ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
‘แรกเริ่มเดิมที ผมไม่ใช่สตอล์กเกอร์ตามติดชีวิตพระเอกในนิยายหรอก ไม่ใช่และไม่มีทางเป็นพวกน่าขนลุกแบบนั้นด้วย แต่จุดเริ่มต้นมาจากตรงนี้ต่างหาก...’
“สวัสดีครับ~ สวัสดีทุกคน~”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมโค้ทน้ำตาลยาวกล่าวทักทายอย่างแจ่มใส เขาส่งยิ้มให้กับกล้องจำนวนมากไม่ต่างจากพวกดารานักแสดง มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบกให้เหล่าแฟนคลับที่มายืนรอตามทางกั้น โดยรอบๆ ตัวเขาต่างมีชายสวมชุดสูทดำเดินคุ้มกันให้
แน่นอนว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญอย่างลูกทนายความ และเป็นคนดังในโลกโซเชียลอีกต่างหาก บางทีอาจเป็นเพราะด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา หรือไม่ก็เพราะความอัธยาศัยดีนั่น เลยได้ชื่อเสียงกับแรงอวยมหาศาล
“เฮ้ย! ไอ้หมอนั่นลอดเข้าไป!”
สตาฟตะโกนขึ้นเมื่อมีคนหลุดไปตรงทางเดิน ชายสวมฮู้ดซึ่งลอดเข้ามาถือมีดตรงไปหวังแทงปลิดชีวิตเป้าหมาย แต่ชั่วขณะชายสูทดำที่คอยตามก็หันกลับไปจับข้อมือไว้ได้ทัน แล้วยกเท้ายันเข่าจนคนปองร้ายล้มลงกองกับพื้น
“เกือบไปแล้วเชียว”
เขาถอนหายใจพูดด้วยท่าทางเอือมระอา
‘ก่อนหน้าจะมาถึงจุดนี้ ผมไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้มาแต่แรก แต่เป็นโลกยุคปัจจุบัน 20XX ผมก็แค่ชายโสดอายุ 32 ปี ทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ไอ้ลูกคุณหนูบ้านรวยคนหนึ่งที่ต่างประเทศ มีทักษะการต่อสู้เรียกว่าดีเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตายเพราะพิษจากโรคระบาดยุคนั้น’
“ผมจะไม่รอดใช่ไหม? คุณยมบาล”
ชายหนุ่มนอนราบบนเตียงในห้องพิเศษโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง น้ำเสียงเขานั้นเรียบนิ่งอย่างกับคนหมดอาลัยตายอยาก หญิงสาวสวมชุดขาวตามเครื่องแบบพยาบาลยืนจัดแจงของต่างๆ ไม่ห่าง เธอผงะไปชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบ
“ฉันพยาบาลค่ะ”
ชายหนุ่มได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะเบา “อย่าทำหน้าเครียดสิครับ แค่หยอกเองหน่า~ คุณพยาบาล~” เธอส่ายหน้าอ่อนเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง
“เราจะรักษาคุณให้เต็มที่ค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วง”
‘ผมได้กลับมาที่ประเทศบ้านเกิดและช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ลาจากโลกไปแบบเงียบเหงา ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่เพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง แต่นั่นไม่แปลกหรอก เพราะว่าทุกคนน่ะไม่ตายไปก็ป่วยเหมือนผม’
‘นั่นคือจุดจบของผมในโลกก่อนหน้า...’
‘แต่เหมือนว่าผมจะยังใช้ชีวิตไม่คุ้มแฮะ’
ทุกอย่างมืดไปนานพักใหญ่จนพอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป ชายหนุ่มมองรอบๆ เห็นว่าเป็นห้องนอนธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ข้าวของต่างๆ มีเยอะมากจนดูรกไปหน่อย อย่างกับว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่มาอย่างยาวนาน
‘ที่นี่มัน...ที่นี่ไหนวะ!?’
เครื่องหมายคำถามลอยเด่นอยู่เหนือหัว ก่อนเขาจะเหลียวไปข้างๆ ก็พบกระจกบานยาวที่เห็นทั้งตัว สายตามองเข้าไปพบชายผมยาวดำสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงขายาวดำสะท้อนกลับมา เขาลองขยับตัวนิดๆ หน่อยๆ ด้วยความงวยงง และแน่นอนว่าภาพในเงานั้นขยับตาม
มือเสยผมยาวขึ้นพร้อมเก๊กหน้าหล่อใส่ เปลี่ยนมาจับคางกระตุกยิ้มกระชากใจ ปิดท้ายด้วยขยิบตาขวาก่อนจะชะงักไป
‘เวร.. มัวแต่เล่น ว่าแต่ตรูมาอยู่ในร่างไอ้หล่อที่ไหนวะเนี่ย?’
“ลูก วันนี้พ่อต้องออกไปส่งต้นฉบั—--”
ชายสวมแว่นคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาถึงกับนิ่งค้างไปทันที ครั้นเจอลูกชายตนกำลังเก๊กหน้าใส่กระจกอยู่ และดูเหมือนว่าจะทำมาพักหนึ่งแล้วด้วย แต่คนที่ตกใจไม่ได้มีแค่ผู้มาเยือน ตัวเขาเองก็เช่นกัน
“เอ่อ… ทำไมไม่เคาะประตู….ครับ?”
“โทษที ไม่ใช่สิ! แกเป็นใครเนี่ย!?”
‘ฉิบหายล่ะ!’
“ผมก็ลูกคุณไง”
“ลูกฉันไม่พูดสุภาพโว้ย! ไอ้ตัวปลอม!”
‘ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รอด แต่พอโดนจับมาสอบสวนเลยถือโอกาสเล่าทุกอย่างไปตามความจริงแบบคร่าวๆ ยังไงก็ไม่ถึงกับบอกว่ามาจากโลกอื่นหรอก เพราะดูจากสภาพแวดล้อมกับการแต่งกายแล้ว นี่ไม่น่าใช่ยุคสมัยที่ศิวิไลซ์ทางด้านเทคโนโลยี คงเต็มไปด้วยความเชื่อศาสนา (เดาล้วนๆ )’
‘เพราะงั้นการบอกว่าเป็นคนจากต่างมิติต่างโลก แน่นอนว่ามันออกจะเชื่อยากแล้วเสี่ยงโดนใส่ร้ายเป็นพ่อมดแม่มดอะไรพวกนั้น แบบ..เหมือนกับในหนังหรือซีรี่ส์ต่างประเทศพวกนั้นอะแหละ’
“สรุปแล้ว คุณตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่ในร่างนี้แล้วสินะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ หลังจากพยายามอธิบายให้เข้าใจง่าย ที่สำคัญคือไม่ล่อแหลมที่จะถูกหาว่าบ้ามากที่สุด คนตรงหน้าซึ่งคาดว่าเป็นพ่อเจ้าของร่างนี้นั่งครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกลอกตากลับมามองเขาแล้วถามอย่างจับผิด
“นี่ลูกคงไม่ได้แกล้งเล่น เพราะอยากให้พ่อคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่หรอกใช่ไหม?”
‘พูดอะไรวะครับพ่อ’ คนถูกถามคิดในใจพลางยิ้มค้างไปครู่หนึ่ง
“ลูกคุณเป็นคนแบบไหนเนี่ย?”
“แปลกพอๆ กับคุณนั่นแหละ แต่ก็ไม่คนที่แย่อะไร”
“งั้นเหรอครับ”
‘โอเค ลูกเขาต้องเป็นคนที่แย่ถึงขนาดเทียบกับผมได้’
ณ ตอนนี้ทั้งสองพ่อลูก(ปลอม)นั่งอยู่ในห้องรับแขกกว้างขนาดกลางๆ ท่าทางอีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะไม่ได้ต่อต้านและไม่ได้หาว่าเขาบ้าอะไร เหตุที่ยอมรับฟังอาจเป็นเพราะนี่เป็นร่างของลูกเขา ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“คุณพอจะบอกอะไรเกี่ยวกับลูกคุณได้มั้ย?”
อีกฝ่ายชายหางตามองแล้วตอบกลับ “ลูกฉันชื่อ ‘คาเลน แบรนดอน’ อายุประมาณ...เอ่อ สัก 20 ปีได้มั้ง ตอนนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่”
‘ไม่ ไม่ ไม่! จะมาอยู่ร่างคนอื่นทั้งทีทำไมต้องได้เรียนอีกเนี่ยนะ! บ้าไปแล้วรึไง!?’
“คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”
“ครับ สบายมากครับ~”
ชายต่างโลกในร่างแปลกหน้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม(ขมขื่น) แต่ขณะเดียวกันสีหน้ากลับตึงสุดๆ เพราะจากนี้ไปเขาจะต้องหาทางใช้ชีวิตในโลกนี้ให้ได้ซะแล้ว โลกที่เขาไม่รู้จักแล้วยังได้มาอยู่ร่างลูกของนักเขียนที่ไหนก็ไม่รู้อีกต่างหาก
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ใช้ชีวิตในฐานะคาเลนมาเป็นเวลา 5 ปี โดยพักอาศัยอยู่กับ ‘คาเบิล แบรนดอน’ ซึ่งเป็นพ่อเจ้าของร่างนี้เอง แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่จนเคยชินมากแล้ว แต่ก็ยังหาความจริงเกี่ยวกับเหตุผลที่เขาหลุดมายังโลกนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ช่าง มีสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มแน่ใจดีเลยคือ….
‘นี่มันโลกนิยายแน่ๆ !’
ชายหนุ่มนึกคิดพร้อมกับทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้าง ‘ผมจำได้ว่าคาเบิล แบรนดอนเป็นหนึ่งในตัวละครลับจากนิยายเรื่อง ‘นักล่าสาปบาป’ เป็นเรื่องที่อ่านนานแล้วแถมอ่านไม่จบด้วย’
‘เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือพระเอกเป็นฮันเตอร์มากฝีมือมีอาการเสพติดการล่าภูต แต่เขาไม่ได้พยายามจะหาทางรักษานิสัยเสพติดแปลกๆ นี้หรอก กลับกัน สิ่งที่เขาอยากรักษาคือคำสาปที่อยู่ในตัวเขาเองต่างหาก ตอนจบยังไม่ทราบเพราะผมอ่านไม่ถึง แล้วนี่ก็ชัดเลยว่าเป็นยุคนี้มีเทคโนโลยีล้ำๆ เต็มไปหมด ผมเพิ่งเห็นจรวดบินผ่านไปด้วยเมื่อกี้ (ประชด)’
‘เอาล่ะ ชีวิตฉิบหายกว่าเดิมแล้วค้าบท่าน~’
ก๊อกๆ ๆ ๆ
“นี่ ออกมาคุยด้วยหน่อย”
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงพ่อกล่าวเรียก ตอนนี้เขาเผลอคิดด้วยซ้ำว่าตนเป็นลูกของชายคนนี้ไปแล้วจริงๆ คาเลนยันตัวลุกเดินออกจากห้องไปหาคาเบิลที่ชั้นล่าง เขานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามชายวัยกลางคนสวมแว่นกรอบบางในห้องรับแขก จากนั้นเป็นฝ่ายออกปากถามธุระก่อนทันที
“มีอะไรเหรอ?”
“วันนี้นายช่วยไปชวนฮันเตอร์คนหนึ่งมาเจอฉันหน่อย”
“ใคร?”
“บิทเทอ โลฮาส”
‘แค่พูดถึงชื่อฉันก็ขนลุกแล้วนะเนี่ย ชื่อของคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักคนนั้น’
“คุณเป็นนักเขียนไม่ใช่เหรอ มีเหตุผลปริศนาซ่อนเงื่อนอะไรถึงได้ต้องคุยมากับฮันเตอร์กันเนี่ย?”
“เขาก็แค่มีส่วนช่วยในงานของฉันน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
‘เท่าที่จำได้ในช่วงต้นเนื้อเรื่อง พระเอกกับคาเบิลไม่ได้เจอกันช่วงนี้หนิ เดี๋ยวสิ...ถ้านี้เป็นโลกเป็นนิยายจริง ตอนนี้เนื้อเรื่องมันถึงไหนแล้ววะเนี่ย ...ช่างเถอะ’
‘บางทีถ้าไปเจอพระเอกกับตัวอาจจะได้รู้อะไรดีๆ ก็ได้’
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะลองไปชวนดู”
ชายหนุ่มตกปากรับคำไปแล้ว พอถึงช่วงเย็นวันนั้นเขาก็ออกจากบ้านเดินทางไปยังเขตที่บิทเทอน่าจะเป็นคนรับผิดชอบ ฝีเท้าย่างสวนกับผู้คนจัดการกิจวัตรตนเอง ภาพเหล่านี้เคยแปลกตาสำหรับเขาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ตอนนี้มันกลับเป็นบรรยากาศที่คุ้นชินไปเสียแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลมองบ้านเรือนเรียงเป็นแนวยาวตามทาง รวมถึงรถม้าสัญจรผ่านกันไปมาบนถนนกว้าง
คาเลนเหลียวมองตรอกซอยข้างทางก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าไป แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าซึ่งปรายมองมาอย่างเยือกเย็น เจ้าของสายตาคู่นี้เป็นชายผมบลอนด์ขาวสวมใส่เครื่องแบบฮันเตอร์ยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่ คาเลนยืนนิ่งตรงนั้นครู่หนึ่งอย่างตกตะลึง
เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนหน้าตาดีนอกจากตัวเอง (ความมั่นคือลาภอันประเสริฐ)
‘เวร… เมื่อกี้มันจังหวะตกหลุมรักเหรอ?’
ชายหนุ่มนึกในใจแล้วกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากเรียกชายตรงหน้า
“คุณคือบิทเทอ โลฮาสใช่ไหม?”
“มีธุระอะไร?”
“คาเบิลฝากให้ผมพาคุณไปคุยกับเขาที่บ้านน่ะ”
“ไม่คุย”
บิทเทอตอบปฏิเสธทันทีทันใดพร้อมกับหันหลังเดินเข้าตรอกไปอย่างไม่แยแส ปล่อยให้คาเลนที่ยืนอยู่ตรงปากทางตรอกมองตามแบบนั้น
‘ไอ้พระเอกเหี้ยนี่!’