คนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า อีกคนแอบซ่อนความรัก เมื่อพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่ถูกปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม..."พูดสิว่า...รัก"
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,อื่นๆ,ไทย,เพื่อนรัก,โรแมนติก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
say “you love me” พูดสิว่า…รักคนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า อีกคนแอบซ่อนความรัก เมื่อพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่ถูกปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม..."พูดสิว่า...รัก"
คนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า
อีกคนแอบซ่อนความรัก
เมื่อพวกเขากลับมาพบกัน
หัวใจที่ปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม...
"พูดสิว่า...รัก"
*
*
*
เนื้อหาบางส่วน...
“นิกม์” เสียงอ่อนโยนจากฝ่ายหญิงเรียกรั้งเขาไว้ ขณะกำลังก้าวเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง เขาหันกลับไปมองเธอนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดใดจากเธอ ทำใจเขากระตุกเล็กน้อย
“...!?”
“เราไม่ได้จีบแกแล้วนะ”
“ทำไมถึง...”
“แกชอบมาทำให้เรารัก และจากเราไป” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเยาะราวกับนี่เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งที่เธอจะแกล้งเขา แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกสนุกตามแม้แต่น้อย จึงตอบออกไปไม่ทันได้คิด
“คนเรามันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละ”
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีความรัก
ทว่า...โลกนี้ช่างโหดร้าย เพราะมันพรากพวกเขาให้แยกจากกัน
ภาพที่เคยวาดฝันไว้ของความรักที่สมบูรณ์แบบในตอนจบ สมัยยังเป็นเด็กเธอเชื่อว่าเด็กหญิงหลายคนคงฝันถึงวินาทีที่ตัวเองได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ฟูฟ่อง ขณะเดินเข้าประตูวิวาห์ พื้นปูด้วยพรมแดงราวกับหลุดออกมาจากนิทานของเจ้าหญิง ณ สุดทางเดินมีชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักกำลังรอคอยอยู่ตรงนั้น ส่งสายตาหวานด้วยความรักอันเต็มเปี่ยม
ทว่าเงาสะท้อนจากตัวเธอในวัยสามสิบ ไม่อาจคิดเช่นนั้นได้แล้ว แม้ชุดเจ้าสาวจะงดงาม สวยพลิ้วยิ่งกว่าที่เคยจินตนาการไว้ แต่หัวใจของหญิงสาวกลับว่างเปล่า
ชุดเกาะอกลูกไม้สีขาวดุจหิมะดูเหมาะกับเธออย่างน่าอัศจรรย์ สาวร่างบางหมุนตัวเล็กน้อยเพื่อดูรายละเอียดรอบด้าน ชุดขนาดพอดีตัวเผยให้เห็นหลังเนียนใส ริ้วผ้าพลิ้วยาวลากถึงพื้น หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นราวกับจะได้เข้าพิธีวิวาห์ในไม่ช้า
พนักงานสาวเดินเข้ามาพร้อมยืนช่อดอกลิลี่สีชมพูอ่อนให้ถือ เธอเปรยยิ้มหวานเป็นเชิงขอบคุณหล่อนก่อนจะเหม่อมองตัวเองในกระจกเงาอีกครั้ง ความคิดมากมายตีกันยุ่งเหยิง ตัวเธอเหมาะจะเป็นเจ้าสาวของเขาบ้างไหมนะ
“ยัยไมล์ แกสวยมากกก” เสียงตื่นเต้นของไอรินทำให้เธอหลุดจากภวังค์ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนสนิทที่กำลังตั้งอกตั้งใจยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเธอในชุดวิวาห์ด้วยความตื่นเต้นดีใจ เพราะมีโอกาสได้เห็นเพื่อนสนิทในชุดเจ้าสาวกับเขาสักที หล่อนกระตือรือร้นรัวภาพไปเป็นร้อย ๆ รูปจนอีกฝ่ายตั้งท่าไม่ทัน ไอรินใจเต้นโครมครามก่อนจะคิดแผนร้ายบางอย่าง
เธอส่งยิ้มให้เพื่อนสาวในชุดวิวาห์อย่างมีเลศนัย...
หนึ่งเดือนต่อมา
ปิ๊ง ป่อง
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มหน้านิ่ง ไอรินถอดหายใจอย่างเอือมระอาเมื่อเห็นคนตรงหน้าอยู่ในสภาพซีดโทรมราวกับศพเดินได้ นิกม์ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่จนตะวันจะลับฟ้า เขาสวมบ๊อกเซอร์กับเสื้อยืดย้วย ๆ เดินมาต้อนรับแขกอย่างเธอ
“โอ้โหสภาพอะไรของมึงเนี่ย” เสียงแหลมของไอรินแซวขึ้นทันที
ก็สภาพแบบนี้แหละครับ ชายหนุ่มคิดในใจเพราะไม่ทันตั้งตัวว่าจะมีแขกมาหาในวันอาทิตย์เช่นนี้ สภาพตอนนี้ดูไม่ค่อยจะได้ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาคว้าเสื้อยืดเน่า ๆ จากในตระตร้ามาใส่ก่อนจะเปิดประตูบ้านให้คนที่มาเยือน
“มาทำอะไรเนี่ย” เขาถามกลับเสียงเนือย ไอรินไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินสำรวจภายในบ้านอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองข้าวของที่ไม่ค่อยมีอะไรมากนักนอกจากข้าวของเครื่องใช้จำเป็น ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย เธอยืนเท้าเอวมองโซฟาหนังสีดำเหมือนกำลังลอบวางแผนอะไรในหัวก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา นิกม์นั่งลงข้าง ๆ และถามย้ำอีกครั้ง “สรุปมาทำไม”
“เป็นเจ้าของบ้านไม่คิดจะหาน้ำมารับแขกบ้างรึไง” เธอแว้ดเสียงแปดหลอดใส่เจ้าบ้าน นิกม์ได้แต่ส่ายหัวไปมาพลางคิดว่ายัยเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนเรียนมัธยมด้วยกันสักนิด แม้จะอยู่ในวัยขึ้นเลขสามแล้วก็ตาม เด็กเห็นจะเคารพผู้ใหญ่อย่างยัยนี่บ้างไหมนะ
“ได้ครับท่านไอรินจะดื่มอะไรดีครับผม” เขาประชดแขกผู้มาเยือนตามนิสัย
“น้ำเปล่าค่ะ”
“สักครู่นะครับท่านไอริน”
“กวนตีนเหมือนเดิมนะมึง”
“พูดจาดีก็โดนว่า...ผมเสียใจนะ!”
คนหัวฟูบ่นกระปอดกระแปดพร้อมลุกไปยังห้องครัว หลังผ่านไปสิบนาทีที่เขาเอาน้ำเปล่ามาให้ไอรินตามคำขอ แต่เพื่อนสาวคนเดิมยังคงเงียบไม่บอกจุดประสงค์การมาเยือนในวันนี้ เขาจึงได้แต่เงียบรอฟังเธออย่างใจเย็น ถ้าขืนถามขึ้นเองคงได้โดนตวาดแว้ด ๆ ใส่อีกรอบแน่ เขารู้ว่ายัยเพื่อนคนนี้อารมณ์เปลี่ยนไปมา
พลางคิดไปถึงสมัยก่อน ไอรินชอบโผล่มาส่งเสียงดังตอนที่เขากับไมล์นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกัน นึกดูเวลาก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่ในความรู้สึกมันเหมือนเมื่อวานนี้เองสำหรับพวกเขา ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ทำผิดซ้ำซาก และตอนนี้พวกเขาคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากกว่านี้
“รู้ไหม ความรักน่ะ มันมีจังหวะเวลาของตัวมันเองนะ เราเข้าไปควบคุมไม่ได้เหรอกถึงอยากจะทำแค่ไหน” ไอรินเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเจ้าตัวหมายถึงเรื่องอะไร หรือบางทีเขาอาจกำลังโดนอีกฝ่ายอ่านใจอยู่
“...” นิกม์ได้แต่ยกยิ้มบางเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง
“ที่มาวันนี้ก็อยากมาเจอและเอาบางอย่างมาให้” เธอบอกพร้อมกับยื่นซองจดหมายสีขาวสะอาดให้เขา “บัตรเชิญงานแต่งน่ะ” เขาแกะซองดูของข้างใน สิ่งที่เห็นมันบีบรัดหัวใจเกินจะทนไหว
“สวยใช่ป่ะล่ะ ไมล์ในชุดเจ้าสาว เห็นมันเป็นแบบนั้นก็เถอะจริง ๆ แล้วความฝันของไมล์มันก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นแหละ อยากจะเป็นเจ้าสาวของใครสักคน มีความรักและอยู่กับคนนั้นอย่างมีความสุข”
“อื้อ งั้นเหรอ ก็ดีแล้วล่ะ”
ผ้าม่านพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดผ่าน หอบกลิ่นอายของอดีตมาพร้อมเสียงแห่งความอ้างว้างซึ่งก่อขึ้นในใจเขาอีกครั้ง ดั่งเวลารอบตัวหยุดนิ่งพาให้ได้ยินกระทั่งเสียงเข็มนาฬิกาดัง ไกลออกไป เสียงใสหวานของไมล์ในอดีตของชายหนุ่มพลันชัดแจ้งขึ้นทันที
‘เราชอบแกนะ’
นิกม์มองดูรูปไมล์ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ถือช่อดอกลิลี่สีชมพูอ่อน แววตาสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขขับกับรอยยิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องยิ้มตาม ช่างอ่อนหวาน ดูใสซื่อเสียเหลือเกินในสายตาของเขา ตัวเขาควรจะมีความสุขที่เห็นเธอมีความสุข แต่ภายในกลับรู้สึกสั่นไหวเกินกว่าจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้