ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยามเช้าในเมืองธานเขต 2 ปรากฏชายผมยาวดำมัดรวบต่ำยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าสำนักงาน ซึ่งสถานที่นี่เป็นที่ทำงานของคาเลนเอง แต่เหตุผลที่เขายังไม่เข้าไปข้างในเพื่อดำเนินกิจวัตรทำหน้าที่ตน เป็นเพราะร่างโปร่งยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ เขา ไม่ใช่ใครไหนไกลหรอก แต่เป็นคุณพระเอกซึ่งเพ่งสายตาไม่วางแล้วไม่พูดอะไรสักอย่าง
‘จำได้ว่าไม่กี่วันก่อน ฉันยังต้องตามหมอนี่ต้อยๆ ไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย?’
“คราวนี้อยากลองเป็นฝ่ายง้อผมบ้างเหรอ คุณโลฮาส”
“ก็อาจจะ”
“งั้นเราไปเจอคาเบิ—”
“หุบปาก”
บิทเทอปฏิเสธอย่างรู้ทันและรุนแรงกว่าครั้งไหน จากนั้นพ่นควันบุหรี่รดสูทชายผมดำยาวอย่างเคืองใจ คาเลนหรี่ตามองอีกคนเพื่อจะรอดูว่าวันนี้คุณพระเอกมีธุระอะไรกับตน แต่ปล่อยเวลาผ่านไป อีกคนก็ยังไม่เริ่มพูดเสียที เขาจึงเป็นฝ่ายออกปากถามไป
“คุณจ้องผมมากกว่าก็นี้ ผมจะหน้าแดงเอานะ”
“นายเร่งฉันสินะ”
“เอ่อ...จริงๆ ก็ไม่ได้มีปัญหากับการโดดงานออกมาคุยหรอก แค่มองหน้ากันไปเรื่อยๆ แบบนี้ผมคิดว่ามันออกจะ...แปลกๆ ละมั้ง? ว่ามั้ยล่ะ?”
บิทเทอไม่พูดตอบอะไรแล้วหลบสายตาไปจากคาเลนเงียบๆ พอเขาเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ที่จะแอบลอบยิ้มแห้งออกมา
‘บิทเทอเป็นพวกที่ถ้าต้องการอะไรหรือมีจุดประสงค์บางอย่าง คงบอกมาตรงๆ ไม่ก็ทำให้ผมต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้ แต่นี่เขาไม่ทำอะไรเลย แล้วก็ไม่บอกอะไรด้วย’
“นี่”
พระเอกหันกลับมาเรียกพลางทิ้งก้นบุหรี่ นัยน์ตาสีฟ้าใสสบกับเขาตรงๆ แสดงถึงความตั้งมั่นเผยออกมาชัดเจน “ฉันมีเรื่องอยากวานให้นายช่วย” คาเลนเลิกคิ้วมองกลับพลางพยักหน้าเบาๆ
‘ลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าไอ้หมอนี่เป็นพวกปากแข็ง (ถึงจะแค่กับบางเรื่องก็เถอะ) ’
“ว่ามาสิครับ”
“นายเป็นแอนนาลิสท์เหรอ?”
บิทเทอถามก่อนที่จะเข้าประเด็นหลัก คาเลนเองก็ไม่ได้อิดออดอะไรหากถูกสอบเรื่องหน้าที่การงาน ยิ่งคนเอ่ยปากเป็นคุณพระเอกคนเก่งแล้ว เขายิ่งอยากจะบอกใจจะขาด (ไม่จริงหรอก ล้อเล่นน่ะ)
“ระดับผมน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญแอนนาลิสท์เลยต่างหาก”
บิทเทอหยุดคิดแล้วถามต่อ “แต่นายสู้เป็น”
“สู้?”
“หมายถึงที่สู้กับภูตนั่นวันก่อนไง”
คาเลนเข้าใจได้ทันทีว่าที่คุณพระเอกพูดถึงคือการต่อสู้กับภูตในตรอกวันนั้น และ...ใช่ เขาก็ยื่นมือเข้าไปช่วยบิทเทอ หรือควรจะเรียกว่าแย่งซีนดีล่ะ? จะยังไงก็ช่าง นั่นทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนพลิกมาชนะได้ในที่สุด
‘เผลอไปแทรกแซงอีเว้นท์แรกของพระเอกเข้าแล้วสิ แบบนี้คงมีอะไรเปลี่ยนไปเยอะแน่ล่ะ หรือตอนนี้ผมกำลังทำโลกนิยายคนอื่นเขาฉิบหายอยู่หว่า~’
คาเลนนึกย้อนถึงสิ่งที่ทำไปก็ยิ้มเจื่อน เพราะการตัดสินใจในวันนั้นมันก็ออกจากกะทันหันไปหน่อย เขาละความสนใจจากความคิดในหัวแล้วถามคนตรงหน้า “แล้วคุณมีอะไรจะมาขอร้องผู้เชี่ยวชาญภูตเก่งๆ อย่างผมล่ะ?”
“นี่”
บิทเทอว่าแล้วหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งยื่นให้ คาเลนรับไปเปิดอ่านจึงเห็นภาพร่างจางๆ กับตัวอักษรกำกับไว้ข้างล่าง “ ‘รูปภาพสั่งตาย’ ชื่อคำสาปที่อยากจะล่าคราวนี้เหรอ?”
“ใช่”
“จะออกไปล่าของแบบนั้นเหรอ? ดูไม่เข้ากับคุณเลยสักนิด”
“นายไม่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินธุระของฉันทั้งนั้น”
คาเลนได้ยินแบบนั้นก็ขบขันในคำพูดเชือดเฉือน “แล้วอยากให้ช่วยอะไรครับ หรือมาขอกำลังใจก่อนจะไปออกล่า?” เขาเอ่ยพลางปรายตามองยกยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้
‘ตอนนี้เนื้อเรื่องยังดำเนินตามปกติ บิทเทอมีเป้าหมายจะไปออกตามหา ‘รูปภาพสั่งตาย’ อีเว้นท์สำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างเริ่มขึ้น ปกติหมด แต่ว่าไอ้ที่เปลี่ยนไปคงเป็นบิทเทอที่มาวานเรื่องนี้กับผมแทน ไม่ได้ไปร่วมมือกับกลุ่มฮันเตอร์ในเมือง’
‘อา.. เจ้าบ้านี่ดูมั่นใจในตัวผมมากกว่าที่คิดแฮะ’
“ฉันจะให้นายถอนคำสาปรูปภาพนั่น”
คาเลนมองไปอย่างรู้แก่ใจดีว่านั่นคือสิ่งที่บิทเทอกำลังจะขอเขา “ผมนึกว่าคุณไม่ชอบทำงานร่วมกับคนอื่นซะอีก หรือ~ คุณมีเหตุผลพิเศษอะไรถึงเลือกผมล่ะ? คุณฮันเตอร์” เขาว่าแล้วยิ้มยียวนไปเหมือนทุกๆ ครั้ง บิทเทอช้อนนัยน์ตาสีฟ้าใสมองกลับมาพร้อมเอ่ยคำพูดต่อไป
“ฉันแค่สบายใจที่เลือกนายก็เท่านั้นแหละ”
‘จังหวะตกหลุมรักครั้งที่สองสินะ’
ทั้งสองคนมองหน้าพักหนึ่งก่อนคาเลนจะรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย จึงกระแอมเสียงกลบอาการเลิ่กลั่กตนเอง จากนั้นจึงตอบอีกคนด้วยท่าทางเรียบนิ่งอย่างเดิม “งั้นผมตกลง”
“ดี”
“แต่...” คาเลนดักขึ้นพร้อมกระตุกยิ้ม “ถ้าผมทำงานนี้ให้ คุณต้องไปเจอกับคาเบิลนะ”
บิทเทอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลันส่ายหน้าอ่อนอย่างระอา เป็นแน่แท้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งต้องมีหลุดชื่อบุคคลที่สามอย่าง ‘คาเบิล’ ซึ่งเป็นพ่อเขาตลอด
“ก็ได้”
“คุณตกลงแล้วนะ ถ้าคุณผิดสัญญาผมจะปาขี้นกใส่หัวคุณ”
บิทเทอถลึงตามองกลับเอาเรื่อง แต่คาเลนก็หาได้ใส่ใจไม่ ซ้ำยังเขาโบกมือลาข้างหัวก่อนจะเดินถอยเข้าสำนักงานตัวเองไปทันที (กลัวโดนพระเอกตามตื้บ) ฮันเตอร์หนุ่มพอเห็นแบบนั้นถึงกับยีผมบลอนด์ขาวอย่างอิดโรย
เวลาล่วงเลยผ่านจนถึงตอนเย็นคาเลนก็เดินออกจากสำนักงานแอนนาลิสท์ มือข้างหนึ่งถือซองเอกสารติดมาด้วย ฝีเท้าสาวเดินบนทางอย่างเอื่อยเฉื่อยผนวกกับสายตามองเรื่อยเปื่อย คล้ายว่าตอนนี้ในหัวเขานั้นกำลังครุ่นคิดอะไรมากมายหลายอย่าง
“เฮ้”
คาเลนชะงักฝีเท้าตนเองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูแว่วเข้ามา เขาเดินถอยหลังกลับไปหยุดหน้าตรอกหนึ่งก็เจอกับบิทเทอยืนสูบบุหรี่อยู่ ฮันเตอร์หนุ่มปรายตามองมาในขณะที่คาเลนเอ่ยถามไปพอดี
“เมื่อกี้เรียกผมเหรอ? คุณโลฮาส”
“นายคิดไปเอง”
“แต่เมื่อกี้มันเสียงคุณ ผมจำได้”
“ไม่ใช่”
คาเลนแน่ใจว่าเสียงเรียกเมื่อกี้คือเสียงของบิทเทอแน่นอน แต่ก็ตามฉบับนิสัยนายบิทเทอ คุณพระเอกปากแข็งนี่มันปากแข็งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ คาเลนเดินเข้าไปในตรอกเอ่ยเสียงต่ำลง
“แค่บอกว่าคิดถึงมันไม่ยากหรอกนะ เดี๋ยวเราไม่เจอกันแล้ว คุณอาจจะอยากเจอผมมากๆ ก็ได้”
“ไม่อยากเจอ แล้วก็เลิกหลงตัวเองทีเถอะ”
การแหย่บิทเทอเล่นนั้นแทบจะเป็นนิสัยของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ บางทีถ้ามีรางวัลแปลกๆ ที่มักจะปลดล็อกแบบในเกมล่ะก็... คาเลนคงได้เข้าชิงรางวัล ‘คนชอบแกล้งพระเอก’ ไปแล้วมั้ง?
“วันนี้เราจะเดินทางด้วยกัน”
“...?”
“ก็เรื่อง ‘รูปภาพสั่งตาย’ ไงล่ะ”
“อ้อ~ เรื่องนั้นน่ะเหรอ อย่าบอกนะว่าเตรียมตัวเสร็จแล้ว?”
“ใช่” บิทเทอตอบกลับในทันที
‘เรื่องล่าๆ ฆ่าๆ เตรียมตัวเร็วไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ แบบนี้ฉันเองคงต้องทำตัวอืด~ อาด~ ยืด~ ยาด~ จะได้ทำให้หมอนี่รอนานๆ หน่อย’
คาเลนคิดเล่นๆ ในหัวตัวเองก็อดไม่ที่จะรู้สึกสนุกแปลกๆ “คงตื่นเต้นที่ได้เดินทางกับผมสินะ หรือเราจะวางแผนเที่ย—”
“อย่ามานอกเรื่อง กลับบ้านไปเตรียมตัวซะ”
หลังจากที่ถูกบิทเทอไล่แบบนั้น คาเลนจำต้องกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวอย่างเชื่องช้า(?) เอาเอกสารไปเก็บไว้แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องแบบชิลๆ จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องใช้เยอะสำหรับเขาเลย อย่างแรกคือเขาไม่ใช่ฮันเตอร์ที่ต้องออกไปสู้ และอย่างที่สองคือเขามีหน้าที่แค่ถอนคำสาปในงานครั้งนี้
“ใช้อะไรดีหน่า~ ”
คาเลนพูดด้วยท่าทีคารมดีพร้อมกับเลือกของสองอย่างที่ตนถืออยู่ มือหนึ่งถือตุ๊กตาหมีน่ารักตัวหนึ่งกับอีกมือถือขวดแก้วเปล่าขวดหนึ่ง เขามองสลับไปมาก่อนจะวางขวดแก้วลงบนโต๊ะ แล้วถือตุ๊กตาหมีกะทัดรัดติดตัวไปด้วย
‘ไอ้หมอนี่จะทำให้งานของผมง่ายขึ้นเยอะ’
เมื่อเตรียมตัวเสร็จ เขาจึงเดินออกมาจากบ้านแบบตัวเปล่าสุดๆ อดไม่ได้ที่จะสร้างความสงสัยให้ฮันเตอร์ซึ่งรออยู่นึกไปว่าทำไมคาเลนหายไปนานนัก จนนัยน์ตาสีฟ้าหลุบมองลงก็เจอกับตุ๊กตาหมีขนน้ำตาลตาแป๋วตัวหนึ่งเท่านั้น บิทเทอจ้องนิ่งก่อนจะยื่นปลายนิ้วไปแตะจมูกนิ่มๆ ของมัน
“นี่ แบรนดอน”
“ครับ?” คาเลนขานพร้อมกับเอียงศีรษะมองอย่างขบขัน
“นายยังเป็นเด็กออมมืออยู่สินะ”
“ฮ่ะๆ อย่าเข้าใจผิดสิ นี่คือตัวช่วยชั้นดีของผมเลยนะ”
คาเลนว่าแล้วก็จับมือทั้งสองข้างเจ้าหมีให้ขยับไปมาทำท่าโบกมือทักทาย ก่อนจะยื่นเข้าไปใกล้หน้าฮันเตอร์หนุ่มจนเห็นตาแป๋วดำกลมโต
“อย่ามาเล่นตลก เดินทางได้แล้ว”
“ได้เลย~ คุณโลฮาส~”
ชายหนุ่มทั้งสองเริ่มเดินทางตามที่ตกลงกันไว้ ด้วยการโดยสารรถม้าที่วิ่งเที่ยวทั่วท้องถนน เทียบๆ แล้วเหมือนแท็กซี่เวอร์ชันติดม้ายังไงยังงั้น ครั้นหย่อนตัวนั่งบนเบาะได้ไม่เท่าไหร่ คาเลนก็เปิดประเด็นชวนคุยทันที
“ว่าแต่ออกมาทำภารกิจนอกเขตตัวเองจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“ฉันจัดการทุกอย่างดีแล้ว”
บิทเทอเงียบก่อนจะถามกลับบ้าง
“แล้วนายล่ะ? มากับฉันคงไม่ได้อยู่ๆ อยากจะมาก็มาหรอกใช่มั้ย?”
“อย่ามองผมในแง่ร้ายแบบนั้นสิ~ ผมเองก็ไม่ได้ทำตัวไร้ความรับผิดชอบถึงขนาดทำอะไรแล้วไม่แจ้งสำนักงานหรอก” คาเลนแก้ตัวค่อยส่งยิ้มไปในขณะวางตุ๊กตาหมีลงบนตักตัวเอง
‘นั่นผมโกหกน่ะ คุณเข้าใจถูกแล้วครับ คุณพระเอก’
‘ผมอยากจะมาก็มาเลยครับ’
“หวังว่าแกจะไม่สร้างปัญหาให้แล้วกัน”
“เรื่องแบบนั้นเชื่อใจผมได้เลยครับ” บิทเทอได้ยินแบบนั้นก็มองมาด้วยท่าทางเรียบเฉย เหมือนตอนนี้เขาจะเริ่มชินชากับอากัปกิริยาของคาเลนมากขึ้นพอตัว
‘ที่บิทเทอกังวลนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอก ปกติแล้วพวกแอนนาลิสท์ก็ทำงานกับฮันเตอร์บ่อยครั้ง แต่จะทำงานกันคนละช่วง ฮันเตอร์คือคนออกล่าภูต แอนนาลิสท์คือคนวิเคราะห์ข้อมูลและรับงานช่วงต่อจากนั้น’
‘การที่ผมมากับบิทเทอไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ส่วนใหญ่หน่วยงานนี้จะไม่ค่อยออกสนามจริงเท่าไหร่ เพราะคนที่ออกไปก็ต้องเอาชีวิตไปแขวนไว้กับฮันเตอร์ร่วมงานด้วยอีกที’
‘แต่แน่นอนว่าอยู่กับใครก็คงไม่อุ่นใจเท่าอยู่กับพระเอก (+แรงอวยจากการอ่านนิยาย)’
“ฉันลืมบอกนายอีกอย่างหนึ่งนะ แบรนดอน”
“อะไรเหรอครับ?”
“วันนี้เราจะนอนด้วยกัน”
คาเลนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามกลับด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก
“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?”