วันหนึ่ง 'กวิน' นักโทษผู้มีวิชาอาคมได้พบกับบางอย่างที่แปลกประหลาด มีระบบผู้ช่วยปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา มิหนำซ้ำมันยังพาเขาทะลุไปยังกรุงอยุธยา!
แฟนตาซี,ย้อนยุค,สงคราม,ไทย,แอคชั่น,คนไทย,นิยายแนวระบบ,ระบบผู้ช่วย,ต่อสู้,เวทมนตร์,พระเอกเทพ,คาถาอาคม,กรุงศรีอยุธยา,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระบบผู้ช่วยจอมขมังเวทย์ในกรุงศรีอยุธยาวันหนึ่ง 'กวิน' นักโทษผู้มีวิชาอาคมได้พบกับบางอย่างที่แปลกประหลาด มีระบบผู้ช่วยปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา มิหนำซ้ำมันยังพาเขาทะลุไปยังกรุงอยุธยา!
วันหนึ่ง ‘กวิน’ นักโทษผู้มีวิชาอาคมได้พบกับบางอย่างที่แปลกประหลาด มีระบบผู้ช่วยปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มิหนำซ้ำมันยังพาเขาทะลุมิติไปที่กรุงศรีอยุธยาอีก!
แต่อยุธยาที่ว่านั่นไม่ใช่อยุธยาแบบที่เขารู้จัก แต่มันต่างโลกเวอร์ชั่นไทย!!!
ตอนที่ 5 ถูกโจมตี
วัวที่ลากเกวียนวิ่งอย่างรวดเร็วไปตามทางกลางป่าลึก เป้าหมายคือเมืองหลวงอย่างกรุงศรีอยุธยา นายจันทร์อ้าปากค้างกับสิ่งเห็น เขารู้สึกว่าระยะการเดินทางของพวกเขานั้นสั้นลงมาก ตอนนี้เขาออกมาได้ไกลเกินกว่าที่หวังไว้จนน่าตกใจ
‘นี่… มันอะไรกัน คาถาย่นระยะทางงั้นรึ!?’
เขาคิดพลางหันไปมองกวินที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ตอนแรกเขาคิดแค่ว่าชายคนนี้อาจพอมีวิชาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาคิดผิด กวินนั้นดูท่าว่าจะมีวิชาอาคมที่มากมายและเก่งกาจ
กวินหลบตานายจันทร์ที่จ้องมองมา เขาเป็นโรคที่ไม่ค่อยชอบสบตาคน กวินค่อยๆ หยิบยาสูบขึ้นมาพันกับใบตองแห้ง ตอนนี้คาดว่าในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็น่าจะถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว
แต่ในขณะนั้นเองก็มีบางอย่างพุ่งมาหยุดด้านหน้าของเกวียนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรากฎร่างชายสวมชุดทรงไทยโบราณดูมีฐานะนั่งอยู่บนม้าขวางหน้าเกวียนของพวกเขาไว้
ด้วยความตกใจนายจันทร์หยุดเกวียนฉับพลัน ระยะห่างนั้นมีเพียงแค่เซนติเมตรเดียวก็เกือบจะชนแล้ว กวินเลิกคิ้วสูง แรงกระชากจากจอดกระทันหันทำยาสูบเขาตกเกลื่อนพื้น
‘เวร…’
กวินเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจนัก
นายจันทร์หยิบดาบคู่ใจขึ้นมาถือไว้ก่อนจะชี้ไปยังชายปริศนาแล้วค่อยๆ เดินลงจากเกวียน
“เอ็งเป็นใครกันวะ ถึงได้มาขวางทางเกวียนเช่นนี้ หาเรื่องตายรึไง?”
ชายปริศนาไม่แม้แต่จะสนใจคำพูดของคนที่ชี้ดาบมายังเขา เขาเพียงแค่ถือดาบเล่มหนึ่งซึ่งถูกเก็บไว้ในฝักชี้มาทางนายจันทร์แล้วกล่าวออกมาน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น
“ข้าไม่ได้มีธุระอันใดกับเอ็ง หลีกทางไปเสีย”
หลังจากจบคำพูดชายปริศนาอีกคนก็ได้ปรากฎขึ้น เป็นชายนุ่งขาวห่มขาวมือหนึ่งถือปี่จับไว้แน่น โผล่มายืนข้างๆ เกวียน
“ใช่ หลีกทางไปเสีย ตอนที่พวกข้ายังคุยดีๆ ด้วย”
เมื่อโดนตีขนาบมาจากทั้งสองด้านนายจันทร์ก็ถึงขั้นคิดหนัก นายจันทร์จึงชักดาบอีกเล่มที่ห้อยไว้กลางหลังมาถือ
“พวกเอ็งสองตัวเป็นโจรงั้นรึ ไม่รู้จักกูพรานทมิฬนายบ้านระจันเสียแล้ว”
ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด กวินก็ค่อยๆ เดินลงมาจากเกวียนด้วยท่าทีฉุนเฉียว ชายปริศนาคนแรกที่เห็นแบบนั้นจึงค่อยๆ ลงมาจากม้า
“ข้ามีนามว่า ‘ขุนแผน’ ได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากเบื้องบนให้มาพาตัว ไอ้คนปริศนาที่โผล่มาใกล้ๆ ระแวกบ้านระจันไปสอบสวน”
พอขุนแผนว่าจบ ชายอีกคนที่ยืนถือปี่ก็ยกยิ้มมุมปาก
“เบื้องบนบอกว่ามีการรับรู้ถึงตัวตนที่มีอำนาจอาคมระดับสูงมาโผล่แถวๆ บ้านระจัน ไอ้ตัวตนระดับสูงนั่นใช่เอ็งหรือไม่?”
พอว่าจบชายถือปี่ก็หันไปมองทางกวิน
“อ้อ ข้าคงลืมแนะนำตัว ข้ามีนามว่า ‘ขุนมณี’ พวกข้าสองคนถูกวานมาให้มาจับตัวเอ็ง เพราะเกร็งว่าจะก่ออันตรายต่อชาวไอยรา”
ไม่มีการอ้อมค้อม สองชายปริศนาจ้องมองเขม็งมาทางกวิน นายจันทร์ที่เห็นแบบนั้นค่อยๆ ลดดาบทั้งสองเล่มลง เมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเขาก็แทบจะยืนไม่อยู่ ทั้งสองคนนั้นคือพรานทมิฬระดับ 6 ดาวอันเป็นที่เลื่องลือ
นายจันทร์หันไปมองกวินที่ยังยืนนิ่งทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ทั้งสองคนนั้นบอกว่าได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากเบื้องบนเพื่อให้มาจับผู้มีวิชาอาคมระดับสูง และตัวตนนั้นก็คือกวินผู้ที่เขากำลังให้การช่วยเหลือ
เฮ้อ…
กวินถอนหายใจอ่อนที่เห็นแบบนั้น
‘นอกจากนายจันทร์หนวดเขี้ยวแล้วยังมีขุนแผนกับพระอภัยมณีด้วยงั้นสินะ… มิตินี้นี่มันมั่วซั่วดีจริงๆ’
กวินคิดก่อนจะเริ่มกวาดตามองทั้งสองคน
‘แต่จะว่าไปคนเบื้องบนเขารู้ถึงการมีอยู่ของเราได้ยังไง?’
‘แต่ถึงยังไง… ก็คงยอมง่ายๆ ไม่ได้หรอก เราก็มีสิ่งที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน’
เมื่อกวินคิดได้แบบนั้นเขาก็จ้องขุนแผนกลับตาเขม็ง
“หน้าฉันดูเหมือนว่างเหรอ? ถึงได้ดูเหมือนจะโดนจับง่ายๆ”
พอได้คำพูดแบบนั้น ขุนแผนก็ชักดาบออกมาทันที เมื่อตัวดาบได้สัมผัสกับอากาศ ฟ้าก็เริ่มส่งเสียงร้องก้องไปทั่วบริเวณดังสนั่นหวั่นไหว
“ถ้าเอ็งขัดขืน ข้าก็คงต้องใช้กำลัง”
ทางขุนมณีที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มชอบใจ ก่อนจะเริ่มหยิบปี่ขึ้นทำท่าจะเป่า
นายจันทร์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบยกดาบขึ้นมาชี้ไปยังคนทั้งสองอีกครั้ง
“ตอนนี้ข้ารู้แล้วพวกท่านเป็นใคร ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์นัก แต่ข้าก็คงไม่ยอมเห็นความไม่เป็นธรรมนี้แน่”
เมื่อได้ยินแบบนั้นขุนแผนก็หันไปมองอย่างเอาเรื่องกับพรานทมิฬชาวบ้านอย่างนายจันทร์
“เอ็งว่ายังไงนะ?”
นายจันทร์ที่เห็นแบบนั้นก็ทำใจดีสู้เสือ ชี้ดาบไปที่หน้าของคนมียศสูงกว่าอย่างขุนแผน
“ตอนนี้ไอ้กวินเป็นคนของบ้านระจัน ข้าคงยอมให้มันถูกรังแกมิได้ดอก ในฐานะนายบ้านข้าก็ควรปกป้องลูกบ้านเพราะไอ้กวินก็ยังไม่ได้ทำอันใดที่ผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง”
“ไอ้ตัวตนผู้มีอาคมระดับสูงอาจไม่ใช่มันก็ได้ ถึงใช่มันก็ยังไม่ได้ทำอะไรนี่ขอรับท่านขุน ไยต้องมาจับตัวมันถึงกลางป่ากลางเขาเช่นนี้ มันไม่ถูกต้อง”
กวินมองภาพนายจันทร์ที่กำลังเข้าข้างตน เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมมาเล็กน้อย ดูเหมือนนายจันทร์จะมีความยุติธรรมในใจที่สูงส่ง
แต่ว่ากวินนั้นรู้ดีว่ามันไม่มีผลต่อคนที่มีอำนาจสูงกว่า
ปั่กกก!
ขุนแผนฟาดดาบฟันไปที่ศีรษะนายจันทร์อย่างแม่นยำ แต่นายจันทร์ที่มีดาบสองเล่มก็ยกขึ้นมาบังได้อย่างทันท่วงที
“ตอนนี้เอ็งถือว่ากำลังทำผิดเพราะขัดขวางงานหลวง ต้องถูกจับเช่นกัน”
ขุนแผนว่าก่อนจะใช้ดาบดันนายจันทร์จนเซผละถอยด้วยพละกำลังอันมหาศาล
กวินที่เห็นแบบบนั้นก็รีบเดินปรี่ตรงไปหาสหายร่วมทางหวังจะช่วย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะร่างกายเขาอยู่ๆ ก็ขยับไม่ได้เพราะเสียงบรรเลงดนตรี
ขุนมณีเป่าอาคมตรึงร่างกวินไว้กับที่ด้วยดนตรีอันโหยหวน
‘เวร…’
กวินกัดฟันแน่นเพราะขยับไม่ได้แม้แต่ปากที่จะร่ายคาถา
‘ไอ้พวกชาติเปรต… คิดว่าฉันมีเวลามากนักรึไงห้ะ!?’
ตอนที่ 6 ประลองอาคม
เสียงดนตรีบรรเลงโหยหวนทำร่างกวินโดนตรึงไว้ให้ยืนนิ่งกับที่ เขากัดฟันแน่นมองภาพนายจันทร์ที่กำลังถูกขุนแผนใช้ดาบฟันใส่หลายต่อหลายครั้ง ถึงนายจันทร์จะกันได้ทุกครั้งแต่ก็แทบจะเซล้มถอยไปไกลเรื่อยๆ
‘ไอ้พวกเวร..’
กวินสบถด่าในใจ ก่อนอยู่ดีๆ ในขณะนั้นจะคิดอะไรบางอย่างออก เขาเริ่มท่องบริกรรมคาถาในใจ เขาไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาผ่านคำพูดเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้ฉายาว่าราชาจอมขมังเวทย์หรอก
‘ตื่นขึ้น’
‘ตื่นขึ้น’
‘ตื่นขึ้น’
เขาเน้นคำว่าตื่นขึ้นซ้ำๆ จนในที่สุด เขี้ยวของเสือไฟก็กระเด็นออกมาจากเสื้อกวินตกลงที่ลงที่พื้น ก่อนจะเริ่มมีควันฟุ้งกระจายก่อตัวกันจนกลายเป็นอสูรเสือไฟที่มีขนาดใหญ่โตกว่าเกวียน มันใหญ่โตกว่าก่อนหน้าเสียอีก
โฮ้กกกก!
[คาถา : อัญเชิญ]
[ผลลัพธ์ : สามารถอัญเชิญ ภูต ผี หรือปีศาจที่ตนนำมาเป็นทาสรับใช้ออกมาช่วยเหลือได้ ผ่านสื่อกลางเช่น หุ่น เส้นผม หรืออวัยวะสำคัญต่างๆ]
เสียงคำรามถูกเปล่งออกมาอย่างรุนแรง จนขุนมณีที่เป่าปี่ถึงขั้นชะงักจนเซผละถอยหยุดบรรเลงดนตรีอาคม
กวินที่กลับมาขยับตัวได้บิดแขนตัวเองไปมาเพื่อวอร์มร่างกาย ใบหน้าฉุนเฉียวมองไปยังท่านขุนทั้งสองอย่างเอาเรื่อง
[ท่านเอาเขี้ยวเสือไฟมาทำแบบนี้เองสินะคะ]
กวินที่เห็นแบบนั้นก็หันไปทางระบบ
“เออ…”
ขุนมณีเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงหยิบปี่ยึ้นมาเป่าอีกครั้ง แต่ก่อนจะได้ทำอะไรเจ้าเสือไฟก็ชูสะบัดหางทั้งสิบกระแทกร่างเขากระเด็นกลิ้งกับพื้นจนปี่หลุดมือ
“อย่าดูถูกมันเพราะเป็นเสือไฟล่ะ ตอนนี้มันถูกปลุกขึ้นมาลงอาคมจนแกร่งกว่าเสือไฟปกติไปมากโขแล้ว”
กวินพูดยิ้มๆ พร้อมวางมือลูบขนเสือไฟเบาๆ
ขุนมณียันกายลุกขึ้นแล้วก็เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ พร้อมกับจ้องมองเขม็งไปทางกวิน
“เอ็งนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ สมแล้วกับที่เบื้องบนยกให้เป็นตัวอันตราย”
ขุนมณีว่าพลางปัดเสื้อผ้าตัวเองที่เปื้อนฝุ่น แล้วก้มตัวไปหยิบปี่ขึ้นมา
“แบบนี้สิค่อยน่าสนุกหน่อย”
ทางฝั่งของขุนแผนและนายจันทร์เองก็ดุเดือดเช่นกัน ตอนนี้นายจันทร์เริ่มเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นพรานทมิฬระดับ 5 ดาว แต่ชั้นเชิงในการใช้ดาบก็ไม่เป็นสองรองใคร
เขาใช้ดาบทั้งสองเล่มที่มีสลับฟันจนขุนแผนเป็นฝ่ายผละถอยเสียเอง ขณะที่คนสูงศักดิ์กำลังเสียเปรียบ นายจันทร์เริ่มบริกรรมคาถาที่เคยร่ำเรียนมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ก่อนจะนำพระที่ห้อยคออยู่ขึ้นมาคาบไว้
ขุนแผนเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจนัก จึงง้างดาบฟันไปยังนายจันทร์ด้วยความฉุนเฉียว แต่ในตอนนั้นคาถาที่นายจันทร์ร่ายก็แสดงผล คมดาบดั่งกับถูกอะไรบางอย่างมาฉุดรั้ง มันหยุดอยู่ตรงหน้านายจันทร์ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสร่างกาย ขุนแผนกัดฟันแน่น ง้างดาบฟันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่นายจันทร์ทำเพียงแค่ยืนมอง
“บัดซบ”
ขุนแผนสบถด่า เขารู้ดีว่านี่คือคาถาป้องกันภัย 10 ทิศ อันเป็นคาถาที่มีชื่อเสียง มันจะปกป้องผู้ร่ายจากภัยอันตรายทั้งปวง ไม่นึกเลยว่าคนที่ใช้จะเป็นพรานทมิฬชาวบ้านแบบนี้
ขุนแผนง้างดาบอีกครั้ง แต่ตอนนี้นายจันทร์เริ่มตอบโต้ การที่เขาได้ขึ้นมาเป็นพรานทมิฬในระดับ 5 มันไม่ใช่แค่เรื่องของอาคมเท่านั้น แต่ทักษะดาบของเขานั้นก็ถือว่าหาตัวจับได้ยาก
เขาฟันไปที่ข้อมือขุนแผนจนดาบหลุด ก่อนถีบเข้าที่ท้องของคนมียศสูงกว่าจนเซผละถอย
อั่ก!
ขุนแผนกุมท้องด้วอาการจุกแต่ก่อนที่จะได้พักหายใจ นายจันทร์ก็ถีบเข้าเต็มหน้าพรานผู้มียศสูงกว่าจนหงายท้องเท้าชี้ฟ้า
นายจันทร์เดินไปเหยียบอกขุนแผนพร้อมกับชี้ดาบจ่อคอหอย
“ท่านแพ้แล้วท่านขุน ยอมรามือเสีย”
ขุนแผนส่ายหน้าไปมาเพราะยังมึนงงจากผลของการโดนถีบ แต่พอตั้งสติได้เขาก็ยกยิ้ม
“หึหึ ข้ายอมรับว่าเอ็งมีฝีมือไอ้จันทร์ แต่เมื่อกี้ข้าแค่ประมาทไปเท่านั้น”
พอสิ้นเสียงก็มีกลุ่มควันสีดำพุ่งมามัดร่างนายจันทร์เอาไว้และลากถอยออกไปด้านหลัง ขุนแผนค่อยๆ ลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นและรอยเท้า ก่อนจะเดินไปหยิบดาบขึ้นมาถือ
“อะไร นี่มันอะไรกันวะ!?”
นายจันทร์พยายามดีดดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ยิ่งดิ้น มันก็ยิ่งมัดแน่น
ขุนแผนที่เห็นแบบนั้นยกยิ้ม
“นั้นคือโหงพรายที่ข้าเลี้ยงไว้…. ปล่อยมันเสียเถิดน้องโหง”
พอว่าจบควันดำที่พันธนาการนายจันทร์ก็ค่อยๆ คลายออก ขุนแผนจึงชี้ดาบขึ้นฟ้าจนเกิดเสียงกัมปนาทฟ้าร้องฟ้าลั่นไปทั่วบริเวณ
นายจันทร์ที่ขยับตัวได้ตามปกติรีบเพ่งสมาธิมองไปยังคู่ต่อสู้ แต่ก่อนจะได้ทำอะไร สายฟ้าก็ได้ฟาดลงมาที่ร่างเขาอย่างแรงจน
เปรี้ยงงง!
ถึงจะมีคาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ปกป้องอยู่ แต่ด้วยการโจมตีที่รุนแรงมันก็ผลักร่างนายจันทร์กระเด็นไปไกลหลายเมตรนอนหมดสติและพ่ายแพ้ไปในที่สุด
ขุนแผนมองดาบตนอย่างพึงใจ นี่คืออาวุธวิเศษคู่ใจที่ไม่เคยทำเขาผิดหวัง ดาบฟ้าฟื้น
ขุนแผนไม่กล่าวอะไรต่อรีบหันไปทางกวินที่ยืนอยู่ข้างเสือไฟขนาดใหญ่ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับควงดาบฟ้าฟื้นอย่างเดือดดาล
กวินที่เห็นว่านายจันทร์เสียท่าแล้วถอนหายใจเล็กน้อย ดูเหมือนตอนนี้เขาคงต้องรับภาระหนักสู้แบบสองต่อหนึ่งแล้วล่ะ
‘ชีวิตสบายๆ ในต่างโลกเวอร์ชั่นไทยมันเป็นอย่างงี้นี่เอง’