ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
ผู้แต่ง
YANI
เรื่องย่อ
“หลบไปซะไอ้จิ้งจอกสมองกล้าม ฉันจะจัดการมันเอง” ผมพูดอย่างเย้ยหยันกับชายร่างสูงข้าง ๆ และเดินไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์เบื้องหน้าอย่างขึงขังมั่นใจ
กะอีแค่แมงมุมยักษ์ฉันไม่ต้องพึ่งหมานั่นหรอก~
ผมกำมือเดินไปหาเจ้าแมงมุมร้ายอย่างท้าทาย ดวงตาของมันแดงก่ำ มีฟันใหญ่แหลมคม และตัวใหญ่มาก ๆ ... ใหญ่เกือบเท่าบ้านหลังย่อมเลยนะนั่น แต่กลัวซะที่ไหน!
“แกตัวเท่ามดจะไปทำอะไรมันได้?” ผมชะงัก ไอ้หมาจิ้งจอกข้างหลังมันพูดจาถากถางพลางกอดอกด้วยท่าทีดูถูก แถมยังชายตามองผมอย่างกับเห็นแมลง วิ่งกลับไปต่อยสักทีดีไหมเนี่ย!
“เงียบไปเลย! เก็บปากไว้กินหญ้าเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้หมาจิ้งจอกอย่างแกช่วย!!” ผมชี้หน้าด่าชายร่างสูงอย่างฉุนเฉียว หูและหางพลันก็ตั้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ก็ถ้าโดนมันเล่นงานขึ้นมาก็อย่าขอให้ฉันช่วยก็แล้วกันไอ้แมวเด็ก!!”
เจ้าจิ้งจอกนั่นมันตะคอกกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า แต่แมวแกร่งอย่างผมสนใจพวกสมองกล้ามซะที่ไหน!
“คอยดูเถอะ!!”
หลังจากดูเชิงได้พักนึง ผมโก่งตัวกระโจนใส่เจ้าแมงมุมยักษ์ตรงหน้าหวังจะใช้กรงเล็บเฉือนตามัน
แต่มันกลับพ่นใยมาพันตัวผมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา อะไรเนี่ย! ใยเหนียวชะมัด! ผมตกลงพื้นแข็ง ๆ และพยายามดิ้นสุดแรง
แต่เจ้าแมงมุมน่าเกลียดนั่นมันใช้ขาหน้าดึงร่างของผมที่ถูกห่อใยขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวมัน ก่อนที่ปากอันใหญ่โตของมันจะอ้าออกเผยให้เห็นฟันคมกริบนับไม่ถ้วน กลิ่นโคตรเหม็นคาวเลย!
แต่อะไรเนี่ย นี่ฉันต้องตายตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ! ไม่ได้นะ ยังไม่ทันได้เงินสักแดงแถมฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหาอีกนะ! ถึงจะไม่อยากพูดก็เถอะแต่...
“ช่วยด้วยไอ้หมาสมองกล้าม!!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนแสบคอไปหมด แต่ก็เหลือบไปมองเจ้าหมานั่นหวังได้รับคำตอบที่ดี
“เฮ้อ... ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมไอ้แมวเด็ก” เจ้าจิ้งจอกถอนหายใจหน้าตายและมองดูผมห้อยต่องแต่งอย่างไร้ทางหนี
อยู่ ๆ จากที่กำลังโดนหย่อน ตัวผมกลับโดนเหวี่ยงเป็นวงกลมเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้แมงมุมเวรนี่ทำอย่างกับฉันเป็นของเล่นเลย!
มันเหวี่ยงตัวผมไปมาจนเริ่มเวียนหัวแต่เจ้าหมานั่นก็ยังยืนกอดอกดูอยู่แบบนั้น
“ช่วยทีเถอะ! ฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหานะ! เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว~!!”
เพราะโดนเหวี่ยงจนมึนทำให้เห็นแต่โลกที่หมุนไปมาผมเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมานั่นรับคำขอหรือเปล่า
แต่ในตอนนั้นจู่ ๆ จากที่โดนเหวี่ยงไปมาผมก็รู้สึกเหมือนกำลังร่วงอีกครั้ง
“ว้าก!!” ถึงจะมึนจนไม่รู้เรื่องแต่ผมก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตกลงข้างล่างทั้งที่มีปากแมงมุมรออยู่ฉันก็ตายน่ะสิ!!
แต่ตอนที่ร่างของผมกำลังร่วงหล่นอย่างไม่มีอะไรฉุดรั้ง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาประคองร่างที่ห่อใยของผมเอาไว้ สิ่งนั้นวางผมลงกับพื้นหินขรุขระ
“เฮ้! ไหวหรือเปล่าไอ้แมวเด็ก!!” ผมได้ยินเสียงเจ้าหมานั่นอยู่ใกล้ ๆ อาการมึนของผมเริ่มหายไป
ในที่สุดสายตาเจ้ากรรมก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโยชิโระที่ดูผมเหมือนเอ่อ...กังวลเหรอ ไม่สิ น่าจะแค่สงสัยมากกว่า
“โอย...อยากอ้วกแต่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องด้วยซ้ำ...” ผมโอดครวญและพึมพำด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะขอร้อง...
- โยชิโระ -
ผมมองร่างอันบอบบางในอ้อมแขนอย่างวิตก วันนี้เขาเหนื่อยมามากจากการใช้เวทมนตร์มหาศาล หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ...
ผมเดินไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางถนนดินในยามเย็น ผมได้ยินเพียงแค่เสียงย่างก้าวที่เคลื่อนเขี่ยหินกรวดก้อนเล็ก ๆ เบื้องหน้าผมไม่เห็นอะไรนอกจากบริเวณโล่งที่พ้นจากป่า
ผมมองกลับมาที่เจ้าแมวตัวน้อยอีกครั้ง ตอนนี้เขาหลับไปแล้ว... ผมหรี่ตาและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ดูนั่นสิ... เขานอนหลับสนิทอยู่บนอ้อมแขนของเรา แปลกจังแฮะ... ปกติเราก็เห็นแต่ตอนที่เขาทำหน้าตามั่นใจเหมือนอวดดีตลอดเวลา ไม่ก็โวยวายซะส่วนใหญ่ มีแค่ไม่กี่ทีที่เราจะเห็นมุมอื่นของเขา
แต่ตอนนี้กลับนอนนิ่งเหมือนเด็กใสซื่อไม่มีผิด ตัวเล็กจนลืมไปเลยว่าอายุสิบเก้า แต่พอมองมุมนี้เขาก็ดู... นี่ฉันคิดอะไรอยู่!
ผมหันหน้าหนีพยายามปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวตรงแก้มนิด ๆ
ถึงจะอยากเบี่ยงเบนความคิดในหัว แต่สุดท้ายผมก็ชายตากลับมามองนากิอยู่ดี... ทำไมเราถึงหยุดมองเขาไม่ได้เนี่ย?! เขาก็เป็นแค่เผ่าแมวที่มีขนสีขาวนวลน่ารัก แล้วก็...เขามีไฝเล็ก ๆ อยู่ตรงมุมปาก? ไม่เคยสังเกตเลยแฮะ...
เคยได้ยินมาจากพวกคนรับใช้ว่ามันเป็นไฝเสน่ห์...เหรอ? จะมองมุมไหนก็... ไม่อยากคิดเลยจริง ๆ แต่เขาน่ารักเป็นบ้าเลย!
“เฮ้อ” ผมหลับตาถอนหายใจเป็นการสงบสติอารมณ์
มัวแต่คิดเรื่องวอกแวกอยู่ได้... ฉันต้องพาเขากลับเมืองหลวง แต่ทำยังไงล่ะ? จะเดินกลับก็ออกจะไกลไปหน่อย
ราวกับตอบคำถาม พอเดินออกมาจากป่าผมก็ได้ยินเสียงล้อของรถเกวียนที่คุ้นเคย
“ปลอดภัยสินะทั้งสองคน” คุณลุงโทโทริพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เย็นขนาดนี้แล้วยังจะอุส่ามารับอีก... ก็คงต้องขอบคุณล่ะนะ
ผมเดินอุ้มร่างของนากิไปหาคุณลุงแพะอย่างเรียบนิ่ง ภายใต้บรรยาที่เริ่มเย็นลง
“นากิเขาไม่เป็นไรใช่ไหม?” คุณลุงแพะถามพลางมองนากิด้วยความไม่สบายใจ ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบให้เขาโล่งอก
เราขึ้นรถม้าตามคำเชิญชวนของคุณลุงโทโทริ เขาควบม้าพาเรากลับเมืองหลวงท่ามกลางท้องฟ้าเปิดโล่งในยามใกล้พลบค่ำ
นากิหลับสนิทอย่างที่ควรจะเป็นบนอ้อมแขนของผม ในระหว่างทางผมก็เล่าเรื่องที่เราฆ่าบอสแมงมุมยักษ์และถล่มดันเจี้ยนซะเละ
คุณลุงโทโทริทั้งตกใจและยินดีกับเราเป็นอย่างมาก
“นากิเนี่ยโชคดีจริง ๆ เลยนะที่ได้มาเจอกับพ่อหนุ่มจิ้งจอกน่ะ” คุณโทโทริพูดด้วยรอยยิ้มที่ร่าเริง
ผมมองนากิและยิ้มด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน ฉันไม่รู้เลยว่าชีวิตของฉันจะเป็นยังไงต่อถ้าไม่ได้เจอเขา...
เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นและความห่วงใยอย่างที่เราไม่เคยได้รับมาก่อน
แววตาของเขาในตอนที่สู้กับบอสแมงมุมเสร็จ... สายตานั่นเต็มไปด้วยความเห็นอกใจเห็นใจอย่างสุดซึ้ง เขาเข้าใจชีวิตของเราเป็นอย่างดี
ฉันจะไม่ให้ความพยายามของเราต้องสูญเปล่า...
หลังจากการเดินทางพักใหญ่เราก็กลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ผมพานากิกลับมานอนพักที่โรงพยาบาลเดิม แต่เปลี่ยนเป็นห้องผู้ป่วยปกติ
หลังจากรอการตรวจของหมออยู่ไม่นานผมก็ได้รับคำตอบ ประมาณว่านากิแค่ต้องนอนพักไม่กี่วันแล้วเขาจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
รู้แบบนั้นผมก็โล่งใจ ทีนี้ก็เหลือแค่ทางกิลด์... ฉันต้องไปยืนยันการพิชิตบอสดันเจี้ยนและเอาเงินมาให้นากิ
หลังจากนั้นฉันกับนากิก็จะเริ่มมีที่ยืนทั้งในหมู่นักเวทและหมู่ชนชั้นสูง เพราะการพิชิตบอสแมงมุมยักษ์ในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย... แต่มันเป็นไปแล้ว!
ผมเดินจากโรงพยาบาลผ่านผู้คนและบ้านช่องมากมายไปบนพื้นถนน สายตาของคนอื่นที่มองมาก็ยังเป็นเช่นเดิม...
หวาดระแวงและรังเกียจ ผมได้แต่คิดด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ พลันก็กำหนัดและกัดฟันอย่างโกรธเคือง
ฉันเกลียดสายตาพวกนั้นชะมัด! ทำไมล่ะ! แค่เป็นจิ้งจอกดำทำไมทุกคนถึงต้องรังเกียจด้วย!! ขนสีดำมันผิดตรงไหน?!
สีดำ...มันผิดตรงไหน พอคิดแบบนั้นคำพูดของนากิก็ผุดขึ้น เขาบอกว่าฉันไม่ได้ผิดและบอกว่า...สีดำของฉันมันดูดี
เขาพูดแบบนั้นโดยที่ไม่ได้โกหก มันปลอบประโลมเราได้ดีมากเลย
ผมตั้งมั่นอย่างชัดเจน เดินมุ่งไปที่กิลด์โดยไม่สนใจความคิดไร้สาระ ตอนนี้เราต้องทำเพื่อเขาบ้าง!
ระหว่างทางผมเห็นนักผจญภัยจำนวนไม่น้อยที่จับจ้องผมด้วยสายตาสุดประหลาดใจ แน่สิ ก็ไปลุยดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์แล้วกลับมาได้นี่นะ
ผมก้าวเดินอย่างเรียบนิ่งไปจนถึงกิลด์ พวกนักผจญภัยที่อยู่ข้างหลังพากันตามมาติด ๆ
พอเข้ามาในกิลด์ทุกสายตาก็จ้องมองมาที่ผมไม่ต่างจากข้างนอก เสียงคุยแว่ว ๆ ที่ได้ยินตอนแรกหายไปอย่างสิ้นเชิง
ผมย่างเท้าไปบนพื้นไม้เรียบ ๆ อย่างเคร่งขรึมผ่านนักผจญภัยที่เหมือนจะอึ้งจนพูดไม่ออก พอไปถึงเคาเตอร์พนักงานทุกอย่างก็เงียบสงัด
ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบเอาการ์ดไอเทมออกมา จากนั้นก็ยื่นให้พนักงานที่ดูจะเกร็งแปลก ๆ
“เราชนะบอสดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ได้แล้วและเราก็ถล่มทั้งดันเจี้ยนแล้วด้วย... ชิ้นส่วนของพวกมันทั้งหมดอยู่ในการ์ดนี้”
ทันทีที่พูดแบบนั้นทุกคนก็อุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด ทำลายความเงียบงันเมื่อกี้ไปจนหมดสิ้น
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็นก่อน!! เรารู้ว่าการรอดออกมาจากดันเจี้ยนนั้นได้มันน่ามหัศจรรย์ แต่ถ้าจะโม้ก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ!!” เจ้าพนักงานพูดอย่างตื่นตระหนกและยื่นมือออกมาตรงหน้าเหมือนจะห้ามปรามผม
ด้วยความฉุนเฉียวผมขมวดคิ้วและแยกเขี้ยวราวกับสัตว์ป่าดุร้าย ก่อนจะจ้องไอ้พนักงานตาเขม็งและตวาดออกไป “โม้บ้าโม้บออะไร?!! ถ้าไม่เชื่อแกก็เอาการ์ดไปดูเองสิ!!”
“ดะ ได้!” เจ้าพนักงานรีบรับการ์ดไปอย่างรวดเร็วเหมือนจะกลัวที่ต้องอยู่ใกล้ผม
ระหว่างรอผมลองเหลือบมองไปรอบ ๆ และสังเกตท่าทางของพวกนักผจญภัย... พวกเขามีท่าทีเกรงกลัวไม่ต่างกับไอ้พนักงาน
เหอะ! พอคิดว่าฉันอ่อนแอก็ดูถูก แต่พอเห็นว่ามีผลงานดีหน่อยพวกแกก็พากันกลัวหัวหด ไม่อยากเชื่อเลยว่าครั้งที่แล้วฉันจะเรียกร้องให้ไอ้เศษสวะพวกนี้ช่วย!
ไม่นานเกินรอไอ้พนักงานก็ตรวจดูจนเสร็จ “จะ จริงเหรอเนี่ย?!! ชะ ชิ้นส่วนบอสดันเจี้ยนแมมุมยักษ์อยู่ในการ์ดไอเทมอันนี้!!! แต่นายทำได้ยังไงน่ะ?!! ขนาดยกไปทั้งกิลด์พวกเรายังไม่กล้าไปที่นั่นด้วยซ้ำ!!”
สีหน้าท่าทีของมันทั้งตกใจและสงสัย ผมได้ยินเสียงซุบซิบของพวกนักผจญภัยดังระงมไม่ทั่ว
แต่ผมไม่สนใจและตอบคำถามของพนักงาน “ไม่ใช่ฉันแต่เป็นเราต่างหาก ฉันกับเจ้าแมวช่วยกันฆ่าบอสดันเจี้ยนและถล่มที่นั่นจนไม่เหลือมอนสเตอร์สักตัว ส่วนที่ว่าทำยังไงฉันจะบอกหัวหน้ากิลด์เอง”
พอพูดไปแบบนั้นเจ้าพนักงานก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะประหลาดใจ เขากอดอกเปลี่ยนท่าทีจากกลัวเป็นจริงจัง
“เจ้าแมวด้วยเหรอ? ทำไมนายถึงให้เครดิตเจ้าเด็กอ่อนแอแบบนั้นด้วยล่ะ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
ไอ้พนักงานชะเง้อหน้าไปมองข้างหลังของผมมองหาคู่หูที่ไม่ได้มาด้วยกัน
พอไม่เห็นตัวมันก็กลับมามองผมอย่างเคลือบแคลงสงสัยเหมือนเป็นการดูถูกกลาย ๆ
ผมได้แต่โมโหอยู่ใจ ไอ้พวกเวรนี่! แค่เขากล้าไปที่ดันเจี้ยนนั่นมันก็ดีกว่าพวกแกหลายขุมแล้ว! ใจหนึ่งก็อยากซัดหน้าไอ้พนักงานสักที แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์
ผมทำได้แค่ถอนหายใจและอธิบายออกไป “ตอนนี้เขานอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะใช้พลังเวทเยอะไป และฉันจะไม่เสียเวลาสาธยายให้พวกตาไม่ถึงอย่างพวกแกฟังหรอกว่าเขาทำอะไรไปบ้าง แต่ฉันพูดได้เต็มปากว่าถ้าไม่ได้เจ้าแมวนั่นชิ้นส่วนของไอ้บอสแมงมุมคงจะไม่ได้มาอยู่ในการ์ดบนมือของแกหรอก”
ไอ้พนักงานอึ้งตาค้าง พอได้ยินแบบนั้นมันถึงกับเถียงไม่ออก คงเป็นเพราะฉันเป็นคนจากตระกูลใหญ่ พอชื่นชมหรือยอมรับอะไรบางอย่าง มันก็เหมือนกับว่าคนทั้งตระกูลให้การยอมรับเช่นกัน...
ไม่เป็นไร ต่อให้ใช้ชื่อพ่อหรือชื่อคนทั้งตระกูลฉันก็ยินดีจะยอมรับว่านากิไม่ได้อ่อนแอ
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ให้ฉันเข้าพบหัวหน้ากิลด์ซะ” ผมเอ่ยปากพูดอย่างเยือกเย็นและแสดงแววตาที่แข็งกร้าวไม่ต่างกับสัตว์ร้ายพร้อมมองเจ้าพนักงานราวกับเห็นเหยื่อที่ต่ำต้อย
“ดะ เดี๋ยวฉันไปบอกเขาก่อนนะ!”
พนักงานทำหน้าที่ของมันอย่างเกรงกลัว เข้าไปบอกหัวหน้ากิลด์ที่ส่วนด้านในของอาคาร
ระหว่างที่รอหน้าเคาเตอร์ผมได้ยินแต่เสียงซุบซิบของไอ้พวกนักผจญภัยสุดน่ารำคาญ ตอนแรกผมกะจะไม่สนใจ จนกระทั่ง...
“ไอ้แมวเด็กนั่นไม่ได้เก่งอะไรหรอก เจ้าจิ้งจอกคงจัดการเองทั้งหมดนั่นแหละ”
หูจิ้งจอกของผมกระดิกเบา ๆ เพราะได้ยินหนึ่งในพวกนั้นกระซิบคุยกัน ทันใดนั้นความโกรธก็ปะทุขึ้นมาในจิตใจ คิดว่าฉันไม่ได้ยินเหรอ?!
ผมแยกเขี้ยวและหันไปมองคนที่พูดเมื่อครู่ด้วยสายตาสุดโกรธเกรี้ยว เจ้านั่นอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลนัก ผมแผ่แรงกดดันสุดอำมหิตไปทั่วด้วยความไม่สบอารมณ์สุดขีด
ทุกอย่างเงียบลงทันใด เจ้าเผ่ากระทิงร่างใหญ่ที่พึ่งรู้ตัวหันมาสบตากับผมด้วยความตกใจ
“หุบปากเน่า ๆ นั่นซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะฉีกแกเป็นชิ้น ๆ !” ผมพูดออกไปอย่างเดือดพล่านพลางกางกรงเล็บขึ้นมาเป็นการข่มขู่
“ขะ ขะ เข้าใจแล้ว...” เจ้านักผจญภัยเผ่ากระทิงนั่งก้มหน้าตัวสั่นอย่างหวาดผวา
ผมกวาดตาไปมองพวกปากดีที่เหลือ ไม่มีใครกล้าสบตากับผม พวกมันหลบหน้าและเงียบไม่คิดที่จะพูด
ฉันยอมโดนทุกคนรังเกียจ ยอมเป็นที่หวาดกลัว แต่ฉันไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันเด็ดขาด!!
ท่ามกลางความเงียบไม่นานนัก เจ้าพนักงานก็มาตามผม
“คะ คุณหัวหน้ากิลด์อนุญาตให้เข้าพบแล้ว...”
ผมเดินตามเจ้าพนักงานไปจนถึงห้องของหัวหน้ากิลด์ ที่นั่นเป็นเหมือนห้องรับแขกที่มีการประดับอย่างหรูหรา มีโคมไฟอยู่ทั่วห้องสร้างความสว่างแม้ในตอนพลบค่ำ มีโต๊ะและเก้าอี้ยาวอยู่กลางห้อง
หนึ่งในเก้าอี้นั้นมีคนจากเผ่าหมีที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากิลด์นั่งรออยู่ ทันทีที่เจ้าพนักออกไปเขาก็กล่าวทักทายผม
“สวัสดีฉันเป็นหัวหน้ากิลด์ ยินดีที่ได้เจอ เธอคือหนึ่งในคนที่พิชิตบอสดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์สินะ มาสิมานั่งก่อน”
เขาพูดเชิญชวนด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร แตกต่างจากพวกที่เจอก่อนหน้า เหมือนเขาจะไม่ได้มีอคติกับขนสีดำของฉัน...มั้งนะ
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามตามที่เขาบอกก่อนจะแนะนำตัว
“ผมชื่อโยชิโระ เป็นคนของตระกูลจิ้งจอกเงิน ยินดีที่ได้เจอเช่นกันครับ” หลังจากการกล่าวทักทายคุณหัวหน้ากิลด์ก็ยิ้มรับคำพูดอย่างยินดีและเริ่มเข้าประเด็น
“ก่อนอื่นเลยเราต้องขอบคุณมากที่พวกเธอไปเสี่ยงอันตรายและพิชิตบอสดันเจี้ยนได้ ช่วงนี้พวกนักผจญภัยกับอัศวินเก่ง ๆ ก็ติดภารกิจที่อาณาจักรอื่น แถมอาณาจักรพวกนั้นยังมีข้อครหา ประมาณว่าพอไม่มีพวกนักเวทตัวท็อปพวกเราก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลย แต่พอพวกเธอพิชิตที่นั่นได้ความกังวลของฉันก็หายไป”
...ที่พ่อเคยพูดกับคนรับใช้คือแบบนี้เองสินะ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนคนเก่งจากอาณาจักรเราถูกอาณาจักรอื่นยืมตัวไปทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะด้าน แต่เราไม่เคยได้ยินเรื่องข้อครหาอะไรนั่นเลย...
หลังจากเว้นช่วงได้พักหนึ่งเขาก็เล่าต่อ “อยู่ ๆ ดันเจี้ยนนรกนั่นก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เวลาผ่านไปแค่ไม่นานมันกลับพรากชีวิตนักผจญภัยจำนวนมากที่พยายามไปพิชิตมัน และยังไม่มีใครรอดกลับมาได้เลยนอกจากพวกเธอ...”
เขาเล่าด้วยสีหน้าที่จริงจังปนโล่งอก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักผจญภัยถึงกลัวกันขนาดนั้น
“พวกเราแค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำครับ อีกอย่างมันส่งผลดีกับเราเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร” คุณหัวหน้ากิลด์ยิ้มและพยักหน้าเป็นการรับรู้เรื่องราว
“ตอนนี้ทางกิลด์กำลังกระจายข่าวการพิชิตดันเจี้ยนครั้งนี้ ถ้างั้นตอนนี้เธอช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเธอกับคู่หูเผ่าแมวของเธอทำยังไงถึงจัดการบอสดันเจี้ยนได้”
ผมพยักหน้าตอบรับ ท่ามกลางแสงจากโคมไฟผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณหัวหน้ากิลด์ฟัง ทั้งเรื่องทางลัดและของที่เราซื้อไปจัดการมอนสเตอร์ ซึ่งเขาก็ดูจะอึ้งไม่น้อย
“อืม...อย่างนี้นี่เอง ฉันขอชื่นชมในความสามารถทั้งของเธอและคู่หูของเธอ พึ่งรู้นะเนี่ยว่าในห้องบอสมีดอกไม้ที่อันตรายแบบนั้นด้วย... แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“เพราะเจ้าแมวอยากได้เงินเพิ่มเราเลยตัดสินใจกวาดล้างทั้งดันเจี้ยนโดยใช้น้ำยามานาที่เหลือ สุดท้ายเราก็ได้ชิ้นส่วนมาเท่าที่อยู่ในการ์ดนั่นแหละครับ และเรายังปิดตายดันเจี้ยนนั้นถาวรเลยด้วย”
คุณหัวหน้ากิลด์นิ่งไป เหมือนเขาจะอึ้งไม่ก็กำลังคิดอะไรให้ถี่ถ้วน... เขาไม่เชื่อเหรอ? ผมยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงอาการอะไร
“คือว่า...ฉันพอจะเชื่อเธอได้นะ แต่พวกขุนนางไม่ยอมรับหรอก มันออกจะเหนือความสามารถเกินไปหน่อย...”
ผมหลับตาลงด้วยความไม่ถือสาแต่อย่างใด ผมเข้าใจว่าทำไมมันถึงเชื่อยากแต่อย่างน้อยผมก็ควรบอกเขา
“หลังจากนั้นเจ้าแมวก็ต้องนอนพักที่โรงพยาบาลเหมือนกันนั่นแหละครับ ไม่ได้เหนือมนุษย์อะไร... แต่เอาเถอะ คนอื่นจะเชื่อหรือเปล่าก็ไม่ได้สำคัญเพราะยังไงเราก็ทำลงไปแล้ว ตอนนี้เรามาคุยเรื่องราคากันดีกว่าครับ”
ทันทีที่เปลี่ยนเรื่องเขาก็ชะงักนิดหน่อย
“โอ้...ถ้างั้นเดี๋ยวฉันคิดแบบเร็ว ๆ ให้ รวมรางวัลจากการพิชิตบอสแมงมุมยักษ์และราคาชิ้นส่วนทั้งหมดในการ์ดของเธอก็จะเท่ากับ...เหรียญทองสิบถุงใหญ่ แต่ฉันจะแถมให้อีกหนึ่งรวมเป็นเหรียญทองสิบเอ็ดถุงใหญ่... พอใจราคานี้หรือเปล่า?”
“พอใจครับ...” ผมตอบอย่างไม่ลังเล ถึงสำหรับผมมันจะไม่ได้เยอะอะไร แต่กับนากิมันคงเป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
ผมตัดสินใจบอกหัวหน้ากิลด์ว่าจะลาออกจากการเป็นนักผจญภัยและจะจ่ายค่าชดเชยให้
หลังจากนั้นผมก็กลับไปหานากิที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผมเอาเงินทั้งหมดจากการ์ดไอเทมมาให้กับเขาโดยฝากไว้กับคุณหมอ
ผมขออนุญาตเขาเข้าไปดูหน้าของนากิ ซึ่งคุณหมอก็ไม่ห้ามแต่อย่างใด... ผมเดินมายังห้องพักผู้ป่วย ที่นั่นมีคนไข้ไม่น้อยพักรักษาตัวอยู่ หนึ่งในนั้นคือคนที่ผมอยากมาหา
“นากิ...” ผมเดินอย่างเชื่องช้าไปที่เตียงนั้น... ร่างเล็กของแมวเด็กกำลังนอนหลับสนิท ผมมองลงไปยังร่างนั้นด้วยความอาลัยอาวรณ์
ผมรู้สึกไม่อยากจากเขาไปเลย... แต่นากิคงอยากให้ผมไปตามความฝันของตัวเอง ถ้าอย่างนั้น...
“ลาก่อนนะนากิ...ขอให้นายมีความสุข ฉัน...จะไม่ลืมนาย” ผมพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาเพราะรู้สึกซาบซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ก่อนจะหันหลังและเดินกลับ...