ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ผู้แต่ง
YANI
เรื่องย่อ
“หลบไปซะไอ้จิ้งจอกสมองกล้าม ฉันจะจัดการมันเอง” ผมพูดอย่างเย้ยหยันกับชายร่างสูงข้าง ๆ และเดินไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์เบื้องหน้าอย่างขึงขังมั่นใจ
กะอีแค่แมงมุมยักษ์ฉันไม่ต้องพึ่งหมานั่นหรอก~
ผมกำมือเดินไปหาเจ้าแมงมุมร้ายอย่างท้าทาย ดวงตาของมันแดงก่ำ มีฟันใหญ่แหลมคม และตัวใหญ่มาก ๆ ... ใหญ่เกือบเท่าบ้านหลังย่อมเลยนะนั่น แต่กลัวซะที่ไหน!
“แกตัวเท่ามดจะไปทำอะไรมันได้?” ผมชะงัก ไอ้หมาจิ้งจอกข้างหลังมันพูดจาถากถางพลางกอดอกด้วยท่าทีดูถูก แถมยังชายตามองผมอย่างกับเห็นแมลง วิ่งกลับไปต่อยสักทีดีไหมเนี่ย!
“เงียบไปเลย! เก็บปากไว้กินหญ้าเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้หมาจิ้งจอกอย่างแกช่วย!!” ผมชี้หน้าด่าชายร่างสูงอย่างฉุนเฉียว หูและหางพลันก็ตั้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ก็ถ้าโดนมันเล่นงานขึ้นมาก็อย่าขอให้ฉันช่วยก็แล้วกันไอ้แมวเด็ก!!”
เจ้าจิ้งจอกนั่นมันตะคอกกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า แต่แมวแกร่งอย่างผมสนใจพวกสมองกล้ามซะที่ไหน!
“คอยดูเถอะ!!”
หลังจากดูเชิงได้พักนึง ผมโก่งตัวกระโจนใส่เจ้าแมงมุมยักษ์ตรงหน้าหวังจะใช้กรงเล็บเฉือนตามัน
แต่มันกลับพ่นใยมาพันตัวผมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา อะไรเนี่ย! ใยเหนียวชะมัด! ผมตกลงพื้นแข็ง ๆ และพยายามดิ้นสุดแรง
แต่เจ้าแมงมุมน่าเกลียดนั่นมันใช้ขาหน้าดึงร่างของผมที่ถูกห่อใยขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวมัน ก่อนที่ปากอันใหญ่โตของมันจะอ้าออกเผยให้เห็นฟันคมกริบนับไม่ถ้วน กลิ่นโคตรเหม็นคาวเลย!
แต่อะไรเนี่ย นี่ฉันต้องตายตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ! ไม่ได้นะ ยังไม่ทันได้เงินสักแดงแถมฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหาอีกนะ! ถึงจะไม่อยากพูดก็เถอะแต่...
“ช่วยด้วยไอ้หมาสมองกล้าม!!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนแสบคอไปหมด แต่ก็เหลือบไปมองเจ้าหมานั่นหวังได้รับคำตอบที่ดี
“เฮ้อ... ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมไอ้แมวเด็ก” เจ้าจิ้งจอกถอนหายใจหน้าตายและมองดูผมห้อยต่องแต่งอย่างไร้ทางหนี
อยู่ ๆ จากที่กำลังโดนหย่อน ตัวผมกลับโดนเหวี่ยงเป็นวงกลมเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้แมงมุมเวรนี่ทำอย่างกับฉันเป็นของเล่นเลย!
มันเหวี่ยงตัวผมไปมาจนเริ่มเวียนหัวแต่เจ้าหมานั่นก็ยังยืนกอดอกดูอยู่แบบนั้น
“ช่วยทีเถอะ! ฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหานะ! เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว~!!”
เพราะโดนเหวี่ยงจนมึนทำให้เห็นแต่โลกที่หมุนไปมาผมเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมานั่นรับคำขอหรือเปล่า
แต่ในตอนนั้นจู่ ๆ จากที่โดนเหวี่ยงไปมาผมก็รู้สึกเหมือนกำลังร่วงอีกครั้ง
“ว้าก!!” ถึงจะมึนจนไม่รู้เรื่องแต่ผมก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตกลงข้างล่างทั้งที่มีปากแมงมุมรออยู่ฉันก็ตายน่ะสิ!!
แต่ตอนที่ร่างของผมกำลังร่วงหล่นอย่างไม่มีอะไรฉุดรั้ง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาประคองร่างที่ห่อใยของผมเอาไว้ สิ่งนั้นวางผมลงกับพื้นหินขรุขระ
“เฮ้! ไหวหรือเปล่าไอ้แมวเด็ก!!” ผมได้ยินเสียงเจ้าหมานั่นอยู่ใกล้ ๆ อาการมึนของผมเริ่มหายไป
ในที่สุดสายตาเจ้ากรรมก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโยชิโระที่ดูผมเหมือนเอ่อ...กังวลเหรอ ไม่สิ น่าจะแค่สงสัยมากกว่า
“โอย...อยากอ้วกแต่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องด้วยซ้ำ...” ผมโอดครวญและพึมพำด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะขอร้อง...
ผมคิดถึงน้องสาวมาก... ทั้งที่ออกมาจากบ้านเวรนั่นแค่ครึ่งวันแท้ ๆ ... เธอคือทั้งชีวิตของผม ตั้งแต่เด็กจนโตเธอคือคนเดียวที่มอบความรักให้ผมและเป็นคนเดียวที่ผมยอมมอบความรักให้...
มือที่กอดเข่าของผมกุมแน่นขึ้น
“นี่จะบอกว่าที่นายทำมา... ทั้งพยายามเข้ากิลด์และฝืนมาลงดันเจี้ยนเสี่ยงอันตรายแบบนี้ ทั้งหมดนั่น...ก็เพื่อน้องสาวเหรอ?” เจ้าหมายื่นหน้ามาถามอย่างตกตะลึงและสงสัย ผมพยักหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบให้เขา
โยชิโระกลับไปนั่งพิงผนังแบบเดิม เหมือนเขาจะไม่คาดคิดกับเรื่องราวอันน่าหดหู่ของผม ไม่อยากเล่าให้เขาฟังเลยจริง ๆ ... โธ่เอ๊ย เราดันแสดงด้านอ่อนแอออกมาซะได้
แต่ไหน ๆ เขาก็รู้แล้ว คงไม่เสียหายหรอกมั้งถ้าผมจะถามบ้าง
“แล้วนายล่ะ...เผ่าจิ้งจอกอย่างนายจะลดตัวมาเข้ากิลด์แล้วลงดันเจี้ยนทำไม?” พอถามแบบนั้นเขาก็หลบตาเหมือนไม่สบายใจ ดูก็รู้ว่าไม่อยากเล่า งั้นผมไม่ซักไซ้ดีกว่า...
“ฉันเป็นพวกแปลกแยกน่ะ”
ผมสะดุ้งนิดหน่อย เขาตัดสินใจพูดขึ้นมาดื้อ ๆ หูแมวของผมตั้งตรงพร้อมฟังสิ่งที่เขาจะเล่า
“ฉันเป็นลูกชายของตระกูลจิ้งจอกเงิน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือพี่น้องทุกคนล้วนมีขนสีเงิน แต่ไม่รู้เพราะอะไรฉันดันเกิดมามีขนสีดำ... สำหรับคนในตระกูลฉันเลยกลายเป็นตัวประหลาด ทำให้ไม่ได้รับความเท่าเทียมและโดนกดขี่มาตลอด...”
ผมมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นคนของตระกูลจิ้งจอกเงิน จากที่ได้ยินมาในบรรดาตระกูลจิ้งจอกทั้งหมด นอกจากตระกูลจิ้งจอกขาวแล้วก็มีตระกูลจิ้งจอกเงินนี่แหละที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
แต่ครอบครัวนั่นมันมีตรรกะบ้าบออะไรน่ะ? แค่สีขนไม่เหมือนคนอื่นถึงกับต้องตราหน้าว่าเป็นตัวประหลาดเลยเหรอ... ทั้งที่มีสายเลือดเดียวกันเนี่ยนะ?
ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรและฟังต่อ เพราะเอาจริง ๆ ก็ยังเชื่อไม่ได้ซะทีเดียว
“คนในตระกูลมองฉันเป็นคนอ่อนแอไม่ควรได้การรับปฏิบัติเท่าพี่น้องคนอื่น ๆ พวกเขาไม่ยอมสอนสั่งอะไรทั้งเรื่องเวทมนตร์และเรื่องการต่อสู้ ตั้งแต่ขึ้นอายุยี่สิบมาทางครอบครัวก็อยากให้ฉันเซ็นสัญญาออกจากตระกูล แต่ฉันไม่อยากทำแบบนั้นเพราะฉันอยากเข้าเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์”
คำบอกเล่าของเจ้าหมาทำผมอึ้ง นี่เขาอยากเข้าโรงเรียนเวทมนตร์เหรอ?
นั่นเป็นสถานที่ที่ให้เหล่าสัตว์ประหลาดเข้าไปใช้ชีวิตกัน จากที่ฟังมาส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้มีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก หรือไม่ก็พวกลูกคุณหนูจากตระกูลใหญ่ อย่างเผ่านกยูง เผ่าหงส์ หรือเผ่าเสือขาว
ฉันก็อยากเข้าที่นั่นเหมือนกันนะถึงจะเพ้อเจ้อไปหน่อยก็เถอะ แต่คิดดูสิที่นั่นมีที่พักฟรี อาหารก็ฟรี แถมไม่จำกัดเรื่องอายุด้วย! ขอแค่ห้ามต่ำกว่าสิบแปดก็พออะนะ...
นอกจากนั้นถ้าเรียนจนจบเราก็จะได้รับสิทธิ์มากมายจากอาณาจักรของตัวเอง เลือกทำงานได้เยอะแยะตั้งแต่นักผจญภัยจนไปถึงทหารในวัง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหมาถึงอยากเข้า
โยชิโระพูดต่อ “สี่ปีที่ผ่านมาฉันพยายามพิสูจน์ตัวเองหลายครั้งแต่มันก็ไร้ผล จนกระทั่งทางครอบครัวให้โอกาสสุดท้าย...พวกเขาให้ฉันพิชิตบอสดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ให้ได้ และถ้าทำได้ฉันจะขออะไรจากที่บ้านก็ได้”
ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก... ทั้งความหดหู่และความอึดอัดจากน้ำเสียงเหมือนจะเจอเรื่องลำบากจริง ๆ
ผมเข้าใจสถานการณ์ของเขา ถ้าไอ้บอสเวรนั่นตายเขาก็จะขอครอบครัวให้ส่งตัวเองไปโรงเรียนเวทมนตร์สินะ เข้าใจแล้วล่ะ!
เขาพูดต่ออย่างลังเล “ฉันคิดว่านายควรรู้นะ...ว่าฉันที่เป็นจิ้งจอกดำแบบนี้มันเป็นสิ่งอัปมงคลที่จะดึงดูดโชคร้าย เพราะงั้นคนอื่น ๆ ที่กิลด์ถึงได้ไม่อยากยุ่งกับฉัน... ได้ยินแบบนี้แล้วนายยังอยากอยู่ใกล้ฉันหรือเปล่าล่ะ...”
เจ้าหมาเบือนหน้าหนีราวกับทำอะไรผิด เหมือนเขาจะไม่กล้าสู้หน้าเพราะผมรู้เรื่องราวที่น่าเวทนาของเขา นั่นคงเป็นปมด้อยสินะ...
แต่พอเห็นหน้าเหมือนหมาหงอยของเขาแล้วความโกรธของผมก็ปะทุขึ้น
“เลิกด้อยค่าตัวเองได้แล้ว!!” ผมลุกขึ้นตะโกนใส่เจ้าหมาให้ตั้งสติ เขาสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความตกใจ
“นายไม่ได้ผิดที่ตัวเองมีขนสีดำแต่ผิดที่ครอบครัวเวรนั่นทำให้สีดำของนายมันดูผิด!! อัปมงคลอะไรนั่นฉันไม่สนใจหรอก!! นายไม่เหมือนพวกจิ้งจอกที่ฉันเคยได้ยิน!! นายไม่ได้ป่าเถื่อนไร้หัวใจ!! แถมยังมีฝีมือด้วย!!”
ผมพูดด้วยความฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด เจ้าหมานั่งอึ้งไม่พูดอะไร
“สำหรับฉันแล้วขนสีดำของนายมันเท่จะตาย!!!” ผมฝืนพูดตะโกนด้วยความเขินอายจนเจ็บคอและปิดตาด้วยใบหน้าอันร้อนผ่าวนิด ๆ
พอลืมตาขึ้นเจ้าหมาก็ยังคงนั่งอึ้งแต่หางฟู ๆ ของเขาก็ส่ายไปมาอย่างน่าเอ็นดู เอ่อ... เห็นแบบนั้นผมก็กอดอกและหันหน้าหนีทันที
“ฉะ ฉันแค่พูดตรง ๆ น่ะ!” ผมพูดอย่างเก็บทรงหน่อย ๆ ไม่นานเจ้าหมาก็ลุกขึ้น ผมชายตามองตามเขาอย่างสงสัย
“นายเองก็ไม่เหมือนแมวที่ฉันเคยได้ยินมาเหมือนกัน ถึงนายจะเจ้าเล่ห์หรือขี้ขโมยจริงแต่นายก็ทำเพื่อคนที่รัก แล้วนายก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่ใครหลายคนคิดด้วย ฉันมั่นใจว่านายต้องมีดีกว่านี้แน่ใช่ไหม?”
ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความอึ้ง ไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม...คือเขากำลังยิ้มอยู่?
หางของผมสะบัดไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ อะไรกัน! แค่หมอนั่นพูดชมทำไมเราต้องดีใจด้วยเนี่ย หยุดขยับได้แล้วเจ้าหางดื้อ~!!
“ขะ ขอบใจก็แล้วกัน!!” ผมพูดเสียงแข็งพลางมองไปทางอื่นอย่างเขินอาย เจ้าหมาเดินหน้าระรื่นไปที่ทางออกของซอกหินก่อนจะบอก
“มาเถอะเราไปฆ่าบอสดันเจี้ยนกัน!”
///
เวลาต่อมา พวกเราพากันไปหาบอสดันเจี้ยนด้วยแรงที่เต็มเปี่ยมโดยใช้แผนที่ในมือของเจ้าหมา โชคดีที่ผมเก่งเรื่องการคาดการณ์เวลาทำให้เรารู้ว่าตอนไหนควรทำอะไร
“ถ้าตอนนี้คือช่วงบ่ายตามที่นายบอกเราก็น่าจะเล่นงานบอสได้เพราะพวกมอนสเตอร์จะเกิดเยอะในช่วงเวลากลางคืน” เจ้าหมาพูดและเดินนำไป พลางก็ดูแผนที่ไปด้วย
เราเลือกใช้เส้นทางที่คิดว่าพวกแมงมุมยักษ์ไม่น่ามากันเพราะทางมันค่อนข้างแคบสำหรับมอนสเตอร์ที่ใหญ่ขนาดนั้น
ผมยกมือสองข้างขึ้นมากุมหลังหัวอย่างสบายใจและเดินตามหลังเจ้าหมาเหมือนทุกที แค่รอบนี้ทางมันเล็กลงหน่อย
กลิ่นอับชื้นเตะจมูกผมเบา ๆ สร้างความรู้สึกสบายอย่างน่าประหลาด ยกเว้นกลิ่นเลือดเน่า ๆ ของพวกแมงมุมที่ติดเสื้อผ้าแน่นยิ่งกว่ากาว โอย...น่าสะอิดสะเอียนจัง
อยู่ ๆ โยชิโระก็พูดขึ้น “ฉันสังเกตมาพักนึงแล้วล่ะ... นายบ่นเรื่องอาหารมาตลอดตั้งแต่ที่เราเจอกันแถมบอกว่าไม่มีมานาใช้ด้วย แสดงว่านายไม่ได้กินอะไรมานานแล้วสินะ...”
ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยนิดหน่อย เพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าหมาอยากจะสื่ออะไรผมก็เลยตอบแบบไม่คิด “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ฉันไม่ได้กินอะไรมาประมาณ...สามวันได้แล้วมั้ง”
เจ้าหมาหยุดเดิน ผมก็หยุดเดินและกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความใสซื่อ โยชิโระหันมาจ้องผมเหมือนเห็นตัวประหลาดและกวาดสายตาขึ้นลงมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อะไร?” ผมถามหน้าซื่อ
“นายนี่สภาพไม่เหมือนคนอดข้าวเลยนะ... ยืนได้นี่ก็มหัศจรรย์แล้วนะนั่น”
ได้ยินแบบนั้นผมก็เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจและเท้าเอวอย่างมั่นหน้าก่อนพูด
“ไม่ต้องชมหรอก~ ต่อให้อดอาหารยังไงรูปร่างของฉันก็ยังดูดีอยู่ตลอดนั่นแหละ!”
“มั่นหน้าตลอดด้วย...” เขาพูดเสียงเบาเป็นเชิงเอือมระอาเหมือนไม่อยากให้ผมรับรู้
“ว่าไงนะ!!”
ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ยินแลเโวยวายตามหลังเขาไปอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่
เจ้าหมาไม่สนใจคำพูดของผมและเดินดูแผนที่ต่อหน้าตาเฉย แต่ในตอนที่เดินอยู่พื้นใต้เท้าของผมก็มีรอยร้าวและแตกออก ตัวผมร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าก!!!”
“นากิ!!!”
ไม่รู้ว่าเป็นโชคชะตาหรืออะไรแต่ผมตกหลุมอีกครั้ง และเหมือนกับครั้งก่อนผมหยิบจับอะไรไม่ได้เพราะกำแพงมันอยู่ไกลเกินไป ผมไม่เห็นโยชิโระลงมาด้วยเลย แย่ล่ะ! แบบนี้ฉันตายแน่!!
ไม่นานผมก็เห็นแสงข้างล่างไม่ไกล แต่มันไม่ได้ทำให้ผมดีใจเลยเพราะนั่นแสดงว่าผมกำลังจะกระแทกกับอะไรบางอย่างที่รออยู่ข้างล่าง แบบนี้มันข่าวร้ายเห็น ๆ !!
แต่ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังนั้นผมก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะ ๆ ที่คุ้นเคยก่อนจะหันกลับไปมองด้านบนด้วยความหวัง ที่นั่นโยชิโระดิ่งตามมาอย่างรวดเร็วและคว้าจับตัวผมไว้แน่น
“ใจเย็น ๆ ฉันมาแล้ว!!!”
ผมหลับตาด้วยความกลัวพลันก็เกาะหลังเจ้าหมาร่างสูงไว้แน่น สายลมที่พัดกลับมาทำเอาผ้าคลุมของโยชิโระปลิวไสวขึ้นจนเห็นร่างกายสุดกำยำ ไม่นานโยชิโระก็ดิ่งลงถึงพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงทั้งที่ยังแบกผมอยู่
“โอย...เกลียดไอ้ดันเจี้ยนเวรนี่ชะมัด” ผมโอดครวญอย่างเบื่อหน่ายและลงมายืนอย่างไม่มั่นคง
หลังจากตั้งสติได้เราสองคนก็หันมองรอบ ๆ คราวนี้เรามาโผล่ที่กลางโถงถ้ำแปลก ๆ มีเห็ดเรืองแสงสีฟ้ากับเถาวัลย์ที่มีดอกไม้สีแดงไม่น่าไว้วางใจอยู่ตามผนังถ้ำเต็มไปหมด
หน้าตาไม่เหมือนถ้ำที่ผ่านมาเลยแฮะ นี่เรายังอยู่ดันเจี้ยนเดิมหรือเปล่า? แต่ในตอนที่กำลังเผลออยู่ ๆ ผมก็ถูกกระชากอย่างฉับพลัน
“ระวัง!!!”
เจ้าหมาดึงผมออกมาจากจุดที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นพิษเหลวก็พุ่งผ่านหน้าของเราไป
โยชิโระรีบมาขวางหน้าผมอย่างตื่นตระหนกและตั้งท่าระวังอะไรบางอย่าง ผมชะเง้อออกมาดูและต้องตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง
เบื้องหน้าของผมคืออะไรบางอย่างที่ค่อย ๆ ปรากฏกายออกมา มันคือแมงมุมขนาดยักษ์ ดวงตาทั้งแปดของมันมีสีแดงฉานเหมือนตัวที่ผ่านมาแต่มันกลับมีขนสีขาวราวกับหิมะ
ผมตระหนักได้ทันทีว่านั่นคือบอสดันเจี้ยนที่เรากำลังตามหา มอนสเตอร์ในใบเควสเวรนั่นตรงกับแมงมุมตรงหน้าไม่มีผิด มันตัวใหญ่กว่าแมงมุมที่เราเคยเจอเล็กน้อยแต่ขามันดูปราดเปรียวกว่ามาก
เมื่อกี้มันพลางตัวเหรอ? ทำไมเราไม่เห็นมันตั้งแต่แรก กลิ่นก็ไม่มี
มันเดินมาประจันหน้ากับพวกเราราวกับจะท้าทายผู้มาเยือนพร้อมแผ่ความรู้สึกอันน่าสะพรึงออกมาจนผมเริ่มหวาดหวั่น เสียงเดินหนัก ๆ ทำเอารู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก แต่กลัวซะที่ไหน?!
เจ้าหมาที่ขวางหน้าผมก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาแยกเขี้ยวจ้องเจ้าแมงมุมยักษ์ตาเขม็งราวกับอาฆาตแค้นก่อนจะพูด
“แกนี่เองที่ฉันกำลังตามหา... ฉันจะฆ่าแกให้ได้ไม่ว่ายังไง ระวังตัวไว้นากิ นายรอจังหวะตลบหลังมัน ฉันจะล่อไว้ให้ พรเทพอัสนี!”
เมื่อร่ายคาถากับผมเสร็จเขาก็เริ่มวิ่งไปฝั่งขวา
ผมวิ่งไปฝั่งซ้ายโดยไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นไปบนพื้นหินหยาบ ๆ ผ้าและหางของเราก็ปลิวไสวไปด้านหลังตามแรงลม เจ้าแมงมุมยักษ์ยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับ
“เฮ้ไอ้แมงมุมอัปลักษณ์!!!” โยชิโระตะโกนเรียกและยิงเวทสายฟ้าจากมือเป็นเส้นตรงเล็งไปที่หัวของมัน แต่ไอ้แมงมุมเวรนั่นมันย่อตัวหลบมาได้ เส้นสายฟ้าผ่านหัวผมไปอย่างรวดเร็วกระทบผนังถ้ำจนเกิดรอยร้าวทำให้มีเศษหินเล็ก ๆ กระเด็นออกมา อันตราย!
ไอ้แมงมุมหันความสนใจไปที่โยชิโระ มันพ่นพิษใส่เขาอย่างไม่ปรานี ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือพิษที่มันพ่นไม่ได้ยิงเป็นครั้งสองครั้งเหมือนที่เราเคยเจอ แต่มันพ่นใส่โยชิโระเป็นสายน้ำสีม่วงอันน่าสะพรึง เจ้าหมาพยายามวิ่งสุดชีวิต ผมต้องช่วยเขา!
เมื่อได้จังหวะที่มันหันข้างผมก็ไม่รอช้าโดดขึ้นไปกลางอากาศและดิ่งลงไปที่หัวของเจ้าแมงมุมชั่วอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความลังเลใด ๆ ผมเตรียมกรงเล็บและกัดฟันตวัดเข้าไปที่ตาดวงหนึ่งสุดแรง ขอให้บาดเจ็บสักนิดก็ยังดี!!
แต่เสียงที่ได้ยินมันทำให้ผมตกใจ ดวงตาสีแดงของมันแข็งเป็นหิน กรงเล็บของผมทำอะไรมันไม่ได้เลย! ทั้งผมและโยชิโระต่างก็อึ้งอ้าปากค้าง เอาจริงดิ!
ไอ้บอสแมงมุมไม่สะทกสะท้านเลย มันเหวี่ยงขามาปัดตัวผมกระเด็นไปชนผนังถ้ำ โอ๊ย!! เวรเอ้ย!!
ผมร่วงลงมาบนกองกับพื้นอย่างอดสู แต่ใครจะยอม! ผมพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบากแต่อยู่ ๆ ดอกไม้ประหลาดก็ค่อย ๆ หันมาหาและปล่อยแก๊สบางอย่างใส่เต็มหน้าของผม อะไรเนี่ย?!!
“นากิ!!!” เสียงเจ้าหมาดังขึ้นจากอีกฝั่งของโถงถ้ำแต่หูของผมกลับได้ยินไม่ชัด สายตาของผมก็เริ่มพร่ามัว อาการเวียนหัวเกิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ผมเริ่มโซซัดโซเซทรงตัวไม่อยู่ และแล้ว...
“เกิดอะไร...ขึ้น”