เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น
แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว,เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูดเคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น
เพราะการแก้แค้นนั้นหอมหวานและทำให้คนคนหนึ่งยอมเปลี่ยนตัวตนเพื่อการแก้แค้นอดีตเพื่อนรัก หากแต่การแก้แค้นของเคทลินนั้นทำให้ใครอีกคนได้ค้นพบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน การอยู่ร่วมกันของเคทลินและนิคนั้นจะเป็นเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วที่แตกต่างแต่ก็ดึงดูดเข้าหากันเสมอ
เมื่อนิคได้เข้ามาในโลกของนักเวทก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันมากมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกที่จะเดินทางนี้เอง และเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะมีคนคอยดูแลอย่างเคทลินแห่งเลควูดคอยตามเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง และดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นๆ หลายอย่างรอทั้งสองอยู่เบื้องหน้า
"แม่ครับ" เสียงร้องเรียกเธอดังมาจากหน้าประตูบ้าน ซูซานวางดินสอในมือลงบนโต๊ะและเดินไปตามเสียงเรียกของนิค เธอไม่ยักจะได้ยินเสียงประตูเลยแม้แต่นิดเดียวแต่เสียงที่เรียกเธอนั้นกลับดังมาจากในตัวบ้าน
"โถนิค ทำไมตัวเปียกแบบนั้นล่ะ" ซูซานวิ่งกลับไปอีกครั้งเมื่อเห็นสภาพลูกชายตัวเปียกปอนกลับมา เธอเดินออกพร้อมกับผ้าขนหนูผืนหนึ่งก่อนจะส่งมันให้กับนิค ซูซานชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างก็พบกับอากาศที่แจ่มใส ไม่มีเค้าฝนเลยแม้แต่น้อย เธอหันกลับไปมองนิคอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลหม่นราวกับสโมคกี้ควอตซ์ของเขาสบกับเธอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอเริ่มรู้สึกว่าดวงตาของเขานั้นดูแปลกไป
"เราต้องคุยกัน" ราวกับอ่านความคิดของผู้เป็นแม่ได้
นิคผายมือไปทางโซฟาให้ซูซานนั่งคุยกับเขา แล้วเขาก็เริ่มต้นเล่าเรื่องสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่อาการปวดหัวที่เป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงเรื่องชื่อของใครบางคนที่เขาพยายามคิดให้ตายอย่างไรก็คิดไม่ออกและความสามารถที่เพิ่งค้นพบ เขาพยายามเรียบเรียงความทรงจำที่ขาดหายไปตัวคนเดียว จนในที่สุดวันนี้ความทรงจำทั้งหมดของเขาก็กลับคืนมา
"ที่ผมบอกว่าวันนี้มีนัดกับพี่ซานานั้นผมโกหกครับ" นิคยอมรับ สายตามองไปยังผู้เป็นแม่ที่ของเขาอย่างเป็นห่วง ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกของแม่เสียทีเดียว ความสัมพันธ์ของแม่กับพี่สาวของเขานั้นไม่อาจจะเชื่อมกันได้แล้ว ตอนนี้แม่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจได้ ก็คงไม่แปลกที่แม่จะเป็นห่วงเขามาก
"ผมไปบ้านของคุณเคทลินมา..." นิคเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเม้มริมฝีปาก มือทั้งสองข้างประสานเข้าหากันและถูไปมาอย่างอยู่ไม่สุข "ผมเจอคุณเฟรย์ที่นั่น เขาบอกว่าคุณเคทลินหายตัวไปหลายวันแล้ว"
ซูซานเบิกตากว้างเธอเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ช่วงนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเลควูดเล็ดลอดออกมาเลย ข่าวล่าสุดที่เธอรู้คือเลควูดประกาศปิดเมือง บางทีเคทลินอาจกำลังทำบางอย่างที่อันตรายอยู่ก็ได้
"ลูกจะไปช่วยเคทสินะ" ซูซานเอ่ยถาม อันที่จริงเธอก็พอจะรู้คำตอบของคำถามนี้อยู่แล้ว นิคเป็นห่วงเคทลินไม่แพ้เธอ และถ้าเคทลินรู้ว่าเธอปล่อยให้นิคไปอยู่ท่ามกลางอันตรายก็คงโดนฝ่ายนั้นบ่นจนหูชาเป็นแน่
"ครับ" นิคตอบ "ผมจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไว้ผมจะกลับมาให้แม่ดุจนเบื่อไปเลย" เขาพูดติดตลกเมื่อเห็นซูซานมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด
"ไปเถอะ" เธอตอบ "ไปช่วยเคทเถอะ ไว้กลับมาแล้วเราจะพาไปกินเค้กเลมอนที่ลูกชอบ"
ก๊อก ก๊อก
เสียงหลังมือของเคทลินเคาะกับเกราะที่ห่อหุ้มพวกเธอไว้อยู่ ดูเหมือนว่ามิเกลจะส่งทั้งสองมาอีกที่หนึ่ง มันมืดสนิทและไม่สามารถใช้พลังเวทในนี้ได้เหมือนกับคุกนั่น
เคทลินนึกกลัวขึ้นมาจับใจ เรื่องเล่าที่ว่าคุกเวทมนตร์นั้นทำให้คนเป็นบ้าดูท่าจะเป็นเรื่องจริง ตอนนี้เธอเริ่มวิตกกับสถานการณ์และสถานที่นี้ หัวใจของเธอเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่รอมร่อ
"คุณเคทลิน" เสียงของนิคดังขึ้นไม่ไกลจากเธอ ต่างคนต่างมองไม่เห็นซึ่งกันและกัน นิคปัดป่ายมือของตัวเองไปมาเพื่อควานหาเคทลิน เขาได้ยินเสียงหายใจที่ดังกว่าปกติ บางทีนี่อาจเป็นผลจากการที่เธอถูกขังอยู่ในคุกด้วย แค่เรื่องที่มิเกลทำก็แย่พอแล้ว สภาพแวดล้อมในคุกนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมีแต่จะแย่ลง
ทันทีที่มือของนิคสัมผัสปลายนิ้วที่เย็นเฉียบของเคทลินได้เขาก็รีบกอบกุมมือที่สั่นเทาข้างนั้นไว้ในทันทีราวกับกลัวว่ามันจะหายไป เขาได้ยินเสียงหวีดร้องที่เธอพยายามกลั้นมันไว้ นั่นทำให้นิคชะงักไปครู่หนึ่ง เคทลินที่เขารู้จักเป็นคนแข็งแกร่ง ถึงเธอจะชอบบ่นเรื่องงานหนักมากขนาดไหนเธอก็ไม่เคยแสดงความกลัวหรือท้อใจออกมาเลย การที่เขาได้เห็นเคทลินในตอนนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าลึก ๆ แล้วเธอคงจะเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้มากมายโดยที่ไม่ได้บอกใคร
"ผมเองครับ" นิคใช้นิ้วโป้งลูบไล้หลังมือของเคทลินอย่างเบามือเพื่อปลอบประโลมเธอที่กำลังวิตกกับสถานการณ์ตอนนี้ "ถ้าไม่ไหวก็บอกผม ผมจะช่วยคุณเคทลินเอง"
เคทลินไม่ได้ตอบกลับ มือของเธอบีบมือนิคแน่นเป็นคำตอบ ในตอนนี้เขาไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็จริงแต่ถ้าให้เดาเธอคงกำลังหลบซ่อนน้ำตาของตัวเองในความมืดอยู่ มือของนิคยังคงบีบมือของเคทลินไว้แน่น พลันเขาเกิดรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง เขาทดลองเรียกดวงไฟออกมาดวงหนึ่ง และมันได้ผล แสงสว่างจากดวงไฟนั้นสว่างพอที่จะเห็นใบหน้าของเคทลินที่เต็มไปด้วยความน้ำตา ปากของเธอเม้มเป็นเส้นตรงเพื่อสะกดเสียงกรีดร้องต่าง ๆ ให้อยู่ข้างในต่อไป ทันทีที่เห็นแสงสว่างเธอดูจะตกใจแล้วจึงใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะลองเรียกดวงไฟออกมาเช่นกัน แต่ดูเหมือนสมาธิของเธอจะไม่มั่นคงพอจึงทำให้ดวงไฟที่เธอเรียกออกมามีขนาดเล็กและไม่นานมันก็เกิดประกายไฟก่อนจะสลายไปในความมืด
"ไม่ต้องฝืนตัวเองนะครับ ผมจะหาทางออกจากที่นี่เอง" นิคพูด จากการทดลองเมื่อครู่การที่เขาจับมือกับเคทลินอาจเกิดการส่งทอดพลังให้แก่กันและกันจนทำให้พลังที่ออกมานั้นแข็งแกร่งมากเกินกว่าที่เวทรอบตัวพวกนี้จะกดพลังไว้ได้
"โอ๊ะ ไม่เลวนี่" เสียงของมิเกลดังขึ้นในความมืด มันดังขึ้นจากทุกทิศทางรอบตัว เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดังสะท้อนจากทางซ้าย จากนั้นจึงดังจากทางขวาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาอยู่หยุดตรงหน้าทั้งสอง แสงไฟของนิคส่องให้เห็นชายตรงหน้าในชุดสูทสีขาวที่ถูกย้อมไปด้วยความมืด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาปรากฏเหมือนอย่างเคย เขาวาดมือไปในอากาศพลันความมืดก็หายไปหมด รวมถึงเวทที่ห่อหุ้มพวกเขาไว้ด้วย รอบข้างกลายเป็นป่าและทะเลสาบ ที่นี่คือที่ฝึกซ้อมที่เคทลินและเฟรย์มาเป็นประจำ
เธอไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่ามิเกลต้องการจะทำอะไรกับพวกเธอกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือสิ่งที่เกว็นเคยบอกมาตั้งแต่แรก นั่นคือการตายของนิค ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เพราะงั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่นิมิตนั้นจะกลับมาอีกครั้ง
"ผมอยากคุยกับเธอนะนิค" มิเกลตีหน้าเศร้า เขามองไปทางเคทลินครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ "สำหรับคุณ ผมต้องขอโทษในสิ่งที่ผมทำลงไปด้วย"
"คิดว่าคำขอโทษมันรักษาทุกอย่างได้หรือไงกัน" เคทลินรู้สึกเลือดขึ้นหน้าในทันที เธออยากจะถอนคำพูดเรื่องแผนการที่จะเจรจากับเขาแล้วขยี้เขาให้แหลกเสียเดี๋ยวนี้ ในตอนนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิงให้เธอคิดแบบนั้น แต่ทันทีที่เห็นเขาไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจต่อสิ่งที่ตนกระทำลงไปก็ยิ่งทำให้ความเดือดดาลในตัวเธอนั้นทวีคูณขึ้นไปอีก
นิคเดินขึ้นมาข้างหน้าขวางเคทลินไว้ คนที่มิเกลต้องการคุยด้วยคือเขา "มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะครับ" นิคจ้องมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา คนตรงหน้าเป็นคนที่เขาอยากรู้จักที่สุด แต่เมื่อได้รู้จักแล้วดันค้นพบกับตัวตนที่แสนโสมม บางทีการไม่รู้อะไรเลยคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
"เรามาร่วมมือกัน..." มิเกลยื่นมือออกไปข้างหน้า "โลกนี้ต้องรับรู้ถึงพลังของเวทมนตร์ พลังที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งเทคโนโลยีพวกนั้น" สายตามองลึกเข้าไปในดวงตาของนิคที่มีสีเช่นเดียวกับเขา แต่มีบางอย่างที่ไม่ตรงกันเพราะงั้นคงต้องปรับทัศนคติกันสักหน่อย
"คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง โลกของเรากำลังจะหายไป เราไม่ต่างจากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ผลลัพธ์ของงานวิจัยที่คุณบอกให้คิดค้นวิธีขยายพันธุ์นั่นยังเป็นคำตอบที่ไม่ชัดเจนอีกหรือไง โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว" เขายังจำได้ดีเรื่องงานวิจัยในตอนนั้น ใคร ๆ ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทุกคนรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่ก็ยังคงฝืนที่จะยื้อสายเลือดของนักเวทไว้โดยใช้ความสามารถบางอย่างที่คนทั่วไปทำไม่ได้เป็นเครื่องต่อรอง
"ไม่หรอก เพียงแค่เราสองคนร่วมมือกัน" มิเกลเอ่ย เขาลดมือลงแล้วไพล่มันไว้ข้างหลังก่อนจะก้าวเดินไปหานิค สายตาเขาลดต่ำลงมองดูมือของลูกชายที่ยังคงจับมือของเคทลินไว้แน่น เขาแสร้งขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะพูดต่อ "ช่างน่าปวดใจจริง ๆ ที่เธอดันไปเชื่อใจคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด"
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว" เคทลินพูดเสียงแข็ง เธอก้าวขึ้นมาเสมอกับนิค ในมือมีมวลน้ำขนาดเล็กหมุนวนเป็นลูกทรงกลมอยู่ "ในฐานะผู้ปกครองฉันมีสิทธิ์ที่จะปกป้องนิคจากคนเฮงซวยแบบแก"
"ผู้ปกครองงั้นเหรอ" มิเกลหัวเราะหึอย่างสมเพช "ไอ้คนที่ฉกความสามารถจากพี่ชายของผมแล้วทำตัวสำส่อนแบบคุณน่ะเหรอจะเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ ตำแหน่งผู้อาวุโสนั่นก็ได้มาเพราะเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ผมวางไว้ต่างหาก"
"แหม แผนกระจอก ๆ ของแกน่ะใคร ๆ ก็อ่านออก เป็นถึงจอมเวทสูงสุดทำไมถึงทำได้แค่นี้เองล่ะ" เคทลินพูดพลางโยนมวลน้ำในมือเล่น เธอเหยียดยิ้มเยาะมิเกล และเขาดูจะไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกสบประมาทแบบนั้น
"แผนของผมออกจะสมบูรณ์แบบ คุณคงจะยังไม่รู้ล่ะสิท่าว่าผมให้คุณวาร์กเนอร์ทำอะไร" มิเกลยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ เขามีไพ่เด็ดอยู่ในมือเสมอ ยิ่งได้เห็นสีหน้าที่ตระหนกตกใจของเคทลินก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นกว่าเดิม "ฆาตกรรมหมู่คนพวกนั้นด้วยยาพิษไงล่ะ ลองคิดดูสิว่าพอคนพวกนั้นตายไปหมดจะเกิดอะไร --"
มิเกลหุบปากทันทีที่เคทลินขว้างมวลน้ำพวกนั้นใส่หน้าเขาเสียเต็มแรง สูทสีขาวสะอาดของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ รอยยิ้มบนใบหน้าของหายไปในทันที มิเกลขบริมฝีปาก คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธที่เคทลินใช้จังหวะที่เขาประมาทและไม่ทันระวังตัวโจมตีเขา
"โกรธอะไรขนาดนั้น เปียกน้ำแค่นี้ก็โกรธกันแล้วเหรอ" เคทลินพูดพร้อมผายมือทางสองข้างออก รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอซึ่งมันยั่วโมโหมิเกลได้ดีเลยทีเดียว
ตู้ม!
เสียงพลังเวทที่มิเกลส่งมาทางเธอกระทบกับแนวป้องกันที่นิคสร้างไว้ เคทลินป้องปากหัวเราะเยาะเขาอย่างผู้เหนือกว่า "โอ๊ะโอ ไม่คิดว่าพลังของนายจะกระจอกขนาดนี้" เธอโกหก พลังของมิเกลนั้นรุนแรงกว่าเธอหลายเท่า เสียงจากแรงปะทะเมื่อครู่ยังทำให้หูของเธออื้ออึงอยู่เลย ต้องขอบคุณแนวป้องกันของนิคที่แข็งแกร่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากไม่มีแนวป้องกันนี้เธอคงกลายเป็นผงฝุ่นไปแล้ว
"อย่ายั่วโมโหเขามากนักสิครับ ถ้าผมเอาไม่อยู่ขึ้นมาละก็แย่เลยนะ" นิคพูดเตือนแกมดุเธอ แรงปะทะเมื่อครู่รุนแรงจนเขารู้สึกได้ถึงความสั่นไหวของแนวป้องกัน หากถูกพลังแบบนั้นโจมตีติดต่อกันแนวป้องกันนี้คงแตกสลายเป็นแน่
"ฉันเชื่อใจเธอ และคราวนี้เธอต้องเชื่อใจฉัน" เคทลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "เราจะตอบโต้เขา เธอต้องสลายแนวป้องกันลงและรวมพลังกับฉัน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง"
"ครับ? จะให้ผมทำตอนไหน" นิคเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก หากอีกฝ่ายตอบโต้ในจังหวะเดียวกันและทางเขาไม่มีแนวป้องกันละก็...
"เดี๋ยวนี้เลย"
นิคสลายแนวป้องกันทันทีที่ได้รับคำสั่ง มือที่ทั้งสองจับกันอยู่คลายออกและแทนที่ด้วยมวลพลังเวทสีมรกตแทน มันขยายใหญ่ขึ้นเมื่อระยะของมือทั้งคู่ค่อย ๆ ห่างออกจากกัน ขณะเดียวกันมิเกลที่กำลังถูกความโกรธครอบงำก็ส่งลูกไฟจำนวนมากมาทางพวกเขา อุณหภูมิของมันสูงพอกันกับความโกรธของเจ้าของเลยก็ว่าได้
"อย่าไปกลัวมัน เรามีกันตั้งสองคน ตั้งสมาธิไว้" เคทลินบอกนิคเมื่อเห็นกลุ่มลูกไฟกำลังพุ่งมาทางนี้ "สาม สอง หนึ่ง ปล่อยมันเลย!" สิ้นเสียงของเคทลินก้อนพลังเวทขนาดใหญ่ก็พุ่งไปทางมิเกลในทันที
"ส่งมือมาเร็วเข้า!" เคทลินรีบพุ่งไปคว้ามือของนิค เธอดึงร่างของเขามากอดไว้โดยใช้ร่างของตัวเองเป็นเกราะกำบังแรงปะทะที่กำลังจะเกิดขึ้น "ไม่ต้องกลัว เชื่อใจฉัน"
เสียงปะทะของพลังเวททั้งสองฝั่งปะทะกันคำรามลั่นไปทั่วทั้งพื้นที่ แรงปะทะของมันทำให้ต้นไม้บางส่วนหักโค่น ผิวน้ำในทะเลสาบสั่นจนเกิดเป็นระลอกคลื่นราวกับเกิดแผ่นไหว ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ ร่างของมิเกลนอนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมนัก ส่วนร่างเคทลินและนิคนั้นได้หายไปจากที่นี่แล้ว