ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ผู้แต่ง
YANI
เรื่องย่อ
“หลบไปซะไอ้จิ้งจอกสมองกล้าม ฉันจะจัดการมันเอง” ผมพูดอย่างเย้ยหยันกับชายร่างสูงข้าง ๆ และเดินไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์เบื้องหน้าอย่างขึงขังมั่นใจ
กะอีแค่แมงมุมยักษ์ฉันไม่ต้องพึ่งหมานั่นหรอก~
ผมกำมือเดินไปหาเจ้าแมงมุมร้ายอย่างท้าทาย ดวงตาของมันแดงก่ำ มีฟันใหญ่แหลมคม และตัวใหญ่มาก ๆ ... ใหญ่เกือบเท่าบ้านหลังย่อมเลยนะนั่น แต่กลัวซะที่ไหน!
“แกตัวเท่ามดจะไปทำอะไรมันได้?” ผมชะงัก ไอ้หมาจิ้งจอกข้างหลังมันพูดจาถากถางพลางกอดอกด้วยท่าทีดูถูก แถมยังชายตามองผมอย่างกับเห็นแมลง วิ่งกลับไปต่อยสักทีดีไหมเนี่ย!
“เงียบไปเลย! เก็บปากไว้กินหญ้าเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้หมาจิ้งจอกอย่างแกช่วย!!” ผมชี้หน้าด่าชายร่างสูงอย่างฉุนเฉียว หูและหางพลันก็ตั้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ก็ถ้าโดนมันเล่นงานขึ้นมาก็อย่าขอให้ฉันช่วยก็แล้วกันไอ้แมวเด็ก!!”
เจ้าจิ้งจอกนั่นมันตะคอกกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า แต่แมวแกร่งอย่างผมสนใจพวกสมองกล้ามซะที่ไหน!
“คอยดูเถอะ!!”
หลังจากดูเชิงได้พักนึง ผมโก่งตัวกระโจนใส่เจ้าแมงมุมยักษ์ตรงหน้าหวังจะใช้กรงเล็บเฉือนตามัน
แต่มันกลับพ่นใยมาพันตัวผมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา อะไรเนี่ย! ใยเหนียวชะมัด! ผมตกลงพื้นแข็ง ๆ และพยายามดิ้นสุดแรง
แต่เจ้าแมงมุมน่าเกลียดนั่นมันใช้ขาหน้าดึงร่างของผมที่ถูกห่อใยขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวมัน ก่อนที่ปากอันใหญ่โตของมันจะอ้าออกเผยให้เห็นฟันคมกริบนับไม่ถ้วน กลิ่นโคตรเหม็นคาวเลย!
แต่อะไรเนี่ย นี่ฉันต้องตายตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ! ไม่ได้นะ ยังไม่ทันได้เงินสักแดงแถมฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหาอีกนะ! ถึงจะไม่อยากพูดก็เถอะแต่...
“ช่วยด้วยไอ้หมาสมองกล้าม!!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนแสบคอไปหมด แต่ก็เหลือบไปมองเจ้าหมานั่นหวังได้รับคำตอบที่ดี
“เฮ้อ... ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมไอ้แมวเด็ก” เจ้าจิ้งจอกถอนหายใจหน้าตายและมองดูผมห้อยต่องแต่งอย่างไร้ทางหนี
อยู่ ๆ จากที่กำลังโดนหย่อน ตัวผมกลับโดนเหวี่ยงเป็นวงกลมเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้แมงมุมเวรนี่ทำอย่างกับฉันเป็นของเล่นเลย!
มันเหวี่ยงตัวผมไปมาจนเริ่มเวียนหัวแต่เจ้าหมานั่นก็ยังยืนกอดอกดูอยู่แบบนั้น
“ช่วยทีเถอะ! ฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหานะ! เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว~!!”
เพราะโดนเหวี่ยงจนมึนทำให้เห็นแต่โลกที่หมุนไปมาผมเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมานั่นรับคำขอหรือเปล่า
แต่ในตอนนั้นจู่ ๆ จากที่โดนเหวี่ยงไปมาผมก็รู้สึกเหมือนกำลังร่วงอีกครั้ง
“ว้าก!!” ถึงจะมึนจนไม่รู้เรื่องแต่ผมก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตกลงข้างล่างทั้งที่มีปากแมงมุมรออยู่ฉันก็ตายน่ะสิ!!
แต่ตอนที่ร่างของผมกำลังร่วงหล่นอย่างไม่มีอะไรฉุดรั้ง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาประคองร่างที่ห่อใยของผมเอาไว้ สิ่งนั้นวางผมลงกับพื้นหินขรุขระ
“เฮ้! ไหวหรือเปล่าไอ้แมวเด็ก!!” ผมได้ยินเสียงเจ้าหมานั่นอยู่ใกล้ ๆ อาการมึนของผมเริ่มหายไป
ในที่สุดสายตาเจ้ากรรมก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโยชิโระที่ดูผมเหมือนเอ่อ...กังวลเหรอ ไม่สิ น่าจะแค่สงสัยมากกว่า
“โอย...อยากอ้วกแต่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องด้วยซ้ำ...” ผมโอดครวญและพึมพำด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะขอร้อง...
“.....” ผมได้สติอีกครั้งในสถานที่ไม่คุ้นเคย รู้สึกได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ ที่รองรับตัวและหัวไว้ นอกจากเพดานไม้เรียบ ๆ แล้วผมยังเห็นแสงที่น่าจะมาจาก...โคมไฟ? น่าจะใช่
“คุณหมอค่ะคนไข้ได้สติแล้วคะ!!”
ผมหันศรีษะไปด้านข้างตามเสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าประตู สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวเผ่ากระต่ายในชุด...พยาบาลเหรอ?
ในตอนนั้นผมสะดุ้งและลุกขึ้นนั่งทันที ผมกุมหัวและพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิด ตอนนี้เราอยู่ในห้องพยาบาลของเมืองหลวงเหรอ? ท่อนบนเปลือยเปล่าแต่เรายังใส่กางเกงเดิมอยู่...
“ใจเย็นลงก่อนนะคะคุณคนไข้!” นางพยาบาลพูดและเข้ามาดูอาการผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอและถามด้วยสีหน้าตึงเครียดทันที “เจ้าแมวอยู่ที่ไหน?!”
นางพยาบาลมีท่าทีตกใจอย่างสับสนก่อนจะตอบผมด้วยเสียงสั่น ๆ “มะ หมายถึงเด็กผู้ชายจากเผ่าแมวสีขาวเหรอคะ? ขะ เขาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินค่ะ”
ได้ยินแบบนั้นผมก็วิ่งออกจากห้องผู้ป่วยในสภาพเปลือยท่อนบนทันที เขายังไม่ตาย!
ผมได้ยินเสียงพยาบาลคนเดิมไล่หลังมาเหมือนจะพยายามพูดห้ามแต่ผมไม่สนใจ
ผมมั่นใจว่าที่นี่คือโรงพยาบาลของเมืองหลวงดูจากคนไข้รอบ ๆ ที่ผ่านไปผ่านมา พื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่ทำจากไม้อย่างดี
ผมวิ่งผ่านผู้ป่วยจำนวนมากและพยายามไม่ชนพวกเขา ไม่นานผมก็มาถึงห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ไม่รอช้าผมเข้าไปทันที
“นากิ!!!” ผมเรียกชื่อเจ้าแมวเสียงดัง
ข้างในนั้นมีเตียงเรียงรายอยู่เต็มห้อง หนึ่งในเตียงพวกนั้นมีพยาบาลและหมอกำลังมุงอยู่ พวกเขามองผมด้วยความประหลาดใจ พอเหลือบไปที่เตียงผมก็เห็นนากินอนนิ่งอยู่ ด้วยความกังวลผมเดินดิ่งไปที่หาเขาทันที
“เดี๋ยวก่อน! คุณเข้ามาไม่ได้นะคะ!” พวกพยาบาลเผ่ากระต่ายสองถึงสามคนพยายามเข้ามากีดกันไม่ให้ผมไปที่เตียง ผมกำหมัดแน่นและแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ขอโทษนะคะคุณหมอ! ฉันห้ามเขาไว้ไม่ทันจริง ๆ ค่ะ!”
ผมได้ยินเสียงพยาบาลคนก่อนหน้าที่ด้านหลัง แต่ผมไม่สนใจความวุ่นวายทั้งหมดนั่นและพยายามเดินฝ่าพยาบาลข้างหน้าไป
“ไม่เป็นไร ดีแล้วล่ะที่เขามา ผมจะได้บอกเขา” เสียงคุณหมอดังขึ้น พวกพยาบาลถอยห่างจากผม
คุณหมอเดินจากเตียงของนากิมาหาผมอย่างเรียบนิ่ง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ตัวเตี้ยกว่าผมนิดหน่อยและเหมือนจะเป็นเผ่ากวางแต่เขาบนศรีษะค่อนข้างสั้น
“เหมือนเธอจะไม่เป็นไรนะ ดีแล้วล่ะ...” คุณหมอพูดพลางจับปลายคางมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแสดงท่าทีโล่งอกเบา ๆ
ผมเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “นากิเป็นยังไงบ้างครับ? รักษาเขาได้หรือเปล่า?”
ถึงจะพยายามใจเย็นแต่ผมก็กังวลจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ คุณหมอหันกลับไปมองเจ้าแมวอย่างหนักใจเช่นกันก่อนจะตอบกลับ
“ถึงจะดูออกว่าเป็นนักผจญภัยแต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอไปลงดันเจี้ยนไหนมา เป็นข่าวร้ายที่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะรักษายังไง พิษที่เด็กเผ่าแมวคนนั้นโดนมันรุนแรงมาก สิ่งเดียวที่เราทำได้คือใช้เวทรักษาที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลประคองไม่ให้พิษมันรุนแรงไปกว่านี้ แต่ถ้าเด็กเผ่าแมวคนนั้นไม่ได้รับการรักษาภายในคืนนี้เขาอาจจะไม่รอดก็ได้...”
ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่ฉันทำมาจะสูญเปล่าเหรอ..? เขาจะไม่ได้กลับไปหาน้องสาวเหรอ..? มันต้องไม่ใช่แบบนั้นสิ!
“ไม่มีวิธีรักษาจริง ๆ เหรอครับ?!” ผมถามออกไปอีกครั้งหวังจะได้รับคำตอบที่ดีกลับมา แต่คุณหมอกลับก้มหน้าลงและกำมือแน่นราวกับไม่อยากยอมรับความจริง
“ในฐานะหมอฉันไม่อยากพูดแบบนี้... แต่ถ้าอยากรักษาเด็กคนนั้นเราคงต้องพึ่งพลังของศาสนจักรเท่านั้นแหละ”
บรรยากาศเงียบงันทันใด ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยและหันหลังกลับ
“เข้าใจแล้วครับ...” ผมกล่าวก่อนจะเดินจากห้องไปพร้อมกับผ้าคลุมที่พยาบาลตอนแรกถือมาให้ ไม่มีใครรั้งผมไว้ ผมออกมาจากโรงพยาบาลนั่นและได้แต่ครุ่นคิด
นากิเป็นคนเดียวในชีวิตที่คุยและปฏิบัติกับฉันเหมือนมนุษย์ครึ่งสัตว์คนหนึ่ง เขาไม่ได้มองฉันเป็นตัวประหลาดและเป็นคนแรกที่เอ่ยปากชมฉันอย่างจริงใจ...
แต่พอนึกถึงคำพูดของนากิในตอนนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา
ถ้าฉันตัดสินใจเอาชิ้นส่วนพวกแมงมุมนั่นกลับมาขายและเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้นากิคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนั้น!
เหตุผลที่ว่ากลัวคนอื่นในกิลด์ตัดหน้านั่นมันไม่จริงเลย! ฉันรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้! เพราะต่อให้พวกนั้นรู้รายละเอียดในดันเจี้ยนเพิ่มเติมยังไงที่นั่นก็ยังอันตรายเกินไปอยู่ดี!
แต่ที่ฉันโกหกนากิไปแบบนั้นเพราะว่าฉันอยากฆ่าบอสนั่นเร็ว ๆ และเป็นที่ยอมรับเร็ว ๆ แต่เพราะความประมาทและเห็นแก่ตัวนั่นมันก็ทำให้เจ้าแมวต้องปางตาย...
ผมกำมือแน่นเพราะโกรธในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ไม่ใช่แค่เจ้าแมว... แล้วน้องสาวของเขาล่ะ เธอจะทำยังไงถ้าฉันช่วยนากิไม่ได้? เธอต้องใช้ชีวิตต่อโดยไม่มีพี่ชายของตัวเองเหรอ...
ไม่!! ฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น!! ฉันจะแก้ไขเรื่องนี้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!!
ผมมุ่งไปที่โบสถ์ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง ที่นั่นต้องมีนักบวชที่มีเวทรักษาล้ำหน้าอย่างแน่นอนแต่...พวกศาสนาจักร
ผมเข้าใจดีถึงท่าทีของคุณหมอ จริงอยู่ที่พวกนักบวชมีเวทมนตร์ที่เหนือชั้นแต่พวกมันก็ล้วนแต่หลอกใช้ความศรัทธาของคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ถ้าฉันไปขอความช่วยเหลือเฉย ๆ ยังไงพวกนั้นก็ต้องขอสิ่งตอบแทนแน่ ยิ่งถ้ามันรู้ว่าฉันมาจากตระกูลใหญ่ล่ะก็... แต่ยังไงฉันก็พร้อมจะเดิมพันอยู่แล้ว!
ด้วยการตัดสินใจที่แน่วแน่ผมมุ่งหน้าวิ่งไปที่โบสถ์อย่างรวดเร็ว ในยามนี้คนยังไม่ค่อยเยอะมาก ผมเดินเข้าไปในโบสถ์ที่มีแสงไฟสลัว ๆ ในตอนนั้นก็มีนักบวชชราคนหนึ่งเดินมาหาผมอย่างเป็นมิตร
“มีอะไรให้ทางโบสถ์ช่วยหรือเปล่าพ่อหนุ่ม? ท่าทางร้อนลุ่มมาเชียว”
นักบวชคนนั้นเป็นเผ่าแพะ เขาแทบไม่มีเส้นผมอยู่บนหัวเลย เขายิ้มอ่อน ๆ ให้ผมราวกับสงสัย
ผมเล่าสถานการณ์ให้บาทหลวงคนนั้นฟัง ระหว่างนั้นผมก็พยายามจับอารมณ์ของอีกฝ่าย เขาไม่ได้ดีใจเลยผมมาเหยียบที่นี่ เขาคงรู้สึกเกลียดชังในความเป็นสีดำของผม กะอีแค่รอยยิ้มจอมปลอมนั่นหลอกฉันไม่ได้หรอก
เมื่อเล่าจนจบผมก็ถามว่าเขาพอจะช่วยอะไรได้ไหม..?
“อืม... โทษทีนะพ่อหนุ่ม ถ้าเกิดเวทของโรงพยาบาลนั้นยังช่วยไม่ได้ทางนี้เองก็คงไม่ต่างกัน...”
ผมไม่ได้ตกใจกับคำพูดนั้นเท่าไหร่ กลับกันผมถามไปอีกครั้ง
“ฉันต้องทำยังไงบ้าง?”
เจ้าบาทหลวงนั่นแสยะยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจและกุมมืออย่างยินดีก่อนจะตอบกลับ “รู้อยู่แล้วสินะ ก็...คงต้องใช้เงินเยอะหน่อย~”
ผมก้มหน้าลงอย่างโกรธเคือง และกำมือแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายใน กะไว้แล้วเชียวไอ้พวกนักบวชเฮงซวย!
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากคำกล่าวอันเรียบนิ่งผมก็เดินออกมาไม่ไกลจากโบสถ์และเข้าไปอยู่ในตรอกเงียบ ๆ มีแค่ผมเพียงคนเดียว
หลังจากกอดอกพิงกำแพงได้ไม่นานผมก็พูดขึ้น
“นานาชิ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น หลังจากคำเรียกขานนั้นเบื้องหน้าของผมก็มีเงาปริศนาปรากฏขึ้นมา ไม่กี่วิเงานั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นชายคนหนึ่งในชุดคนใช้ที่กำลังโค้งตัวทำความเคารพผมอย่างนอบน้อม
“มาตามคำสั่งครับนายน้อย”
หมอนี่เป็นเผ่าหนูที่ตัวสูงกว่าผมเล็กน้อย ดูได้จากหูใบใหญ่บนหัว เขาเป็นคนใช้ที่คอยจับตาดูชีวิตของฉันและคอยดูว่าฉันทำผิดข้อตกลงหรือเปล่า
ฉันจะเรียกหมอนี่มาก็ต่อเมื่ออยากติดต่อกับคนในครอบครัวเท่านั้น
“ต้องการให้ผมช่วยอะไรครับ?” เจ้าคนรับใช้ถามหน้าระรื่นด้วยดวงตาผิดแบบที่เป็นประจำ ผมมองมันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรก่อนจะตอบกลับ
“แกก็รู้ว่าฉันต้องการอะไร”
เจ้าหนูพยักหน้าก่อนจะพูด “เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมจะติดต่อนายท่านให้นะครับ หน้าจอ”
คนรับใช้ร่ายคาถาและเอามือชูขึ้นมาที่ด้านหน้าของตัวเองทำให้เกิดเวทสี่เหลี่ยมบาง ๆ เหมือนกระจก นั่นเป็นพลังเวทของเจ้าคนรับใช้มีไว้ติดต่อคนอื่นที่อยู่ไกลเกินไป
“นายท่านครับนายน้อยอยากคุยกับท่าน” พอเจ้าหนูพูดจบมันก็ยื่นมือมาตรงหน้าของผมจากนั้นภาพที่คุ้นเคยก็ปรากฏบนจอ
“ยอมแพ้แล้วเหรอโยชิโระ?” เสียงอันหนักแน่นของชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อดังขึ้นจากหน้าจอ เขายังคงนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเคย
เขามีหูจิ้งจอกเหมือนผมทุกประการแต่เปลี่ยนจากขนสีดำเป็นขนสีเงินเงางามประดุจของล้ำค่า ใบหน้าของเขามีเหลี่ยมที่ชัดเจนทั้งกรามล่างและโหนกแก้ม แล้วไหนจะมีหนวดเคราไม่หนามากบ่งบอกถึงความมีประสบการณ์ และแววตาเฉ่ยชานั่นที่เห็นกี่ครั้งก็ยังชวนให้รู้สึกไม่สบอารมณ์
“ไม่ ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอก เรื่องที่ฉันอยากคุยคือฉันต้องการเงิน”
เจ้านั่นแสดงท่าทีไม่เข้าใจ เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลันมองตาขวางก่อนจะถามผมกลับ
“หมายความว่ายังไง? นั่นมันไม่ใช่ข้อตกลงของเรานี่ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะพิชิตดันเจี้ยนนั่นโดยไม่พึ่งเงินจากตระกูลน่ะ?”
เขาพูดระลึกความหลังและใช้กำปั้นเท้าคางอย่างเคลือบแคลงสงสัย นี่ฉันต้องมาอธิบายให้เขาฟังเหรอ...
“อย่างแรกดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ที่พวกแกให้ฉันไปพิชิตมันมีเงื่อนไขว่าห้ามลงคนเดียว และตอนนี้คนคนเดียวที่ยอมร่วมปาร์ตี้กับฉันกำลังนอนทนฤทธิ์ของพิษอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ที่นั่นรักษาพิษไม่ได้ มันต้องใช้พลังของศาสนจักรในการช่วยรักษา ฉันเลยมาขอเงินตามที่พวกมันเรียกร้อง”
คนเป็นพ่อเงียบไปเหมือนกำลังครุ่นคิด เขาชายตามองผมก่อนจะเอามือที่เท้าคางลงและหันมาพูด
“ใช้เงินไม่สมเหตุสมผลเลยนะ... แทนที่จะขอเงินไปจ้างศาสนจักรมารักษาใครก็ไม่รู้นั่นสู้เอาเงินไปจ้างนักผจญภัยสักคนให้ไปลงดันเจี้ยนด้วยไม่ดีกว่าเหรอ? เจ้านั่นมันเป็นใครแกเป็นอะไรกับมัน? คนอ่อนแอที่โดนพิษเล่นงานพรรค์นั้นน่ะปล่อยให้ตายไปซะยังจะดีกว่า”
คำพูดของมันทำให้โทสะปะทุขึ้นมาในจิตใจ ผมกำแขนในท่ากอดอกและกัดฟันแน่นก่นด่ามันอยู่ในใจ อยากจะซีกปากของไอ้พ่อเวรนั่นเป็นชิ้น ๆ ซะจริง!!
นากิไม่ได้อ่อนแอ! มันเป็นความผิดของฉันด้วยซ้ำที่เขาโดนพิษ! ผมพยายามใจเย็นลง ถึงจะบอกอะไรไปเจ้านั่นก็คงไม่สนใจ เราต้องพูดหว่านล้อมมันให้ได้
“หมายความว่า...กลัวฉันพิชิตดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ได้เหรอ?”
คนเป็นพ่อเงียบไปเหมือนไม่พอใจกับคำพูดเมื่อครู่ ไม่นานเขาก็พูด
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ... ที่ฉันพูดแบบนั้นก็เพราะหวังดีให้แกได้คนเก่ง ๆ ช่วยแบ่งเบาภาระ แต่เอาเถอะเพราะถ้ามีแค่ไม่กี่คนยังไงแกก็พิชิตดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ไม่ได้อยู่แล้ว”
ถึงจะโกรธที่โดนดูถูกแต่ฝั่งนั้นเหมือนจะหลงกลคำพูดของผมแล้ว คงมีแค่วิธีเดียวที่จะทำให้เขายอม ฉันพร้อมจะเดิมพันทุกอย่างอยู่แล้ว
“ถ้างั้นเอาแบบนี้ เปลี่ยนจากเจ็ดวันเป็นพรุ่งนี้ ถ้าภายในพรุ่งนี้ฉันพิชิตดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ไม่ได้ฉันจะเซ็นสัญญาออกจากตระกูลและ...เนรเทศตัวเองออกจากอาณาจักร” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง
เจ้าคนรับใช้แสดงท่าทีตกใจ ส่วนเจ้าพ่อนั่นก็นิ่งเงียบไป รับข้อเสนอซะสิ ฉันจะทำให้ดูว่าแกคิดผิด
คนเป็นพ่อนั่งตัวตรงและเอามือกุมไว้บนโต๊ะอย่างจริงจัง
“อืม...เอาแบบนั้นก็ได้ แกต้องการเงินเท่าไหร่?”
ในที่สุด! เท่านี้ก็เหลือแค่จำนวนเงิน... เราต้องใช้เยอะมาก ๆ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง แต่เพราะไม่แน่ใจเรื่องจำนวนผมเลยตอบแบบคลุมเครือ
“เยอะพอที่พวกศาสนจักรจะไม่มาตอแยเราทีหลัง” เขาหลับตาเหมือนเป็นคำตอบนัย ๆ
“ตามนั้น... ฉันจะให้นานาชิเป็นคนรับผิดชอบ หมดธุระกันแค่นี้... แล้วฉันจะรอดูผลงานไอ้ลูกชาย” พูดจบหน้าจอก็หายไปจากมือคนรับใช้
อดทนอีกหน่อยนะนากิ