คนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า อีกคนแอบซ่อนความรัก เมื่อพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่ถูกปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม..."พูดสิว่า...รัก"
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,อื่นๆ,ไทย,เพื่อนรัก,โรแมนติก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
say “you love me” พูดสิว่า…รักคนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า อีกคนแอบซ่อนความรัก เมื่อพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่ถูกปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม..."พูดสิว่า...รัก"
คนหนึ่งเก็บซ่อนความเศร้า
อีกคนแอบซ่อนความรัก
เมื่อพวกเขากลับมาพบกัน
หัวใจที่ปิดกั้นจะยังสื่อถึงกันได้อยู่ไหม...
"พูดสิว่า...รัก"
*
*
*
เนื้อหาบางส่วน...
“นิกม์” เสียงอ่อนโยนจากฝ่ายหญิงเรียกรั้งเขาไว้ ขณะกำลังก้าวเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง เขาหันกลับไปมองเธอนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดใดจากเธอ ทำใจเขากระตุกเล็กน้อย
“...!?”
“เราไม่ได้จีบแกแล้วนะ”
“ทำไมถึง...”
“แกชอบมาทำให้เรารัก และจากเราไป” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเยาะราวกับนี่เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งที่เธอจะแกล้งเขา แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกสนุกตามแม้แต่น้อย จึงตอบออกไปไม่ทันได้คิด
“คนเรามันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละ”
ท่ามกลางผู้คนในงานคอนเสิร์ต ฝูงชนกำลังสนุกสนาน ร้องเล่นเต้นกันอย่างเมามันส์ ไมล์กำลังยิ้มหัวเราะคลอไปกับบรรยากาศคึกคัก เสียงดนตรีดังสะนั่น เธอโยกหัวขยับตัวไปตามจังหวะเพลง อิ่มเอมไปพร้อมกับชายหนุ่ม เขาเฝ้ามองรอยยิ้มนั้นของเธอไม่ละสายตา ร้องเพลงตามคลอขยับตามจังหวะเล็กน้อย
“เป็นไร ไม่สนุกเหรอ” ไมล์ยื่นหน้ามาพูดข้างหูเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ได้ยิน เขาส่ายหน้าและยิ้มตอบว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร เธอดูไม่เชื่อสายตานิกม์จึงโน้มตัวเอ่ยบอกอีกฝ่าย
“แค่เห็นไมล์สนุก เราก็สนุกแล้ว” เธอนิ่งไปปล่อยยิ้มเขินก่อนจะหันกลับไปสนใจนักร้องนำบนเวทีต่อ ร่วมด้วยกอดคอร้องเพลงกับไอรินเพื่อนสนิท
เขาคงต้องสนุกให้มากกว่านี้สินะ คิดได้ดังนั้นเขาจึงเข้าไปแจมกับสาว ๆ สองคน ไมล์เอื้อมแขนขึ้นมากอดคอเขาไว้พร้อมทั้งขยับร่างกายไปมาตามเสียงพลง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยใกล้หมดคืนท้ายปี ตัวเลขบอกเวลาบนเวทียังคงนับถอยหลังไปเรื่อย ๆ กระทั่ง...
9
.
.
.
8
.
.
.
เสียงนักร้องบนเวทีร่วมด้วยฝูงชนเริ่มนับถอยหลังกันอย่างพร้อมเพียง
.
.
.
7
เขาหันไปสบตากับคนข้างกายซึ่งกำลังนับถอยหลังพร้อมคนอื่น ๆ แต่เขาไม่
.
.
.
“ไมล์”
6
“เราไม่รู้เหรอกนะว่า ตอนนี้แกคิดกับเรายังไง” คนตรงหน้ามองเขานิ่ง เธอกำลังตั้งใจฟังเขา
.
.
.
5
“แต่ที่เราบอกแกวันนั้นน่ะ เรารู้สึกจริง ๆ นะ”
.
.
.
4
“เราชอบไมล์”
.
.
.
3
“เพราะงั้น ตอนนี้เราอยากรู้ว่าแก...” เขาเกิดลังเลที่จะพูดต่อ แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดล่ะ
.
.
2
เอาวะ
.
.
.
1
“จะชอบเราอีกได้ไหม”
ปุง ปัง ปุ้ง ~ปัง
เสียงพลุดังสนั่นรอบทิศ ไมล์เงยหน้ามองดอกไม้ไฟซึ่งกำลังสุกสว่างบนท้องฟ้า เธอคว้ามือของเขาไปกุม สัมผัสอันอบอุ่นจากเธอที่เขาต้องการครองไว้เพียงคนเดียว เขาลอบมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอสลับกับมือที่ถูกกุมไว้ เธอหันมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
00.00
1 JAN 20xx
เวลาและวันที่บนหน้าจอโทรศัพท์เปลี่ยนไป เพียงแค่พริบตาช่วงเวลาเชื่อมระหว่างปีเก่าผันเปลี่ยนไปสู่ปีใหม่ได้อย่างหน้าใจหาย เขาก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งดังไม่หยุดมาได้สักพัก ไม่ได้แปลกอะไรเป็นปกติธรรมดาเมื่อพอถึงช่วงเวลานี้ทุกคนจะพร้อมใจกันส่งข้อความมาอวยพร เขาเปิดและเลื่อนดูข้อความเหล่านั้น ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง
ครืน~ ครืน ~
New Notifications
[Mile @memile]
@Nickmelt HNY นะนิกม์ ขอบคุณที่ชวนมาด้วยกันในปีนี้ ดีใจมากนะ
เขาเงยหน้ามองเจ้าของทวีต ไมล์ยิ้มและหัวเราะเบา ๆ เขาอมยิ้ม จริง ๆ เธอบอกตรงหน้าเลยก็ได้นี่ทำไมต้องทวีตมาบอกกันด้วยเล่ายัยบ้า เขาจึงก้มพิมพ์โทรศัพท์เพื่อทวีตไปหาไมล์
@memile หันมาบอกตรง ๆ ก็ได้นะ
เออวะ แล้วทำไมเขาไม่บอกไปต่อหน้าเลยวะ
“แฮปปี้นิวเยียค่ะคุณนิกม์”
“แฮปปี้นิวเยียครับคุณไมล์” เขาตอบไมล์และฉีกยิ้มกว้างให้เธออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน นี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเริ่มต้นใหม่ของพวกเขา ใช่ไหมนะ เขาครุ่นคิดไปมาในหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก
“จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ” ไมล์เอ่ยถาม
“เรื่องอะไร”
“เมื่อสองสามปีก่อนน่ะ เราเคยทวีตถามแกว่าเค้าดาวน์ที่ไหน”
“อ่าฮ่ะ”
“แล้วแกก็ตอบเราว่า HOME”
“อืม แล้วทำไมล่ะ”
“ก็เปล่าเหรอก แค่คิดว่าแทนที่จะถามแกว่าเค้าดาวน์ที่ไหน เราน่าจะชวนแกไปตรง ๆ เลย เพราะพอแกตอบว่าบ้านก็รู้สึกว่าคงชวนไม่ได้แล้ว เลยทวีตขอบคุณไว้ที่ได้มาด้วยกันในปีนี้ เหมือนทดแทนเวลาของปีที่อยากชวนตอนนั้นมั้ง เพราะถ้าตัวเราตอนนั้นได้รู้ว่าแกมากับเราได้ในวันนี้ อีไมล์ตอนนั้นคงดี๊ด๊าน่าดูเลย เพราะงั้นขอบคุณนะ ขอบคุณอีกครั้ง” เธอพูดไปยิ้มไปอย่างเขิน ๆ ไมล์แสดงออกชัดเจนว่าเธอมีความสุขกับช่วงเวลาตอนนี้มากซะจนเขาคิดว่าถ้าพูดว่าชอบกับเธออีกสักรอบไมล์คงเป็นฝ่ายขอคบเขาซะเอง เขารู้สึกเช่นนั้น
แกจะคบกับเราได้ไหมไมล์?
“เอ่อไมล์”
“หื้ม...”
“แก...”
ครืน ครืน~
“เฮ้ย แปบนะแก” ไมล์แทรกขัดจังหวะก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยประโยคถัดมา เธอปล่อยมือจากเขาเพื่อกดรับสายเรียกเข้าจาก
มือถือพร้อมทักทายปลายสายอย่างร่าเริงสมกับตัวเธอ “นิวเยียจ้าเกล... อะไรไม่ต้องโทรมาอวยพรก็ได้นะแค่นี้...แหวะ ไม่ต้องมาพูดหวานเลย เราไม่หลงกลเธอเหรอก... ฮ่า ๆ ไอ้บ้าผู้ชายดี ๆ ที่ไหนทำแบบนั้น... แล้วไปเค้าดาวน์ไหนแอบไปกับสาวที่ไหนย่ะ นอกใจกันป่ะเนี่ย... ชิ งั้นทางนี้ก็มาเดทกับผู้ชายเหมือนกันแหละย่ะ...อื้อใช่เรามากับเพื่อนม.ปลายไง คนที่เล่าให้ฟังแหละ... อือเกลขอวางก่อนนะเพื่อนเรารอ ไว้เดะโทรหาใหม่ บายจ้า...”
เขาได้แต่นิ่งฟังไมล์พูดคุยโทรศัพท์กับปลายสาย ร่างกายรู้สึกชาไปหมด ใจเขามันวูบไหว ราวกับความหวังเมื่อกี้ถูกชายชื่อเกลเอามีดมาปาดแล้วยิ้มเยาะบอกเขาว่า ‘แกไม่มีวันได้ไมล์คนนี้คืนไปหรอก’ คนที่เขาควรระวังไม่ใช่สกาย แต่เป็นเกล เพื่อนมหา’ ลัยคนใหม่ของเธอมากกว่า
‘รีบ ๆ ทำให้มันชัดเจนถ้าไอ้ไมล์ไปคบกับคนอื่นมึงจะเสียใจ’
คำพูดว่าไอรินแล่นเข้ามาในทรงจำ คนอื่นที่ไอรินบอกคงเป็นเกลสินะ ไอรินเป็นเพื่อนสนิทของไมล์ไม่ว่าเรื่องอะไร ไมล์ต้องเล่าให้รินฟังตลอดอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ด้วย ไม่งั้นรินคงไม่พูดกับเขาเรื่องไมล์จะไปคบกับคนอื่นเหรอก ทำไมเขาถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้
โง่ซะจริงนะไอ้นิกม์
“แกจะพูดอะไรนะ โทษทีเพื่อนที่มหาลัยโทรมา”
“อือ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ กลับกันเถอะ” เขารู้สึกจริง ๆ ว่าตัวเองตอนนี้พูดได้เท่านี้ เขาไม่มีความกล้าเหลืออยู่แล้ว ไมล์ในตอนนี้อยู่ไกลจากเขาเหลือเกิน ห่างกันเป็นพันไมล์แม้ตัวเราจะใกล้กันเพียงสิบเซนติเมตร
“อื้อ งั้นก็ได้ กลับกัน”
ไมล์ขี่รถมาส่งเขาที่หน้าบ้านเหมือนเช่นเคย เขาลงจากมอไซค์มองหน้าเธอพลางคิดว่าความจริงเขามีโอกาสมากมายที่จะบอกว่ารักเธอ จะขอคบเธอ ทำไมเขาต้องทิ้งโอกาสเหล่านั้นด้วย เขากำกระเป๋าสะพายแน่นซึ่งมีของขวัญที่เตรียมไว้ให้ไมล์ก็พร้อมขนาดนี้แล้ว ไมล์ก็อยู่ตรงหน้kแล้ว เขาคงทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นเธอจากไปอีก นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ขอคบเธอ
“ไมล์ ความจริงแล้วเรา...” เขาตัดสินใจที่จะพูดอีกครั้ง
“…”
“มีของขวัญจะให้อ่ะ” เห่ยซะมัด เขาพูดว่ามีของขวัญจะให้ มันต้องขอคบสิวะ
“จริงเหรอ แต่เราไม่มีอะไรให้เลยนะ”
“จริง อ่ะนี่” เขาล้วงเอากล่องของขวัญในกระเป๋ายื่นให้ไมล์ เธอรับและยิ้มดีใจพร้อมทำท่าเขย่ากล่องของขวัญเพื่อลุ้นว่ามีอะไรอยู่ข้างในกล่อง
“ขอบคุณมากนะ แล้วก็ขอโทษ ไม่ได้เตรียมอะไรให้เลย”
“ไม่เป็นไร เอ่อไมล์ที่เราบอกแกตอนเค้าดาวน์อ่ะ เราอยากถามแก”
“ถามว่า…”
“ว่าแกจะชอบเราอีกได้ไหม”
จบคำนั้นไมล์นิ่งไป สีหน้าเรียบเฉย เธอมองต่ำและหลบตาเขาต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ อย่างน้อยให้เขาได้ลองก่อนเถอะ ให้โอกาสเรานะไมล์ ให้เราได้พูด
“คะ...ค”
“แกว่าเรื่องระหว่างเรามันเร็วเกินไปป่ะ ตอนนี้แกอกหักแล้วเป็นเราที่เข้ามา แกก็คงหวั่นไหว มันอาจจะชั่ววูบก็ได้นะที่แกรู้สึกกับเราตอนนี้ มันอาจจะหายไปก็ได้หลังจากที่เราแยกกัน ถึงตอนนั้นถ้าความรู้สึกยังไม่เปลี่ยนค่อยว่ากันอีกทีได้ไหม”
ไมล์ตัดพ้อเขาแค่นั้น เขาได้แต่เมินหน้ามองไปทางอื่นระหว่างฟัง เจ็บใจชะมัดที่ไมล์ดันใช้รูปประโยคเดียวกับตอนที่เขาปฏิเสธเธอตอนม. ปลาย เขายังไม่มีโอกาสได้พูดคำว่า คบกันนะ แม้แต่นิดเดียว
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาที่รู้สึกเร็วไปหลังจากเสียภีม และช้าไปหลังจากเสียไมล์ และอีกครั้งที่ไล่ตามไมล์คนนี้ไม่ทัน
สายไปแล้วสำหรับเรา ไอ้นิกม์จอมทึ่มเฮ้ย
“อือ”
“กอดหน่อยดิ” เขาหันหน้ากลับไปทางไมล์และยังไม่ทันได้ตอบอะไรเจ้าตัวก็เข้ามาโอบกอดเขาไว้ เขายืนเกร็งไม่กล้าที่จะกอดเธอกลับด้วยซ้ำ เมื่อรู้สึกได้ว่าควรทำอะไรสักอย่างเขาจึงค่อย ๆ ยกมือข้างลำตัวเพื่อกอดเธอตอบ เขาโอบเธอไว้อย่างหลวม ๆ สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของไมล์ เธอกอดเขาไว้แน่น เขาได้แต่เจ็บใจที่ตัวเองทำได้แค่นี้
ได้แต่คิดโทษตัวเองในทุกเรื่อง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ประดังประเดเข้ามาจนน้ำตามันเอ่อคลอขึ้นมา และไม่อาจห้ามมันไม่ให้ไหลออกไปอาบแก้มได้
“เข้าใจเราหน่อยนะ”
คำพูดนั้นของไมล์ดังก้อง นั้นทำให้เขาโอบเธอแน่นขึ้นเมื่อได้ยิน เพราะเธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น เป็นเขาต่างหากที่ควรเข้าใจจุดยืนตัวเองตั้งแต่แรก