จะเป็นอย่างไรเมื่อโนอาร์ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพียงเพราะว่าเขาวิ่งไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เลยทะลุมิติเข้าไปเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด แต่เข้าฝึกคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้พระเอกของเราสนใจซะงั้น

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด - บทที่ 9 คืนแรกที่ต่างเมือง โดย Pimnaomi @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ระบบเกม,มอนสเตอร์,Boy Love,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,Yaoi,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ระบบเกม,มอนสเตอร์,Boy Love,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,Yaoi

รายละเอียด

จะเป็นอย่างไรเมื่อโนอาร์ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพียงเพราะว่าเขาวิ่งไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เลยทะลุมิติเข้าไปเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด แต่เข้าฝึกคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้พระเอกของเราสนใจซะงั้น

ผู้แต่ง

Pimnaomi

เรื่องย่อ

        หลังจากที่เด็กหนุ่มวิ่งข้ามถนนไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เขาก็โดนรถชนจนได้ทะลุมิติเข้ามายังโลกของฮันเตอร์หรือเมืองดิ อาร์คทาวน์ 

        ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของ ’โนอาร์ เวลตัน’ ชายหนุ่มหน้าหวาน น้องชายของหัวหน้ากิลด์เอ็กซ์ในขณะนั้น และต้องเข้ารับการฝึกเป็นฮันเตอร์และปลุกพลัง เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ 

        หลังจากที่ได้เข้าเรียนคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของใครหลายคน และด้วยที่รูปร่างหน้าตาอันน่ารักนี้ทำให้เขากลายเป็นไวรัลทั่วโลกอินเทอร์เน็ต และมีเรื่องให้เขาต้องเผชิญอยู่ตลอด ทั้งพระเอก มอนสเตอร์ แถมยังมีบุคคลปริศนาที่อยู่ในเงามืดคอยเล่นงานเขาอีก 

        แต่การที่เขาทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานแห่งนี้ ก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน และเหตุผลนั้นคืออะไร…


ติดตามต่อได้ในเรื่อง #เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด 

สารบัญ

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-อารัมภบท ที่นี่ที่ไหน 1,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 1 ที่นี่ที่ไหน 2,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 2 วันแรกของการเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 3 กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 4 เกิดเหตุไม่คาดฝัน,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 5 สิทธิพิเศษจากท่านจอมพล,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 6 พี่คนนั้นแอบชอบผมหรือเปล่านะ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 7 การทดสอบของทางสมาคมลับ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 8 คืนนี้พี่นอนกับผมไหมครับ?,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 9 คืนแรกที่ต่างเมือง,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 10 จูบแรก,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 11 เราสองคนลองมาคบกันดูไหม,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 13 กลับสู่สภาวะปกติ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 12 เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

เนื้อหา

บทที่ 9 คืนแรกที่ต่างเมือง



        ในคืนที่มืดมิดนี้ยังมีแสงจันทราส่องแสงลงมาพอให้มีแสงรำไร ๆ ปราสาทร้างยังคงอยู่ในความเงียบสงบเหมือนเป็นตัวปกปิดของเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น บรรยากาศสงบเงียบจนทำให้ได้ยินแม้แต่ลมพัดเบา ๆ ส่งเสียงฉี่ฉี่ผ่านทางโขดหินเป็นเสียงที่ชวนให้คนอยู่ในปราสาทรับรู้ถึงความเงียบสงบของคืนนี้


        นอกจากบรรยากาศจะเงียบสงัด สภาพแวดล้อมภายในยังเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายนอกปราสาท อีกทั้งยังเต็มสิ่งปฏิกูลส่งกลิ่นเหม็น

       

        เพล้ง!


         เสียงข้าวของตกแตกกระจายดังมาจากด้านในปราสาทโดยฝีมือของหญิงวัยกลางคนที่กำลังโกรธ ความเกรี้ยวกราดผุดขึ้นมาบนใบหน้านั้น พร้อมกับส่งสายตาดุมองไปยังชายชุดดำตรงหน้า


         “ไม่ได้เรื่อง งานแค่นี้พวกแกก็ยังทำพลาด” 


        “ขอโทษครับ พวกคนของกิลด์เอ็กซ์มันเข้ามาช่วยได้ทัน” 


        “ฉันอุตส่าห์ส่งมังกรซาฮัก คลาส SS+ ไปจัดการมัน” 


        “ขอโทษครับ” 


        “ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะอารมณ์ไม่ดีไปมากกว่านี้!” 


        “ครับท่าน” 


        ใบหน้าที่มีแต่รอยเหี่ยวย่น และรอยแผลเป็นครึ่งซีก ตอนนี้แดงก่ำเพราะความโกรธแค้นต่อลูกสมุนที่ทำงานพลาด ปราสาทร้างบนเกาะเซนติเนลแห่งนี้ ยังเป็นที่กบดานของพวกที่ทำผิดกฎฮันเตอร์และพวกที่คิดต่อต้านสมาคมลับ


***********


คฤหาสน์จอมพลเดวิด


        หลังจากนั้นผมกับพี่วิคเตอร์ก็เดินตามแม่บ้านมานั่งรอคุณเดวิดเจ้าของคฤหาสน์ และต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรจึงเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ในจังหวะนั้นเองไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่จึงหันหน้าไปถามพี่วิคเตอร์ว่า


        “คืนนี้พี่นอนที่นี่กับผมไหมครับ”


        “ครับ??”


        “เอ่อ หมายถึงพักที่นี่หน่ะครับ อย่าเข้าใจผิดนะ” ผมรีบอธิบายด้วยใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันตา


        “^^” ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้ม


        “พี่วิคเตอร์อมยิ้มทำไมครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย”


        “เปล่าครับ พี่ก็พักที่นี่แหละ แต่หลังจากโนอาร์กลับไปแล้ว พี่ถึงจะกลับไปพักที่บ้านพี่”


        “บ้านพี่อยู่ที่เมืองนี้เหรอครับ”


        “ครับ พ่อกับแม่พี่อยู่ที่เมืองนี้”


        “งั้นผมขอสมัครเป็นลูกอีกคนของพ่อแม่พี่ได้ไหมครับ”


        “ถ้าเป็นลูกสะใภ้น่าจะได้อยู่นะครับ”


        “o_o” คำตอบที่ออกมาจากปากหนาได้รูปนั้น ทำเอาผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก พวงแก้มแดงก่ำไปจนถึงใบหู


        “เขินเหรอครับ”


        “ปะ เปล่าครับ” ใบหน้าของผมแดงวาบจึงรีบเบนสายตาไปทางอื่น แต่ก่อนที่ผมจะเขินไปมากกว่านี้ คุณเดวิดก็กลับมาถึงคฤหาสน์พอดี


        “สวัสดีครับท่าน” พี่วิคเตอร์กล่าวทักทาย


        ผมและพี่วิคเตอร์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทำความเคารพ


        “มาถึงกันนานหรือยัง”


        “สักพักแล้วครับ” พี่วิคเตอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม


        “ฉันฝากดูแลโนอาร์ด้วยนะ ส่วนที่หลับที่นอนฉันให้แม่บ้านเตรียมให้แล้วล่ะ…ตามสบายกันเลยนะ”


        “ครับท่าน”


        “ขอบคุณนะครับ” ผมส่งยิ้มให้คุณลุงหลังจากพูดจบ


        “แคทเดี๋ยวพาแขกไปที่ห้องนอนที่ฉันให้เตรียมไว้นะ” คุณเดวิดสั่งให้แม่บ้านพาพวกผมสองคนไปที่ห้องพัก


        “ค่ะ คุณผู้ชาย”


        “ตามป้ามานะคะ”


        เราทั้งสองคนเดินตามคุณป้าแม่บ้านมาที่ห้องนอน ห้องที่พวกเราพักอยู่บริเวณชั้นสองของคฤหาสน์ ห้องที่คุณลุงเตรียมให้เราอยู่ด้านในสุด เป็นห้องที่ตรงข้ามกัน ผมเลือกห้องด้านขวา ส่วนพี่วิคเตอร์ก็ได้ห้องทางซ้ายไปอย่างเลี่ยงไม่ได้


        “เสร็จแล้วพวกคุณสองคนลงไปรับประทานอาหารที่ชั้นล่างนะคะ ป้าจัดโต๊ะให้เรียบร้อยแล้ว”


        “ขอบคุณนะครับคุณแคท”


        ผมเอ่ยขอบคุณก่อนที่จะเข้าห้อง แต่พี่วิคเตอร์ก็ถามคำถามผมมาหนึ่งข้อ แต่คำถามนั้นเป็นคำถามที่ผมไม่อยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้ เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านผม


        “โนอาร์กลัวผีไหมครับ?”


        “กลัวสิครับ พี่จะถามผมทำไมเนี่ย”


        “ถ้ากลัวคืนนี้มานอนกับพี่ได้นะครับ”


        “o-o” ดวงตาคู่นั้นฉายประกายความเจ้าเล่ห์ แววยิ้มในดวงตายิ่งชวนให้ผมใจเต้นแรง


        “มานอนไหมครับ”


        “ผมว่าพี่น่ากลัวกว่าผีเสียอีกครับ”


        “^^”


        “ผมไม่คุยกับพี่ละ ไปทานข้าวดีกว่า”


        “รอพี่ด้วยสิครับ”


        ผมปิดประตูและรีบเดินลงมาทานข้าว โดยที่ไม่รอคนขี้แกล้ง การบอกว่าลงมาทานข้าวเป็นแค่ข้ออ้างเพราะผมเขินจนไม่กล้ามองหน้าหรือสบตา ผมทานได้แค่สามถึงห้าคำก็ขอด้วยขึ้นมาอาบน้ำ พักผ่อน ไม่ใช่ว่าอาหารไม่อร่อย เพียงแต่ผมไม่ค่อยหิวเท่านั้น


        ผมรีบปิดประตูห้อง ขาเรียวยาวของผมเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงเตียง คำพูดและสีหน้า แววตาของพี่วิคเตอร์เมื่อสักครู่นี้ทำให้ผมลืมเรื่องกลัวผีไปเลยทีเดียว ผมนั่งยิ้มคนเดียวมา 5 นาทีแล้ว ยิ้มจนปวดแก้มหมดแล้วก็ยังไม่หยุดคิดถึงคำพูดพี่เขาพูดอยู่ที่หน้าประตู


       ‘บ้าหน่า นี่เราหยุดยิ้มไม่ได้เลย เป็นอะไรของนายเนี่ยโนอาร์’ 


        เพราะพี่วิคเตอร์คนเดียวเลย แค่คำพูดไม่กี่ประโยคยังเป็นขนาดนี้ แล้วพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันสองคนผมจะไหวเหรอ ผมเลิกคิดฟุ้งซ่าน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปอาบน้ำ สระผม ทำธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อย


        ผมทำทุกอย่างเสร็จใช้เวลาไม่นาน เพราะรู้สึกเพลีย ๆ ง่วง ๆ และต้องนอนพักเอาแรงไว้สำหรับเดินเที่ยวเมืองในวันพรุ่งนี้อีกด้วย ผมมานั่งเป่าผมบนเตียง และสอดส่ายสายตาสำรวจห้องนอนห้องนี้ ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีครีมตัดกับสีของผนังห้อง




ตึ๊ง!

        [วิคเตอร์ แอสลัน ส่งข้อความถึงคุณ] 

        [วิคเตอร์ แอสลัน ส่งข้อความถึงคุณ] 




ตึ๊ง!

        [วิคเตอร์ แอสลัน ส่งรูปภาพถึงคุณ] 


        ข้อความจากชายหนุ่มที่มีหน้าตาอันหล่อเหลา นัยน์ตาสีฟ้า ชวนให้หลงใหล ข้อความที่ส่งมาสองข้อความแรกผมยังไม่ได้เปิดอ่าน แต่ทำไมอันล่าสุดมีรูปภาพมาด้วยล่ะ ด้วยความอยากรู้ผมจึงกดดูด้วยความเร็วแสง




วิคเตอร์ แอสลัน

21:21 น.


:ทำอะไรอยู่ครับ

:ไม่มานอนกับพี่เหรอ

: [รูปภาพพี่วิคเตอร์ถ่ายหน้ากระจกโชว์ซิกซ์แพ็ก] 

:พอเป็นรูปรีบเข้ามาดูเลยนะครับ

ฝันดีนะครับ:

(อิโมจิแลบลิ้น) :

:ฝันดีครับ (อิโมจิหลับ)



       ‘ส่งรูปมาแบบนี้ใครมันจะนอนหลับได้ล่ะเนี่ย’ 


        ผมพยายามสลัดภาพซิกซ์แพ็กพี่วิคเตอร์ออกจากหัวและข่มตานอน หวังว่าคืนนี้จะไม่ฝันถึงนะครับ ผมครุ่นคิดก่อนจะผล็อยหลับไป


        เสียงนาฬิกาปลุกบ่งบอกเวลาที่ต้องตื่น บวกกับแสงแดดอ่อน ๆ กระทบใบหน้าเรียวเล็กทำให้ผมตื่นมางัวเงียเล็กน้อยก่อนที่จะลุกออกจากเตียงกว้าง เก็บที่นอนให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัว หลังจากทำภารกิจส่วนตัวของตนเองเสร็จก็ปาเข้าไป 8 โมงกว่าแล้ว


        เนื่องด้วยผมไม่ได้นัดเวลากับพี่วิคเตอร์เอาไว้เลยทำตัวชิลไปหน่อย แต่ไม่ทันไรเสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้น


        ก๊อก ก๊อก ก๊อก


        “ตื่นหรือยังครับ” เสียงของพี่วิคเตอร์นั่นเอง


        “ตื่นแล้วครับ”


        “ลงไปทานข้าวกันครับ คุณเดวิดรออยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร” 


        “อีก 5 นาที เดี๋ยวผมลงไปครับ” 


        “...” 


        ผมตอบกลับด้วยการตะโกนเพื่อให้คนด้านนอกห้องได้ยินสิ่งที่ผมพูด แต่ในเมื่อไม่ได้ยินเสียงใครตอบกลับมา ผมจึงรีบเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กที่คุณลุงให้มาเมื่อวาน และไม่ลืมที่จะปิดไฟและเครื่องปรับอากาศ การให้ผู้ใหญ่รอนาน ๆ ถือว่าเป็นการเสียมารยาท ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูเพื่อลงไปทานข้าว


        “อุ้ยย! มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ ผมตกใจหมดเลย”

 
        “พี่รอโนอาร์นั่นแหละครับ จะได้ลงไปพร้อมกัน”


        “รอนานหรือเปล่าครับ”


        “ไม่นานครับ นานกว่านี้พี่ก็รอมาแล้ว ไปกันเถอะ...ผู้ใหญ่รอนานละ”


        “ครับ”


        ผมเดินตามพี่วิคเตอร์ลงมาชั้นล่าง ตรงไปที่ห้องรับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณด้านหน้าห้อง ภายในห้องเป็นห้องกว้าง ๆ มีโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวหนึ่งตัว พร้อมกับเก้าอี้สิบสองตัว บนโต๊ะมีอาหารมากมายหลายหลาก รวมทั้งผลไม้และของหวาน


        ที่โต๊ะอาหารมีคนนั่งอยู่สองคนคือคุณเดวิดที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนอีกคนเป็นหญิงวัยกลางคน ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นภรรยาของคุณเดวิด


        “ขอโทษที่มาช้าครับท่าน” พี่วิคเตอร์กล่าวพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อย


        “มากันแล้วเหรอ ไม่เป็นไร มา ๆ นั่งก่อน”


         ผมเดินมานั่งตรงข้ามกับพี่วิคเตอร์และนั่งข้างกับคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคุณหญิงของที่นี่


         “นี่โรส ภรรยาของฉันเอง” คุณเดวิดพูดพร้อมผายมือไปที่ภรรยา


         “ผมโนอาร์ เวลตันครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวสัก 2-3 วันนะครับ” ผมแนะนำชื่อพร้อมกับส่งยิ้มเล็ก ๆ ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาจนมานั่งคุณโรสก็ยังมองผมแบบไม่วางตา แต่สายตานั้นกลับดูอบอุ่นและโหยหาอะไรบางอย่างที่รอมานานแสนนาน