ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ผู้แต่ง
YANI
เรื่องย่อ
“หลบไปซะไอ้จิ้งจอกสมองกล้าม ฉันจะจัดการมันเอง” ผมพูดอย่างเย้ยหยันกับชายร่างสูงข้าง ๆ และเดินไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์เบื้องหน้าอย่างขึงขังมั่นใจ
กะอีแค่แมงมุมยักษ์ฉันไม่ต้องพึ่งหมานั่นหรอก~
ผมกำมือเดินไปหาเจ้าแมงมุมร้ายอย่างท้าทาย ดวงตาของมันแดงก่ำ มีฟันใหญ่แหลมคม และตัวใหญ่มาก ๆ ... ใหญ่เกือบเท่าบ้านหลังย่อมเลยนะนั่น แต่กลัวซะที่ไหน!
“แกตัวเท่ามดจะไปทำอะไรมันได้?” ผมชะงัก ไอ้หมาจิ้งจอกข้างหลังมันพูดจาถากถางพลางกอดอกด้วยท่าทีดูถูก แถมยังชายตามองผมอย่างกับเห็นแมลง วิ่งกลับไปต่อยสักทีดีไหมเนี่ย!
“เงียบไปเลย! เก็บปากไว้กินหญ้าเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้หมาจิ้งจอกอย่างแกช่วย!!” ผมชี้หน้าด่าชายร่างสูงอย่างฉุนเฉียว หูและหางพลันก็ตั้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ก็ถ้าโดนมันเล่นงานขึ้นมาก็อย่าขอให้ฉันช่วยก็แล้วกันไอ้แมวเด็ก!!”
เจ้าจิ้งจอกนั่นมันตะคอกกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า แต่แมวแกร่งอย่างผมสนใจพวกสมองกล้ามซะที่ไหน!
“คอยดูเถอะ!!”
หลังจากดูเชิงได้พักนึง ผมโก่งตัวกระโจนใส่เจ้าแมงมุมยักษ์ตรงหน้าหวังจะใช้กรงเล็บเฉือนตามัน
แต่มันกลับพ่นใยมาพันตัวผมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา อะไรเนี่ย! ใยเหนียวชะมัด! ผมตกลงพื้นแข็ง ๆ และพยายามดิ้นสุดแรง
แต่เจ้าแมงมุมน่าเกลียดนั่นมันใช้ขาหน้าดึงร่างของผมที่ถูกห่อใยขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวมัน ก่อนที่ปากอันใหญ่โตของมันจะอ้าออกเผยให้เห็นฟันคมกริบนับไม่ถ้วน กลิ่นโคตรเหม็นคาวเลย!
แต่อะไรเนี่ย นี่ฉันต้องตายตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ! ไม่ได้นะ ยังไม่ทันได้เงินสักแดงแถมฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหาอีกนะ! ถึงจะไม่อยากพูดก็เถอะแต่...
“ช่วยด้วยไอ้หมาสมองกล้าม!!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนแสบคอไปหมด แต่ก็เหลือบไปมองเจ้าหมานั่นหวังได้รับคำตอบที่ดี
“เฮ้อ... ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมไอ้แมวเด็ก” เจ้าจิ้งจอกถอนหายใจหน้าตายและมองดูผมห้อยต่องแต่งอย่างไร้ทางหนี
อยู่ ๆ จากที่กำลังโดนหย่อน ตัวผมกลับโดนเหวี่ยงเป็นวงกลมเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้แมงมุมเวรนี่ทำอย่างกับฉันเป็นของเล่นเลย!
มันเหวี่ยงตัวผมไปมาจนเริ่มเวียนหัวแต่เจ้าหมานั่นก็ยังยืนกอดอกดูอยู่แบบนั้น
“ช่วยทีเถอะ! ฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหานะ! เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว~!!”
เพราะโดนเหวี่ยงจนมึนทำให้เห็นแต่โลกที่หมุนไปมาผมเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมานั่นรับคำขอหรือเปล่า
แต่ในตอนนั้นจู่ ๆ จากที่โดนเหวี่ยงไปมาผมก็รู้สึกเหมือนกำลังร่วงอีกครั้ง
“ว้าก!!” ถึงจะมึนจนไม่รู้เรื่องแต่ผมก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตกลงข้างล่างทั้งที่มีปากแมงมุมรออยู่ฉันก็ตายน่ะสิ!!
แต่ตอนที่ร่างของผมกำลังร่วงหล่นอย่างไม่มีอะไรฉุดรั้ง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาประคองร่างที่ห่อใยของผมเอาไว้ สิ่งนั้นวางผมลงกับพื้นหินขรุขระ
“เฮ้! ไหวหรือเปล่าไอ้แมวเด็ก!!” ผมได้ยินเสียงเจ้าหมานั่นอยู่ใกล้ ๆ อาการมึนของผมเริ่มหายไป
ในที่สุดสายตาเจ้ากรรมก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโยชิโระที่ดูผมเหมือนเอ่อ...กังวลเหรอ ไม่สิ น่าจะแค่สงสัยมากกว่า
“โอย...อยากอ้วกแต่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องด้วยซ้ำ...” ผมโอดครวญและพึมพำด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะขอร้อง...
ผมใช้วิธีการสัมผัสพลังเวทของเจ้าหมานั่นทำให้ผมไม่หลงทาง
ผมวิ่งเลี้ยวไปทางนั้นทีทางนี้ที คอยหลบทั้งใยและพิษที่น่าขยะแขยง หินงอกหินย้อยที่อยู่ระหว่างทางถูกพวกแมงมุมชนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับปุยเมฆ
ถ้าพวกมันวิ่งตามมาทันฉันคงเละเป็นเศษเนื้อแน่ แต่ไม่มีทางหรอก!
ผมเร่งฝีเท้ามากขึ้นบวกกับออร่าสายฟ้าที่เร่งความเร็วเข้าไปอีก ทำให้ผมวิ่งนำห่างจากพวกแมงมุมจนไม่เห็นฝุ่น
ถึงจะเจ็บเท้าเพราะวิ่งมานานแต่ผมก็ไม่สนใจ เท้าเปล่าของผมย่ำอย่างต่อเนื่องไปบนพื้นหินขรุขระ สิ่งที่ผมเห็นรอบข้างมีเพียงผนังถ้ำ ใยเหนียว ๆ และความมืด แต่ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงที่หมาย
“โอ๊ย!!”
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ผมดันมาล้มตรงกลางสี่แยกพอดีทำเอาคางแสบร้อนด้วยความเจ็บปวด
ราวกับเดจาวู ผมไม่เห็นเจ้าหมาอยู่แถวนั้นเลย กลิ่นหรือเวทมนตร์ ผมรับรู้อะไรถึงเขาไม่ได้สักอย่าง เอาจริงดิ!
แล้วภาพแบบเดิมก็ปรากฏ พวกแมงมุมยักษ์สุดอำมหิตกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและส่งเสียงอันน่าสะพรึง ทำเอาถ้ำสั่นสะเทือนไปทั่ว
“ว้าก!!” ผมร้องออกมาสุดเสียงและเอาแขนขึ้นมากันใบหน้าด้วยความหวาดกลัว แต่ในตอนนั้นเสียงร่ายเวทก็ดังขึ้น
“ศรเทพอัสนี!!”
วินาทีสุดท้ายก่อนที่แมงมุมยักษ์จะขย้ำผมมันก็ถูกแสงสีฟ้ารูปร่างเหมือนลูกศรพุ่งทะลวงหัวจนแหลกต่อหน้าต่อตา
ผมนั่งอึ้งอ้าปากค้าง ศรสีฟ้าส่องสว่างนั่นไม่ได้หยุดแค่เป้าหมายเดียว มันพุ่งไปโจมตีแมงมุมยักษ์ทั้งหมดในพริบตา
มันทุกตัวกลายเป็นซากที่หัวแหลกเละ เลือดสีเขียวบางส่วนกระเด็นมาโดนผมเป็นหยด ๆ
ของเหลวในร่างกายของพวกมันไหลนองออกมา สร้างบ่อเลือดสีเขียวส่งกลิ่นเหม็นไม่น่าอภิรมย์ตามหลุมตื้นบนพื้นถ้ำ ผมตะลึงกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างมาก
หลังจากตั้งสติได้ผมก็หันไปมองด้านหลังซึ่งเป็นทิศทางที่ลูกศรนั่นพุ่งมา คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือโยชิโระ เขาถือคันธนูที่สร้างจากเวทสายฟ้าและค้างท่ายิงอย่างเคร่งขรึมแถมยังแสดงสีหน้าจริงจัง จะเอาเท่ไปไหนเนี่ย...
ด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจ ผมลุกขึ้นและเดินก้มหน้าไปหาเขาอย่างเงียบเชียบ พลางกำมือข้างขวาแน่น
เจ้าหมาสลายธนูเวทในมือและมองกลับมาที่ผมด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ...นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” เจ้าหมาถามอย่างสงสัยแต่แฝงไปด้วยความวิตกหน่อย ๆ
ผมไม่ตอบและยังคงเดินเข้าไปหาเขา เจ้าจิ้งจอกเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น ทันทีที่ถึงระยะผมก็ออกหมัดต่อยเข้าที่หน้าท้องเจ้าหมาหนึ่งครั้ง ขอสักทีเถอะ!
นั่นทำให้เกิดเสียงปึกเบา ๆ จากการกระทบกันของหมัดและกล้ามท้องแข็ง ๆ หลังจากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดและเอามือกุมท้องตัวเอง
“ทำอะไรอีกเนี่ย?!” เขาถามเหมือนสับสนไม่เข้าใจ อยากซัดอีกสักทีจริง ๆ ไอ้หมาน่าหมั่นไส้นี่!
“ข้อหาที่ให้ฉันไปวิ่งล่อพวกแมงมุมน่ารังเกียจนั่นและเอาแต่อวดเก่ง! ทำฉันกลัวตั้งหลายรอบไอ้หมาขี้เก๊ก!! ถ้าฉันแก่หน่อยเมื่อกี้คงหัวใจวายตายไปแล้วนะ!! เอาแต่ลีลาอยู่ได้!!”
ผมกำหมัดบ่นเจ้าหมาอย่างสุดทน พลันก็หางตั้งตามอารมณ์พลุ่งพล่าน แต่เหมือนเขาจะฉุนผมกลับ
“ก็เวทนั่นมันควบคุมยากนี่นา! ฉันแค่หามุมยิงดี ๆ อยู่! ถ้าไม่ทำแบบนั้นฉันก็ฆ่าพวกมันได้ไม่หมดหรอก!”
ถึงจะน่าโมโหแต่หมอนั่นก็พูดถูก ใช้เวทใหญ่ขนาดนั้นในการฆ่ามอนสเตอร์จำนวนมากรวดเดียวมันง่ายซะที่ไหน...
อีกอย่างถ้าคิดในแบบคนฉลาด ที่เจ้าหมากลบทั้งเวททั้งกลิ่นก่อนหน้าก็เพื่อไม่ให้พวกแมงมุมรู้ตัวว่าจะโดนโจมตี... ไม่อยากคิดหรอกแต่เจ้าหมานี่เก่งสมเผ่าจิ้งจอกเลยแฮะ
“ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าฉันยกโทษให้ อย่าลืมขอบคุณกันด้วยล่ะ! ฉันอุส่าเหนื่อยวิ่งล่อไอ้พวกแมงมุมจนเท้าเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย” ผมหันหลังให้เจ้าหมาและหลับตากอดอกอย่างเย่อหยิ่ง
“ขอบใจก็แล้วกัน” เจ้าหมาพูดและเดินผ่านผมไป ผมมองตามด้วยความสงสัย
เขาตรงไปที่ซากแมงมุมไร้หัวน่าขยะแขยง เท้าของเขาเหยียบธารเลือดสีเขียวอย่างเรียบนิ่ง กลิ่นเหม็นคาวขนาดนั้นไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง?
เขาคุ้ยซากหัวแมงมุมที่แตกเละและมีของเหลวไหลออกมาอย่างน่าผอืดผอม
“ทำอะไรน่ะ..?” ผมถามพลันหูตกด้วยความไม่สบายใจ หมอนั่นยังคุ้ยซากต่อไปและตอบกลับ
“หาชิ้นส่วนแมงมุมที่พอขายได้”
คำตอบนั้นทำให้ผมตกใจ ลืมไปสนิทเลยว่าชิ้นส่วนมอนสเตอร์มันขายได้! แถมถ้าเป็นดันเจี้ยนที่อันตรายแบบนี้ราคาต้องดีแน่นอน! แต่พอมาคิดดูผมก็เริ่มไม่แน่ใจ...
“แต่นายเล่นเป่าหัวพวกมันซะกระจุยเลยนี่นา... แล้วแบบนี้มันจะเหลือชิ้นส่วนที่ขายได้อยู่อีกเหรอ?” ผมเอ่ยถามออกไป เจ้าหมาก็ยังคงพยายามคุ้ยซากอยู่แบบนั้น
“จริงอยู่ที่ฉันเป่าหัวพวกมันจนเละ แต่ชิ้นส่วนบางอันก็ยังอยู่ดี อย่างพวกเขี้ยวหรือดวงตา เอาจริง ๆ เราไม่ต้องการแบบที่ใหญ่มากหรอก ขอแค่มาจากไอ้แมงมุมพวกนี้ราคาก็น่าจะสูงแล้วล่ะ”
เจ้าหมาเอาเขี้ยวแมงมุมอันเท่านิ้วออกมาให้ดูจากที่คุ้ยมาพักนึง
ผมอึ้งไปชั่วขณะ เพราะนั่นคือเงินเชียวนะ! มันคือสิ่งที่ฉันกำลังตามหา! เขายืนขึ้นและจับปลายคางเหมือนกำลังครุ่นคิด
“แต่ว่านะ...กว่าฉันจะค้นซากพวกนี้หมดคงใช้เวลานาน ถ้ามีใครสักคนที่ปราดเปรียวหน่อยมาช่วยฉัน มันก็คงดีไม่น้อยเลยล่ะ” หูแมวของผมตั้งขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดลอย ๆ นั่น
ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอกฉันรู้ว่านายพูดถึงใคร~ แต่พูดมาขนาดนี้แล้วใครจะไม่เสนอตัวล่ะ!
“ฉันช่วยเอง!!”
ผมพูดและเริ่มวิ่งไปค้นซากพวกแมงมุมอย่างรวดเร็ว ผมเอาทั้งเขี้ยวและดวงตามาวางไว้ที่เจ้าหมาอย่างกระตือรือร้น
เงิน! เงิน!! เงิน!!! ถ้าเพื่อเงินต่อให้ต้องเอาหน้ามุดโคลนฉันก็ยอม!! ผมทำแบบนั้นวนไปจนกองส่วนชิ้นเริ่มใหญ่ขึ้น ส่วนเจ้าหมาก็ยืนดูอยู่เฉย ๆ
“น่าจะหมดแล้วนะ!”
ผมกลับมาหาโยชิโระหลังจากที่วิ่งไปมาอยู่พักหนึ่ง
เนื้อผ้าสีขาวเปอะเปื้อนไปด้วยเศษดินและคราบสีเขียวเหนียวเหนอะหนะ ทั้งมือและเท้าก็มีสภาพแบบเดียวกัน
ผมแอบเห็นเหมือนเจ้าหมาจะแอบยิ้มหน่อย ๆ
“หัวเราะฉันเหรอ?” ผมขมวดคิ้วถามเจ้าหมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขารีบเบือนหน้าหนีและกระแอมหนึ่งครั้ง
“เปล่าสักหน่อย... ดีแล้วที่นายช่วย ขอบใจอีกทีก็แล้วกัน”
ผมกอดอกและเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิในคำขอบคุณนั้น
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว~ ถ้าเกิดได้เงินเยอะจริงก็อย่าลืมแบ่งฉันล่ะ! แต่เรา...จะขนไอ้พวกนี้ยังไงล่ะเนี่ย?”
ผมพูดอย่างหนักใจ ไอ้กองชิ้นส่วนนี่มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เราสองคนไม่น่าหอบไปไหว
แค่คิดสภาพว่าเราต้องคอยเก็บอันที่ตกระหว่างทางมันก็ลำบากแย่แล้วนะ...
“เรื่องนั้นไว้ใจฉันเถอะ”
เจ้าหมาพูดและล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็หยิบเอาการ์ดสีฟ้าออกมา เห็นแบบนั้นผมก็ตกใจทันที
“นั่นมันการ์ดเก็บไอเทมนี่นา!! นายมีของแบบนั้นด้วยเหรอ?!”
ผมถามออกไปด้วยท่าทีตื่นเต้น นั่นคือของที่ราคาแพงมากเลยนะ! มันเป็นของที่มีไว้เก็บไอเทม ได้ยินมาว่าไอ้การ์ดใบเกือบเท่ามือนั่นเก็บของได้เป็นพันอย่างเชียวนะ! ผมพึ่งเคยเห็นกับตาครั้งแรก
“ฉันแอบจิ๊กจากคนที่บ้านมา”
ผมชะงักไปหนึ่งครั้ง หมายความว่าไงที่ว่าขโมยจากคนที่บ้านมา..?
คือครอบครัวจิ้งจอกของเขารวยมากจนมีของแบบนี้แต่เขาขโมยมา... หมายความว่าที่บ้านไม่ให้ใช้เหรอ? ชักงงแล้วสิ
ระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดเจ้าหมาก็ใช้การ์ดนั่นให้ดู เขาแค่ถือการ์ดเหนือกองไอเทมที่ผมเก็บมา ไม่นานดวงตาและเขี้ยวแมงมุมทั้งหมดก็ถูกดูดหายเข้าไปในการ์ดอย่างน่ามหัศจรรย์
“เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเก็บไอเทมแล้วล่ะ”
เจ้าหมาเก็บการ์ดกลับเข้ากระเป๋ากางเกงและมองดูรอบ ๆ กลิ่นเลือดของพวกแมงมุมยังคงคละคลุ้งไปทั่วจนน่าสะอิดสะเอียน
“เอาเป็นว่าเราพักก่อนก็แล้วกัน” โยชิโระเสนอ
ผมตอบตกลง เราสองคนตัดสินใจไปพักกันที่ซอกกำแพงที่เดิม
ผมนั่งกอดเข่าอยู่ที่กำแพงฝั่งนึง ส่วนโยชิโระก็นั่งพิงกำแพงอีกฝั่งนึงและหลับตาอย่างอ่อนล้า
พื้นถ้ำหยาบ ๆ นี่เย็นจนรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ คราบเลือดสีเขียวบนเสื้อก็ทำเอาเหนียวเหนอะหนะอย่างบอกไม่ถูก นี่ยังไม่รวมกลิ่นชวนอ้วกอีกนะ
แต่แค่นี้น่ะขัดขวางการพักผ่อนของผมไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้มันเหนื่อยมากจริง ๆ
“...แล้วเราจะเอายังไงต่อ?” ผมเอ่ยถามขึ้นทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“...ฉันคิดว่าเราควรจะไปจัดการบอสดันเจี้ยนต่อหลังจากที่พักเสร็จ” เขาตอบกลับโดยไม่ลืมตาขึ้น
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ไอ้บอสแมงมุมยักษ์อาจจะน่ากลัวเกินไป แถมผมก็ไม่มีเวทไปสู้กับมันด้วยซ้ำ
“ไม่เอาอะ! มันน่ารำคาญ! แค่พวกแมงมุมยักษ์ธรรมดาฉันก็เหนื่อยจะแย่แล้วนะ! เราเอาของออกไปขายแล้วใช้เงินซื้ออะไรกินก่อนค่อยกลับมาใหม่ก็ได้!”
ผมกอดอกเบือนหน้าหนีอย่างเย่อหยิ่ง ฉันไม่ได้กลัวบอสนั่นหรอกจริง ๆ นะ!
“แต่ถ้าทำแบบนั้นเราก็ต้องเอาข้อมูลของพวกแมงมุมไปบอกทางกิลด์ แล้วอาจจะมีปาร์ตี้นักผจภัยมาตัดหน้าฆ่าบอสก่อนเราก็ได้... แล้วเราจะเสียเงินก้อนโตไปเลยนะ”
ผมชะงักเล็กน้อย ใครหน้าไหนก็ห้ามมาแย่งเงินของฉัน!
“ถ้างั้นก็ได้! เราจะไปลุยห้องบอสต่อหลังจากพักเสร็จ! ถ้าเรื่องเงินฉันไม่ยอมอยู่แล้ว!”
จากนั้นความเงียบงันก็เข้าปกคลุม เรานั่งพักเอาแรงอยู่ครู่หนึ่ง ผมได้แต่หวนนึกถึงน้องสาวสุดสวยที่บ้านเด็กกำพร้า หวังว่าเธอจะไม่โดนรังแกนะ...
“นี่...ฉันขอถามหน่อยสิเจ้าแมว นายมาลงดันเจี้ยนทำไม?” เจ้าหมาถามขึ้นมาดื้อ ๆ พลางมองผมอย่างสงสัย
จะบอกเขาดีไหมนะ... แต่เขาก็ช่วยเราไว้ตั้งหลายรอบ บอกไปก็คงไม่เสียหายหรอกมั้ง ผมคอตกและกอดไหล่ตัวเองก่อนจะเริ่มพูด
“ฉัน...มาลงดันเจี้ยนเพราะอยากได้เงินไปช่วยน้องสาวน่ะ...”
เจ้าหมาเบิกตากว้างเหมือนตกใจกับสิ่งที่ผมบอก
“หมายความว่ายังไง?” เขาขมวดคิ้วถามอย่างไม่สบายใจ ผมอ้ำอึ้งหน่อย ๆ ก่อนจะอธิบาย
“ฉันกับน้องสาวเกิดและโตมาในบ้านเด็กกำพร้าที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ไอ้บ้านเวรนั่นไม่ได้อบอุ่นอย่างที่ควรจะเป็น เด็กทุกคนต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก แก่งแย่งอาหารที่มีจำนวนน้อยนิด ภายใต้การดูแลของแม่เลี้ยงเผ่าแมวใจคับแคบ”
ผมกอดเข่าก้มหน้าอย่างละอายใจแต่ก็แอบเหลือบไปมองเจ้าหมา... เขาก้มหน้าตั้งใจฟังอย่างตึงเครียด ทิ้งจังหวะไม่นานผมก็เล่าต่อ
“ตั้งแต่อยู่ที่นั่นมาฉันต้องเอาชีวิตรอดจากการกินเศษขยะ นอนนอกบ้านในบางครั้งเพื่อให้น้องสาวนอนข้างในได้ ต้องทนความหนาวเย็นโดยไม่มีอะไรนุ่งห่ม...”
ภาพอันน่าอึดอัดของตัวผมเองที่นอนขดตัวอยู่นอกบ้านปรากฏขึ้นมาให้เห็น เป็นความทรงจำที่ผมไม่อยากจดจำเอาซะเลย...
“อาหารที่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้มาจากคนที่ขับรถเกวียนผ่านไปผ่านมา ทุกครั้งที่แย่งอาหารได้ฉันก็จะเอามาแบ่งให้น้องสาว ฉันไม่เคยใส่รองเท้าหรือได้อิ่มท้องแบบจริง ๆ จัง ๆ มาก่อน บางครั้งฉันก็ขโมยอาหารจากรถเกวียนแต่ก็โดนจับได้หลายครั้ง... บางครั้งฉันต้องโกหกสร้างเรื่องหลอกลวงสารพัดให้คนที่ผ่านหน้าบ้านแบ่งอาหารให้”
นั่นเป็นความทรงจำที่แสนยากลำบาก ชีวิตของเด็กที่บ้านนั้นในตอนนี้คงไม่ต่างกับเมื่อก่อน เจ้าหมาก็ยังนั่งฟังแบบเงียบ ๆ
“ฉันฟังเรื่องของโลกภายนอกและอ่านหนังสือจากคุณลุงโทโทริ เขาไม่เคยมองฉันเป็นแมวจอมขโมยและปฏิบัติกับฉันเหมือนเด็กคนนึง ฉันเรียนรู้การใช้ชีวิต เรียนรู้เวทมนตร์ และเรียนรู้ทุกอย่างร่วมกับน้องสาว...”
ถึงจะไม่เห็นแต่ผมรู้สึกได้ว่าโยชิโระคงมองผมอย่างเวทนาเหมือนเห็นแมวจรจัดตัวนึง... ผมเล่าต่ออย่างอึดอัด
“ฉันอยู่แบบนั้นและดูแลปกป้องเธอจากพวกเด็กเกเรมาตลอดจนถึงเมื่อเช้าที่แม่เลี้ยงใจร้ายไล่ฉันออกมาหาเงิน ฉันเลยตั้งมั่นว่าจะหาเงินให้เยอะที่สุด ไม่ใช่เพื่อเอาไปให้แม่เลี้ยงนั่น แต่เพื่อหาซื้อบ้านสักหลังและซื้อตัวน้องสาวออกมาจากบ้านเฮงซวยหลังนั้น ก็แค่นั้นเอง...”