ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!

Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ - ตอนที่ 12 กวาดล้างทั้งดันเจี้ยน โดย YANI @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์

รายละเอียด

ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!

ผู้แต่ง

YANI

เรื่องย่อ


“หลบไปซะไอ้จิ้งจอกสมองกล้าม ฉันจะจัดการมันเอง” ผมพูดอย่างเย้ยหยันกับชายร่างสูงข้าง ๆ และเดินไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์เบื้องหน้าอย่างขึงขังมั่นใจ

กะอีแค่แมงมุมยักษ์ฉันไม่ต้องพึ่งหมานั่นหรอก~

ผมกำมือเดินไปหาเจ้าแมงมุมร้ายอย่างท้าทาย ดวงตาของมันแดงก่ำ มีฟันใหญ่แหลมคม และตัวใหญ่มาก ๆ ... ใหญ่เกือบเท่าบ้านหลังย่อมเลยนะนั่น แต่กลัวซะที่ไหน!

“แกตัวเท่ามดจะไปทำอะไรมันได้?” ผมชะงัก ไอ้หมาจิ้งจอกข้างหลังมันพูดจาถากถางพลางกอดอกด้วยท่าทีดูถูก แถมยังชายตามองผมอย่างกับเห็นแมลง วิ่งกลับไปต่อยสักทีดีไหมเนี่ย!

“เงียบไปเลย! เก็บปากไว้กินหญ้าเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้หมาจิ้งจอกอย่างแกช่วย!!” ผมชี้หน้าด่าชายร่างสูงอย่างฉุนเฉียว หูและหางพลันก็ตั้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

“ก็ถ้าโดนมันเล่นงานขึ้นมาก็อย่าขอให้ฉันช่วยก็แล้วกันไอ้แมวเด็ก!!”

เจ้าจิ้งจอกนั่นมันตะคอกกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า แต่แมวแกร่งอย่างผมสนใจพวกสมองกล้ามซะที่ไหน!

“คอยดูเถอะ!!”

หลังจากดูเชิงได้พักนึง ผมโก่งตัวกระโจนใส่เจ้าแมงมุมยักษ์ตรงหน้าหวังจะใช้กรงเล็บเฉือนตามัน

แต่มันกลับพ่นใยมาพันตัวผมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา อะไรเนี่ย! ใยเหนียวชะมัด! ผมตกลงพื้นแข็ง ๆ และพยายามดิ้นสุดแรง

แต่เจ้าแมงมุมน่าเกลียดนั่นมันใช้ขาหน้าดึงร่างของผมที่ถูกห่อใยขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวมัน ก่อนที่ปากอันใหญ่โตของมันจะอ้าออกเผยให้เห็นฟันคมกริบนับไม่ถ้วน กลิ่นโคตรเหม็นคาวเลย!

แต่อะไรเนี่ย นี่ฉันต้องตายตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ! ไม่ได้นะ ยังไม่ทันได้เงินสักแดงแถมฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหาอีกนะ! ถึงจะไม่อยากพูดก็เถอะแต่...

“ช่วยด้วยไอ้หมาสมองกล้าม!!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนแสบคอไปหมด แต่ก็เหลือบไปมองเจ้าหมานั่นหวังได้รับคำตอบที่ดี

“เฮ้อ... ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมไอ้แมวเด็ก” เจ้าจิ้งจอกถอนหายใจหน้าตายและมองดูผมห้อยต่องแต่งอย่างไร้ทางหนี

อยู่ ๆ จากที่กำลังโดนหย่อน ตัวผมกลับโดนเหวี่ยงเป็นวงกลมเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้แมงมุมเวรนี่ทำอย่างกับฉันเป็นของเล่นเลย!

มันเหวี่ยงตัวผมไปมาจนเริ่มเวียนหัวแต่เจ้าหมานั่นก็ยังยืนกอดอกดูอยู่แบบนั้น

“ช่วยทีเถอะ! ฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหานะ! เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว~!!”

เพราะโดนเหวี่ยงจนมึนทำให้เห็นแต่โลกที่หมุนไปมาผมเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมานั่นรับคำขอหรือเปล่า

แต่ในตอนนั้นจู่ ๆ จากที่โดนเหวี่ยงไปมาผมก็รู้สึกเหมือนกำลังร่วงอีกครั้ง

“ว้าก!!” ถึงจะมึนจนไม่รู้เรื่องแต่ผมก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตกลงข้างล่างทั้งที่มีปากแมงมุมรออยู่ฉันก็ตายน่ะสิ!!

แต่ตอนที่ร่างของผมกำลังร่วงหล่นอย่างไม่มีอะไรฉุดรั้ง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาประคองร่างที่ห่อใยของผมเอาไว้ สิ่งนั้นวางผมลงกับพื้นหินขรุขระ

“เฮ้! ไหวหรือเปล่าไอ้แมวเด็ก!!” ผมได้ยินเสียงเจ้าหมานั่นอยู่ใกล้ ๆ อาการมึนของผมเริ่มหายไป

ในที่สุดสายตาเจ้ากรรมก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโยชิโระที่ดูผมเหมือนเอ่อ...กังวลเหรอ ไม่สิ น่าจะแค่สงสัยมากกว่า

“โอย...อยากอ้วกแต่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องด้วยซ้ำ...” ผมโอดครวญและพึมพำด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะขอร้อง...

สารบัญ

Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 1 แมวผู้โดนเกลียดชัง,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 2 ไม่ใช่หมานิ...,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 3 ดงแมงมุม,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 4 วิ่งทั้งวันยังได้,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 5 เงิน! เงิน!! เงิน!!!,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 6 เผชิญหน้ากับบอสดันเจี้ยน,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 7 เงาอัสนี!!!,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 8 ต่อรองกับพ่อที่ไม่รัก,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 9 เจ้าแมวฟื้นแล้ว,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 10 แมงมุมยักษ์ย่างสด,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 11 จุดจบของบอสดันเจี้ยน,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 12 กวาดล้างทั้งดันเจี้ยน,Black Fox คู่หูของนายจิ้งจอกดำ-ตอนที่ 13 การตอบแทนครั้งสุดท้าย

เนื้อหา

ตอนที่ 12 กวาดล้างทั้งดันเจี้ยน

“ในที่สุดเราก็ฆ่ามันได้แล้ว!!!” ผมโห่ร้องตะโกนและกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจอย่างสุดซึ้ง

ตอนนี้ร่างของบอสแมงมุมยักษ์กลายเป็นซากไร้วิญญาณไปแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าเราจะทำได้!! ไงล่ะ!!!

ท่ามกลางทะเลเพลิงที่มอดลง ผมเหลือบไปเห็นโยชิโระกำลังยืนนิ่ง เหมือนเขาจะอึ้งไม่ต่างจากผมแต่ดูจะตื้นตันกว่ามาก

ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา... อายุตั้งยี่สิบสี่แต่ยังไม่เคยได้เข้าสังคมแบบจริงจัง อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด...

ต้องหาทางเอาชีวิตรอดและหาจุดยืนใต้ชายคาหลังใหญ่ที่มีแต่คนใจคับแคบและไม่ต้องการเขา เหมือนกับผม...

อย่างน้อยชีวิตของผมก็ยังมีน้องสาวที่รักคอยโหยหาซึ่งกันและกัน แต่เขาคงมีชีวิตที่เลวร้ายกว่ามากในฐานะตัวประหลาดของตระกูลใหญ่ ผมคงเป็นบ้าไปแล้วถ้าต้องใช้ชีวิตแบบนั้น...

ท่ามกลางโถงถ้ำที่มีแสงสลัวของเห็ดสีฟ้า มีเพียงเสียงสะเก็ดไฟที่กำลังมอดดับ รองเท้าหนังเก่า ๆ ของผมย่างก้าวอย่างสม่ำเสมอไปบนพื้นหินที่มีแต่รอยไหม้ ผมเดินอย่างเชื่องช้าผ่านซากบอสแมงมุมตรงไปหาคู่หูร่างสูง...

“โยชิโระ...” ผมเรียกชื่อเจ้าหมาตรงหน้า เขาก้มลงมามองด้วยสีหน้าที่ยังอึ้งไม่หายราวกับว่าผลงานครั้งนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่นึกว่าจะเป็นจริง เห็นแบบนั้นมันก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกในใจของผม

ผมกางแขนกว้างด้วยสีหน้าที่เห็นอกเห็นใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ในที่สุดเราก็ผ่านช่วงชีวิตที่เลวร้ายมาได้แล้วนะ นาย...เข้มแข็งมาก ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา”

ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตื้นตัน ไม่เหมือนกับที่เจอกันครั้งแรก สายตาของเขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน ความโดดเดี่ยว และความโศกเศร้า

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว ดวงตาของเขาเปร่งประกายไปด้วยความหวังและความสุขที่เอ่อล้น แค่ตรงหน้า ณ เวลานี้ผมยังเห็นน้ำตาใส ๆ ที่ปริ่มอยู่ตรงขอบตาของเขา นั่นทำให้ผมเห็นใจเขาอย่างไม่มีข้อกังขา

วินาทีต่อมาเขาก็หลี่ตาลงอย่างโล่งอกและมองดูผมราวกับซาบซึ้งแต่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา

“อย่างกับ...ได้ยกภูเขาออกจากอกเลย ในที่สุดความฝันของฉันก็เป็นจริง ขอบคุณมากนะนากิ...”

โยชิโระก้มตัวลงมาเหมือนจะสวมกอด แต่ในตอนนั้นเขากลับจับเอวของผมและยกผมขึ้นพรวด

“เหมี๊ยว!!” ผมหลุดร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาเหวี่ยงผมหมุนไปรอบ ๆ และหัวเราะเยี่ยงคนมีความสุข

“ขอบคุณมากนะเจ้าแมวน้อย ฮ่าฮ่า!” เขาเหวี่ยงผมหมุนไปเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงหัวเราะอยู่แบบนั้น

พอได้ยินที่เขาเรียกหูแมวของผมก็ตั้งขึ้นบ่งบอกถึงอารมณ์แปลก ๆ ที่พลุ่งพล่านขึ้นมา ทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวแถมหางยังเหวี่ยงไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ แรงจะเยอะไปไหนเนี่ย~!

“ยะ ยะ อย่าเรียกฉันแบบนั้น!! ฉะ ฉันก็ขอบคุณนายเหมือนกัน! แต่เอาฉันลงทีข้อร้อง~!!”

ผมรีบบอกแบบนั้นเพราะเริ่มรู้สึกเวียนหัว เจ้าหมาที่เหมือนจะเข้าใจหยุดหมุนและเอาผมลง ผมโซซัดโซเซเล็กน้อย

โอย...เหวี่ยงแค่แปปเดียวทำไมมึนแบบนี้เนี่ย

โยชิโระกระแอมเสียงในคอเหมือนพยายามจะเก็บอารมณ์ แหม...ขนาดเวลาแบบนี้ยังจะเก๊กอยู่อีกนะ

หลังจากที่ผมตั้งสติได้เจ้าหมาก็เอ่ยถาม “แล้วเราจะเอายังไงต่อ?”

ผมเอามือวางศอกและเอามืออีกข้างขึ้นมาจับปลายคางพยายามครุ่นคิด หูแมวก็พลันกระดิกไปมาเหมือนคำนวณเลขในหัว

เจ้าหมาจ้องตาไม่กระพริบ อืม...เราเข้ามาในดันเจี้ยนเวลาประมาณนี้และใช้เวลาในการฆ่าบอสประมาณนี้...

“เราน่าจะอยู่ในช่วงเกือบบ่ายโมง... เหลือเวลาอีกเยอะเลยแฮะ หืม?”

ตาแมวสุดเฉียบคมของผมมองไปเห็นประตูหินลายแมงมุมอยู่ไม่ไกล ซึ่งมันน่าจะเป็นทางเข้าห้องบอสที่เราควรจะผ่านเข้ามา... แต่เราดันใช้ทางลัด

ทันทีที่ผมจ้องมันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ชวนให้อดยิ้มไม่ได้

“นี่โยชิโระเรามีน้ำยามานาเหลืออยู่เท่าไหร่~?”

เจ้าหมาหูตั้งและแสดงสีหน้างุนงงนิดหน่อย แต่พอหันไปมองประตูหินตามผมเขาก็แอบยิ้มเล็กน้อยเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อ

เขาหยิบการ์ดไอเทมขึ้นมาดูและบอกผม “ก็ถ้าบริหารมานาดี ๆ เราก็น่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานเลยล่ะ~”

เจ้าหมากอดอกเอียงหัวพูดเป็นเชิงหว่านล้อม นายก็มีอารมณ์ขันกับเขาเหมือนกันนี่นา~ พูดมาขนาดนี้มีเหรอที่จะไม่ตอบรับ

“อืม~ ถึงจะได้เงินจากเจ้าบอสแมงมุมนั่นเยอะแล้วก็เถอะ แต่ถ้ามีเงินจากมอนสเตอร์ที่เหลืออีกสักหน่อยมันก็น่าจะดีไม่น้อยเลยนะ~ ถ้าอย่างนั้นเรามาใช้เวลาที่เหลือในการทำความสะอาดดันเจี้ยนนี้กันเถอะ~ เอาให้หายจากแผนที่ไปเลย!!”

///

- พ่อของโยชิโระ -

“.....” ท่ามกลางห้องทำงานทำจากไม้ที่ไม่ค่อยกว้างขวาง หนังสือและเอกสารมากมายอยู่ตามผนังห้อง

มีเพียงแค่โคมไฟแขวนอันใหญ่กลางห้อง และโคมไฟดวงเล็กอีกไม่มากที่ให้แสงสว่างอยู่ภายใน

“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจหน้านิ่งอย่างเอือมระอากับจดหมายตรงหน้า

นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องมาคอยตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ให้พวกขุนนางไร้ความสามารถ

ถึงจะไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่มันช่างน่ารำคาญที่มีจดหมายประมาณนี้ถูกส่งมาแบบไม่หยุดไม่หย่อน ควรสร้างไอนี่ตรงนั้นดีไหมตรงนู้นดีไหม... หรือควรสำรวจอะไรตรงไหน

มีแต่คำถามแบบนี้โผล่มาจากจดหมายของพวกชนชั้นสูงหรือพวกอัศวินในวัง

ช่วงแรกมันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอก เพราะมันทำให้ตระกูลมีหน้ามีตาและได้รับความเคารพ แต่หลัง ๆ มานี่ดันกลายเป็นว่าผู้นำตระกูลอย่างฉันต้องมาคอยตัดสินใจอะไรง่าย ๆ ให้พวกขุนนางที่ทำตัวเป็นเด็กอมมือ

...คิดแล้วก็อยากถอนหายใจอีกรอบ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านราชาถึงไม่เลือกคนเก่ง ๆ เข้าไปทำงานในวัง

ผู้นำตระกูลอย่างเราจะไปแย้งการคัดเลือกก็ไม่ได้ เพราะแบบนั้นจะเป็นการดูหมิ่นการตัดสินใจของราชา ช่างเป็นระบบในวังที่ทุเรศสิ้นดี... คิดไปก็เหนื่อยใจเปล่า ๆ

ผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่ติดผนังอยู่บนผนังด้านขวาหวังจะได้เห็นอะไรที่ทำให้ใจชื้นขึ้น... แต่ไม่เลย

นี่ก็บ่ายโมงแล้ว ไม่มีวี่แววของเจ้าเด็กนั่นเลย... ปากบอกจะพิชิตบอสดันเจี้ยนภายในวันนี้แต่ไม่เห็นเป็นอย่างที่พูด หรือฉันต้องรออีกหน่อยนะ?

เอาเถอะ ต่อให้เก่งยังไงแต่ถ้าไม่ใช่สามนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่มีทางเอาชนะบอสดันเจี้ยนนั่นได้หรอก ยังไงเขาก็ต้องยอมแพ้และกลับมาขอโอกาสจากฉันอีกครั้ง เหมือนรอบที่ผ่านมา...

แต่เมื่อคืนเขาเดิมพันไว้สูงมาก ไหนจะมีแววตาแบบนั้นอีก...นั่นไม่ใช่แววตาของโยชิโระที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่สายตาที่โดดเดี่ยวอ้างว้างและพึ่งพาแต่ตนเอง

ถึงสายตานั่นจะยังคงแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยวเช่นเดิม แต่มันกลับเปี่ยมไปด้วยความหวังและเชื่อมั่นในอะไรสักอย่าง

หรือว่าเขาจะให้ความเชื่อใจกับใครบางคน... คนที่เขายอมมาเดิมพันเพิ่มและขอเงินไปรักษาคนนั้นน่ะเหรอ?

ถึงจะไม่คาดหวังอะไรแต่ฉันก็อยากให้เจ้าเด็กนั่นเอาชนะบอสดันเจี้ยนให้ได้ เผื่อจะมีอะไรทำให้ฉันตื่นตาตื่นใจขึ้นมาได้บ้าง...

ผมหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบปลอบประโลมใจ ทำให้ความกังวลลดลงไปนิดหน่อย... อยู่ ๆ ผมก็สัมผัสถึงพลังเวทที่วนเวียนอยู่ภายในห้อง ผมวางแก้วชาลงที่ด้านข้างก่อนจะพูด

“เข้ามาได้” หลังจากสิ้นคำอนุญาต ตรงหน้าประตูที่แสงไม่ค่อยสว่างก็มีร่างสีดำค่อย ๆ ปรากฏกายออกมา

ผมที่เห็นแบบนั้นก็ผสานมือไว้ด้านหน้าและมองตรงไปด้วยสายตาที่เคร่งขรึม ร่างนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ เขาคือคนรับใช้ที่คุ้นเคย นานาชิ...

ผมตัดสินใจถามเขาทันที “ฉันกำลังรอคำตอบอยู่เลย เจ้าหนูนั่นยอมแพ้หรือยัง?”

คนรับใช้โค้งตัวเล็กน้อยด้วยสีหน้าระรื่นเหมือนเคย ไม่นานเขาก็ตอบข้อสงสัย

“ตอนนี้นายน้อย...พิชิตบอสดันเจี้ยนได้แล้วครับ”

ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น ฉันหูฝาดอยู่เหรอ? นี่พึ่งจะบ่ายโมง... ถ้านับเวลาจริง ๆ แล้วเขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันในการจัดการบอสดันเจี้ยนเนี่ยนะ?

ผมขมวดคิ้วและถามกลับไปด้วยความไม่เชื่อ “ได้ยังไง? เขาใช้จำนวนคนเหรอ? หรือมีใครช่วยเหลือ?”

คนรับใช้เตรียมจะตอบ แต่เหมือนจะลังเลอะไรบางอย่าง

“ใจเย็น ๆ ครับนายท่าน... ผมคิดไว้ว่าท่านอาจจะไม่เชื่อ ผมเลยต้องใช้เวทสัจสาบานก่อน”

เจ้าหนูคนรับใช้ยืนตรงเอามือทั้งสองไขว้หลัง จากนั้นมือสีดำเลือนลางก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศและจับไปที่คอของเขา เป็นที่รู้กันดีว่าเวทสัจสาบานเป็นเวทที่ทำให้ผู้โดนร่ายห้ามพูดโกหก ไม่อย่างนั้นจะต้องแลกด้วยชีวิต ดูเหมือนนานาชิจะใช้เวทนั้นกับตัวเอง

“เวทสัจสาบานเอ๋ยจงฟัง ถ้าหากข้าโกหกเมื่อใดเจ้าก็จงขยี้สิ่งที่อยู่ในมือเสีย... ต่อจากนี้ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่นายน้อยเจอให้ท่านฟังครับ”

ผมหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบระหว่างที่หันข้างพร้อมจะรับฟัง

หลังจากนั้นนานาชิก็เล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับโยชิโระและคู่หูเผ่าแมวของเขา... แค่ได้ยินคำว่าเผ่าแมวอารมณ์ของผู้นำตระกูลจิ้งจอกเงินอย่างผมก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

ไม่คิดเลยว่าจะมีคนในตระกูลเราจะไปยุ่งเกี่ยวกับเผ่าแมว... แต่ถึงจะรังเกียจยังไงฉันก็ต้องฟังที่คนรับใช้จะเล่าเสียก่อน เพราะอีกใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าสองคนนั้นไปทำอีท่าไหนถึงชนะบอสดันเจี้ยนได้เร็วขนาดนี้

หลังจากนั้นสักพัก ผมได้ฟังวีรกรรมของสองคนนั้น และได้รู้ว่าโยชิโระใช้เงินจากการขายชิ้นส่วนไปซื้อของไอเทมจำนวนมากเพื่อเอาไปถล่มดันเจี้ยน

แต่จากที่ฟัง...เจ้าแมวนั่นเป็นใคร? มีแต่คำถามแบบนี้วนเวียนอยู่หัวถามซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งสงสัยมากเท่านั้น

มันมีทั้งแรงกายและแรงใจเหลือล้น ใช้เวทได้คล่องแคล่วราวกับนักเวทระดับสูง ไหวพริบและความรู้เองก็มากจนหาตัวจับได้ยากแม้แต่คนในตระกูลใหญ่...

ที่สำคัญคือเจ้าเด็กเผ่าแมวนั่นใช้เวทผสานได้...แถมชำนาญเลยด้วย ขนาดบรรดาลูกหลานในตระกูลของเรายังมีแค่ลูกคนโตที่ใช้ได้ มันเป็นใคร?

ใช้เวลาไม่นานนักคนรับใช้ก็เล่าเรื่องทั้งหมดจนจบ...

“ก็ตามนั้นครับ...นั่นคือวิธีที่พวกเขาใช้ฆ่าบอสดันเจี้ยน”

อืม...ทำให้บอสดันเจี้ยนวิวัฒนาการตั้งสองรอบ ถึงวิธีฆ่าจะไม่ค่อยน่ายอมรับสักเท่าไหร่แต่พวกเขาก็ทำได้

แต่ฉันสงสัย... พลังเวทของเจ้าเด็กเผ่าแมวนั่นเทียบเท่ากับโยชิโระเลยเหรอ?

ถึงจะใช้ไอเทมก็เถอะแต่ใช้เวทใหญ่ต่อเนื่องขนาดนั้นได้ยังไงโดยไม่เป็นอะไร? เจ้าเด็กเผ่าแมวนั่นยังอายุน้อยอยู่เลยไม่ใช่เหรอ...

ชักเริ่มสงสัยในความเก่งกาจของเจ้าเด็กเผ่าแมวนั่นแล้วสิ

“นานาชิ...นายบอกว่าเจ้าเด็กเผ่าแมวนั่นเป็นคนเลือกซื้อไอเทมใช่ไหม?” ผมเอ่ยถามไปอย่างเรียบนิ่ง

เจ้าคนรับใช้พยักหน้าก่อนจะตอบกลับ “ถูกแล้วครับ เขาให้เหตุผลกับนายน้อยประมาณว่า ถ้าที่นั่นมีพิษจากทั้งมอนสเตอร์และพืชก็ซื้อผ้าคลุมกันพิษ ถ้าที่นั่นมีแต่แมงมุมยักษ์ก็ซื้อสร้อยศิลาเพลิง พวกขวดน้ำยามานาเองเด็กคนนั้นก็เป็นคนแนะนำให้ซื้อครับ”

ผมคิดตามอย่างฉงน ถึงนั่นจะเป็นวิธีคิดแบบง่าย ๆ แต่เรากำลังพูดถึงเด็กจากเผ่าแมวนะ... เผ่าที่อ่อนแอและไร้ซึ่งพลัง ไม่อยากจะเชื่อเลย...

“ผมก็สงสัยเหมือนกับนายท่านนั่นแหละครับ จากที่แอบฟังมา เด็กเผ่าแมวคนนั้นใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากในบ้านเด็กกำพร้าของย่านชนบท และเขาพึ่งเคยออกมาจากที่นั่นแค่สองวันก่อนเพราะโดนไล่ออกมา”

ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างประหลาดใจ พึ่งเคยออกมาเผชิญโลกกว้างงั้นเหรอ? ทำไมมันถึงดูขัดแย้งกับความสามารถที่เก่งกาจแบบนั้น

เจ้าคนรับใช้พูดต่อ “แต่เขาบอกว่าตัวเองเรียนรู้ทุกอย่างจากหนังสือ และคำบอกเล่าของรถม้าที่ผ่านหน้าบ้านอะไรทำนองนั้น... ส่วนเรื่องที่มาของทักษะเวทมนตร์ยังคลุมเคลืออยู่ครับ”

ผมคิดตามอย่างสงสัยยิ่งกว่าเก่าพลันก็เหลือบตามองคนตรบหน้าโต๊ะ... พูดมาถึงตอนนี้แต่เจ้าคนรับใช้ยังไม่โดนบีบคอตาย แสดงว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง...

เด็กจากเผ่าแมวนั่นมีชีวิตที่แปลกมาก ไหนจะมีความเก่งกาจระดับนั้นอีก แบบนี้ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้

ผมเอนหลังเล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่ง “ฉันมีงานมาเพิ่มให้... ไปสืบมาว่าเด็กเผ่าแมวนั่นเป็นใครแล้วที่ผ่านมามันทำอะไรบ้าง เสร็จแล้วมารายงานฉัน”

เจ้าคนรับใช้โค้งตัวตอบรับคำสั่งก่อนจะกลายเป็นเงามืดและจางหายไป...

ท่ามกลางความเงียบงันที่กลับมาปกคลุมห้องเล็ก ๆ แห่งนี้ ผมจิบชาอีกครั้งราวกับเสร็จสิ้นภาระ โยชิโระ...คราวนี้แกทำเกินความคาดหมายของฉันจริง ๆ

///

- นากิ -

ในช่วงเย็น ผมกำลังเดินบนทางลงเขาพร้อมกับโยชิโระที่เดินอยู่ข้าง ๆ นอกจากเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนนิดหน่อยแล้ว เราก็ยังสบายดี อากาศข้างนอกนี่เย็นใช้ได้เลย~

เราได้ชิ้นส่วนพวกแมงมุมยักษ์นั่นมาเพียบเลย รอที่จะรับเงินไม่ไหวแล้ว! คิดแล้วหางก็สะบัดไปมาด้วยความดีใจ

ผมชายตามองเจ้าหมาที่เดินอยู่ด้วยกันพลางคิดอย่างสงสัย ตอนแรกยังยิ้มดีใจอยู่เลย ตอนนี้หน้านิ่งเคร่งขรึมเอาซะเท่เชียว แล้วทำไมฉันดันหมั่นเขี้ยวได้ล่ะเนี่ย...

เพื่อกำจัดความคิดฟุ้งซ่าน ผมเลยเอ่ยถามเจ้าหมา “นะ นี่โยชิโระ จากนี้นายจะไปขอทางครอบครัวเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ใช่ไหม?”

หูจิ้งจอกของเขากระดิกเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตามามองผมและตอบกลับ “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว แต่จากนี้เราต้องให้ข้อมูลกับทางกิลด์ และดีไม่ดีเราอาจจะได้รับคำชื่นชมหรือรางวัลจากพระราชาด้วย”

พอได้ยินอย่างหลังผมก็ตกใจไม่น้อย

“จริงเหรอ?! แค่ฆ่าบอสดันเจี้ยนเราจะได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?!” ผมถามด้วยความตื่นเต้น หูแมวก็พลันตั้งขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ

ดูจากหูจิ้งจอกที่กระดิกแสดงว่าเขาสะดุดกับคำไหนสักคำที่ผมพูด

เขาทำสีหน้าซีดเล็กน้อยก่อนจะพูด “อย่าใช้คำว่าแค่สิ... ดันเจี้ยนเวรนั่นอันตรายแค่ไหนนายก็รู้ อย่าว่าแต่สู้กับบอสเลย นักผจญภัยคนอื่นไม่น่าลงไปได้เกินสามชั้นด้วยซ้ำมั้ง...”

มันก็จริงอย่างที่เขาว่า แต่ผมก็อดที่จะรู้สึกภูมิใจไม่ได้ เราสองคนนี่มันเจ๋งแจ๋วจริง ๆ !

“ถ้างั้นรีบกลับกันดีกว่า! เราจะได้...เอ๊ะ?”

ฟุ่บ... อยู่ ๆ ขาผมก็อ่อนแรง ร่างของผมล้มลงไปกองกับพื้นสากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...

“นากิ!”

ผมเหลือบตาขึ้นไปมองโยชิโระตามเสียงเรียก ครึ่งหน้าของผมแนบไปกับพื้นดิน หนังตาเจ้ากรรมมันหนักจนผมลืมตาแทบไม่ขึ้น มองไม่ค่อยเห็นเลย...

เจ้าหมาย่อตัวลงมาดูอาการผมอย่างเป็นห่วง...ล่ะมั้ง ผมพยายามเปิดปากบอกเขา

“อยู่ ๆ ก็ไม่มีแรง... ฉันโดนพิษอีกแล้วเหรอ?” ผมถามด้วยเสียงอันอ่อนล้าเหมือนคนหมดแรง

แต่โยชิโระกลับหลับตาถอนหายใจเหมือนคลายกังวลก่อนจะบอกผม “นายไม่ได้โดนพิษหรอก... นายแค่หมดแรงเพราะใช้เวทเยอะเกินไป ดีแล้วที่ร่างกายไม่พังไปก่อน”

เจ้าหมาชะเง้อหน้ามองไปรอบ ๆ ที่มีแต่ป่ากับถนนดินยาว ๆ

“โอย...ไม่มีแรงลุกด้วยซ้ำ” ผมหรี่ตาลงและโอดครวญอย่างเบื่อหน่าย

“...เอ๊ะ?”

อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมายกตัวผมขึ้น แต่สายตาดันพร่ามัวจนมองอะไรไม่เห็น ง่วงอะไรขนาดนี้เนี่ย...

ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกในใจ ตัวผมหงายขึ้น อะไรบางอย่างรองรับและจับผมไว้ที่ส่วนไหล่กับส่วนใต้เข่าเป็นการประคองผมไว้อย่างนุ่มนวล... มือของโยชิโระเหรอ...?

ตัวและหัวแนบกับอะไรอุ่น ๆ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย อุ่นจัง... ผมเผลอปล่อยตัวเอาหน้าซบเข้าไปอีกหน่อย

พอผมมองขึ้นไปสายตาก็ค่อย ๆ มองภาพชัดขึ้น จนเห็นโยชิโระที่มองกลับมาด้วยสายตาอันอ่อนโยน

“!!!” ผมตกใจมากแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากเพราะแรงที่เหลือน้อย... ทำไมเขาถึงอุ้มเราท่านี้เนี่ย!

“อย่าฝืนขยับเลยนากิ...ฉันจะพานายไปเอง นอนพักเถอะ...”

เสียงอันนิ่มนวลออกมาจากปากของเจ้าจิ้งจอกที่อุ้มพาผมไปทั้งแบบนั้น จะเอาเท่ไปไหนเนี่ย! เขินจะบ้า~!

แต่...นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราได้มองหน้าเขาชัด ๆ ... เขามีไฝอันเล็กใต้ขอบตาด้วยเหรอ? พอมองมุมนี้แล้วเขาก็...หน้าตาดีจังแฮะ

นี่ฉันคิดอะไรอยู่! ใบหน้าของผมร้อนผ่าว หูแมวตกลงด้วยความเขินอาย ปลายหางก็กระดิกเบา ๆ อย่างควบคุมไม่ได้

...ถึงจะอายยังไง แต่เราก็ไม่มีแรงจะดิ้นหรือโวยวายอยู่แล้ว... ผมปล่อยตัวเอาหน้าแนบเข้าไปที่อกอย่างไม่ลังเล

อุ่นจัง... เอาเป็นว่าคราวนี้ เราปล่อยให้เขาช่วยเหลืออีกสักหนก็แล้วกัน... โชคดีจริง ๆ ที่ชีวิตนี้ยังได้พบเจอคนแบบเขาที่เติมเต็มความอบอุ่นให้ชีวิตของเรา

ผมปิดตาลงก่อนจะพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ขอบคุณนะโยชิโระ...ฉันจะไม่ลืมนายเลย”