เรื่องราวของเด็กหนุ่ม ผู้ใช้ชีวิตเป็นทหารเฝ้าระวังชายแดนที่มีฝีมือร้ายกาจ จนได้สมญานามว่า พยัคฆ์ขาว จนกระทั้งเขาได้ช่วยองค์หญิงใหญ่จากกลุ่มชนเผ่าอาจู แล้วเส้นทางชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน - ตอนที่ 2 พยัคฆ์ขาว โดย JK.Joker @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,สงคราม,กำลังภายใน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

กำลังภายใน

รายละเอียด

เรื่องราวของเด็กหนุ่ม ผู้ใช้ชีวิตเป็นทหารเฝ้าระวังชายแดนที่มีฝีมือร้ายกาจ จนได้สมญานามว่า พยัคฆ์ขาว จนกระทั้งเขาได้ช่วยองค์หญิงใหญ่จากกลุ่มชนเผ่าอาจู แล้วเส้นทางชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

ผู้แต่ง

JK.Joker

เรื่องย่อ

วรยุทธ์ คือศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ที่พัฒนามาจากการป้องกันตัวอย่างง่ายๆ ไปเป็นการสังหารศัตรูอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งนานวันยิ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ก่อเกิดกระบวนท่าต่างๆมากมาย โดยมีการหายใจเป็นพื้นฐานของกำลังภายใน

เหล่านักรบต่างถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ให้กับชนรุ่นหลังผ่านคำสอนและม้วนตำรา จนพัฒนากลายเป็นวรยุทธ์ 

นักรบที่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์จะมีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไป สามารถรับมือและเอาชนะคนจำนวนมากเพียงลำพังได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังวิ่งเร็วดั่งสายลม มีวิชาตัวเบาที่สามารถกระโดดจากต้นไม้อีกต้นไปยังอีกต้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีพลังเหนือมนุษย์อยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะใช้หมัดทลายก้อนหินหรือใช้กระบี่ฟันต้นไม้ขาดเป็นท่อนก็ทำได้และยิ่งมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งมากขึ้น ก็ยิ่งมีทักษะและร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

 

แต่ก็มีบ้างคนที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ที่สามารถจากพัฒนากำลังภายในจนกลายเป็นพลังปราณที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และแตกต่างจากกำลังภายในอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจึงเรียกตนเองว่าผู้ฝึกตน 

ผู้ฝึกตนเหล่านี้จะฝึกฝนตนด้วยการบำเพ็ญ โคจรพลังปราณและดูดซับพลังชี่ จากธรรมชาติ พวกเขาจึงสามารถใช้พลังปราณในวิชาที่เหนือมนุษย์และเหนือธรรมชาติได้ สามารถเอาชนะศัตรูมากมายด้วยการปล่อยพลังจากฝ่ามือ ทั้งยังวิ่งเร็วดุจสายฟ้าหรือเหาะเหินเดินอากาศจากภูเขาลูกหนึ่งไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่งภายในอึดใจเดียว อีกทั้งมีพลังมหาศาล สามารถใช้ฝ่ามือทลายขุนเขาหรือแม้กระทั้งใช้กระบี่ฟันต้นไม้หลายสิบต้นขาดเป็นท่อนล้วนแต่ทำได้ ด้วยความสามารถที่มากล้นเหล่านี้ ผู้ที่ขึ้นไปจุดสูงสุดของการฝึกฝนพลังปราณจะถูกเรียกว่า เซียน


ซึ่งผู้คนเหล่านี้ต่างเรียกขานตนเองว่าเป็นจอมยุทธ์  

 


นิยายเรื่องนี้ลงทุกวัน

เวลา 07.00น.

(ลงวันละหนึ่งตอนตามเวลา)

** ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ของผมด้วยนะครับ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ผมยินดีนำเสนอและเขียนออกมาให้ดีที่สุด หวังว่าทุกท่านจะชอบนิยายเรื่องนี้ของผมนะครับ ขอบคุณท่านเข้ามาอ่านครับ**

 

สารบัญ

เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 1 บุรุษหนุ่มหลงจิน,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 2 พยัคฆ์ขาว,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 3 กลับแคว้น,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 4 ใต้แสงจันทร์,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 5 การจากลา,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 6 ผู้มาเยือนจากเมืองหลวง,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 7 การพบเจอกันครั้งแรก,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 8 ภารกิจ,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 9 จงหยวน

เนื้อหา

ตอนที่ 2 พยัคฆ์ขาว

 

พยัคฆ์ขาว! "

" ไม่จริงน่า! เหตุใดพยัคฆ์ขาวถึงมาที่นี่ได้เช่นไร! "

" ไม่นึกเลยว่าจะเจอตัวเป็นๆ! "

" นี่นะเหรอพยัคฆ์ขาว! "

" ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก "

เหล่านักรบชนเผ่าต่างพูดคุยกันด้วยความตกตะลึงและความหวาดกลัว แล้วมีหลายคนที่พยายามถอยหลังให้ห่างจากหลงจิน แม้ทุกคนจะถืออาวุธอยู่ในมือก็ตาม

" นี่เจ้า! เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่นี่! " อาเล่อสู่พูดด้วยท่าทางลนลานและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

" นี่เจ้าจะตกใจทำไม? ข้าแค่มาดูว่าเจ้าติดต่ออะไรกับแคว้นจงหยวนก็เท่านั้น ไม่ได้มาฆ่าเจ้าสักหน่อย… หากไม่เกี่ยวกับแคว้นตงฉินล่ะก็ แม้พวกเจ้าจะทำสิ่งใด ข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งหรอกนะ " เสือโคร่งขาวขยับปากพูดอย่างมีชีวิตชีวา ทำให้เหล่าทหารแคว้นจงหยวนที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึงมากยิ่งขึ้น เพราะไม่คิดว่าจะมีคนที่มีหัวเป็นเสือเช่นนี้ได้

ทางด้านองค์หญิงใหญ่ที่ได้เห็นคนที่มีหัวเป็นเสือเป็นครั้งแรกก็ตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ แล้วเมื่อนางได้ยินสิ่งที่หลงจินเอ่ยก็ทำให้นางมีหวังขึ้นมา

" ข้า! ข้าเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นตงฉิน! โปรดท่านวีรบุรุษเสือช่วยข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ!~ " องค์หญิงใหญ่กล่าวสุดเสียงจนอาเล่อสู่หน้าถอดสีด้วยความตื่นตระหนกพลางหันมามององค์หญิงใหญ่ เพียงพริบตาที่สิ้นเสียงองค์หญิงใหญ่ ซึ่งดึงดูดสายตาของทุกคนมาที่นาง หลงจินก็เคลื่อนไวด้วยความเร็วเข้าประชิดตัวอาเล่อสู่จากด้านหลังพร้อมกับเอาดาบพาดไว้ที่คออาเล่อสู่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

" หยุด! มิเช่นนั้นหัวหน้าเจ้าตาย... " เสียงอันเรียบเฉยถูกกล่าวข้างหูของอาเล่อสู่ พร้อมกับจิตสังหารที่กำลังพุ่งพล่านพลางจ้องมองนักรบผู้จับตัวองค์หญิงใหญ่เอาไว้จนเขานั้นตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว

อาเล่อสู่ที่อยู่ในเงื้อมมือของพยัคฆ์ขาว บัดนี้จิตใจของเขาก็ได้กระสับกระส่าย จนหัวใจเต้นแรงผิดปกติ จิตใจของเขาหวาดกลัวถึงขีดสุด เพราะเขารู้ดีว่า พยัคฆ์ขาว คือผู้ใด แต่ถึงจะกลัวเช่นไร เขาก็ต้องข่มใจสู้ เพราะเขามิอาจถอยหลังได้อีกต่อไป

" บะ… บัดซบ! เจ้าปีศาจชั่ว! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันถึงได้กล้าบุกเข้ามาในค่ายของข้าเช่นนี้ แล้วยังเอาดาบมีจี้คอข้าอีก! เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้เจ้าจะรอดออกไปได้อย่างนั้นเหรอ! " อาเล่อสู่ตวาดเสียงดั่งลั่นจนคนในชนเผ่าต่างมองมาทางหัวหน้าของตนด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวทันที

" เจ้าก็รู้ว่าข้าออกไปได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ชีวิตของเจ้าล่ะ ข้าจะให้โอกาสเข้าเพียงแค่ครั้งเดียว ปล่อยนางซะ มิเช่นนั้นเจ้าตาย… " หลงจินกล่าวเสียงเรียบพลางจ้องตาอาเล่อสู่ด้วยแววตาเรียบเฉย

" อย่าหวังไปเลย! ข้าไม่มีวันปล่อ-! " อาเล่อสู่พูดยังไม่จบประโยค หลงจินก็ตวัดดาบเชือดคอหอยอาเล่อสู่ในทันที เลือดสาดกระเซ็น ต่อหน้าทุกคนที่ยืนมองด้วยความตกตะลึง

" อ๊อก!~ อ๊อก! อ๊อก! อ๊อ~ " ร่างของอาเล่อสู่ล้มลงกับพื้นพลางจับไปที่คอของตนเองแล้วกระอักเลือดออกมา แววตาหวาดกลัวแสดงให้ทุกคนได้เห็น ก่อนที่อาเล่อสู่จะสิ้นลมหายใจไป

ทุกคนต่างยืนตะลึงมองศพของอาเล่อสู่ แล้วมองร่างบุรุษหัวเสือขาว แล้วในขณะนั้นเอง เอี้ยนฮกชุนก็ดึงตัวองค์หญิงใหญ่มาไว้ฝั่งของตน โดยมีทหาร 3 นาย ชักดาบขึ้นมาชี้มาทางหลงจินด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย

แม้พวกเขาจะฝึกฝนมาอย่างดีแต่ด้วยจิตสังหารอันรุนแรงของหลงจินก็ทำให้เหล่าทหารกล้าหวั่นใจไม่น้อย องค์หญิงใหญ่ก็พยายามดิ้นหนีสุดตัว แต่แล้วคนจากแคว้นจงหยวนที่สวมหมวกคลุมหน้าก็ได้เดินมาสกัดจุดองค์หญิงใหญ่จนนางไม่สามารถขยับตัวได้

" พวกเจ้าทำเช่นนี้ คิดว่าดีแล้วเหรอ? สิ่งที่เจ้าทำมันก่อให้เกิดสงครามได้เลยนะ พวกเจ้าไม่กลัวพวกข้าเลยหรืออย่างไรกัน? " หลงจินกล่าวเสียงเรียบจ้องมองเอี้ยนฮกชุน

" เหตุใดต้องกลัว เมื่อไรที่องค์หญิงใหญ่อยู่ในกำมือแคว้นจงหยวน ฮ่องเต้แคว้นตงฉินก็ไม่มีทางทำสิ่งใดได้ ยกเว้นเสียว่าฮ่องเต้แคว้นตงฉินจะรักศักดิ์ศรีมากกว่ารักลูกของมัน! " เอี้ยนฮกชุนกล่าวด้วยท่าทางสงบนิ่งพลางยิ้มเย้ยด้วยความมั่นใจ

" นั้นหมายความว่า เจ้าอยากตายที่นี่สินะ เจ้าคิดว่ามาเพียง 5 คน จะหนีรอดกลับไปได้อย่างนั้นเหรอ? " หลงจินพูด

" ข้าไม่รู้หรอกนะว่า ปีศาจเช่นเจ้าจะมีฝีมือเก่งกาจเพียงใด แต่พวกข้าก็เป็นทหารที่มีฝีมือเช่นกัน และไม่เคยเกร่งกลัวปีศาจเช่นเจ้า… " เอี้ยนฮกชุนพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย ในขณะนั้นเองชายสวมหมวกคลุมหน้าก็เดินผ่านหลังเอี้ยนฮกชุนและทหารทั้ง 3 ไปยืนตรงหน้าจากนั้นก็ถอดหมวกคลุมหน้าออก เผยใบหน้าของชายวัยกลางคนผมดำยาว ผิวขาวซีด ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ จ้องมองหลงจินอย่างไม่ละสายตา

" เหตใดต้องพูดกันยาว เพียงปีศาจตนเดียว กำจัดทิ้งก็สิ้นเรื่อง…" ชายวัยกล่าวคนกล่าวอย่างสบายๆ

" ท่านเย่ชุนถัง ท่านจะลงมือเองเหรอขอรับ " เอี้ยนฮกชุนกล่าวด้วยความตกใจพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ

" ใช่ ข้าอยากจะได้หัวมันไปแขวนไว้ในบ้านข้า เสือโคร่งขาวลายน้ำเงินดวงตาสีน้ำเงินเข้ม อีกทั้งตัวยังเป็นมนุษย์อีก เพียงเท่านี้มันก็ล้ำค่าเกินพอที่จะประดับในบ้านของข้าแล้ว หึ หึ หึ " เย่ชุนถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม

" เจ้าจะตัดหัวของข้าอย่างนั้นเหรอ? " หลงจินกล่าวเสียงเรียบจ้องมองจอมยุทธวัยกลางคน

" ใช่แล้ว เจ้าจงยอมให้ข้าตัดหัวเจ้าดีๆ เสียเถอะ หึ หึ หึ " เย่ชุนถังพูดเสียงเย็นด้วยรอยยิ้ม

" เช่นนั้นเจ้าก็มาตัดสิ หากเจ้าตัดมันได้ " หลงจินชักดาบอีกเล่มจากด้านหลังออกมายืนตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ซึ่งหลงจินสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลและความแข็งแกร่งของเย่ชุนถัง แต่ถึงอย่างนั้นหลงจินก็ไม่ได้เกร่งกลัวแต่อย่างใด

" ได้! ข้าจะไปตัดเดี๋ยวนี้แหละ! " เย่ชุนถังชักกระบี่ข้างเอวพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าหาหลงจินอย่างรวดเร็วพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่โจมตีหลงจินอย่างรวดเร็ว

ทางด้านหลงจินก็ใช้ดาบคู่ปัดป้องเพลงกระบี่ของเย่ชุนถังพร้อมกับถอยหลังไปที่ล่ะก้าว เย่ชุนถังเป็นจอมยุทธในสำนักฝึกยุทธของแคว้นจงหยวน ซึ่งเขาถูกว่าจ้างให้มาคุ้มกันทหารทั้งสี่ แต่บัดนี้เขานั้นต้องการคือหัวเสือโคร่งขาว ยิ่งอยู่บนหัวของคนก็ยิ่งล้ำค่าขึ้นไปอีก

เย่ชุนถังใช้เพลงกระบี่ของสำนักตนเองไล่ต้อนหลงจินท่ามกลางสายตาของทุกคน หลงจินไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่กลับตั้งรับได้อย่างง่ายดาย เย่ชุนถังโจมตีอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้นจนเห็นช่องโหว่บริเวณคอด้านขวาของหลงจิน เย่ชุนถังจึงไม่รอช้า ตวัดกระบี่ฟันไปยังช่องโหว่นั้นอย่างรวดเร็วหวังตัดหัวของหลงจิน

เคร้ง!~~

แต่ทว่ากระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณจนส่องสว่าง ไม่อาจฟันคอของหลงจินได้ราวกับฟันโดนเหล็กที่แข็งแกร่งจนไม่อาจทำให้เป็นรอยได้จนกระบี่นั้นกระเด้งกลับคืนสร้างความประหลาดใจแก่เย่ชุนถัง ในขณะที่เย่ชุนถังมองด้วยความตื่นตกใจจนไปสบตากับหลงจินเขา จนรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา จึงรีบกระโดดถอยหลังอย่างฉับพลันเพื่อตั้งหลัก

แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นหลงจินจึงใช้จังหวะที่เย่ชุนถังกำลังถอย ใช้ท่าก้าวพุ่งเข้าหาเย่ชุนถังอย่างรวดเร็ว เมื่อเย่ชุนถังเห็นท่าก้าว ของหลงจินก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง

" ท่าก้าวนั้นมัน! " เย่ชุนถังกล่าวด้วยความตกตะลึงพร้อมกับหลงจินเข้ามาไปประชิดตัวเย่ชุนถังอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วตวัดดาบตัดหัวของเย่ชุนถังจนขาดกระเด็นเลือดพุ่งกระจาย ท่ามกลางสายตาของทุกคน

แม้เอี้ยนฮกชุนจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าจอมยุทธจากแคว้นตนจะถูกสังหารง่ายดายเช่นนี้ อีกทั้งปีศาจตนนั้นก็ไม่อาจสังหารได้ แม้เขาจะตกใจแต่ก็ครองสติไว้ได้ จึงยกดาบชี้ไปทั้งหลงจิน

" พวกเจ้าไปฆ่ามัน! " เอี้ยนฮกชุนร้องตะโกนสั่งการทหารทั้ง 3 นาย แต่ทว่าเมื่อสิ้นเสียงของเอี้ยนฮกชุน ทหารแคว้นจงหยวนทั้ง 3 ก็ถูกสังหารไปแล้ว เขาจึงใช้ดาบแนบคอขององค์หญิงใหญ่เพื่อหวังจับเป็นตัวประกัน แต่เมื่อหันไปมองหลงจิน ดาบก็พุ่งแทงทะลุคอของเอี้ยนฮกชุนไปเสียแล้ว ร่างของเอี้ยนฮกชุนล้มลงพร้อมกับที่หลงจินดึงองค์หญิงใหญ่มาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง ร่างของเอี้ยนฮกชุนล้มลงกับพื้นพลางชักกระตุกก่อนที่จะแน่นิ่งสิ้นลมไปโดยที่ตายังเบิกกว้าง

เหล่านักรบชนเผ่าต่างพากันยืนตัวแข็งทื่อมองหลงจินด้วยความตกตะลึง ในความรวดเร็วในการสังหารทหารแคว้นจงหยวนและยังสังหารจอมยุทธของแคว้นจงหยวนได้อย่างง่ายดายอีก มันจึงทำให้นักรบชนเผ่าหลายต่อหลายคนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

ซึ่งทุกคนต่างหวาดกลัวว่าพยัคฆ์ขาวจะหันคมดาบมาไล่ฆ่าพวกเขาหรือไม่ เพราะเขารู้ดีว่าถึงแม้พยัคฆ์ขาวจะอยู่ท่ามกลางนักรบชนเผ่าในค่ายนับพัน พยัคฆ์ผขาวก็ไม่เคยเกรงกลัวแต่อย่างใด

เพราะพยัคฆ์ขาวเคยอยู่ท่ามกลางนักรบชนเผ่าอาจูนับพันคนเพียงคนเดียว เขาก็ยังสามารถไล่สังหารนักรบชนเผ่าอย่างไร้ความปราณีเกือบครึ่งกองทัพ จนเหล่านักรบชนเผ่าต้องวิ่งหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด เพราะด้วยเเหตุนั้นเขาจึงถูกเรียกขานว่า พยัคฆ์ขาว และไม่มีใครกล้ารุกรานเข้าเขตแคว้นตงฉินอีกนับจากนั้น กลุ่มชนเผ่าอาจูจึงใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังและหวาดกลัวนามของ พยัคฆ์ขาว จวบจนทุกวันนี้