จะเป็นอย่างไรเมื่อโนอาร์ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพียงเพราะว่าเขาวิ่งไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เลยทะลุมิติเข้าไปเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด แต่เข้าฝึกคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้พระเอกของเราสนใจซะงั้น

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด - บทที่ 13 กลับสู่สภาวะปกติ โดย Pimnaomi @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ระบบเกม,มอนสเตอร์,Boy Love,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,Yaoi,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ระบบเกม,มอนสเตอร์,Boy Love,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,Yaoi

รายละเอียด

จะเป็นอย่างไรเมื่อโนอาร์ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพียงเพราะว่าเขาวิ่งไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เลยทะลุมิติเข้าไปเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด แต่เข้าฝึกคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้พระเอกของเราสนใจซะงั้น

ผู้แต่ง

Pimnaomi

เรื่องย่อ

        หลังจากที่เด็กหนุ่มวิ่งข้ามถนนไปช่วยเจ้าสุนัขตัวน้อย เขาก็โดนรถชนจนได้ทะลุมิติเข้ามายังโลกของฮันเตอร์หรือเมืองดิ อาร์คทาวน์ 

        ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของ ’โนอาร์ เวลตัน’ ชายหนุ่มหน้าหวาน น้องชายของหัวหน้ากิลด์เอ็กซ์ในขณะนั้น และต้องเข้ารับการฝึกเป็นฮันเตอร์และปลุกพลัง เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ 

        หลังจากที่ได้เข้าเรียนคลาสแรกก็สร้างเรื่องจนทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของใครหลายคน และด้วยที่รูปร่างหน้าตาอันน่ารักนี้ทำให้เขากลายเป็นไวรัลทั่วโลกอินเทอร์เน็ต และมีเรื่องให้เขาต้องเผชิญอยู่ตลอด ทั้งพระเอก มอนสเตอร์ แถมยังมีบุคคลปริศนาที่อยู่ในเงามืดคอยเล่นงานเขาอีก 

        แต่การที่เขาทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานแห่งนี้ ก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน และเหตุผลนั้นคืออะไร…


ติดตามต่อได้ในเรื่อง #เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด 

สารบัญ

เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-อารัมภบท ที่นี่ที่ไหน 1,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 1 ที่นี่ที่ไหน 2,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 2 วันแรกของการเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 3 กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 4 เกิดเหตุไม่คาดฝัน,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 5 สิทธิพิเศษจากท่านจอมพล,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 6 พี่คนนั้นแอบชอบผมหรือเปล่านะ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 7 การทดสอบของทางสมาคมลับ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 8 คืนนี้พี่นอนกับผมไหมครับ?,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 9 คืนแรกที่ต่างเมือง,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 10 จูบแรก,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 11 เราสองคนลองมาคบกันดูไหม,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 13 กลับสู่สภาวะปกติ,เมื่อผมทะลุมิติเข้ามาเป็นฮันเตอร์ฝึกหัด-บทที่ 12 เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

เนื้อหา

บทที่ 13 กลับสู่สภาวะปกติ

       


        07/02 วันนี้พี่วิคเตอร์พาผมไปเที่ยวป่าที่มีต้นไม้ใหญ่รายล้อมและมีน้ำตกสวย ๆ ตั้งอยู่กลางป่านั้น ซึ่งที่ตรงนั้นเป็นที่ของต้นตระกูลพี่วิคเตอร์หรือตระกูลแอสลันนั่นเอง เป็นที่ที่สวยมาก ร่มรื่น น้ำใสไหลเห็นตัวปลา แต่ในนั้นก็ยังมีบ้านพักหลังเล็ก ๆ อยู่หลังหนึ่ง ซึ่งมันแปลกมากเพราะมันไม่ร้างเลย เหมือนมีคนคอยดูแลอยู่ทุกวัน ผมกำลังจะเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แต่ก็ถูกพี่วิคเตอร์เรียกกลับซะก่อน 


        หลังจากกลับออกมาจากที่นั่น พี่วิคเตอร์ก็พามาทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารหรู บนตึกสูงเสียดฟ้า บรรยากาศดี อาหารอร่อย จากนั้นพี่วิคเตอร์ก็ให้สร้อยเส้นหนึ่งกับผมเป็นสร้อยคอจี้มังกรเพลิง สั่งทำเพื่อผมโดยเฉพาะ (พี่วิคเตอร์เขาบอกแบบนั้น) และผมก็ถูกขอคบ ขอเป็นแฟนนั่นแหละครับ พูดถึงแล้วก็เขิน และวันนี้เราก็นอนในห้องเดียวกัน บนเตียงเดียวกัน มันเร็วไปไหมนะ แต่ก็แค่นอนเฉย ๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย เสียดายจัง...


        08/02 เป็นอีกหนึ่งวันที่เราสองคนได้ไปเที่ยว ใช้เวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ได้รู้จักนิสัย ใจคอกันและกัน การมีแฟนมันดีแบบนี้เองเหรอครับ ผมรู้สึกโชคดีจังที่ได้พี่วิคเตอร์เป็นแฟน เพราะรู้สึกว่าพี่วิคเตอร์ดูรักผมมาก มากจนผมรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก

 

        ผมเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้เหมือนเดิมตั้งแต่มาที่แห่งนี้ แต่สองวันที่ถูกเขียนเพิ่มเป็นเพราะมันเป็นวันที่พิเศษและผมอยากจะเขียนไว้เป็นความทรงจำเผื่อที่วันไหนผมไม่อยู่ที่นี่แล้ว หวังแค่ว่าใครสักคนจะได้อ่านเรื่องราวของผม


        อีกสองวันผมต้องกลับไปฝึกเหมือนเดิม ผมจึงเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม ต่อจากนี้ไปผมจะตั้งใจฝึกและพัฒนาพลังที่ได้มาเพราะไม่รู้ว่าจะโดนแบบเดิมอีกหรือเปล่า


        ในวันนี้ผมเริ่มจากการศึกษาไอเทมที่มีอยู่ในคลังทั้งหมด ตั้งแต่ไอเทมอาวุธ ไอเทมป้องกันไปจนถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ระบบมีให้พร้อมกับหาข้อมูลการใช้ไอเทมแต่ละชิ้นไปพร้อมกัน เผื่อเวลาเจอมอนสเตอร์จะได้เลือกใช้อย่างถูกวิธีและเหมาะสมกับการใช้งาน


        ส่วนชิ้นไหนที่ผมไม่เข้าใจ หาข้อมูลไม่เจอก็มีพี่วิคเตอร์คอยอธิบายให้ฟังทางโทรศัพท์ บ้างก็ถามเฮีย ไอเทมในคลังของผมหลังจากรู้วิธีใช้และสกิล บางอย่างนั้นก็ดูเกินตัวผมไปมาก แต่มีไอเทมอยู่ชิ้นหนึ่งที่ไม่ว่าจะหาข้อมูลหรือถามใครต่อใครก็ไม่มีใครทราบ


        ไอเทมชิ้นนั้นเป็นไอเทมลักษณะตรงกลางเป็นรูปหยดน้ำสีแดงและมีมังกรสองตัวล้อมรอบ มีข้อความเขียนไว้แค่ว่า ‘DG BLOOD’ ไม่มีข้อมูลอะไรเสริม

        #ไม่อนุญาตให้คัดลอกหรือนำรูปออกไปเผยแพร่ทุกกรณี Illust: canva

 


        ผมได้แต่สงสัยว่าทำไมชีวิตผมตั้งแต่มาอยู่ในที่แห่งนี้ถึงต้องเจอแต่กับมังกร ทั้งปานที่หน้าอก มอนสเตอร์มังกรซาฮักที่เข้ามาทำร้ายผมจนเกือบตาย สร้อยที่พี่วิคเตอร์ให้เป็นของขวัญ อีกทั้งไอเทมในคลัง ต่อไปจะเป็นอะไรอีกนะ


        วันทั้งวันผมหมกตัวอยู่แต่ในห้องเพื่อศึกษาข้อมูล มีลงไปเอาข้าวขึ้นมาทาน แต่ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอก จนเวลาผ่านไปถึงช่วงเย็นพี่เอวานชวนไปทานชาบูและหมูกระทะ ของโปรดของผม ยังดีที่ที่นี่ยังมีให้ทาน ไม่อย่างนั้นละก็…


        พวกเรานั่งรถกันมา 4 คน จะว่าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานที่คุณพ่อ คุณแม่และพี่เอวานไปรับผมที่บ้านคุณเดวิด ผมไม่เห็นพี่เอวาเลยจนถึงวันนี้


        “พี่เอวาไปไหนเหรอครับ ผมไม่เห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผมเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย


        “เอวาไปดูงานเมืองอื่น กลับมาพรุ่งนี้แหละ” พี่เอวานตอบแต่สายตายังคงมองถนนอยู่


        “อ่อครับ...เดี๋ยวผมจะทานเผื่อเจ้เอง วันนี้ผมจะทานให้จุกจนลุกไม่ไหวเลย” 


        “เฮียไม่อุ้มนะ” เฮียพูดตัดบทผมเสียอย่างนั้น


        “ผมเป็นน้องสุดที่รักของเฮียนะ อีกอย่างตอนนอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้ทานอะไรเลย” 


        “ผมสลบไปตั้ง 5 วันเลยนะครับ ฟื้นขึ้นมาก็ทานอะไรไม่อร่อย วันนี้ขอทานให้หนำใจไปเลย” 


        จากตอนแรกที่ทุกคนทำหน้าตาเป็นห่วง แต่ตอนนี้ต่างพากันยิ้มและเอ็นดูในความน่ารักของผม นั่งมาสักพักก็ถึงร้านประจำของเราและเหล่าฮันเตอร์ ที่มีเจ้าของร้านคือพี่อลันเพื่อนเฮียเอวาน


        วันนี้ลูกค้าก็ยังคงเยอะเหมือนเดิม เหมือนกับทุกวัน แต่น่าจะเป็นเพราะเฮียจองโต๊ะไว้แล้ว ครอบครัวเราเลยไม่ต้องรอคิว หลังจากที่ก้นสัมผัสกับเก้าอี้ผมก็เลือกสั่งอาหารว่าจะเอาอะไรบ้าง ผมสั่งไปอย่างละ 3-5 ถาดก่อน ถ้าไม่อิ่มค่อยสั่งเพิ่มถึงผมบอกว่าจะทานให้จุกแต่ก็ไม่ประมาทดีกว่า ของขาดก็ค่อยสั่งเพิ่ม ดีกว่าสั่งมาเยอะแล้วของเหลือทิ้ง 


        ไม่นานอาหารต่าง ๆ ก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ เหมือนเดิมเลยครับผมเริ่มจากใส่ผักลงไปต้มกับน้ำซุปก่อนแล้วค่อยตามด้วยเนื้อหมูสไลด์ของโปรดผม กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านตั้งแต่เดินเข้ามา ชาบูและหมูกระทะเป็นสิ่งที่เยียวยาจิตใจ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าที่นี่ไม่มี จะมีอะไรมาแทน


        พวกเรารับประทานอาหารร่วมกัน พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ผมก็เล่าเรื่องราวที่ผมเจอในวันที่ผมถูกมอนสเตอร์ทำร้ายตลอดจนไปอยู่ที่บ้านท่านเดวิด พี่วิคเตอร์พาไปเที่ยว แต่ผมยังไม่ได้บอกเรื่องที่คบกับพี่วิคเตอร์ให้ทุกคนฟัง แต่ผมสังเกตเห็นในภายหลังหลังจากที่ผมเล่าให้ทุกคนฟังว่าพี่วิคเตอร์พาไปไหนบ้าง ทุกคนต่างพากันยิ้มกรุ้มกริ่ม พยักหน้ารับ


        ‘เราคงไม่ได้แสดงออกให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นใช่ไหม’ ผมได้แต่คิดอยู่ในใจ

 

        “อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” ผมเอ่ยพร้อมกับลูบท้องตัวเองเบา ๆ


        “งั้นกลับบ้านกันเลยดีกว่า คนอื่นเขาจะได้เข้ามาทานต่อ” 


        “อุ๊ยเฮีย...ผมลืม ผมยังไม่ได้ทานไอศกรีมเลย” ผมท้วง ว่าแล้วเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง


        “ไปขอแก้วพลาสติกพนักงานไป เดี๋ยวเฮียพาพ่อกับแม่ไปรอที่รถ” 


        “ได้ครับ” ผมเดินไปหาพี่พนักงาน และเดินออกมาพร้อมแก้วที่มีไอศกรีมอยู่เต็มแก้ว เดินทานไปจนถึงรถ และเดินทางกลับบ้าน


        แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน ลอดผ่านม่านบาง ๆ ลงมาแตะใบหน้าของผม ความเงียบปกคลุมไปทั่ว มีเพียงเสียงลมพัดผ่านต้นไม้นอกหน้าต่างที่ดังเป็นระยะ ๆ ผมนอนหงายมองเพดาน ความรู้สึกเหงาเข้าปกคลุมใจ


        ผมคิดถึงพี่วิคเตอร์ คิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงเสียงหัวเราะ คิดถึงอ้อมกอดอันอบอุ่น คิดถึงทุก ๆ วินาทีที่เราได้ใช้เวลาร่วมกัน มันนานเหลือเกินแล้ว ที่เราไม่ได้เจอกัน พี่วิคเตอร์ไปทำงานต่างประเทศ ไกลจากผมหลายพันไมล์


        ผมพยายามจะหลับ แต่ก็ทำไม่ได้ ภาพใบหน้าพี่วิคเตอร์ผุดขึ้นมาในความคิด ผมนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราเคยทำร่วมกัน นึกถึงความทรงจำที่แสนหวาน จนเวลาผ่านไปกลางดึกผมกดส่งข้อความไปให้พี่เขา แล้วผมจึงหลับไป

 

วิคเตอร์ แอสลัน

02:36 น.


คิดถึงพี่วิคเตอร์จังเลยครับ:

(อิโมจิอ้อน) :

 

        แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าเพราะวันนี้พี่วิคเตอร์กลับจากทำธุระให้กิลด์ ผมลุกจากเตียงเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปด้านนอก ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศสดใส


        ผมอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะลงไปทานข้าว เมื่อคืนนี้หลังจากที่ผมส่งข้อความไปหาพี่วิคเตอร์ ตอนเช้าตรู่พี่วิคเตอร์ส่งข้อความกลับมาบอกว่า กลับวันนี้ช่วงสาย ๆ ถ้าถึงแล้วจะพาไปทานของหวานที่คาเฟนอกเมือง


        วันนี้คุณแม่ทำกับข้าวหลายอย่างเพราะพี่เอวาก็กลับมาบ้านวันนี้เหมือนกัน อาหารเช้านี้มีหมูปิ้งนมสดกับข้าวเหนียว ออมเล็ต ต้มยำไก่และน้ำส้มคั้น


        อาหารเช้านี้อร่อยทุกอย่าง หลังจากทานเสร็จผมช่วยคุณแม่เก็บจานก่อนที่จะขอออกไปข้างนอก ด้วยเหตุผลที่ว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปฝึกฮันเตอร์แล้ว เลยนัดเพื่อนออกไปทานขนมที่คาเฟเพราะไม่ได้เจอกันตั้งนาน กลับตอนเย็นไม่เถลไถลแน่นอน


        ผมออกมาช่วง 10 โมงเช้า มารอพี่วิคเตอร์อยู่ในร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มาหาหนังสือที่สามารถบอกได้ว่าไอเทมลึกลับชิ้นนั้นคืออะไร ไม่นานนักพี่วิคเตอร์ก็โทรมา


Rrrrrrrrrr~

        (พี่จะถึงแล้วนะครับ โนอาร์ออกมารอด้านหน้าได้เลย) 

        (โอเคครับ) 

ตู๊ด ๆ

 

        หลังจากที่ผมวางสายจากพี่วิคเตอร์ ผมก็เดินออกมาจากร้านหนังสือ มายืนรออยู่บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบริเวณที่รถสามารถผ่านออกจากห้างได้


        ปี๊น ๆ เสียงบีบแตรดังมาจากรถยุโรปสีขาวที่กำลังเคลื่อนมาจอดอยู่ด้านหน้าผมช้า ๆ เมื่อรถจอดกระจกด้านคนนั่งข้างคนขับก็ค่อย ๆ เลื่อนลงมาจนทำให้เห็นบุคคลที่อยู่ในรถ ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่อยู่ภายในรถ


        ภายในรถนั้นเย็นสบาย แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านกระจกเข้ามา ชายหนุ่มหน้าตาดีสวมแว่นตาสีดำกำลังขับรถอยู่ เขาหันมายิ้มให้ผม


        “รอพี่นานไหมครับ?” พี่วิคเตอร์หันหน้ามาถามผม


        “ไม่นานครับ ผมก็พึ่งเดินทางถึงเมื่อกี้นี้เอง” ผมตอบ


        พี่วิคเตอร์ขับรถออกจากห้างสรรพสินค้า มุ่งหน้าสู่คาเฟที่อยู่แถบ ๆ ชานเมือง ระหว่างทางเราคุยกันเรื่องต่าง ๆ มากมาย เสียงหัวเราะของเราเต็มไปทั่วรถ บรรยากาศภายในรถนั้นอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข ผมรู้สึกดีใจที่ได้นั่งรถกับพี่เขา


        บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกรถนั้นช่างดีเหลือเกิน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่กำลังถูกเจ้าชายพาไปเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น