เคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น
แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,พารานอมอล,ครอบครัว,เวทมนตร์,แฟนตาซี,นักเวท,เวทมนต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Katelyn of Laikwood เคทลินแห่งเลควูดเคทลินกลับมาแก้แค้นเพื่อนรักอย่างซูซานที่ขโมยผลงานของเธอจนตัวเองโด่งดัง ในเมื่อผลงานเปรียบเสมือนกับลูกของเธอเคทลินจึงได้ขโมยลูกของซูซานเป็นการแก้แค้น
เพราะการแก้แค้นนั้นหอมหวานและทำให้คนคนหนึ่งยอมเปลี่ยนตัวตนเพื่อการแก้แค้นอดีตเพื่อนรัก หากแต่การแก้แค้นของเคทลินนั้นทำให้ใครอีกคนได้ค้นพบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน การอยู่ร่วมกันของเคทลินและนิคนั้นจะเป็นเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วที่แตกต่างแต่ก็ดึงดูดเข้าหากันเสมอ
เมื่อนิคได้เข้ามาในโลกของนักเวทก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันมากมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกที่จะเดินทางนี้เอง และเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะมีคนคอยดูแลอย่างเคทลินแห่งเลควูดคอยตามเป็นห่วงอยู่ไม่ห่าง และดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นๆ หลายอย่างรอทั้งสองอยู่เบื้องหน้า
"ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ" นาธานหันไปถามเคทลินที่นอนอยู่บนเสื่อข้าง ๆ เขา วันนี้เธอใส่ชุดกระโปรงสีขาวสั้นเหนือเข่า เคทลินหันมามองเขาเธอถอดแว่นกันแดดออกเพื่อที่จะได้เห็นหน้าของเขาชัดเจนก่อนจะระบายยิ้มออกมา
"เพราะว่าคิดถึงไงล่ะ" เคทลินเอ่ย เธอไม่แปลกใจหรอกที่นาธานถามเธอแบบนั้น เพราะตอนนี้เธออยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย เธอค้นพบวิธีมาที่นี่โดยบังเอิญแต่มันก็ค่อนข้างเสี่ยงชีวิตพอสมควรที่จะโผล่มาที่นี่ได้
"ไม่ตลกนะ" นาธานขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาคว้าตัวเคทลินไว้ให้เธอหันมาสบตา ลมหายใจของเธอใกล้มากจนเขารู้สึกได้ โลกนี้ไม่ใช่โลกที่เธอควรจะมาอยู่ คนมาอยู่ในโลกนี้ได้มีเพียงคนที่ใกล้ตายไม่ก็ตายไปแล้วเท่านั้น การที่ได้เห็นเคทลินอยู่ตรงหน้าก็หมายความว่า...
"ฉันแค่ใช้พลังเวทช็อตตัวเองนิดหน่อยถึงมาอยู่ที่นี่ได้ไงล่ะ" เคทลินขยิบตาให้นาธานอย่างเจ้าเล่ห์ เธอใช้แขนโอบรอบคอของเขาก่อนจะซุกหน้าเข้ากับแผงอกที่เปลือยเปล่า
นาธานลุกขึ้นนั่งแล้วจับเคทลินมานั่งคุยกันอย่างจริงจัง "นี่เคท ผมไม่ตลกด้วยจริง ๆ นะ คุณก็รู้ว่านี่ไม่ใช่โลกที่คุณควรจะอยู่"
เคทลินทำหน้าสลดทันทีที่ถูกดุ เธอใช้นิ้วโป้งถูมือไปมาก่อนจะพูดอธิบาย "ฉันแค่เหนื่อย เหนื่อยที่จะต้องทำอะไรเดิม ๆ นาธาน บอกฉันหน่อยสิว่าคุณทนเป็นจอมเวทสูงสุดนานหลายสิบปีได้ไง"
"เคท ถ้าคุณไม่ชอบตำแหน่งก็แค่ให้คนอื่นทำ" นาธานบ่ายเบี่ยง เขาล้มตัวลงนอนตามเดิมแต่สายตายังคงจ้องมองเคทลินไม่เลิก
"ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรอกนะ ฉันแค่เหนื่อยน่ะ ฉันคิดว่าพอสะสางส่วนที่มิเกลทำไว้เสร็จมันจะสบายขึ้นแต่ไม่เลย ฉันยังคงต้องทำงานหนักเหมือนเดิม ยิ่งจำนวนนักเวทในสภามีน้อยลงทุกวันงานก็ยิ่งล้นมือ..."
นาธานนอนมองเคทลินบ่นต่อไปเรื่อย ๆ เขาหลับตาฟังเสียงคลื่นผสมกับเสียงของเคทลินที่ยังคงบ่นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
"นี่ ฟังอยู่หรือเปล่า" เคทลินท้วงขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหลับตาไม่ตอบโต้กับเธอ
"ฟังอยู่" นาธานเด้งตัวขึ้นมาในท่านั่ง สายตามองเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง "รู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยู่ที่นี่"
"ที่นี่ ทะเลนี่น่ะเหรอ" เคทลินหันไปถามและได้รอยยิ้มกลับมาเป็นคำตอบ
"เพราะว่าครั้งหนึ่งคุณเคยบอกว่าอยากมีบ้านอยู่ริมทะเล แต่ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้ไม่ได้"
"อะไรกัน อย่าพูดเรื่องน่าเศร้าแบบนั้นสิ ตอนนี้ฉันมีบ้านอยู่ในป่าแทนแล้วไง ใกล้ธรรมชาติเหมือนกัน" เคทลินพิงหัวของเธอลงบนไหล่ของอีกฝ่าย นิ้วของเธอสอดประสานกับมือของนาธาน มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที
"นี่รู้อะไรไหม เรามีเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงเวลาที่คุณต้องกลับไป เวลาของที่นี่เดินไวกว่าโลกของคุณตั้งแยะ" นาธานพูดพลางยกมือของเคทลินขึ้นมาจูบลงบนหลังมือ
"อะไรกัน ทำเป็นพูดเหมือนตอนที่คุณจีบฉันแรก ๆ งั้นแหละ" เคทลินเบียดร่างเข้าหานาธานจมูกของเธอสูดกลิ่นกายของเขา มือก็เลื้อยไปโอบรอบคอทำให้ริมฝีปากของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
"ก็ผมกำลังจีบคุณอยู่ไง" ริมฝีปากของนาธานกดลงมาอย่างอ่อนโยนและอ้อยอิ่ง รสจูบที่ทั้งคู่ต่างโหยหามานานนับปีชวนให้พวกเขาคิดถึงอดีตที่ห่างไกลออกไป
ในสุสานของเมืองนูวิลล์ที่แน่นขนัดไปด้วยป้ายหลุมศพและบรรยากาศแสนอึมครึม มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหลุมศพหลุมหนึ่ง ในมือของเขามีแก้วกาแฟร้อนอยู่ และบนหลุมศพก็มีแก้วโกโก้ร้อนวางไว้อยู่เช่นกัน ข้างกันเป็นช่อเยอบีราวางไว้อยู่ ชายคนนั้นยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกมือหนึ่งก็ยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ
"นี่คุณ ที่คุณนั่งทับอยู่นั่นหลุมศพของคุณยายฉันนะ" เสียงของหญิงสาวแปลกหน้าดังขึ้นจากข้างหน้าเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับดวงตาสีอเมทิสต์ที่กำลังหรี่ตามองคาดโทษเขาอยู่
ผู้หญิงคนนี้เป็นนักเวท เพียงแค่เห็นดวงตาที่เป็นประกายเหมือนอัญมณีนาธานก็รู้ได้เลยว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา
"ต้องขอโทษด้วย" เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน "ผมกำลังจะไปพอดี ฝากขอโทษคุณยายของคุณด้วยที่ผมนั่งทับท่าน"
"เดี๋ยวก่อนสิคะ จะทิ้งแก้วไว้แบบนี้เหรอคะ มันเป็นขยะนะ" เสียงของอีกฝ่ายร้องท้วงเสียจนนาธานเกิดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เขากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว และเสียงของผู้หญิงคนนี้ก็แหลมเสียดหูเสียเหลือเกิน
"ผมซื้อมาเกินน่ะ คุณเอาไปเถอะ" นาธานตอบปัดเพื่อเลี่ยงบทสนทนา เมื่อเขามองพินิจคนตรงหน้าก็รู้สึกไม่คุ้นตาเสียเลย เธอคงจะเป็นนักเวทใหม่ที่ผันตัวจากคนธรรมดามาเป็นนักเวท
"คุณคะ" เสียงแหลม ๆ ของอีกฝ่ายยังคงเรียกเขา ดูท่าบทสนทนานี้คงจะไม่จบลงง่าย ๆ "ขอบุหรี่สักมวนหน่อยสิคะ"
นาธานเริ่มคิดแล้วว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาช่างแปลกคนเสียเหลือเกินแต่เขาก็ยื่นซองบุหรี่ให้กับเธอ
"ขอไฟด้วยค่ะ" เธอยังคงร้องขอสิ่งที่ต้องการต่อ นาธานเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจแต่ก็ยอมให้เธอยืมไฟแช็กไป
"ขอบคุณค่ะ" เธอตอบขณะยื่นไฟแช็กคืนเขา นาธานรีบหันหลังเดินหนีโดยไวเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมาขออะไรจากเขาอีก แต่หารู้ไม่ว่าสายตาของอีกฝ่ายกำลังจ้องมองแผ่นหลังเขาจนลับตาไป เธอยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นจิบก่อนจะทำหน้าตาเหยเกเมื่อสัมผัสถึงรสขมของมัน
"ให้ตายสิ ขมชะมัด" เธอสบถก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ เธอรู้ตัวว่าเพิ่งจะทำเรื่องแปลก ๆ ไปแต่ก็ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เห็นเขาทำให้เธอต้องรู้สึกอยากเขามาคุยด้วยเสมอ
"เคท เธอโดดเรียนแล้วมาขลุกอยู่ที่สุสานเนี่ยนะ" เสียงของเฟรย์ดังขึ้นมาจากข้างหลัง เขาเป็นอาจารย์สอนเวทมนตร์ให้กับเธอและตอนนี้เขาเพิ่งจะลาตำแหน่งอาจารย์ไปเป็นผู้อาวุโสในสภาแทน นั่นทำให้เคทลินต้องไปเรียนกับคนอื่นและเธอก็ไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่
"ฉันแค่มาเยี่ยมคุณยาย" เคทลินตอบก่อนจะบุ้ยปากไปทางหลุมศพข้าง ๆ
"งั้นก็ตามสบายเถอะ"
"แต่นั่นไม่ใช่คุณยายของฉันหรอกนะ" เคทลินเอ่ยพลางเหยียดยิ้มให้กับเฟรย์ เธอยกโกโก้แสนขมขึ้นมาดื่มจนมันหมดแก้วก่อนจะดับบุหรี่ในมือลง "เอาล่ะ กลับไปเรียนต่อก็ได้"
เฟรย์มองการกระทำของเคาลินอย่างงุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร แล้วทั้งสองก็หายไปจากสุสานในพริบตา
หลังจากวันนั้นเธอก็แทบไม่ได้ไปที่สุสาน ในทุก ๆ ครั้งที่เธอโผล่ไปที่นั่นก็จะไม่พบกับชายคนนั้นเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงรู้สึกอยากเจอหน้าและคุยกับเขา เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งทำงานให้กับสภาเวทมนตร์ในตำแหน่งผู้ช่วยนักปรุงยา หน้าที่อาจดูเล็กน้อยก็จริงแต่ด้วยจำนวนนักเวทที่มีอยู่เพียงหยิบมือทำให้ปริมาณคนที่เป็นนักปรุงยานั้นมีเพียงสามคนเท่านั้น และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาว่างไปที่สุสานเลย และดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเธอให้คลาดกับเขาทุกครั้งไป นานวันเข้าเธอเริ่มที่จะยอมแพ้แล้วหันไปให้ความสนใจกับงานที่ทำและการเรียนเวท จนในวันหนึ่งเธอก็ได้เจอกับเขาอีกครั้ง
"โอ๊ะ เธออยู่โน่นแน่ะ" เสียงเจ้าของร้านขายยาประจำเมืองนูวิลล์ดังขึ้นเมื่อเห็นเคทลินแบกกระเป๋าใบยักษ์เข้ามาจากประตูพนักงาน วันนี้เธอมีหน้าที่มาส่งยาที่เธอปรุงในศูนย์จำหน่ายและกระจายยาที่ปรุงโดยนักเวท ในแต่ละเมืองจะมีศูนย์จำหน่ายเมืองละศูนย์เท่านั้นเนื่องจากในปัจจุบันยาที่ใช้ในการรักษาจะเป็นยาแผนสามัญเสียมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้งานของเธอลดน้อยลงเลย
"อะไรกันคะ ลูกค้าสั่งยาเพิ่มอีกแล้วเหรอ" เคทลินตอบด้วยเสียงอิดโรยพลางปลดกระเป๋าที่หลังลงบนโต๊ะ รอบนี้เธอต้องปรุงยาปริมาณมากเนื่องจากกำลังมีโรคประจำฤดูกาลระบาดอยู่ นั่นทำให้เธอต้องนั่งเฝ้าหม้อต้มยาติดต่อกันถึงสามวันเลยทีเดียว
"ไม่ใช่ ๆ นี่คนรู้จักของฉันน่ะ นาธานนี่เคทลิน นักปรุงยาคนใหม่ของสภา" ชายเจ้าของร้านแนะนำเธอให้กับชายอีกคนที่อยู่ข้างเขา ชายที่ชื่อนาธานดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหน้าเธอ ใช่ เคทลินรู้ว่าสภาพของเธอตอนนี้ไม่น่าดูนักหรอก ก็ไม่แปลกใจที่เขาจะแสดงท่าทีแบบนั้น
"ผู้ช่วยต่างหากล่ะ" เธอพูดเสริมขณะทยอยนำขวดยาในกระเป๋าใส่ในชั้นเก็บของที่ว่างเปล่า "ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ" เคทลินพูดเมื่อวางยาขวดสุดท้ายในชั้นเก็บของเสร็จ
"ขอบใจมากนะ แต่เธอจะไม่ทำความรู้จักกันหน่อยเหรอ เขาเป็น --"
"ผมชื่อนาธานครับ นาธาน ฮิลตัน" นาธานรีบพูดขัดประโยคชายเจ้าของร้าน เขายื่นมือไปทางเคทลินและเธอก็ยื่นมือออกมาจับ
"เคทลิน โจนส์ค่ะ เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่าคะ" เคทลินขยี้ตาตัวเองและพยายามใช้สมองที่เหนื่อยล้าของตนครุ่นคิดว่าเธอเคยเจอนาธานที่ไหนมาก่อนแต่เพราะความเหนื่อยล้าทำให้เธอคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
"ผมว่าคุณไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ" นาธานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสติของเคทลินใกล้จะหลุดออกจากร่างเต็มที เขายื่นนามบัตรให้เธอก่อนจะขอตัวกลับไปก่อน
"นาธาน..." เคทลินพึมพำชื่อของชายที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับที่ยาวนาน เธอเริ่มนึกอีกครั้งว่าเสียงกับหน้าตาของนั้นเธอเคยเห็นจากที่ไหน "ให้ตายสิ ฉันจะลาออกจากงานนี้ สมองฉันไม่ทำงานเพราะนอนน้อยแล้วเนี่ย"
"อยากจะให้ฉันทำเอกสารให้เลยไหมล่ะ" เฟรย์เอ่ยถามขณะพิมพ์เอกสารอยู่บนโต๊ะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเคทลินถึงชอบมานอนในห้องทำงานของเขาทั้งที่กลับไปนอนที่บ้านคงสบายกว่าแท้ ๆ
"ไม่ล่ะ ขอบใจ ฉันยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ฉันอยากย้ายออกมาจากเมืองเส็งเคร็งนั่นแล้วมาซื้อบ้านอยู่ที่นี่" เคทลินโบกมือปฏิเสธ เธอรู้สึกละเหี่ยใจขึ้นมาเมื่อนึกถึงห้องเช่าขนาดเท่าแมวดิ้นตายของตน อยู่ในเมืองใหญ่อย่างนูวิลล์มีแต่จะทำให้เธอสุขภาพจิตเสีย สภาพของเธอตอนนี้คงไม่ต่างจากตอนเรียนที่ทั้งเรียนและทำงานไปพร้อม ๆ กันเพื่อหาเงินมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในเมืองนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเมืองเลควูด เธอยอมกัดฟันทนเก็บเงินและเลื่อนขั้นตัวเองขึ้นให้ไวเพื่อที่จะได้มีบ้านเป็นของตัวเองเสียที
เคทลินฟังเสียงรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดของเฟรย์ขณะคำนวณจำนวนเงินที่เธอต้องเก็บเพิ่มจนเผลอเคลิ้มหลับไปอีกรอบ และเธอก็กระเด้งตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง เฟรย์เหลือบมองเธอเพียงครู่หนึ่งแล้วหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ เคทลินมักทำอะไรแปลก ๆ จนเขาเริ่มที่จะชินแล้ว
"ฉันนึกออกแล้วว่าเขาเป็นใคร" เคทลินพูดขึ้นมาก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบนามบัตรที่เธอได้รับจากนาธานออกมา ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์และชื่อร้านพร้อมตำแหน่งที่ตั้ง เคทลินพอจะคุ้นเส้นทางที่ตั้งของร้านดอกไม้ตามนามบัตร และเธอก็ไม่รอช้ารีบตรงไปที่นั่นทันที
"หวังว่าเธอจะกลับไปนอนที่บ้านนะเคท" เฟรย์บ่นพึมพำกับตนเองเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เคทลินก็หายไปจากห้องโดยไม่บอกกล่าวเขาเลยแม้แต่น้อย
เคทลินมาหยุดอยู่หน้าร้านดอกไม้ตามที่เขียนไว้ในนามบัตรแล้ว แต่วันนี้ร้านดันปิด เคทลินจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ พลันเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าทำไมเธอต้องรู้สึกไม่พอใจด้วยที่ไม่ได้เจอเขาสักที เคทลินหันหลังให้กับร้านดอกไม้แล้วเดินจากไป วันนี้เธอว่างทั้งวัน ว่างพอที่จะนอนพักผ่อนก่อนที่จะเริ่มทำงานอันหนักหน่วงต่อ แต่เธอกลับไม่รู้สึกอยากกลับไปนอนแต่อย่างใด เธอเดินเลียบถนนไปเรื่อยรู้ตัวอีกที่เท้าของเธอก็พามาหยุดหน้าสุสาน สายตาของเคทลินกวาดมองไปทั่วสุสานที่มีบรรยากาศอึมครึมนี่จนสายตาไปหยุดที่ร่างของคนที่เธอกำลังตามหา ใจของเธอเต้นรัวทันทีที่เขาหันมาสบตากับเธอ ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ครู่หนึ่งก่อนที่นาธานจะเป็นฝ่ายพูดเปิดบทสนทนาก่อน
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" เขาเอ่ยขณะเดินอ้อมรั้วสุสานออกมาทางประตูที่ผุพังราวกับไม่มีหน่วยงานไหนมาดูแล
"เราเพิ่งจะเจอกันเมื่อเช้า" เคทลินรู้สึกเกร็งขึ้นมา พอเจอเขาก็ดันไม่รู้จะพูดอะไรด้วย เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่ปกติเธอเป็นคนที่พูดเก่ง ถึงแม้หลายคนจะชอบบ่นว่าเธอพูดจาไม่ค่อยเข้าหูนัก
นาธานหัวเราะเสียงเบาเมื่อเห็นท่าทีเกร็ง ๆ ของอีกฝ่าย "นั่นก็ถูก แต่ผมหมายถึงเมื่อตอนนั้นที่เราเจอกันที่นี่ครั้งแรก"
อยู่ ๆ ก้อนเนื้อในอกของเคทลินก็ดันดังโครมครามขึ้นมาทันที เขาจำเธอได้ เคทลินบอกกับตัวเอง ดวงตาอเมทิสต์ของเธอนั้นเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่คิดแบบนั้น แต่เธอก็พยายามบอกตัวเองว่าเขาคงจำเธอเป็นเพียงคนประหลาดคนหนึ่งเท่านั้นแหละ
"อ้อ ตอนนั้นฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำตัวแบบนั้น พอดีวันนั้นเป็นวันที่แย่สำหรับฉันน่ะค่ะ" เคทลินพูดแก้ต่าง ความจริงแล้วเปล่าเลย เธอแค่อยากจะหาเรื่องคุยกับเขาก็แค่นั้น แต่พอมานึกย้อนเอาตอนนี้เรื่องในวันนั้นก็ดันทำให้เธอรู้สึกอายขึ้นมา
"ไม่เป็นไรครับ คนเราก็มีวันแย่ ๆ กันทั้งนั้น" นาธานเอ่ย เขามาหยุดยืนอยู่หน้าเคทลินสายตาเหลือบมองเธออย่างพิจารณา นั่นทำให้เคทลินนึกได้ว่าชุดที่เธอใส่วันนี้ยังเป็นตัวเดียวกันกับเมื่อวานอยู่เลย
"วันนี้ก็มาเยี่ยมคุณยายงั้นเหรอครับ" นาธานเอ่ยถาม เขาเหลือบมองไปยังหลุมศพข้าง ๆ กับที่เขาเพิ่งเดินจากมาเมื่อครู่
"อ๋อ เอ่อ ค่ะ" เคทลินตอบอย่างตะกุกตะกัก เธอม้วนปลายผมเล่นแก้เขิน อันที่จริงเธอกับคุณยายในหลุมศพนั่นไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ เธอก็แค่หาข้ออ้างไปเรื่อยเท่านั้นเอง
"คุณยายของคุณนี่ดูท่าแข็งแรงจะแข็งแรงดีนะครับ มีแม่ของคุณตอนอายุเยอะแบบนั้น"
เคทลินกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ นาธานชี้ไปยังป้ายหลุมศพที่เขียนบอกปีที่เสียไว้บนป้ายหลุมศพ และมันก็เขียนไว้ว่าคุณยายเจรูชานั้นเสียชีวิตไปได้ร้อยกว่าปีแล้ว เคทลินหัวเราะแห้งเมื่อถูกจับได้
"แย่จริง ดันถูกจับได้เสียแล้วสิ" เคทลินอยากจะเอาหัวตัวเองมุดดินหนีไปอยู่กับคุณยายเจรูชาเสียเดี๋ยวนี้เลย
"ว่าแต่ไหน ๆ เราก็ได้เจอกันอีกครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาไปดื่มกาแฟด้วยกันไหมครับ" นาธานเอ่ยปากชวน
เขาบอกว่ามีร้านกาแฟร้านโปรดอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ และเคทลินก็ตอบตกลงโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เธอออกจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายเอ่ยปากชวน ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องต่าง ๆ ระหว่างเดินไปยังร้านกาแฟ ตั้งแต่เรื่องคุณยายเจรูชาในสุสานไปจนถึงเรื่องอาชีพการงานของทั้งคู่ อีกทั้งเธอยังได้รู้ว่าหลุมศพที่เขาไปเยี่ยมอยู่เป็นประจำนั้นเป็นหลุมศพของแมรีโกลด์ คนรักที่ตายจากไปอย่างกะทันหันเมื่อหลายปีก่อน
นั่นทำให้เคทลินแอบรู้สึกผิดขึ้นมาที่ดันไปรบกวนเขาตอนอยู่ที่สุสานเมื่อครั้งก่อน แต่นาธานก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร เขาบอกว่าแค่ไปพูดคุยกับเธอเผื่อว่าแมรีโกลด์จะเหงา เพราะคุณยายเจรูชาที่อยู่ข้างกันคงจะไปเกิดใหม่ก่อนแล้ว นั่นทำให้เคทลินนึกสนใจขึ้นมาที่เขาพูดถึงเรื่องการเกิดใหม่ นี่จึงเป็นบทสนทนาต่อไปของทั้งคู่เมื่อมาถึงร้านกาแฟ
เคทลินและนาธานมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกัน และเขาก็คอยรับฟังเธอเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะนักเวท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยากลำบากในการควบคุมเวทที่ตนไม่คุ้นชินราวกับกำลังถือน้ำปริ่มขอบแล้วเดินอยู่บนเชือกเส้นเดียว ไหนจะเรื่องในสภาที่มีเรื่องให้ปวดหัวอยู่เสมอ นาธานเข้าใจเธอราวกับเขาเคยประสบกับปัญหาเดียวกับเธอมาก่อน เคืลินไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมเขาถึงเข้าใจเรื่องที่เธอบ่นได้ง่ายนัก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ค่อย ๆ ขยับเข้าหากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนในวันหนึ่งนาธานก็ได้ขอให้เคทลินมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ทั้งคู่ไม่ได้จัดงานแต่งงานแต่อย่างใด ทำเพียงแค่จดทะเบียนและกล่าวคำสาบานเท่านั้น เนื่องจากเคทลินเคยบอกกับเขาไว้ว่าอยากย้ายไปปลูกบ้านอยู่ริมทะเล และทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะปันเงินบางส่วนไว้สำหรับเจ้าตัวน้อยในอนาคตอีกด้วย อีกทั้งเคทลินยังได้ย้ายออกจากห้องเช่าขนาดเล็กจิ๋วนั่นไปอยู่กับนาธานที่บ้านของเขาแทน
หลายปีให้หลังชีวิตของทั้งคู่ยังคงสงบสุขเรื่อยมาแต่ก็ไม่มีทีท่าที่ทั้งคู่จะมีลูกด้วยกันเลย...
"ฉันว่าคงเป็นเพราะพลังเวทในตัวฉัน" เคทลินเอ่ยขณะโยนที่ตรวจครรภ์ลงในถังขยะ เธอเริ่มที่จะคิดเรื่องการกำจัดพลังเวทออกไป แต่นั่นก็รวมไปถึงหน้าที่การงานของเธอเองก็จะหายไปเช่นเดียวกัน
"ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณยังมีผมอยู่ทั้งคน หรือไม่เราไปรับเด็กสักคนมาเลี้ยงเอาไหม" นาธานเสนอ เขาไม่อยากเห็นภรรยาเศร้าทุกครั้งที่ต้องตรวจครรภ์แล้วพบว่าตัวเองไม่ได้ท้อง
"มันอาจดูเป็นสิ่งที่เอาแต่ใจ แต่ฉันแค่อยากจะอุ้มท้องด้วยตัวฉันเอง ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะฉันเป็นความผิดพลาดของแม่กระมัง ฉันเลยอยากที่จะให้ความรักลูกของเราตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องฉัน" เคทลินใช้มือลูบหน้าท้องที่แบนราบของตน เธอเกิดมาจากความผิดพลาดของพ่อกับแม่ที่มีเธอตอนที่ยังไม่พร้อม เมื่อเธอเกิดมาก็มักถูกแม่ด่าทอว่าเป็นความผิดพลาดจนเธอจำขึ้นใจ เคทลินพยายามที่จะทำความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับแม่แต่ยิ่งนานวันเข้าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มีแต่แย่ลงทุกวันจนในที่สุดก็ถึงวันที่เธอทนไม่ไหวจนต้องหนีออกจากบ้านมา
นาธานดึงตัวเคทลินเข้ามากอด ที่เคทลินพูดก็ถูก พลังเวททำให้โอกาสในการตั้งครรภ์นั้นต่ำลง แต่ต่อให้เธอจะกำจัดพลังเวทออกไปแล้ว ภาวะมีบุตรยากนั้นก็ยังคงอยู่ อีกอย่างตอนนี้เคทลินเองก็ดูจะมีความสุขกับงานของเธอหลังจากที่ได้เลื่อนตำแหน่งจากผู้ช่วยเป็นนักปรุงยา เธอมักปลูกสมุนไพรและทดลองปรุงยาตัวใหม่อยู่เสมอโดยที่สภาไม่ต้องขอให้ทำ หากเธอกำจัดเวทไปแล้วเธอก็ไม่สามารถที่จะร่ายเวทลงในตัวยาได้อีกและสุดท้ายเธอก็จะหมดความสามารถที่จะเป็นนักปรุงยา
"มาคิดดูอีกทีมีชีวิตแบบนี้ต่อไปก็ดีเหมือนกัน" เคทลินเอ่ย เธอเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับสามี "ฉันคงทำงานนี้จนเรามีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อที่ดินและสร้างบ้านได้ พอถึงตอนนั้นก็ค่อยทำลายพลังเวทแล้วเรามาลองกันใหม่อีกสักตั้ง"
"ตอนนั้นคุณจะไหวอีกเหรอ" นาธานเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ งานของเคทลินได้เงินเดือนดีก็จริง แต่เธอก็ถูกใช้งานคุ้มกับเงินเดือนเช่นกัน นาธานนึกเสียดายขึ้นมาที่ทิ้งสมบัติทั้งหมดให้กับน้องชายแล้วออกมาเปิดร้านดอกไม้ทั้งที่มีเงินติดตัวแค่พอที่จะลงทุนอะไรได้
"ถามตัวเองดีกว่าว่าไหวหรือเปล่า" เคทลินส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเริ่มต้นบรรเลงรักกับนาธานเพื่อปลดเปลื้องความเศร้าและความกังวลทั้งหมดออกไป
แต่แล้วความสุขก็อยู่กับทั้งสองได้ไม่นาน...
"ฉันว่าใกล้ได้เวลาแล้วล่ะ" เคทลินเอ่ยพลางลุกขึ้นนั่ง เธอส่งข้อความไปบอกกับเฟรย์ว่าหากอีกสามสิบวินาทีเธอยังไม่ตอบให้เขามาปลุกเธอด้วย
"ช่วงเวลาของความสุขผ่านไปไวจริง ๆ" นาธานเอ่ยพลางลุกขึ้นนั่งตาม "คราวหลังก็อย่าทำอะไรที่เสี่ยงแบบนี้อีกล่ะ"
"ไม่แล้วล่ะ ครั้งนี้ฉันแค่เหนื่อยจนทำให้เกิดความคิดแปลก ๆ แบบนี้" เคทลินนึกภาพทุกคนกำลังโศกเศร้ากับการจากไปของเธอแล้วเกิดรู้สึกผิดขึ้นมา "เมื่อเวลาของฉันมาถึง ตอนนั้นเราคงได้เจอกันอีกครั้ง"
นาธานกอบกุมมือของเคทลินขึ้นมาแล้วจูบลงบนหลังมือ "ผมรอคุณได้เสมอ ไปใช้ชีวิตต่อเถอะ มีความสุขให้มาก เศร้าให้น้อย"
"แน่นอน พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะโดดประชุมเช้า --"
"เคท!" เสียงของเฟรย์ร้องเรียกเธออย่างตื่นตระหนกขัดขึ้น
"ผมควรหึงดีมั้ย" นาธานเอ่ยถามก่อนจะส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้
"อย่าเลยดีกว่า คุณได้ตามหึงฉันจนเหนื่อยแน่" เคทลินพูดพลางลุกขึ้นยืน เธอหันมาฉีกยิ้มให้กับนาธานขณะเดียวกันร่างของเธอในโลกนี้กำลังเลือนหายไป "แล้วเจอกัน เมื่อถึงตอนนั้น"
"เคท! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย มีอะไรทำไมไม่บอกกัน" เฟรย์รัวคำถามใส่เมื่อเห็นว่าเคทลินฟื้นขึ้นมาแล้ว
เธอยกมือขึ้นห้ามก่อนที่คำถามพวกนั้นจะรัวใส่จนเธอตัวพรุนไปหมดเสียก่อน เคทลินลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำโดยมีเฟรย์คอยประคองอยู่ข้าง ๆ ตัวเธอที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเกิดรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา
นี่สินะการมีชีวิตอยู่
เคทลินรับผ้าขนหนูจากเฟรย์มาเช็ดตัวขณะที่ฟังเขาพูดบ่นไปด้วย
"ฉันขอโทษด้วยที่ทำอะไรแบบนี้ลงไป" เคทลินตอบก่อนจะหันไปแลบลิ้นใส่เพื่อน "แต่นั่นก็คุ้มแล้วที่ได้เห็นน้ำตาของนาย"
เฟรย์มองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ เขายกมือขึ้นแตะแก้มที่เปียกชื้นของตนแล้วจึงนึกได้ว่าเมื่อครู่เขาคงเผลอร้องออกมาตอนที่เห็นร่างของเคทลินนอนจมลงไปอ่าง
"ชะตาฉันคงไม่ขาดง่าย ๆ จนกว่าจะได้ปิดบัญชีกับพวกแวมไพร์สินะ" มือของเธอเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นก่อนจะเผยเหยียดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเพื่อนสาวเผ่าแวมไพร์ที่กำลังจะถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นศัตรูในอีกไม่ช้า