คนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า อีกคนแอบซ่อนความรัก เมื่อพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่ถูกปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม..."พูดสิว่า...รัก"
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,อื่นๆ,ไทย,เพื่อนรัก,โรแมนติก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
say “you love me” พูดสิว่า…รักคนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า อีกคนแอบซ่อนความรัก เมื่อพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่ถูกปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม..."พูดสิว่า...รัก"
คนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า
อีกคนแอบซ่อนความรัก
เมื่อพวกเขากลับมาพบกัน
หัวใจที่ปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม...
"พูดสิว่า...รัก"
*
*
*
เนื้อหาบางส่วน...
“นิกม์” เสียงอ่อนโยนจากฝ่ายหญิงเรียกรั้งเขาไว้ ขณะกำลังก้าวเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง เขาหันกลับไปมองเธอนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดใดจากเธอ ทำใจเขากระตุกเล็กน้อย
“...!?”
“เราไม่ได้จีบแกแล้วนะ”
“ทำไมถึง...”
“แกชอบมาทำให้เรารัก และจากเราไป” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเยาะราวกับนี่เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งที่เธอจะแกล้งเขา แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกสนุกตามแม้แต่น้อย จึงตอบออกไปไม่ทันได้คิด
“คนเรามันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละ”
สามเดือนก่อนเจอกัน
[แค่ฝันได้ไหม ตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ให้เธอยังอยู่ข้าง ๆ]
หนุ่มอารมณ์เศร้าจ้องข้อความที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดียของตัวเองซึ่งตอนนี้ได้ถูกส่งไปยังหน้าฟีดข่าวของเพื่อน ๆ เขาเรียบร้อยแล้ว ในใจคิดแค่ว่า ถ้าสิ่งที่พิมพ์ลงไปมันเป็นจริงคงจะดีสินะ
คอมเมนต์ให้กำลังใจที่ส่งมามากมายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเพื่อน ๆ ได้แต่พร่ำบอกให้เขา เข้มแข็งนะ , สู้ ๆ นะ , เป็นกำลังใจให้นะ
แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความห่วงใยพวกนั้นเลย แม้พวกเขาอาจจะห่วงใยเขาจริง ๆ นิกม์เลือกที่จะไม่อ่านต่อ เขาไม่ได้ตั้งใจจะเรียกร้องความสนใจจากใครแค่คิดว่าหากพิมพ์ระบายมันออกไป อาจจะช่วยให้เขาจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ง่ายขึ้น เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งลงไปข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ
แต่...เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา
ครืด ครืด...
สมาร์ทโฟนเจ้ากรรมก็สั่นขึ้นมาขัดความตั้งใจที่จะหลับตานอนเสียก่อน เขาอยากจะปล่อยมันไว้ทั้งแบบนั้น แต่อีกใจก็คิดว่าฝ่ายที่ติดต่อมาอาจจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างก็ได้ เขาเคยละเลยข้อความและเสียงโทรศัพท์มาแล้วซึ่งมันไม่เคยส่งผลดีในตอนท้าย เจ้าตัวจึงใจอ่อนหยิบหน้าจอสี่เหลี่ยมขึ้นมาดูอย่างเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดีคุณนิกม์ เป็นไร เราเห็นแกโพสต์เศร้า ๆ โอเคป่าว”
มันน่าประหลาดใจมากที่คนส่งข้อความมา กลับกลายเป็นคนที่ไม่ได้ติดต่อกันปีกว่าแล้ว และดูเหมือนเพื่อนสาวคนนี้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ทั้งที่ออกจะเป็นข่าวดังทั่วโลกออนไลน์
“โอเค ไม่ได้เป็นอะไร” เขาพิมพ์ตอบกลับเธอไป ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจต่างหาก
“อื้อ ถ้ามีอะไรไม่โอเค เล่าได้นะ เราเห็นในคอมเมนต์แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร”
“ช่างมันเถอะ แล้วแกนึกไงทักมา ไม่ได้คุยกันตั้งนาน หรือเพราะโพสต์เรา” เขาถาม
ผ่านไปยี่สิบนาที...
เพื่อนสาวคนนั้นกลับยังไม่ตอบคำถามของเขาทั้งที่ขึ้นอ่านแล้ว พอย้อนมองกลับไปก็น่าแปลกที่เขาดันต้องมารอคำตอบจากคนที่ไม่ได้ทักหามานานอย่างเธอ ตั้งแต่ที่พวกเขาแยกย้ายกันไปเรียนมหาลัยก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย
ไมล์เป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย พวกเขาได้รู้จักกันตอนขึ้นมัธยมปีสี่ เธอเป็นนักเรียนใหม่ แน่นอนทุกคนเป็นนักเรียนใหม่ แต่สำหรับเขาที่เป็นนักเรียนโรงเรียนนี้ตั้งแต่อยู่มัธยมต้นนั้น ในสายตาเขาเธอจึงเป็นเด็กใหม่สุดเฟรช ตอนนั้นเขาคิดว่าเธอเป็นที่คนน่าสนใจคนหนึ่ง ยิ้มเก่ง สดใสร่าเริง รอยยิ้มของเธอทำให้โลกเปล่งประกาย รู้สึกอิจฉาที่ยิ้มเก่งได้แบบนั้นตลอด
ครืด ครืด...
“อื้อ เห็นโพสต์ละมันดูไม่เป็นแก ปกติแชร์แต่เรื่องเกม ไม่ก็หมาแมว”
เธอตอบข้อความของเขาเท่านั้น เขาอึ้งเล็กน้อยที่เธอสังเกตเห็นด้วย ว่านั่นดูไม่เป็นตัวเขา แน่นอนที่เธอบอกนั่นถูกต้อง เขาไม่ใช่คนพร่ำเพ้ออะไรแบบนั้น จึงรีบพิมพ์จะตอบข้อความกลับหาเธอทันที ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นว่าทางเธอกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่เช่นกัน เขาหยุดชะงักและลบข้อความของตัวเองออกไป รอคอยสิ่งที่เธอจะส่งให้เขาอีก
“บายแก ต้องรีบนอนน่ะ ฝันดีนะ”
นั่นคือ สิ่งที่เขารอคอย ข้อความลาไปนอนเนี่ยนะ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เขาคาดเดาเธอได้เลยจริง ๆ นึกจะไปก็ไปเสียดื้อ ๆ เห็นแล้วยังหงุดหงิดใจ นี่มันยังมีมนุษย์ประหลาดอย่างยัยนี่อยู่งั้นเหรอ?
นี่เขารอเธอตอบมายี่สิบกว่านาทีนะเว้ย ตอบมาแค่เนี่ยอย่างน้อยก็ช่วยคุยต่ออีกหน่อยไหมเล่า ไหน ๆ ก็ทักกันมาแล้ว เขาโยนมือถือลงข้างตัวตามเดิมและฟุบหน้าเข้ากับหมอนหัวเสียที่ถูกปล่อยให้รอเก้อ
ชายหนุ่มข่มตาหลับโดยที่ในหัวยังคงคิดถึงการกระทำของไมล์อยู่ ลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้านั้นเป็นคนอมทุกข์ที่เพิ่งสูญเสียคนที่รักไป หงุดหงิดกับเพื่อนสาวคนนี้อาจจะดีกว่าจมดิ่งอยู่กับความเศร้า
จากวันนั้นก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว แต่ก็ไร้การติดต่อกับเพื่อนสาวสมัยมัธยมปลายคนนั้น เขารู้สึกคิดถึงเธอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอทักทายมา แม้จะเป็นเพียงบทสนทนาสั้น ๆ เขากลับรู้สึกสบายใจและลืมเรื่องราวร้าย ๆ ไปได้บ้าง ราวกับว่าเธอมอบความกล้าที่จะให้ตัวเขาได้เดินออกจากความทุกข์
หน้าจอคอมเปิดค้างไว้อยู่นานแล้ว เขาตั้งใจจะเล่นเกมที่ชอบเล่นเป็นประจำ แต่สุดท้ายก็แพ้พ่ายในโลกออนไลน์แล้วเลื่อนฟีดข่าวไปมาเกินชั่วโมงแล้ว จุดสีเขียวเล็ก ๆ บนแถบข้างขวา บนหน้าจอ มีชื่อของเธอปรากฏอยู่ เขาจ้องมันอยู่สักพักแต่ก็ละสายตาจากมันและเลื่อนฟีดข่าวไปมาต่อไม่สนใจนัก
ทั้งที่ความจริงในหัวเขามีความคิดมากมายและข้ออ้างเป็นร้อยที่จะหาเรื่องทักเธอไป แปลกใจกับตัวเองไม่น้อยที่เขาเอาแต่กลอกตากลับไปมองจุดเขียว ๆ นั่นตลอด
ในที่สุดเขาก็ทำใจคลิกที่กล่องข้อความ แน่นอนต้องเป็นชื่อของเธออยู่แล้ว
“ไง” เฮ้ย เขาทักไปแค่นี้จริง ๆ เหรอ ไอ้บ้าเอ้ย มันขึ้นอ่านแล้วแทบจะทันที ทำให้เขาลนลานกับกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นั้นอยู่ลำพัง
“ไง อะไรล่ะแก” นั่นสิ ‘ไง’ อะไรของเขาวะ
“ป่าว อยากทักเฉย ๆ”
“คิดถึงเราเหรอออ”
“คิดถึง ๆ”
“...”
“คิดถึงเพื่อนร่วมห้อง”
“ฮ่า ๆ แกนี่ตลก งั้นก็ทักแชตกลุ่มสิ”
“ก็อยากคุยกับแก”
“...อะไรเนี่ย มาแปลก!”
“คิดถึงแกไง” เขาย้ำอีกครั้งเพราะรู้สึกคิดถึงเธอจริง ๆ ถ้าอยากให้อีกฝ่ายรู้ก็มีแต่ต้องบอกออกไปเท่านั้น สำหรับเขาเธอคือเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทที่สุดแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่เธอเข้ากับคนง่าย อัธยาศัยดี
“จ้า เออ พอดีเลย เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราจะกลับบ้าน ว่าจะไปเยี่ยมโรงเรียนกับเพื่อนคนอื่นด้วย ไปด้วยกันไหม”
“ได้ ๆ”
“โอเค ถ้ายังไงเดี๋ยวเราบอกแกอีกทีนะว่าวันไหน”
“อื้อ”
ไมล์ข้อความอ่านแล้วและทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติเธอไม่ได้ต่อบทสนทนาใด ๆ กลับมาและเขาก็คิดว่าแค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับการกลับมาคุยกันอีกครั้งในรอบหลายเดือน
ตอนเช้าวันถัดมา
อยู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เขาเผลอหลงลืมไป เลยนั่งรื้อข้าวของในห้องย้อนกลับไปในอดีตพร้อมกับสิ่งของที่ถูกซ่อนไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เปิดอัลบั้มรูปเก่า ๆ จากบนชั้นหนังสือแต่ละภาพที่มีเพื่อน ๆ และเขาอยู่ด้วยนั้นทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่น่าคิดถึงจริง ๆ
ช่วงมัธยมปลายเขาสงสัยว่าทำไมถึงได้มีภาพถ่ายเยอะแยะขนาดนี้กันนะ
แถมยัง...พรินต์เก็บไว้เป็นอัลบั้มเลยทีเดียว ซึ่งในยุคนี้มันน่าจะถูกอัปโหลดลงโซเชียลมีเดียมากกว่า
ช่างเถอะ... ยังไงมันก็รู้สึกดีกว่าที่ได้สัมผัสภาพถ่ายมากว่าการเลื่อนดูในหน้าจอ
และที่เขาชอบเป็นพิเศษคงจะเป็นภาพเขากับเธอ ความจริงมีภาพคู่แค่เพียงไม่กี่ภาพ ที่เหลือจะเป็นภาพที่มีเธอติดเฟรม เขาคงไม่ได้คิดไปเองเพราะหลาย ๆ ภาพเธอมักมองมาที่เขาอยู่เสมอ ราวกับว่าคอยสังเกตเขาอยู่ตลอดเวลา...
เขายิ้มเมื่อคิดถึงมัน
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่าย ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปเร็วได้ถึงเพียงนี้ เขาทิ้งตัวลงนอนกับพื้นที่มีสิ่งของมากมายวางเกลื่อนกลาด เขาหลับตาลงและนึกถึงหลายสิ่งที่ล่องลอยในหัว ก่อนจะวูบหลับไปเพราะตื่นเช้าเกินเหตุ
ครืด ครืด...
สมาร์ทโฟนที่วางไว้ข้างตัวเขาสั่นปลุกเขาตื่นจากการเฝ้าพระอินทร์ เขาจึงเปิดขึ้นมาอ่าน
“คุณนิกม์ ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อย”
“08xxxxxxxx” เขาพิมพ์ตอบเธอไปในทันที
“ง่ายจัง นี่เคยขอไปสิบกว่ารอบละไม่เคยได้”
“จริงเหรอ เคยขอด้วยเหรอ ไม่เห็นจำได้”
“ขอเว้ย บ่อยด้วยแต่ไม่เคยให้สักทีตั้งแต่ม. ปลายละ”
เขานึกขำว่าสมัยมัธยมปลายเขาหยิ่งขนาดนั้นเลยรึไง ถึงได้ไม่เคยให้เบอร์โทรเธอไป แต่ย้อนนึกดูดี ๆ ก็เพราะสมัยนั้นเขาไม่ใช้โทรศัพท์เลย นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่เคยได้เบอร์โทรเขาไป “นึกออกล่ะ เราไม่ใช้โทรศัพท์ไงตอนนั้น”
“กระจ่างเลย ตอนนี้มีโทรศัพท์แล้วสินะ ฮ่า ๆ”
“เออครับ มีแล้วครับ โทรมาด้วยนะอย่าเซฟไว้เฉย ๆ” เขาแซว
“ไว้จะโทรไปนะ นี่จะกลับไปบ้านพรุ่งนี้อาจจะแวะไปโรงเรียนด้วย”
“ได้เลย” เขาตอบกลับและส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนแพนด้าตัวอ้วนยกนิ้วโป้งไปให้เธอ เขาเดาว่าเธอคงจะยังอยู่ที่กรุงเทพ เพราะเธอได้ไปเรียนที่นั่น ส่วนตัวเขายังคงเรียนในละแวกใกล้ ๆ บ้านเกิด ขับรถไป-กลับบ้านและมหา’ ลัยสบาย ๆ น่าแปลกใจที่เขารู้สึกตื่นเต้นกับการกลับมาของเธอเป็นพิเศษ ทั้งที่มันก็ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากการจะได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมเท่านั้น
จบบทสนทนาอีกครั้ง
เฮ้อ...
เขาถอนหายใจพร้อมกับค่อย ๆ เก็บของที่รื้อมาไว้ในชั้นตามเดิม ก่อนจะสะดุดตากับกล่องเล็ก ๆ ใบหนึ่งซึ่งหลบอยู่ในสุด
ของชั้นวาง เขาดึงมันออกและเปิดดูข้างใน สิ่งของข้างในทำเขาประหลาดใจไม่น้อย ดอกไม้แห้งดอกหนึ่งซึ่งเขาได้มาจากเธอ
มีการ์ดข้อความเขียนว่า ‘โชคดีนะ ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอด 3 ปี จะคิดถึงเสมอ’
เขาหุบยิ้มแทบไม่ได้ ไม่รู้ทำไม แต่มันโคตรรู้สึกดีที่ได้อ่านมันอีกครั้ง มันไม่ใช่ของมีค่าอะไรมากมาย แต่ความทรงจำระหว่างพวกเขาต่างหากที่มีค่าไม่อาจตีราคา ช่างโหดร้ายเพราะตัวเขาไม่เคยใส่ใจที่จะจดจำเรื่องราวเหล่านั้นเลย