วันหนึ่ง 'กวิน' นักโทษผู้มีวิชาอาคมได้พบกับบางอย่างที่แปลกประหลาด มีระบบผู้ช่วยปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา มิหนำซ้ำมันยังพาเขาทะลุไปยังกรุงอยุธยา!

ระบบผู้ช่วยจอมขมังเวทย์ในกรุงศรีอยุธยา - ตอนที่ 5 + ตอนที่ 6 ถูกโจมตี + ประลองอาคม โดย peacemaker @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ย้อนยุค,สงคราม,ไทย,แอคชั่น,คนไทย,นิยายแนวระบบ,ระบบผู้ช่วย,ต่อสู้,เวทมนตร์,พระเอกเทพ,คาถาอาคม,กรุงศรีอยุธยา,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ระบบผู้ช่วยจอมขมังเวทย์ในกรุงศรีอยุธยา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ย้อนยุค,สงคราม,ไทย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คนไทย,นิยายแนวระบบ,ระบบผู้ช่วย,ต่อสู้,เวทมนตร์,พระเอกเทพ,คาถาอาคม,กรุงศรีอยุธยา,แฟนตาซี

รายละเอียด

วันหนึ่ง 'กวิน' นักโทษผู้มีวิชาอาคมได้พบกับบางอย่างที่แปลกประหลาด มีระบบผู้ช่วยปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา มิหนำซ้ำมันยังพาเขาทะลุไปยังกรุงอยุธยา!

ผู้แต่ง

peacemaker

เรื่องย่อ

 

วันหนึ่ง ‘กวิน’ นักโทษผู้มีวิชาอาคมได้พบกับบางอย่างที่แปลกประหลาด มีระบบผู้ช่วยปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มิหนำซ้ำมันยังพาเขาทะลุมิติไปที่กรุงศรีอยุธยาอีก!

แต่อยุธยาที่ว่านั่นไม่ใช่อยุธยาแบบที่เขารู้จัก แต่มันต่างโลกเวอร์ชั่นไทย!!!

 

 

สารบัญ

ระบบผู้ช่วยจอมขมังเวทย์ในกรุงศรีอยุธยา-ตอนที่ 1 + 2 จอมขมังเวทย์ + กรุงศรีอยุธยา,ระบบผู้ช่วยจอมขมังเวทย์ในกรุงศรีอยุธยา-ตอนที่ 3 + 4 นายจันทร์ หนวดเขี้ยว + เควส!?,ระบบผู้ช่วยจอมขมังเวทย์ในกรุงศรีอยุธยา-ตอนที่ 5 + ตอนที่ 6 ถูกโจมตี + ประลองอาคม

เนื้อหา

ตอนที่ 5 + ตอนที่ 6 ถูกโจมตี + ประลองอาคม

ตอนที่ 5 ถูกโจมตี


วัวที่ลากเกวียนวิ่งอย่างรวดเร็วไปตามทางกลางป่าลึก เป้าหมายคือเมืองหลวงอย่างกรุงศรีอยุธยา นายจันทร์อ้าปากค้างกับสิ่งเห็น เขารู้สึกว่าระยะการเดินทางของพวกเขานั้นสั้นลงมาก ตอนนี้เขาออกมาได้ไกลเกินกว่าที่หวังไว้จนน่าตกใจ


 

‘นี่… มันอะไรกัน  คาถาย่นระยะทางงั้นรึ!?’


 

เขาคิดพลางหันไปมองกวินที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ตอนแรกเขาคิดแค่ว่าชายคนนี้อาจพอมีวิชาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาคิดผิด กวินนั้นดูท่าว่าจะมีวิชาอาคมที่มากมายและเก่งกาจ


 

กวินหลบตานายจันทร์ที่จ้องมองมา เขาเป็นโรคที่ไม่ค่อยชอบสบตาคน กวินค่อยๆ หยิบยาสูบขึ้นมาพันกับใบตองแห้ง ตอนนี้คาดว่าในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็น่าจะถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว


 

แต่ในขณะนั้นเองก็มีบางอย่างพุ่งมาหยุดด้านหน้าของเกวียนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรากฎร่างชายสวมชุดทรงไทยโบราณดูมีฐานะนั่งอยู่บนม้าขวางหน้าเกวียนของพวกเขาไว้


 

ด้วยความตกใจนายจันทร์หยุดเกวียนฉับพลัน ระยะห่างนั้นมีเพียงแค่เซนติเมตรเดียวก็เกือบจะชนแล้ว กวินเลิกคิ้วสูง แรงกระชากจากจอดกระทันหันทำยาสูบเขาตกเกลื่อนพื้น


 

‘เวร…’


 

กวินเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจนัก


 

นายจันทร์หยิบดาบคู่ใจขึ้นมาถือไว้ก่อนจะชี้ไปยังชายปริศนาแล้วค่อยๆ เดินลงจากเกวียน


 

“เอ็งเป็นใครกันวะ ถึงได้มาขวางทางเกวียนเช่นนี้ หาเรื่องตายรึไง?”


 

ชายปริศนาไม่แม้แต่จะสนใจคำพูดของคนที่ชี้ดาบมายังเขา เขาเพียงแค่ถือดาบเล่มหนึ่งซึ่งถูกเก็บไว้ในฝักชี้มาทางนายจันทร์แล้วกล่าวออกมาน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น


 

“ข้าไม่ได้มีธุระอันใดกับเอ็ง หลีกทางไปเสีย”


 

หลังจากจบคำพูดชายปริศนาอีกคนก็ได้ปรากฎขึ้น เป็นชายนุ่งขาวห่มขาวมือหนึ่งถือปี่จับไว้แน่น โผล่มายืนข้างๆ เกวียน


 

“ใช่ หลีกทางไปเสีย ตอนที่พวกข้ายังคุยดีๆ ด้วย”


 

เมื่อโดนตีขนาบมาจากทั้งสองด้านนายจันทร์ก็ถึงขั้นคิดหนัก นายจันทร์จึงชักดาบอีกเล่มที่ห้อยไว้กลางหลังมาถือ 


 

“พวกเอ็งสองตัวเป็นโจรงั้นรึ ไม่รู้จักกูพรานทมิฬนายบ้านระจันเสียแล้ว”


 

ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด กวินก็ค่อยๆ เดินลงมาจากเกวียนด้วยท่าทีฉุนเฉียว ชายปริศนาคนแรกที่เห็นแบบนั้นจึงค่อยๆ ลงมาจากม้า


 

“ข้ามีนามว่า ‘ขุนแผน’ ได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากเบื้องบนให้มาพาตัว ไอ้คนปริศนาที่โผล่มาใกล้ๆ ระแวกบ้านระจันไปสอบสวน”


 

พอขุนแผนว่าจบ ชายอีกคนที่ยืนถือปี่ก็ยกยิ้มมุมปาก


 

“เบื้องบนบอกว่ามีการรับรู้ถึงตัวตนที่มีอำนาจอาคมระดับสูงมาโผล่แถวๆ บ้านระจัน ไอ้ตัวตนระดับสูงนั่นใช่เอ็งหรือไม่?”


 

พอว่าจบชายถือปี่ก็หันไปมองทางกวิน


 

“อ้อ ข้าคงลืมแนะนำตัว ข้ามีนามว่า ‘ขุนมณี’ พวกข้าสองคนถูกวานมาให้มาจับตัวเอ็ง เพราะเกร็งว่าจะก่ออันตรายต่อชาวไอยรา”


 

ไม่มีการอ้อมค้อม สองชายปริศนาจ้องมองเขม็งมาทางกวิน นายจันทร์ที่เห็นแบบนั้นค่อยๆ ลดดาบทั้งสองเล่มลง เมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเขาก็แทบจะยืนไม่อยู่ ทั้งสองคนนั้นคือพรานทมิฬระดับ 6 ดาวอันเป็นที่เลื่องลือ 


 

นายจันทร์หันไปมองกวินที่ยังยืนนิ่งทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ทั้งสองคนนั้นบอกว่าได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากเบื้องบนเพื่อให้มาจับผู้มีวิชาอาคมระดับสูง และตัวตนนั้นก็คือกวินผู้ที่เขากำลังให้การช่วยเหลือ


 

เฮ้อ…


 

กวินถอนหายใจอ่อนที่เห็นแบบนั้น 


 

‘นอกจากนายจันทร์หนวดเขี้ยวแล้วยังมีขุนแผนกับพระอภัยมณีด้วยงั้นสินะ… มิตินี้นี่มันมั่วซั่วดีจริงๆ’


 

กวินคิดก่อนจะเริ่มกวาดตามองทั้งสองคน


 

‘แต่จะว่าไปคนเบื้องบนเขารู้ถึงการมีอยู่ของเราได้ยังไง?’


 

‘แต่ถึงยังไง… ก็คงยอมง่ายๆ ไม่ได้หรอก เราก็มีสิ่งที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน’


 

เมื่อกวินคิดได้แบบนั้นเขาก็จ้องขุนแผนกลับตาเขม็ง


 

“หน้าฉันดูเหมือนว่างเหรอ? ถึงได้ดูเหมือนจะโดนจับง่ายๆ”


 

พอได้คำพูดแบบนั้น ขุนแผนก็ชักดาบออกมาทันที เมื่อตัวดาบได้สัมผัสกับอากาศ ฟ้าก็เริ่มส่งเสียงร้องก้องไปทั่วบริเวณดังสนั่นหวั่นไหว


 

“ถ้าเอ็งขัดขืน ข้าก็คงต้องใช้กำลัง”


 

ทางขุนมณีที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มชอบใจ ก่อนจะเริ่มหยิบปี่ขึ้นทำท่าจะเป่า


 

นายจันทร์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบยกดาบขึ้นมาชี้ไปยังคนทั้งสองอีกครั้ง


 

“ตอนนี้ข้ารู้แล้วพวกท่านเป็นใคร ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์นัก แต่ข้าก็คงไม่ยอมเห็นความไม่เป็นธรรมนี้แน่”


 

เมื่อได้ยินแบบนั้นขุนแผนก็หันไปมองอย่างเอาเรื่องกับพรานทมิฬชาวบ้านอย่างนายจันทร์


 

“เอ็งว่ายังไงนะ?”


 

นายจันทร์ที่เห็นแบบนั้นก็ทำใจดีสู้เสือ ชี้ดาบไปที่หน้าของคนมียศสูงกว่าอย่างขุนแผน


 

“ตอนนี้ไอ้กวินเป็นคนของบ้านระจัน ข้าคงยอมให้มันถูกรังแกมิได้ดอก ในฐานะนายบ้านข้าก็ควรปกป้องลูกบ้านเพราะไอ้กวินก็ยังไม่ได้ทำอันใดที่ผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง”


 

“ไอ้ตัวตนผู้มีอาคมระดับสูงอาจไม่ใช่มันก็ได้ ถึงใช่มันก็ยังไม่ได้ทำอะไรนี่ขอรับท่านขุน ไยต้องมาจับตัวมันถึงกลางป่ากลางเขาเช่นนี้ มันไม่ถูกต้อง”


 

กวินมองภาพนายจันทร์ที่กำลังเข้าข้างตน เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมมาเล็กน้อย ดูเหมือนนายจันทร์จะมีความยุติธรรมในใจที่สูงส่ง 


 

แต่ว่ากวินนั้นรู้ดีว่ามันไม่มีผลต่อคนที่มีอำนาจสูงกว่า



 

ปั่กกก!


 

ขุนแผนฟาดดาบฟันไปที่ศีรษะนายจันทร์อย่างแม่นยำ แต่นายจันทร์ที่มีดาบสองเล่มก็ยกขึ้นมาบังได้อย่างทันท่วงที


 

“ตอนนี้เอ็งถือว่ากำลังทำผิดเพราะขัดขวางงานหลวง ต้องถูกจับเช่นกัน”


 

ขุนแผนว่าก่อนจะใช้ดาบดันนายจันทร์จนเซผละถอยด้วยพละกำลังอันมหาศาล


 

กวินที่เห็นแบบบนั้นก็รีบเดินปรี่ตรงไปหาสหายร่วมทางหวังจะช่วย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะร่างกายเขาอยู่ๆ  ก็ขยับไม่ได้เพราะเสียงบรรเลงดนตรี


 

ขุนมณีเป่าอาคมตรึงร่างกวินไว้กับที่ด้วยดนตรีอันโหยหวน


 

‘เวร…’


 

กวินกัดฟันแน่นเพราะขยับไม่ได้แม้แต่ปากที่จะร่ายคาถา

 

‘ไอ้พวกชาติเปรต… คิดว่าฉันมีเวลามากนักรึไงห้ะ!?’

 

 

 ตอนที่ 6 ประลองอาคม


เสียงดนตรีบรรเลงโหยหวนทำร่างกวินโดนตรึงไว้ให้ยืนนิ่งกับที่ เขากัดฟันแน่นมองภาพนายจันทร์ที่กำลังถูกขุนแผนใช้ดาบฟันใส่หลายต่อหลายครั้ง ถึงนายจันทร์จะกันได้ทุกครั้งแต่ก็แทบจะเซล้มถอยไปไกลเรื่อยๆ



 

‘ไอ้พวกเวร..’


 

กวินสบถด่าในใจ ก่อนอยู่ดีๆ ในขณะนั้นจะคิดอะไรบางอย่างออก เขาเริ่มท่องบริกรรมคาถาในใจ เขาไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาผ่านคำพูดเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้ฉายาว่าราชาจอมขมังเวทย์หรอก


 

‘ตื่นขึ้น’


 

‘ตื่นขึ้น’


 

‘ตื่นขึ้น’


 

เขาเน้นคำว่าตื่นขึ้นซ้ำๆ จนในที่สุด เขี้ยวของเสือไฟก็กระเด็นออกมาจากเสื้อกวินตกลงที่ลงที่พื้น ก่อนจะเริ่มมีควันฟุ้งกระจายก่อตัวกันจนกลายเป็นอสูรเสือไฟที่มีขนาดใหญ่โตกว่าเกวียน มันใหญ่โตกว่าก่อนหน้าเสียอีก


 

โฮ้กกกก!


 

[คาถา : อัญเชิญ]


 

[ผลลัพธ์ : สามารถอัญเชิญ ภูต ผี หรือปีศาจที่ตนนำมาเป็นทาสรับใช้ออกมาช่วยเหลือได้ ผ่านสื่อกลางเช่น หุ่น เส้นผม หรืออวัยวะสำคัญต่างๆ]


 

เสียงคำรามถูกเปล่งออกมาอย่างรุนแรง จนขุนมณีที่เป่าปี่ถึงขั้นชะงักจนเซผละถอยหยุดบรรเลงดนตรีอาคม


 

กวินที่กลับมาขยับตัวได้บิดแขนตัวเองไปมาเพื่อวอร์มร่างกาย ใบหน้าฉุนเฉียวมองไปยังท่านขุนทั้งสองอย่างเอาเรื่อง


 

[ท่านเอาเขี้ยวเสือไฟมาทำแบบนี้เองสินะคะ]


 

กวินที่เห็นแบบนั้นก็หันไปทางระบบ


 

“เออ…”


 

ขุนมณีเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงหยิบปี่ยึ้นมาเป่าอีกครั้ง แต่ก่อนจะได้ทำอะไรเจ้าเสือไฟก็ชูสะบัดหางทั้งสิบกระแทกร่างเขากระเด็นกลิ้งกับพื้นจนปี่หลุดมือ


 

“อย่าดูถูกมันเพราะเป็นเสือไฟล่ะ ตอนนี้มันถูกปลุกขึ้นมาลงอาคมจนแกร่งกว่าเสือไฟปกติไปมากโขแล้ว”


 

กวินพูดยิ้มๆ พร้อมวางมือลูบขนเสือไฟเบาๆ


 

ขุนมณียันกายลุกขึ้นแล้วก็เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ พร้อมกับจ้องมองเขม็งไปทางกวิน


 

“เอ็งนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ สมแล้วกับที่เบื้องบนยกให้เป็นตัวอันตราย”


 

ขุนมณีว่าพลางปัดเสื้อผ้าตัวเองที่เปื้อนฝุ่น แล้วก้มตัวไปหยิบปี่ขึ้นมา


 

“แบบนี้สิค่อยน่าสนุกหน่อย”


 

ทางฝั่งของขุนแผนและนายจันทร์เองก็ดุเดือดเช่นกัน ตอนนี้นายจันทร์เริ่มเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นพรานทมิฬระดับ 5 ดาว แต่ชั้นเชิงในการใช้ดาบก็ไม่เป็นสองรองใคร


 

เขาใช้ดาบทั้งสองเล่มที่มีสลับฟันจนขุนแผนเป็นฝ่ายผละถอยเสียเอง ขณะที่คนสูงศักดิ์กำลังเสียเปรียบ นายจันทร์เริ่มบริกรรมคาถาที่เคยร่ำเรียนมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ก่อนจะนำพระที่ห้อยคออยู่ขึ้นมาคาบไว้


 

ขุนแผนเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจนัก จึงง้างดาบฟันไปยังนายจันทร์ด้วยความฉุนเฉียว แต่ในตอนนั้นคาถาที่นายจันทร์ร่ายก็แสดงผล คมดาบดั่งกับถูกอะไรบางอย่างมาฉุดรั้ง มันหยุดอยู่ตรงหน้านายจันทร์ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสร่างกาย ขุนแผนกัดฟันแน่น ง้างดาบฟันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่นายจันทร์ทำเพียงแค่ยืนมอง


 

“บัดซบ”


 

ขุนแผนสบถด่า เขารู้ดีว่านี่คือคาถาป้องกันภัย 10 ทิศ อันเป็นคาถาที่มีชื่อเสียง มันจะปกป้องผู้ร่ายจากภัยอันตรายทั้งปวง ไม่นึกเลยว่าคนที่ใช้จะเป็นพรานทมิฬชาวบ้านแบบนี้ 


 

ขุนแผนง้างดาบอีกครั้ง แต่ตอนนี้นายจันทร์เริ่มตอบโต้ การที่เขาได้ขึ้นมาเป็นพรานทมิฬในระดับ 5 มันไม่ใช่แค่เรื่องของอาคมเท่านั้น แต่ทักษะดาบของเขานั้นก็ถือว่าหาตัวจับได้ยาก


 

เขาฟันไปที่ข้อมือขุนแผนจนดาบหลุด ก่อนถีบเข้าที่ท้องของคนมียศสูงกว่าจนเซผละถอย


 

อั่ก!


 

ขุนแผนกุมท้องด้วอาการจุกแต่ก่อนที่จะได้พักหายใจ นายจันทร์ก็ถีบเข้าเต็มหน้าพรานผู้มียศสูงกว่าจนหงายท้องเท้าชี้ฟ้า


 

นายจันทร์เดินไปเหยียบอกขุนแผนพร้อมกับชี้ดาบจ่อคอหอย


 

“ท่านแพ้แล้วท่านขุน ยอมรามือเสีย”


 

ขุนแผนส่ายหน้าไปมาเพราะยังมึนงงจากผลของการโดนถีบ แต่พอตั้งสติได้เขาก็ยกยิ้ม


 

“หึหึ ข้ายอมรับว่าเอ็งมีฝีมือไอ้จันทร์ แต่เมื่อกี้ข้าแค่ประมาทไปเท่านั้น”


 

พอสิ้นเสียงก็มีกลุ่มควันสีดำพุ่งมามัดร่างนายจันทร์เอาไว้และลากถอยออกไปด้านหลัง ขุนแผนค่อยๆ ลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นและรอยเท้า ก่อนจะเดินไปหยิบดาบขึ้นมาถือ


 

“อะไร นี่มันอะไรกันวะ!?”


 

นายจันทร์พยายามดีดดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ยิ่งดิ้น มันก็ยิ่งมัดแน่น


 

ขุนแผนที่เห็นแบบนั้นยกยิ้ม


 

“นั้นคือโหงพรายที่ข้าเลี้ยงไว้…. ปล่อยมันเสียเถิดน้องโหง”


 

พอว่าจบควันดำที่พันธนาการนายจันทร์ก็ค่อยๆ คลายออก ขุนแผนจึงชี้ดาบขึ้นฟ้าจนเกิดเสียงกัมปนาทฟ้าร้องฟ้าลั่นไปทั่วบริเวณ


 

นายจันทร์ที่ขยับตัวได้ตามปกติรีบเพ่งสมาธิมองไปยังคู่ต่อสู้ แต่ก่อนจะได้ทำอะไร สายฟ้าก็ได้ฟาดลงมาที่ร่างเขาอย่างแรงจน


 

เปรี้ยงงง!


 

ถึงจะมีคาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ปกป้องอยู่ แต่ด้วยการโจมตีที่รุนแรงมันก็ผลักร่างนายจันทร์กระเด็นไปไกลหลายเมตรนอนหมดสติและพ่ายแพ้ไปในที่สุด


 

ขุนแผนมองดาบตนอย่างพึงใจ นี่คืออาวุธวิเศษคู่ใจที่ไม่เคยทำเขาผิดหวัง ดาบฟ้าฟื้น 


 

ขุนแผนไม่กล่าวอะไรต่อรีบหันไปทางกวินที่ยืนอยู่ข้างเสือไฟขนาดใหญ่ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับควงดาบฟ้าฟื้นอย่างเดือดดาล


 

กวินที่เห็นว่านายจันทร์เสียท่าแล้วถอนหายใจเล็กน้อย ดูเหมือนตอนนี้เขาคงต้องรับภาระหนักสู้แบบสองต่อหนึ่งแล้วล่ะ 


 

‘ชีวิตสบายๆ ในต่างโลกเวอร์ชั่นไทยมันเป็นอย่างงี้นี่เอง’