เรื่องราวของเด็กหนุ่ม ผู้ใช้ชีวิตเป็นทหารเฝ้าระวังชายแดนที่มีฝีมือร้ายกาจ จนได้สมญานามว่า พยัคฆ์ขาว จนกระทั้งเขาได้ช่วยองค์หญิงใหญ่จากกลุ่มชนเผ่าอาจู แล้วเส้นทางชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน - ตอนที่ 4 ใต้แสงจันทร์ โดย JK.Joker @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,สงคราม,กำลังภายใน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

กำลังภายใน

รายละเอียด

เรื่องราวของเด็กหนุ่ม ผู้ใช้ชีวิตเป็นทหารเฝ้าระวังชายแดนที่มีฝีมือร้ายกาจ จนได้สมญานามว่า พยัคฆ์ขาว จนกระทั้งเขาได้ช่วยองค์หญิงใหญ่จากกลุ่มชนเผ่าอาจู แล้วเส้นทางชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

ผู้แต่ง

JK.Joker

เรื่องย่อ

วรยุทธ์ คือศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ที่พัฒนามาจากการป้องกันตัวอย่างง่ายๆ ไปเป็นการสังหารศัตรูอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งนานวันยิ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ก่อเกิดกระบวนท่าต่างๆมากมาย โดยมีการหายใจเป็นพื้นฐานของกำลังภายใน

เหล่านักรบต่างถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ให้กับชนรุ่นหลังผ่านคำสอนและม้วนตำรา จนพัฒนากลายเป็นวรยุทธ์ 

นักรบที่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์จะมีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไป สามารถรับมือและเอาชนะคนจำนวนมากเพียงลำพังได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังวิ่งเร็วดั่งสายลม มีวิชาตัวเบาที่สามารถกระโดดจากต้นไม้อีกต้นไปยังอีกต้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีพลังเหนือมนุษย์อยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะใช้หมัดทลายก้อนหินหรือใช้กระบี่ฟันต้นไม้ขาดเป็นท่อนก็ทำได้และยิ่งมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งมากขึ้น ก็ยิ่งมีทักษะและร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

 

แต่ก็มีบ้างคนที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ที่สามารถจากพัฒนากำลังภายในจนกลายเป็นพลังปราณที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และแตกต่างจากกำลังภายในอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจึงเรียกตนเองว่าผู้ฝึกตน 

ผู้ฝึกตนเหล่านี้จะฝึกฝนตนด้วยการบำเพ็ญ โคจรพลังปราณและดูดซับพลังชี่ จากธรรมชาติ พวกเขาจึงสามารถใช้พลังปราณในวิชาที่เหนือมนุษย์และเหนือธรรมชาติได้ สามารถเอาชนะศัตรูมากมายด้วยการปล่อยพลังจากฝ่ามือ ทั้งยังวิ่งเร็วดุจสายฟ้าหรือเหาะเหินเดินอากาศจากภูเขาลูกหนึ่งไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่งภายในอึดใจเดียว อีกทั้งมีพลังมหาศาล สามารถใช้ฝ่ามือทลายขุนเขาหรือแม้กระทั้งใช้กระบี่ฟันต้นไม้หลายสิบต้นขาดเป็นท่อนล้วนแต่ทำได้ ด้วยความสามารถที่มากล้นเหล่านี้ ผู้ที่ขึ้นไปจุดสูงสุดของการฝึกฝนพลังปราณจะถูกเรียกว่า เซียน


ซึ่งผู้คนเหล่านี้ต่างเรียกขานตนเองว่าเป็นจอมยุทธ์  

 


นิยายเรื่องนี้ลงทุกวัน

เวลา 07.00น.

(ลงวันละหนึ่งตอนตามเวลา)

** ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ของผมด้วยนะครับ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ผมยินดีนำเสนอและเขียนออกมาให้ดีที่สุด หวังว่าทุกท่านจะชอบนิยายเรื่องนี้ของผมนะครับ ขอบคุณท่านเข้ามาอ่านครับ**

 

สารบัญ

เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 1 บุรุษหนุ่มหลงจิน,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 2 พยัคฆ์ขาว,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 3 กลับแคว้น,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 4 ใต้แสงจันทร์,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 5 การจากลา,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 6 ผู้มาเยือนจากเมืองหลวง,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 7 การพบเจอกันครั้งแรก,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 8 ภารกิจ,เซียนยุทธ์พิชิตฟ้า ใต้หล้าไร้เทียมทาน-ตอนที่ 9 จงหยวน

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ใต้แสงจันทร์

องค์หญิงใหญ่เดินตามเสียงน้ำไหลอยู่ครู่หนึ่งก็ออกจากแนวป่าเกจอกับพื้นที่เต็มไปด้วยก้อนหินและโขดหินขนาดใหญ่ แม้ในขณะนั้นพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าจนไร้แสงตะวัน แต่วันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มส่องสว่างจนเห็นแม้น้ำใสสะอาดไหลเอื้อยๆ พลางกระทบแสงจันทร์ระยิบระยับ องค์หญิงใหญ่เดินไปข้างริมแม้น้ำนั่งยองแล้วเอามือสัมผัสน้ำอันใสสะอาดและเย็นสะบาย จากนั้นก็ตักน้ำขึ้นมาดื่มและล้างหน้าด้วยความสดชื่นและเย็นสบาย

แล้วทันใดนั้นนางก็นึกสิ่งที่นางอยากทำมาโดยตลอดหลายวัน นั้นคือการอาบน้ำ เมื่อนางนึกได้อย่างนั้นก็หันมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว นางก็เดินถอยออกมาสี่ ห้าก้าวแล้วเริ่มถอดกำไลขอมือทองคำประดับด้วยทับทิมสีแดงสด ปลดสร้อยคอที่ทำจากเงินเงางามสะท้อนแสงจันทร์ประดับด้วยทับทิมเม็ดใหญ่ ปลดสายรัดเอวสีชมพูเข้มออกแล้วถอดชุดคคลุมยาวสีชมพูขาวลายดอกกุหลาบออกแล้วถอดเสื้อแขนยาวสีชมพูอ่อนอีกชั้นออก

แล้วถอดถอดเสื้อแขนยาวผ้าขาวบางชุ้มไปด้วยเหงือจนแนบชิดผิว ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายออก เผยให้เห็นผิวพรรณขาวพ่องใสไร้ตำหนิกระทบแสงจันทร์สว่าง มีผ้าผืนเดียวสีชมพูปักลายดอกกุหลาบสวยงามคาดปิดรอบอกมีเชือกพูกที่คอและเอวเอาไว้ แม้จะมีผ้าปกปิด แต่ก็ไม่อาจปกปิดเนินอุดมที่อวบใหญ่และเต่งตึงได้

นางถอดกระโปร่งสีชมพูปักลายกุหลาบ เผยให้เห็นขาอันเรียวยาวบั้นท้ายอวบอั๋นเข้ารูปใส่กางเกงในทรงสามเหลี่ยมปิดส่วนสงวนพูกเชือกข้างเอวสองข้าง นางปลดเชื่อกางเกงในที่ละข้างแล้วถอดออกจากนั้นก็ถอดผ้ารัดอกออกเป็นชิ้นสุดท้าย

ร่างเปลี่ยยเปล่าขององค์หญิงจ้าวหลินอิงส่องประกายสะท้อนแสงจันทร์อย่างเปร่งประกาย องค์หญิงใหญ่เดินลงไปในน้ำอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกเย็นสบายและความสดชื่น นางอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ด้วยความดีใจที่ได้อาบน้ำในวันนี้… โดยที่ไม่คิดเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองนางอยู่ในมุมมืด

‘ข้าแค่จะมาตักน้ำไม่นึกว่าจะได้เห็นอะไรเช่นนี้!’ หลงคิดรำพึงอยู่ภายในใจด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวและชีพจรที่เต้นผิดจังหวะ ดวงตาเบิกโพร่งไม่อาจละสายตาไปได้ เรือนร่างอันงดงามได้สะกดหลงจินจนแทบจะหยุดหายใจ

แม้หลงจินจะไม่ได้สนใจองค์หญิงใหญ่ในครั้งแรกที่พบเจอแต่บัดดนี้หลงจินไม่อาจละสายตาไปจากเรือนร่างขององค์หญิงใหญ่ไปได้พลางมองด้วยความสงสัยใคร่อยากรู้ของเขา ทั้งหน้าอกกลมโตเต่งตึงได้รูปพลางทำให้หลงจินละลึกขึ้นสัมผัสจากด้านหลังที่เคยสัมผัสกับความนุ่มนวลนั้น และยิ่งปลายถันสีชมพูอ่อนสะดุดตา แม้จะอยู่ในยามค่ำคืนแต่หลงจินก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน มองต่ำลงมาก็เป็นหน้าท้องที่แบนราบเรียบเอวที่คอดกิ่วรับกับรูปบั้นท้ายที่ผายกว้างงอนโดดเด่นก็ทำให้จิตใจหลงจินนั้นสั่นสะท้านอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน หลงจินไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนนี้เป็นครั้งแรกของหลงจินที่ได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาว ในขณะที่หลงจินกำลังจ้องมองตาเป็นมันอยู่นั้น หลงจินก็หลุดออกจากภวังค์ด้วยความเจ็บและความรู้สึกแน่นที่ปรากฎขึ้น หลงจินรับรู้ได้ทันทีว่ายามนี้มังกรของเขาได้ผงาดแข็งตัวดันกางเกงจนแทบจะทะลุแล้ว หลงจินรู้สึกแปลกใจอย่างมากที่เป็นเช่นนี้ เพราะทุกครั้งแท่งหยกของหลงจินจะแข็งตัวก็ตอนที่ตื่นนอนเท่านั้น แต่นี้กลับแข็งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อีกทั้งยังแข็งกว่าทุกครั้ง พร้อมกับความร้อนรุ่มอยู่ภายในแท่งหยกและภายในใจ

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน!? ’ หลงจินคิดในใจด้วยความแปลกประหลาดใจอย่างมาก หลงจินไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรจึงถอยออกห่างจากตรงนั้น

หลังจากองค์หญิงใหญ่ได้อาบน้ำอย่างสมใจแล้ว นางก็เดินขึ้นมาเช็ดตัวแล้วสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างๆ จนครบจากนั้นก็เดินกลับเพราะนางพอมองเห็นแสงจากกองไฟที่ริบหรี่อยู่ใกล้ๆ องค์หญิงใหญ่เดินไปจนถึงจุดที่พัก นางหันไปมองบุรุษหัวเสือที่นั่งเคร่งครึมตรงข้ามนาง นางจึงเดินไปหาที่นั่ง ซึ่งไม่ห่างจากกองไฟมากนัก หลงจินก็ลุกขึ้นแล้วแล้วเดินมาที่กองไฟ ซึ่งมีปลาย่างสุกตัวใหญ่เสียบไม้อยู่ หลงจินหยิบปลาย่างตัวนั้นวางกับใบตองแล้วยืนให้องค์หญิงใหญ่โดนไม่มองนาง

" ขอบคุณเจ้าค่ะ " องค์หญิงใหญ่ลุกขึ้นไปเอาปลาจากหลงจินแล้วกลับมานั่งเหมือนเดิมจากนั้นก็แกะหนังปลาที่ดูเกลียมสีน้ำตาลดำนิดๆ ออกจนไอความร้อนระอุโชยออกมาเป็นกลิ่นหอมปลาย่างพร้อมกับเนื้อปลาสีขาวดูน่ากิน องค์หญิงใหญ่ก็เริ่มหยิบกินปลาย่างทันที เมื่อได้กินก็รู้สึกอร่อยอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเป็นเพียงปลาย่างแต่ก็มีรสชาติที่อร่อยจนนางหยุดกินไม่ได้

‘ ช่างเป็นเนื้อปลาที่อร่อยจริงๆ นี่เขาจับปลามาจากที่ไหนกัน ช่างตัวใหญ่ซะจริง? หือ!! ’ องค์หญิงใหญ่เมื่อนึกดูดีๆ แล้วระยะเวลาที่นางไปอาบน้ำไม่ถึงครึ่งชั่วยามแต่มีปลาให้กินแล้ว นั้นหมายความว่าบุรุษหัวเสือผู้นี้ต้องไปตอนที่นางอาบน้ำอยู่เป็นแน่และสถานที่ที่ใกล้ที่สุดก็ตรงที่นางอาบน้ำ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองหลงจินที่นั่งหันหน้าไปทางอื่นอย่างมีพิรุธ นางเห็นอย่างนั้นหูทั้งสองข้างของนางก็แดงขึ้นมาด้วยความรู้สึกเขินอายทันที

" ท่าน… ไปจับปลาที่แม่น้ำมาเหรอเจ้าค่ะ? " องค์หญิงใหญ่ถามทันทีอย่างไม่คิด หลงจินสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ

‘ นางถามเราเช่นนี้ นางคงรู้แล้วว่าเราแอบดูนางอาบน้ำ! ทำไงดีล่ะ!... ไม่สิ! เราต้องซื่อสัตย์เราจะไม่โกหกนาง เราต้องบอกนางตรงๆ! ’ หลงจินคิดอย่างนั้นก็หันควักไปหาองค์หญิงใหญ่ แต่ทว่าเขาไม่อาจจะเอ่ยออกมาได้

‘ ไม่สิ~!! หากเราพูดไปตรงๆ แล้วนางมองเราเป็นพวกชั่วล่ะ! นางอาจจะเกลียดเราก็เป็นได้! ’ หลงจินคิดได้อย่างนั้นก็ไม่พูดออกไปจนคิดได้บางสิ่ง

" แม่น้ำนี้นั้นทั้งยาวและกว้างใหญ่ ข้าไปจับปลาทางทิศตะวันตกมานะ " หลงจินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ถึงอยากไรองค์หญิงใหญ่ก็มั่นใจว่าหลงจินต้องไปริมลำธารบริเวณที่นางอยู่อย่างแน่นอน แต่นางก็ไม่ได้โกรธหลงจินแต่อย่างใด มีเพียงความรู้สึกเขินอายเท่านั้น นางจึงนั่งกินปลาไปเงียบๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใดกลับไป หลังจากกินเสร็จนางก็หาที่นอนพักผ่อน

หลงจินที่นั่งหันหลังให้กับองค์หญิงใหญ่ก็หันหลังกลับไปมองด้วยแวบหนึ่งแล้วหันกลับมาเหมือนเดิม

‘ ให้ตายเถอะ! ทำไมนางถึงเงียบไปล่ะ? หรือว่านางโกรธเกลียดเราแล้วนะ… ไม่.. ไม่น่าจะใช่นางดูสงบเงียบเกินไปจนมองไม่ออกเลยสักนิด… เฮ้ย~ เราไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร แต่ก็ช่างเถอะยังไงซะเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่ว่า! ภาพของนางยังติดอยู่ในหัวไม่หายไปสักทีนะสิ! เห้ย~บ้าเอ้ย!~ ’ หลงจินคิดในใจพร้อมกับเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยความรู้สึกใจสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ในคืนนั้นหลงจินนั่งทบทวนความคิดและพยายามลืมภาพจำตลอดทั้งคืนจนเช้าวันรุ่งขึ้น

องค์หญิงใหญ่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมที่ลอยมาเตะจมูกจนรู้สึกหิว เมื่อลืมตาขึ้นแล้วหันไปตามกลิ่นหอมนั้นก็พบกับไก่ที่ถูกย่างทั้งตัวจนหนังแห้งเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่งกลิ่นหอมหวนน่ากินจนไม่อาจละสายตาไปได้ นางจึงนั่งจ้องอยู่อย่างนั้นด้วยความหิว

" เจ้านอนหลับสบายหรือเปล่า? " หลงจินกล่าวขณะเดินมาจากด้านหลัง องค์หญิงใหญ่หันไปมองก็พบว่าเป็นหลงจินที่เดินถือขวดน้ำเต้ามา 2 ขวด

" หลับสบายเจ้าค่ะ " องค์หญิงใหญ่กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ หลงจินไม่ได้กล่าวอะไร เขาเดินไปหยิบไก่ย่างตัวอ้วนวางใส่ใบตองแล้วเดินมาให้องค์หญิงใหญ่

" กินเสร็จแล้วเราจะได้เดินทางต่อ คาดว่าเย็นนี้เราน่าจะถึงค่ายต้าเป่ย " หลงจินกล่าวขณะยื่นไก่ให้องค์หญิงใหญ่ เมื่อนางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

" จริงเหรอเจ้าค่ะ หึ หึ หึ ช่างน่ายินดียิ่งนัก " องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้มดีใจที่จะได้กลับเมืองของตน จากนั้นนางก็รับไก่ย่างมาแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข โดยมีหลงจินนั่งมององค์หญิงใหญ่กินไก่ด้วยแววตาลึกซึ้ง

‘ หากข้าไม่อาจลืมนางได้ เช่นนั้นข้าจะจดจำนางไว้ก็แล้วกัน ’ หลงจินคิดในใจพลางจดจำทุกอย่างขององค์หญิงใหญ่ทุกการกระทำทุกคำพูดของนางเอาไว้ขึ้นใจ เพราะหลงจินไม่อาจลืมภาพจำช่วงเวลาใต้แสงจันทร์ไปได้ หลงจินจึงคิดที่จะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของนางเพื่อหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงยังเห็นภาพขององค์หญิงใหญ่อยู่ในหัวของเขา…

หลังจากกินเสร็จหลงจินและองค์หญิงใหญ่ก็ออกเดินทางทันทีโดยที่องค์หญิงใหญ่ขี่หลังหลงจิน แต่นางกับเขินอยู่ตลอดเวลาที่ร่างกายของนางแนบชิดร่างกายของหลงจิน ซึ่งหลงจินวิ่งได้อย่างรวดเร็วดั่งม้าศึก จนองค์หญิงใหญ่ตกตะลึงเพราะคนธรรมดาคงไม่อาจวิ่งได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ นางจึงแย้มยิ้มชื่นชมในความสามารถของหลงจิน