอดส่องไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

นิคส่ายหน้าปฏิเสธ เมื่อได้คำตอบแล้วลูซิเฟอร์ก็เดินกลับไปโดยไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ


"เด็กของเธอทำตัวแปลก ๆ นะ" ลูซิเฟอร์พูดกับเคทลินในเช้าตรู่วันต่อมาขณะที่เคทลินกำลังตรวจเช็กของในกระเป๋า

วันนี้แผนของพวกเขาคือส่งตัวอัสมิตาไปสืบว่ามิเกลยังคงอยู่ที่สภาหรือไม่ แล้วจึงค่อยแทรกซึมเข้าไปเจรจาต่อรองแต่หากไม่เป็นผลจึงค่อยใช้กำลังในการต่อรอง แต่ก็คงต้องภาวนาให้แผนแรกสำเร็จเพราะหากเกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นมาจริง ๆ ก็คงไม่พ้นการขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะงั้นพวกเขาจึงต้องชิงเปิดเผยความสกปรกของมิเกลออกมาให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

"หมายความว่าไง" เคทลินถามเสียงเรียบ เธอเริ่มจะชินกับนิสัยสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนร่วมงาน แต่ในบางครั้งนิสัยของเขานั้นก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย

"อืม..." ลูซิเฟอร์แสร้งทำเป็นขมวดคิ้วครุ่นคิดพลางใช้มือลูบคาง "ฉันเห็นเด็กนั่นพูดกับใครบางคนแต่..."

เคทลินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป เธอใช้สายตาคาดคั้นให้อีกฝ่ายที่กำลังลีลารีบพูดออกมาโดยไว

"ในห้องนั้นมีแค่นิคอยู่คนเดียวแต่เขากลับพูดราวกับกำลังโต้ตอบกับใครบางคนอยู่" ลูซิเฟอร์ลดระดับเสียงลงเป็นกระซิบแทน เขายกมือขึ้นป้องปาก สายตาก็สอดส่องไปรอบ ๆ ว่ามีใครแอบฟังอยู่หรือเปล่า

"นายจะบอกว่าเขาแอบติดต่อกับมิเกลเหรอ" เคทลินถาม

"ก็คงประมาณนั้น เขาพูดเรื่องไม่ให้อภัยอะไรทำนองนั้นอีกทั้งยังมีชื่อของเธออยู่ในบทสนทนา เพราะงั้นคงเป็นปัญหาพ่อลูกทะเลาะกัน" ลูซิเฟอร์พูดสรุป

"อย่าเรียกคนแบบไอ้หมอนั่นว่าพ่อเลย" เคทลินทำสีหน้าเอือมระอา มือยกขึ้นถูต้นคอไปมา เธอยังคงรู้สึกขยะแขยงทุกครั้งที่ได้ยินชื่อหรือนึกถึงมิเกล

"พวกเธอไม่คิดถึงกรณีที่ทั้งสองมีจิตที่ผูกกันบ้างเลยหรืออย่างไร" เสียงกระซิบที่สามแทรกเข้ามาทำเอาลูซิเฟอร์สะดุ้งโหยง เขาหันไปมองค้อนเฟรย์ที่ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูเหมือนอย่างที่เขากำลังสื่อสารกับเคทลิน

"เอาเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวเขาก็คงมาบอกฉันเองน่ะแหละ" เคทลินตัดบทสนทนาลง เธอหยิบขวดยาสีชาใบจิ๋วที่ไมเคิลให้ออกมาวางเรียงตามลำดับความแรงของพิษและมันถูกจัดอยู่ในอันดับสูงสุด

"ทำไมฉันไม่คุ้นยาขวดนั้นเลย" เฟรย์เอ่ยถามก่อนจะยกมันขึ้นมาดูก่อนจะพบเพียงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ามันเป็นยาพิษ

"นั่นเพราะฉันไม่ได้ปรุงมันขึ้นมาน่ะสิ ไมเคิลให้ฉันมา และฉันคิดว่าควรแบ่งมันใส่หลอดไมโครเซนติฟิวก์อีกทีจะได้ไม่เผลอทำให้ใครต้องตาย" เคทลินพูดขอโทษไมเคิลในใจ เธอเลี่ยงที่จะบอกว่าโอฟีเลียเป็นคนสั่งทำมันขึ้นมาเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้น เพราะเธอไม่อยากจะปวดหัวกับเรื่องวุ่น ๆ ไปมากกว่านี้อีกแล้ว

"มันใช้งานแบบไหนกัน" ลูซิเฟอร์ถาม เขามองเคทลินบีบจุกยางของหลอดหยดดึงเอาของเหลวสีใสขึ้นมาแล้วหยดลงในหลอดไมโครอะไรนั่นที่เขาไม่เคยได้ยิน และเธอก็แบ่งมันได้ทั้งหมดสามหลอด

"หนึ่งหยดให้พลังเวทเสื่อม หนึ่งขวดให้คนตาย" เคทลินตอบสั้น ๆ เธอเก็บหลอดหนึ่งไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตของเธอและอีกสองหลอดไว้ในกระเป๋าตามเดิม "และไม่ต้องถามต่อด้วยว่าไมเคิลเอามาจากไหน เสร็จจากงานนี้ฉันจัดการเรื่องยานี่ต่อเอง"

นักเวททั้งสองมองตามยาที่เคทลินส่งมันลงไปในกระเป๋า ทั้งคู่สบตากันแล้วได้แต่คิดว่าสิ่งที่เธอพกไว้นั้นช่างอันตรายเหลือหลายสำหรับคนแบบพวกเขา

นิคโผล่หน้าเข้ามาในห้องประชุมสายตาของเขากวาดมองบรรดาของที่เธอวางเรียงบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาร้องเรียก "คุณเคทลิน ผม --"

"มีเรื่องจะคุยกับฉันใช่ไหม" เคทลินชิงถามกลับ เธอทิ้งสารพัดของที่เธอกำลังจัดเรียงไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปหานิคในทันทีราวกับกำลังรอการปรากฏตัวของเขาอยู่ตลอดเวลา

"คุณรู้" นิคถามอย่างประหลาดใจ

"ไม่มีความลับในโลกถ้าลูซิเฟอร์เป็นคนค้นพบความลับเหล่านั้น" เคทลินตอบก่อนจะดันหลังนิคไปยังอีกห้องพร้อมกับปิดประตูลงทิ้งให้เฟรย์และลูซิเฟอร์อยู่ในห้องตามลำพัง

"ฉันไม่มีวันให้นายรู้ความลับของฉันหรอก" เฟรย์แสร้งทำเป็นถอยห่างออกมาจากลูซิเฟอร์ที่ยังคงอ้าปากค้างจะแก้ต่างให้ตัวเองอยู่

"ฉันไม่ได้ปากโป้งขนาดนั้นนะ!"


"ก็คือเธอกับมิเกลผูกจิตกันทางสายเลือดแต่เธอไม่สามารถใช้ความสามารถนั้นได้เพราะเพิ่งใช้เวทเป็นต่างจากมิเกลสินะ" เคทลินพูดสรุป ข้างเธอเป็นยูริเอลที่นั่งฟังอยู่ด้วยอย่างจำยอมหลังจากที่ถูกเคทลินบ่นเรื่องเวทอาณาเขตของเขาไม่ครอบคลุมถึงการผูกจิตของมิเกล

"ไปตามเฟรย์มาหน่อย" เคทลินหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ทันทีที่ยูริเอลออกไปจากห้องเธอก็หันกลับมาทางนิคต่อ "เอาล่ะ หลับตาลง ตั้งสมาธิ"

นิคทำตามที่เคทลินบอกอย่างว่าง่าย

"ตั้งสมาธิให้ดีลองนึกถึงสิ่งที่ทำให้นึกถึงอีกฝ่ายไว้ จะกลิ่น เสียง หรือรูปร่างหน้าตา อะไรก็ได้ของอีกฝ่าย"

เขาพยายามนึกถึงใบหน้าและน้ำเสียงของมิเกลแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเฟรย์ เขาได้ยินเสียงทั้งสองพูดคุยกันเรื่องการผูกจิตและการสอนให้เทเลพอร์ตไปยังจุดที่ผู้ที่ผูกจิตด้วยอยู่ในขณะนั้น เคทลินบอกให้เขาลืมตาขึ้นมาดูการสาธิตของเธอก่อน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ไม่พบเฟรย์ในห้องแล้ว

"มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยสำหรับมือใหม่ เอาล่ะสิ่งที่ฉันนึกถึงเฟรย์ก็คือเสียงเปิดหน้าหนังสือกับกลิ่นกระดาษ แล้วก็เทเลพอร์ต" เคทลินอธิบายพลางนึกถึงสิ่งที่เธอพูดแล้วเธอก็อันตรธานไปจากห้องนั้น ครู่ต่อมาเคทลินก็กลับมาที่เดิมและหลังจากนั้นไม่นานเฟรย์ก็ปรากฏตัวตามเธอมา

"ในกรณีที่ต้องการสำรวจว่าอีกฝ่ายอยู่ตำแหน่งไหนก็ใช้วิธีเดียวกันแต่พยายามอย่าเทเลพอร์ตไป เพียงแค่เฝ้าดูเท่านั้น" เคทลินอธิบายเพิ่มเติม "มันอาจดูง่ายก็จริง แต่ค่อนข้างใช้พลังเวทเยอะพอสมควร ดังนั้นใช้เวลาจำเป็นเท่านั้น"

"ผมมีคำถาม" นิคยกมือขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเคทลินพยักหน้าจึงพูดต่อ "ในการผูกจิตสามารถทำได้มากกว่าหนึ่งคนไหมครับ"

เคทลินหันไปทางเฟรย์ราวกับขอความเห็น เขาพยักหน้าตอบรับโดยไม่ต้องสนทนาอะไรกัน

"ได้ ถ้าเธอต้องการที่จะผูกจิตกับฉัน แต่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นตกลงไหม"


หน้าเซฟเฮ้าส์ในยามกลางวันนั้นไม่ต่างจากกลางคืนนัก เนื่องด้วยตัวบ้านตั้งอยู่ในป่าทึบแสงสว่างส่องแทบไม่ถึง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังสว่างพอที่จะเดาเวลาได้ว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ หญิงผิวเข้มนั่งอยู่ที่บันไดหน้าประตูเซฟเฮ้าส์ เมื่อคืนเธอเพิ่งจะได้รับมอบหมายงานสำคัญให้ทำในเย็นวันนี้ แต่ตอนนี้เธอดันถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้นเพราะสมาชิกคนล่าสุดดันค้นพบวิธีที่ง่ายกว่าการแทรกซึมซึ่งเป็นงานถนัดของเธอ

หลังการประชุมใหม่ในสายวันนี้ทำให้เธอถูกปลดออกจากหน้าที่แสนสำคัญ และหน้าที่ใหม่ของเธอตอนนี้คือเฝ้าระวังอยู่ภายนอกเซฟเฮ้าส์ราวกับเธอเป็นกล้องวงจรที่คอยหันซ้ายหันขวาตามสิ่งต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวไปมา หากถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ก็คงจะเป็นความรู้สึกเสียใจเพราะเคทลินเป็นคนออกปากบอกเองว่าไม่อยากให้เธอเสี่ยงเข้าไปในสภาเวลานี้ และจะใช้ความสามารถใหม่ของนิค (ที่ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้) ในการสอดแนมแทนเสียอย่างนั้น

เสียงเปิดประตูดังขัดความคิดยุ่งเหยิงในหัวของอัสมิตา เธอหันกลับไปมองก็พบกับเคทลินที่เดินออกมา

"เสียงความคิดของเธอมันดังไม่หยุดเลยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง" เคทลินหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ อัสมิตา แผนสำหรับวันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว และเธอก็อยากให้มีคนเจ็บตัวน้อยที่สุด นิคเองก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่ เขาสามารถเรียนรู้ได้ไว เมื่อครู่เขาเพิ่งจะได้ผูกจิตกับเธอและเริ่มที่จะจับเค้าลางของมิเกลได้แล้ว

"มันอดน้อยใจไม่ได้นี่คะ" อัสมิตาพูดตัดพ้อ เธอรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เก่งด้านไหนเป็นพิเศษ อีกทั้งยังใช้พรสวรรค์อย่างการควบคุมจิตใจไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย นับว่าเป็นพรที่สวรรค์ส่งมาให้ผิดคนก็ว่าได้

"ถ้าเธออยากช่วยละก็ได้ แต่พยายามอย่าให้ตัวเองเจ็บตัว" เคทลินนึกไอเดียบางอย่างออก มันออกจะเสี่ยงเกินไปหน่อยแต่ก็คงคุ้มค่าพอตัว

"ฉันพร้อมสละตัวเองเพื่อคุณเคทลินเสมอค่ะ ขอแค่คุณเอ่ยมา..."


"คุณมิเกลคะ! ได้โปรดฟังที่ฉันจะพูดก่อนค่ะ!" อัสมิตาตะโกนแหวกเสียงสายลมที่หวีดหวิดไปรอบตัว เธอหันกลับไปทางซ้ายมือก็มองเกว็นที่หลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ของอาคารสภา เกว็นแทบจะไม่มีความสามารถในเวทด้านอื่นนอกจากการพยากรณ์เลย การที่เธอหลบอยู่แบบนั้นก็คงจะดีที่สุด ส่วนทางขวาเป็นเทวินที่นอนหมดสภาพหลังจากถูกยูริเอลอัดหินขนาดเท่ากำปั้นเข้าใส่หน้าท้องเขาอย่างจังจนนอนจุกอยู่ที่พื้น

นี่มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเธอวางแผนเลย และดูเหมือนว่าเธอจะต้องด้นสดแผนใหม่ขึ้นมาแล้วพับแผนเก่าลงไปในมุมลึกสุด อัสมิตาได้แต่ภาวนาว่านี่อาจเป็นเพียงความฝันหรือการจำลองก่อนลงสนามจริง


"เขาพร้อมแล้ว" เฟรย์เดินมาบอกเคทลินที่นั่งอยู่เคียงข้างอัสมิตาที่กำลังออดอ้อนเธอ

"ไวกว่าที่คิดไว้อีกนะ" เคทลินหยัดตัวขึ้นเธอยืนมือขวาออกไปช่วยพยุงให้อัสมิตาลุกตามมา "เธอไปอยู่กับเฟรย์แล้วกัน หากสบโอกาสเมื่อไหร่เธอก็ทำตามที่ฉันบอกเลย"

ในห้องประชุมทุกคนต่างรอพวกเธออยู่แล้ว รวมไปถึงเรเวนด้วย เคทลินเห็นร่างสูงของเขาโดดเด่นกว่าใครในห้องนี้ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้จึงต้องเฝ้ารออยู่ที่นี่ไปก่อน

"ฉันกับนิคจะนำไปก่อน เมื่อได้ตำแหน่งที่แน่ชัดแล้วจะบอกเฟรย์ทันที" เคทลินทวนแผนขั้นแรกอีกครั้ง ทุกคนพยักหน้ารับยกเว้นเรเวนที่ยืนพิงผนังนิ่งไม่ไหวติง และเคทลินไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้เหมือนทุกครั้ง

"ฉันจะรอทุกคนอยู่ที่นี่นะ" เรเวนพูดขึ้น เขาหมายถึงทุกคนต้องกลับมาหาเข้าที่เซฟเฮ้าส์หลังนี้

"แน่นอน" เคทลินตอบก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือนิค ทางนิคเองก็โบกมือพร้อมกับยิ้มให้เรเวนก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปจากตรงนั้น


"ที่นี่..." นิคเอ่ยขึ้นเมื่อภาพตรงหน้าชัดเจน แสงสีแดงยามโพล้เพล้สาดส่องเข้ามาตามหน้าต่างย้อมให้ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยสีแดง

'เฟรย์ โถงสภาชั้นหนึ่ง' เคทลินรีบส่งโทรจิตไปหาเพื่อนที่รออยู่ทันที พลันสายตาของเธอก็เห็นร่างของใครบางคนเดินมา มือของเธอคว้าข้อมือของนิคแล้วลากเขาไปหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่

"อะไรกัน เธอมาที่นี่เพื่อมาหาผมไม่ใช่เหรอ" เสียงของมิเกลดังก้องไปทั่วสภาที่ดูเหมือนจะร้างผู้คน "คงไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะหนีหรอกใช่ไหม"

ต่อให้เธอไม่เห็นสีหน้าของมิเกลในตอนนี้เคทลินก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังระบายยิ้มอาบยาพิษนั่นอยู่บนหน้าเป็นแน่

'เฟรย์! โถงสภา!' เคทลินร้องเรียกเฟรย์อีกครั้ง มีบางอย่างแปลก ๆ เคทลินโผล่หน้าออกมามองมิเกล วันนี้เขาใส่สูทสีขาวที่ตอนนี้ถูกย้อมด้วยสีแดงของแสงอาทิตย์ ใบหน้าของเขากำลังยิ้มราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ตู้ม

เสียงบางอย่างกระทบกับเสาที่ทั้งสองกำลังหลบอยู่อย่างแรงจนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน นิครีบรุดลากเคทลินให้พ้นจากเสาที่กำลังล้มลงมาได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะวิ่งไปหลบหลังเสาอีกต้น

"บ้าฉิบ" เคทลินสบถคำหยาบออกมาเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน เธอประมาทที่ประเมินมิเกลต่ำเกินไป "นิค ถ้าเฟรย์ยังไม่มาอีกในครึ่งนาทีฉันจะส่งเธอกลับไป"

นิคแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบังที่ถูกเคทลินปฏิบัติแบบเดียวกับครั้งก่อน

เคทลินถอนหายใจออกมาเสียงดัง "ก็ได้ ๆ แต่ถ้าฉันบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม นั่นก็เพื่อตัวเธอเอง"

'โถงสภา! ด่วนเลย!' เคทลินส่งโทรจิตไปอีกครั้ง เธอนับเวลารอพลางลอบมองมิเกลที่กำลังเดินใกล้เข้ามา เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีตั้งแต่เคทลินเรียกเฟรย์ครั้งล่าสุดแต่เธอกลับรู้สึกนานเสียจนร้อนรนเพราะมิเกลใกล้เธอเข้ามาทุกขณะ

"นิค ป้องกันฉัน" เคทลินพูดพร้อมกับพุ่งตัวออกจากที่กำบังโดยไม่รอคำตอบรับจากนิค เธอเรียกมวลน้ำมหาศาลมาแล้วสาดมันใส่มิเกล อีกฝ่ายทำเพียงโบกมือมวลน้ำทั้งหลายก็ถูกไฟที่เรียกมาแผดเผาจนมันระเหยกลายเป็นไอฟุ้งไปทั่วโถง ครู่ต่อมาเกิดเสียงวัตถุบางอย่างพุ่งด้วยความเร็วแหวกผ่านอากาศ เสียงหัวเราะของมิเกลหยุดลง พร้อมกับเสียงวัตถุแหวกอากาศดังขึ้นอีกครั้ง แต่ทิศทางของมันเปลี่ยนไปและเสียงก็ใกล้เธอเข้ามาเรื่อย ๆ เคทลินตั้งท่าจะสร้างแนวป้องกันแต่ก็ถูกมือหยาบกร้านที่คุ้นเคยฉุดไปข้างหลังก่อนที่เขาจะมาอยู่ข้างหน้าเธอและวาดมือเป็นแนวป้องกันเคียงข้างนิค

"มาช้า!" เคทลินตะเบ็งเสียงพูดแข่งกับน้ำแข็งที่กำลังปะทะเข้ากับแนวป้องกันที่เฟรย์และนิควางไว้ เธอกวาดสายตามองคนอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับเฟรย์ การได้เห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าทำให้เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมา

"ไปโทษสิ่งที่ไอ้นั่นทำไว้ดีกว่า" เฟรย์กล่าวพาดพิงถึงชายในสูทขาวที่ตอนนี้มีสีหน้าบูดบึ้งอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

เป๊าะ

เสียงดีดนิ้วดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของนักเวทที่ซ่อนตัวอยู่ตามเงามืดของตัวอาคาร เทวินเปิดฉากเข้าปะทะกับยูริเอลทันที เขาตะโกนเรียกยูริเอลว่าไอ้คนทรยศ และถูกเขาตะโกนก่นด่าที่ทำให้เขาไม่มีทางเลือกในการเลือกฝักฝ่าย อัสมิตากระโดดเข้าใส่ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเธอใช้ด้ามมีดกระทุ้งเข้าที่ลิ้นปี่ทำให้อีกฝ่ายทรุดตัวลงกับพื้น ทางเกว็นและลูซิเฟอร์นั้นเป็นหน่วยสนับสนุนที่คอยช่วยรักษาและส่งต่อเวทวัตถุให้แก่คนในทีม

"เธอสองคน" มิเกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสงบ สีหน้าบูดบึ้งเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงใบหน้านิ่งเรียบที่ดูสงบราวกับว่าการปะทะกันของคนอื่นรอบตัวเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไร "ผมอยากคุยเป็นการส่วนตัว"

พลันรอบข้างของเคทลินและนิคก็มีเกราะโปร่งใสบางอย่างห่อหุ้มไว้ เฟรย์เห็นดังนั้นก็รีบพุ่งตัวไปยังตำแหน่งที่เคทลินอยู่ เขายื่นมือออกไปข้างหน้าหมายจะจับมือของเธอไว้แต่ทั้งสองก็ได้อันตรธานไปจากจุดนั้นแล้ว

"คุณมิเกลคะ! ได้โปรดฟังที่ฉันจะพูดก่อนค่ะ!" อัสมิตาเอ่ย เธอพยายามรั้งมิเกลไว้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาได้อันตรธานหายไปจากห้องโถงเช่นเดียวกับเคทลินและนิค

"ขอให้ทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัยนะคะ" อัสมิตาพูดก่อนจะตวัดแส้ในมือซ้ายตัดอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว เธอเองก็จะทำสิ่งที่เคทลินมอบหมายให้สำเร็จแล้วกลับไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน