จะเป็นอย่างไรเมื่อโนอาร์ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพียงเพราะว่าเขาวิ่งไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เลยทะลุมิติเข้าไปเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด แต่เข้าฝึกคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้พระเอกของเราสนใจซะงั้น

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด - บทที่ 10 จูบแรก โดย Pimnaomi @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ระบบเกม,มอนสเตอร์,Boy Love,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,Yaoi,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ระบบเกม,มอนสเตอร์,Boy Love,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,Yaoi

รายละเอียด

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด โดย Pimnaomi @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จะเป็นอย่างไรเมื่อโนอาร์ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพียงเพราะว่าเขาวิ่งไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เลยทะลุมิติเข้าไปเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด แต่เข้าฝึกคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้พระเอกของเราสนใจซะงั้น

ผู้แต่ง

Pimnaomi

เรื่องย่อ

        หลังจากที่เด็กหนุ่มวิ่งข้ามถนนไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เขาก็โดนรถชนจนได้ทะลุมิติเข้ามายังโลกของฮันเตอร์หรือเมืองดิ อาร์คทาวน์ 

        ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของ ’โนอาร์ เวลตัน’ ชายหนุ่มหน้าหวาน น้องชายของหัวหน้ากิลด์เอ็กซ์ในขณะนั้น และต้องเข้ารับการฝึกเป็นฮันเตอร์และปลุกพลัง เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ 

        หลังจากที่ได้เข้าเรียนคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของใครหลายคน และด้วยที่รูปร่างหน้าตาอันน่ารักนี้ทำให้เขากลายเป็นไวรัลทั่วโลกอินเทอร์เน็ต และมีเรื่องให้เขาต้องเผชิญอยู่ตลอด ทั้งพระเอก มอนสเตอร์ แถมยังมีบุคคลปริศนาที่อยู่ในเงามืดคอยเล่นงานเขาอีก 

        แต่การที่เขาทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานแห่งนี้ ก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน และเหตุผลนั้นคืออะไร…


ติดตามต่อได้ในเรื่อง #เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด 

สารบัญ

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-อารัมภบท ที่นี่ที่ไหน 1,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 1 ที่นี่ที่ไหน 2,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 2 วันแรกของการเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 3 กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 4 เกิดเหตุไม่คาดฝัน,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 5 สิทธิพิเศษจากท่านจอมพล,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 6 พี่คนนั้นแอบชอบผมหรือเปล่านะ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 7 การทดสอบของทางสมาคมลับ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 8 คืนนี้พี่นอนกับผมไหมครับ?,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 9 คืนแรกที่ต่างเมือง,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 10 จูบแรก,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 11 เราสองคนลองมาคบกันดูไหม,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 13 กลับสู่สภาวะปกติ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 12 เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

เนื้อหา

บทที่ 10 จูบแรก



        “เหมือนมาก เหมือนมากจริง ๆ เหมือนตามที่คุณบอกเลยค่ะ” คุณโรสมองหน้าผมอยู่นานสองนานจึงพูดขึ้นพร้อมกับมีน้ำใส ๆ คลอเคล้าในดวงตา


        “เหมือนใครเหรอครับ”


        “เหมือน...”


        “คุณโรส ผมว่าเราทานข้าวกันดีกว่า ถ้าหากช้าเดี๋ยวจะตกเครื่องเอา” คุณเดวิดพูดขัดขึ้น ทำให้คุณโรสมีสีหน้าที่เจื่อนลงเล็กน้อย


        “เดี๋ยววันนี้นายเอารถฉันไปหนึ่งคันนะ” คุณเดวิดกล่าวเสริม พร้อมยื่นกุญแจรถให้


        “ขอบคุณครับท่าน”


        “เอ้อ...อีกเรื่องฉันกับคุณโรสจะต้องไปประชุมที่ต่างประเทศหนึ่งสัปดาห์ ฉันฝากนายดูแลที่นี่ตอนฉันไม่อยู่ด้วยนะ”


        “ไม่ต้องห่วงนะครับท่าน เดินทางปลอดภัยครับ”


        “แล้วนายจะพักอยู่ที่นี่กี่วันล่ะ”


        “อีก 2 วันครับ”


        “พร้อมโนอาร์เลยสิ งั้นฉันจะให้คนมาดูอีกที่


        “ครับ”


        ผมกับคุณโรสนั่งฟังบทสนทนา พร้อมกับรับประทานอาหาร แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ผมที่ทาน หลังจากนั้นผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ขอตัว ผมนั่งทานอาหารเช้าแบบเงียบ ๆ คนเดียว แกล้งทำเมินไม่สนใจผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม


        ตอนนี้ภายในห้องเหลือแค่ผมกับพี่วิคเตอร์สองคน คุณป้าแม่บ้านเดินออกไปพร้อมคุณเดวิดและคุณโรส ผมสัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองผมอยู่ และเมื่อผมเผลอสบสายตากับสายตาคู่นั้น ใช่ครับ จะเป็นใครไปได้ก็เราอยู่ในห้องกันแค่สองคน


        เมื่อไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ ผมจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็มีอยู่แวบหนึ่งที่ผมเงยหน้ามองบุคคลตรงหน้าก็ยังมองผมไม่วางตา


        “มองอะไรครับ ไม่ทานข้าวเหรอ” ผมถามเพราะพี่วิคเตอร์เอาแต่มองแต่ผม ไม่ทานอะไรเลยสักคำ


        “แค่พี่เห็นเธอทานได้ขนาดนี้ พี่ก็อิ่มแล้วครับ”


        “มองกันขนาดนี้ ใครจะไปกล้าทานล่ะครับ”


        “นี่ไม่กล้าแล้วเหรอครับ”


        “ผมอิ่มแล้วครับ เราไปกันเลยไหม”


        “พี่ล้อเล่น” พี่วิคเตอร์พูดแล้วยิ้มกว้าง


        “ผมอิ่มแล้วจริง ๆ ครับ”


        “งั้นพี่เก็บจานเอง โนอาร์ไปรอพี่ด้านนอกก็ได้ครับ”


        “เดี๋ยวผมเก็บเองครับ”


        “ไปนั่งรอด้านนอกเถอะครับ พี่ทำได้แค่นี้เอง”


        เราสองคนแย่งกันเก็บจานอาหารที่อยู่บนโต๊ะ แต่เสียงคงจะดังออกไปด้านนอกจนทำให้คุณป้าแม่บ้านสามคนเดินเข้ามาพร้อมถาดวางจาน


        “ไม่ต้องเถียงกันหรอกค่ะ เดี๋ยวป้าเก็บเอง พวกคุณสองคนจะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอคะ” แม่บ้านคนเมื่อวานที่พาผมไปที่ห้องพูดพร้อมกับเก็บจานอาหารที่เหลือใส่ถาด


        ดูจากชุดแม่บ้านที่ใส่แตกต่างกับแม่บ้านอีกสองคนที่เข้ามาพร้อมกัน คุณแม่บ้านแคทคงจะเป็นหัวหน้าแม่บ้านแน่ ๆ


        “ให้ผมช่วยดีกว่าครับ ผมเกรงใจ” ผมพูดตอบเพราะผมเกรงใจจริง ๆ ทานก็ทานคนเดียวยังจะต้องให้คนอื่นมาเก็บให้อีก


        “ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณไปเถอะ เดี๋ยวออกไปสายจะร้อนเอา”


        “งั้นผมจะซื้อของมาฝากนะครับ”


        ผมพูดพร้อมกับใช้หางตามองไปทางพี่วิคเตอร์ที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่ ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหน ผมเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องตรงไปที่โรงจอดรถ


        หลังจากผมเดินมารอที่โรงจอดรถสักพักพี่วิคเตอร์ก็เดินตามมาพร้อมกับกระเป๋าและหมอนหรือตุ๊กตาอะไรสักอย่าง ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในรถสีดำสัญชาติเยอรมันคันหรู ข้างคนขับ เสื้อผ้าที่ผมใส่มาเที่ยววันนี้เป็นเสื้อเชิ้ตฮาวายแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงยีน เป็นชุดสบาย ๆ เพราะสภาพอากาศที่นี่ไม่ร้อน


        ผมพึ่งสังเกตเห็นว่าพี่วิคเตอร์แอบไปเปลี่ยนเสื้อมาให้แมตซ์กับผม ประหนึ่งว่าเป็นชุดคู่ ถึงว่าหายไปไหนไม่มาสักที


        “จะไปที่ไหนก่อนดีครับ หรือมีที่ที่อยากไปไหม”


        “ผมไม่รู้เหมือนเลยครับ แต่ว่าอยากไปเดินเที่ยวที่สวย ๆหรือไม่ก็แลนมาร์คของที่นี่”


        “เมืองนี้ไม่มีที่แบบนั้นหรอก แต่ถ้าจะไปที่สวย ๆ พี่มีอยู่หนึ่งที่ แต่ไกลหน่อย โนอาร์จะไปไหมครับ”


        “ไปครับ ว่าแต่พี่เอาตุ๊กตามาด้วยทำไมเหรอครับ”


        “ตัวที่วางอยู่เบาะหลังอะเหรอ” พี่วิคเตอร์ตอบกลับมา พลันเงยหน้าแล้วมองไปที่กระจกมองหลัง


        “ใช่ครับ”    


        “มันคือหมอนผ้าห่ม พี่เอามาติดรถไว้ เพราะแอร์รถคันนี้มันเย็นมาก”


        “...”


        ผมพยักหน้ารับและหันกลับมามองออกไปนอกหน้าต่าง ทัศนียภาพด้านนอกเต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า เรียงสลับกันอย่างเป็นระเบียบ


        จากตึกสูงติด ๆ กันก็เริ่มลดลงเหลือให้เห็นบ้างพอประปราย เมื่อขับมาสักพักทั้งสองฝั่งถนนเมื่อมองแล้วกลับเห็นแต่ทุ่งหญ้ากว้าง ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะขับรถออกห่างจากเมืองมาเรื่อย ๆ


        ทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา พลิ้วไหวไปตามแรงลม กว่าจะมาถึงที่แห่งนี้ ก็ใช้เวลามากพอสมควร พี่วิคเตอร์ขับรถต่อมาอีกสักพักก็เลี้ยวรถไปทางถนนดินแดง ขรุขระ ตรงหน้ามีป้าย ‘พื้นที่ส่วนบุคคล บุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตห้ามเข้าเด็ดขาด’ และเหล็กกั้นขนาดใหญ่


        เมื่อขับมาถึงพี่วิคเตอร์ก็เปิดประตูลงจากรถเดินตรงไปที่ไม้กั้นนั้นและใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสไปบริเวณด้านบนของเหล็กกั้นนั้น ทำให้มีหน้าต่างสี่เหลี่ยมป๊อปอัพขึ้นมาสแกนใบหน้า เพียงชั่วพริบตาเดียวเหล็กแท่งนั้นก็เปิดขึ้น ผมมองการกระทำนั้นด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้จะออกมานอกเมือง แต่ก็ยังมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้อยู่ในที่ที่ห่างไกลเช่นนี้


        พี่วิคเตอร์กลับเข้ามาขับรถต่อไปอีก สองข้างทางดูร่มรื่นแต่ก็วังเวง เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ น่าจะมีอายุมากกว่า 100 ปีเป็นอย่างต่ำ แต่เหมือนพี่วิคเตอร์จะรับรู้ถึงความสงสัยของผมจึงเอ่ยขึ้น


        “ที่นี่เป็นที่ของคุณพ่อพี่เองครับ เป็นที่ของบรรพบุรุษ ต้นตระกูลแอสลันสืบทอดต่อกันมา”


        “ผมไม่คิดว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีนะครับ”


        “พี่ชอบแอบมาที่นี่บ่อย ๆ ตอนขี้เกียจฝึก”


        “มันไกลมากเลยนะครับ”


        “แต่สบายใจนะ”


        “เอ่อครับ”


        และเราก็มาถึงด้านในนี้มีน้ำตกและต้นไม้ล้อมรอบปกคลุมไปทั่วบริเวณ ผมเปิดประตูรถ แรงลมอ่อน ๆ ปะทะเข้าร่างบาง ที่นี่มีอากาศเย็นที่สบายตัว หายใจเข้าไปแล้วสดชื่น


        ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อถ่ายรูปทิวทัศน์และบรรยากาศรอบข้างที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว มีน้ำตกขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่มาก บรรยากาศที่นี่เย็นสบาย สดชื่น


        “เดี๋ยวพี่ถ่ายให้เอาไหม”


        “ขอบคุณนะครับ ^^”


        ผมโพสต์ท่าถ่ายรูปต่าง ๆ เปลี่ยนที่ เปลี่ยนมุมตามที่พี่วิคเตอร์บอก ถ่ายทั้งรูปและวิดีโอ


        “พี่มาถ่ายบ้างไหมครับ เดี๋ยวผมถ่ายให้”


        “พี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปตัวเอง ถนัดแต่ถ่ายให้คนอื่น”


        “ถ้างั้นผมขอถ่ายรูปคู่กับพี่เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ไหมครับ”


        “ได้สิ มาเดี๋ยวพี่เป็นคนถือถ่ายเองครับ”


        “...” ผมที่คิดจะชวนถ่ายพอเป็นพิธี เพราะเมื่อกี้ยังปฏิเสธอยู่เลย ไหงกลับคำเร็วขนาดนี้


        แชะ!


        เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ผมก้มหน้าลงด้วยความเขิน เราสองคนใกล้ชิดกันจนผมได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย และนี่เป็นรูปคู่รูปแรกของผมกับพี่วิคเตอร์กับสถานที่ที่สวยงาม ช่างเป็นอะไรที่ลงตัว ผมที่กำลังเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง และในจังหวะนั้นเองพี่วิคเตอร์ก็โน้มใบหน้าลงมาพอดี


        จุ๊บ แชะ!


        “...” 


        ใบหน้าพี่วิคเตอร์ที่โน้มลงมาในตอนแรก บัดนี้ริมฝีปากหนาได้รูปประกบลงมาบนริมฝีปากของผม สัมผัสนั้นนุ่มนวลชวนให้หลงใหล ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่วิ


        “ขอโทษครับ...พี่ขอรูปนี้นะครับ” 


        “...” 


        เหมือนแขนขาไม่มีแรง ผมเม้มริมฝีปาก ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน


        ‘จูบแรกของผม’ 


         ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า เอาแต่ยืนก้มหน้ามองพื้น ผมจึงเลือกที่จะเดินไปที่น้ำตก ลงไปนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำ


        ‘อ่า...ผ่อนคลายจัง’ 


         ถ้ารู้ว่าพี่วิคเตอร์จะพามาเที่ยวที่น้ำตกแบบนี้ เขาคงเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยแล้วล่ะ ผมนั่งเอาเท้าแช่น้ำอยู่นาน ส่วนพี่วิคเตอร์ก็เดินสำรวจรอบบริเวณน้ำตก 


        ผมลุกขึ้นเดินไปดูต้นไม้ใหญ่จนมาเจอบ้านพักเล็ก ๆ สภาพของบ้านเก่าแต่ไม่ทรุดโทรม เหมือนมีคนอยู่ดูแลตลอด เมื่อยืนสังเกตไปอยู่สักพักก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงคนเรียก


        “กลับกันได้แล้วครับ” 


         “ครับ!” ผมตะโกนตอบกลับไป แต่สายตายังคงมองไปที่บ้านพักหลังนั้น ผมได้แต่คิดว่าคงเป็นบ้านที่เอาไว้ให้คนที่คอยดูแลที่นี่อยู่หรือไม่ก็เอาไว้เวลาคนของตระกูลแอสลันมาพัก ผมเดินมาที่รถก็พบกับความว่างเปล่า คนที่เรียกผมเมื่อกี้ไปไหนซะล่ะ


         “อยากไปไหนต่อหรือเปล่าครับ” เสียงพี่วิคเตอร์กระซิบข้างหูผม


         “พี่วิคเตอร์!ผมตกใจหมด บรรยากาศยิ่งวังเวง ๆ อยู่นะ” 


         “โดนจุ๊บไปทีเดียวขวัญอ่อนเลยเหรอครับ” 


         “พี่ วิค เตอร์ ” ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง


         “ปะ ๆ เดี๋ยวพี่พาไปทานอาหารในเมือง” 


         พี่วิคเตอร์เปิดประตูรถให้ผมพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผม ผมลืมไปซะสนิทเลยตั้งแต่ที่ถ่ายรูปคู่กับพี่วิคเตอร์ แล้วจากนั้น...ผมรีบก้าวเข้าไปนั่งในรถ ในขณะที่พี่วิคเตอร์ยืนขำพร้อมกับอมยิ้มก่อนปิดประตูรถ และเดินมาฝั่งของตนเพื่อขับรถออกไป วันแห่งความสุขนั้นมักผ่านไปเร็วเสมอ




วันที่...

        ไม่รู้ว่าผ่านมากี่วันแล้วหลังจากที่ผมจดบันทึกครั้งล่าสุด ผมขอเริ่มจดบันทึกใหม่ด้วยสมุดบันทึกเล่มนี้แทนก็แล้วกัน หลังจากที่ผมได้รอดจากความตายมาถึงสามครั้ง แต่ครั้งที่สามนี้ผมรู้สึกได้ถึงความแปลกบางอย่างคือ ผมเริ่มฝันเห็นบุคคลสองคนซึ่งน่าจะเป็นคู่สามีภรรยา สวมใส่ชุดสมัยก่อน อีกอย่างคือมีคนพยายามจะฆ่าผม ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ต่อไปผมคงจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้


        วันนี้ผมได้ไปเที่ยวที่น้ำตกของตระกูลพี่วิคเตอร์ ที่นั่นสวยมาก อากาศเย็นสบาย แต่ถ้าให้ผมไปตอนกลางคืนผมไม่ไปเด็ดขาด ด้วยความที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีกับบรรยากาศที่เงียบพูดว่าป่าช้าก็ไม่ปาน


        และผมได้รูปสวย ๆ มาหลายรูปเลย มีรูปคู่กับพี่วิคเตอร์ แต่ผมก็เสียจูบแรกให้พี่วิคเตอร์ด้วยเหมือนกัน พูดแล้วก็เขิน ปากพี่วิคเตอร์นุ่มมาก อ๊ายยย