เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ

‘การที่ผมหลุดมายังโลกนิยายนักล่าสาปบาปนั่น ทำให้ผมได้เจอความแตกต่างระหว่างโลกเดิมและโลกนี้อย่างเห็นได้ชัด’


‘แต่มันมีบางอย่างที่ยังคงเหมือนเดิม’


สายฝนโปรยปรายลงมาจากกลุ่มเมฆครึ้มก่อตัวทั่วท้องฟ้า ไม่เข้ากับฤดูกาลยามนี้ซึ่งอยู่ช่วงหน้าร้อน หยาดน้ำร่วงกระทบร่างหนุ่มผมยาวดำที่ยืนอยู่เบื้องหน้าศิลาสลักชื่อ ‘คาเบิล แบรนดอน’ ชายผู้เป็นบิดาของเขาเองในโลกนี้ได้จากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงแค่อนุสรณ์ที่เรียกว่า ‘หลุมศพ’ เท่านั้น


“นี่มันอะไร..”


คาเลนพูดออกมาเสียงแผ่วคล้ายรำพันกับตนเอง สายตาจดจ้องไปยังอักษรบ่งบอกชื่อผู้เสียชีวิต คาเบิลนั่นถือเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมอยู่พอตัว ก่อนหน้าจึงมีคนมากมายมาร่วมพิธีฝังศพเยอะพอควร แต่ตอนนี้คนเหล่านั้นออกไปกันหมดแล้ว สุสานเลยเหลือเพียงแค่เขาตัวคนเดียวปราศจากใครอื่น หรือบางทีก็เป็นเขาเองที่ไม่ได้สนใจว่ามีบุคคลอื่นอยู่รอบข้าง


‘ความตายก็ยังคงเป็นความตาย’


‘มันไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงกันได้ก็จริง แต่การต้องมานั่งจัดการความรู้สึกตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องที่ผมชอบเท่าไร มันไม่ง่ายเหมือนเดิมเลย มันไม่เคยง่ายเลยสักครั้ง


คาเลนยืนมองนิ่งอยู่เช่นนี้มานาน ไม่อาจนับได้ว่าผ่านไปกี่นาทีหรือชั่วโมง บรรยากาศอึมครึมทำให้ความรู้สึกภายในจมดิ่ง เส้นผมเริ่มจับเป็นกลีบผนวกด้วยน้ำฝนที่ไหลหยดจากปลาย ชายหนุ่มแทบจะไม่ใส่ใจเลยว่าตัวเองจะเป็นหวัดหรือไม่ เพราะตอนนี้มีสิ่งอื่นที่ควรคิดหนักมากกว่านั้น


คาเบิลเป็นมะเร็งมานานและตายไปด้วยโรคนี้ ในยุคปัจจุบันโลกเดิมของเขาก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้ แล้วจะให้มาหวังอะไรกับยุคสมัยนี้ที่การแพทย์เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้ามากขนาดนั้น คาเลนรู้ดีว่านิยายเรื่องนักล่าสาปบาปไม่ใช่นิยายที่ถนอมน้ำใจคนอ่านเลย


ตัวละครตายเป็นเบือ สร้างแผลให้กับตัวละครอื่นที่เหลืออยู่ไม่หยุดไม่หย่อน 


‘เห็นว่าคาเบิลเป็นตัวละครลับเลยหลงคิดว่าคงไม่มาตายเอาตอนเริ่มเรื่อง แต่สุดท้ายก็โดนตลบหลังสินะ ถ้าไม่นับว่านี้เป็นโลกนิยายที่เขียนขึ้นมา จริงๆ ผมก็คงมองว่ามันเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่ทุกๆ คนมีชีวิตอยู่จริงๆ ’


‘ผมชะล่าใจเกินไป’


นึกแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาพลางเสยผมยาวดำขึ้น สายตาปรายละจากป้ายหลุมศพ เริ่มสาวเท้าไปเรียกรถม้าเพื่อกลับบ้านตนเอง คาเลนรับรู้ถึงความเศร้าหมองมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน ไม่อาจเอ่ยได้ว่ามันมากแค่ไหน เพราะเขาไม่แน่ใจนักว่ามันวัดจากอะไร 


วัดจากปริมาณน้ำตาเหรอ?


หรือวัดจากเวลายืนตากฝนเพื่อไว้อาลัย?


เขาไม่รู้... แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกมันกำลังขยายอยู่ข้างใน จนเหมือนว่าจะกระชากร่างกายเขาออกจากกัน ถ้าความเศร้าคือระเบิดในร่างมนุษย์ ตอนนี้คาเลนคงแหลกเป็นชิ้นอีกครั้ง ไม่ต่างจากตอนเสียคนใกล้ชิดในโลกเดิม


‘ยิ่งเนื้อเรื่องของนิยายเริ่มดำเนินไปไกลเท่าไร เหตุการณ์พวกนี้คงมีมาอีกเรื่อยๆ ’


‘ดังนั้นปัญหาตอนนี้คือ นิยายเรื่องนี้กำลังเกิดช่องว่างการหายไปของตัวละครลับ มันเป็นเพราะผมเข้ามาแทรกแซงเนื้อเรื่องเหรอ? ไม่สิ ตามปกติในเนื้อเรื่องคาเบิลเข้ามามีส่วนกับเนื้อเรื่องหลักเสมอ แต่ตัวคาเบิลกลับไม่เคยปรากฏให้เห็นเป็นตัวเป็นตนเลยสักครั้ง’


‘หรือจริงๆ แล้วคาเบิลตายตั้งแต่ต้นเรื่องแต่นิยายยังไม่ได้เล่าถึง?’


“วางใจอะไรไม่ได้เลยแฮะ”


ชายหนุ่มบ่นอุบอิบขณะที่ลงจากรถม้าอย่างอิดโรย ฝนเริ่มซาแต่บรรยากาศมืดครึ้มยังคงอยู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเลื่อนจับจ้องไปยังบ้านตนเอง แต่พอเลื่อนมองข้างๆ ประตูก็เห็นชายร่างสูงอันคุ้นตายืนพิงรออยู่


“มารอจีบผมอีกแล้วเหรอครับ?”


“นายควรหัดพูดทักทายแบบคนปกติบ้างนะ คาเลน”


“งั้นอรุณสวัสดิ์ คุณโลฮาส”


คนฟังได้ยินคำทักทายนั้นถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “นี่มันตอนเที่ยง” คาเลนกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่งเสียง ‘โอ้ว’ ออกมาเหมือนเพิ่งจะนึกเอะใจได้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไร


“สายัณห์สวัสดิ์ครับ”


“...”


บิทเทอเพ่งสายตามองกลับไม่หัวเราะสักแอะ ถึงอย่างนั้นคาเลนกลับยิ้มแฉ่งออกมาพร้อมกับเอียงหัวมองอย่างทองไม่รู้ร้อน ฮันเตอร์หนุ่มคร้านจะต่อว่าจึงไม่ท้วงเรื่องการทักทายต่อ เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าตั้งใจกวนประสาท


“สวมชุดไว้ทุกข์ยังยิ้มออกอยู่อีกเหรอ?”


“อยากเห็นหน้าตอนผมเศร้ารึไง?”


“เปล่า คิดว่าถ้านายไม่ทำท่าทางแบบนั้น ฉันคงชอบนายมากกว่านี้”


‘เอาแล้วไง จะมาพูดหวานๆ เซอร์วิสทั้งทีทำไมต้องวันนี้ด้วยเนี่ย’

‘แบบนี้มันน่าแหย่เล่นชะมัด’


“ถ้าผมไม่ทำ ‘ท่าทางแบบนั้น’ คุณจะ ‘ชอบ’ ผมใช่ไหมครับ” คาเลนพูดย้ำอย่างจงใจแล้วหรี่ตามอง บิทเทอไม่ได้ให้คำตอบใดๆ คนทะเล้นจึงพูดต่อ “ไม่ต้องเลิกทำแบบนั้น เดี๋ยวคุณก็ชอบผมอยู่ดีแหละครับ”


“มั่นใจกับเรื่องไร้สาระซะจริง”


“แล้วมีธุระอะไรเหรอ?” คาเลนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า ออกปากถามเข้าประเด็นทันที ถ้าตามปกติเขาคงใช้เวลาหยอกล้อแกล้งพระเอกนานกว่านี้ แต่วันนี้คงไม่เหมาะนัก


“มีเรื่องสำคัญที่ฉันต้องบอกกับนายน่ะ”


พอได้ความแบบนั้น เจ้าบ้านจึงไขเปิดประตูพลางสาวเท้าเข้ามาพร้อมๆ กับแขกผู้ซึ่งเป็นฮันเตอร์ ทั้งสองตรงไปยังห้องรับแขกเริ่มสนทนาธุระที่คุณพระเอกพูดถึง สายตาบิทเทอนั่นเรียบนิ่งคอยพินิจตัวคาเลนต่างจากทุกครา เพราะธรรมชาติของอีกฝ่ายนั้นจะเป็นคนปากจ้อพูดไม่หยุด แต่วันนี้กลับเงียบผิดปกติ


‘คงเป็นเพราะเรื่องคาเบิลสินะ’


บิทเทอคาดเดาเหตุผลที่ทำให้คาเลนแสดงพฤติกรรมสุขุม ถึงแม้นักล่าเสพติดภูตจะรู้จักมักจี่ชายคนนี้ไม่นานนัก แต่เทียบจากท่าทีเดิมมันก็ออกจะแปลกหูแปลกตาเหลือเกิน ในทางกลับกันชายผมยาวดำเดินมานั่งลงตรงข้ามแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มบาง


“ยะ...อยากบอกอะไรเหรอครับ?”


‘แม่ง...ทำไงถึงจะไม่เขินออร่าพระเอกวะ?! จะกลั้นยิ้มไม่อยู่แล้วโว้ยยย!’


คาเลนมองตาแข็งผนวกกับมุมปากซึ่งกระตุกบ้างบางครั้ง เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะรับรู้ได้ถึงสายตาบิทเทอที่มองมาอย่างห่วงใย (มโนเอง) นั่นมันทำให้หัวใจนายบอดี้การ์ดจากต่างโลกฟู่นุ่มพิกล ถ้าไม่ติดว่าพระเอกคนนี้กำลังจ้องตนอยู่ เขาคงยกมือขึ้นกุมอกกุมใจตัวเองไปแล้ว


ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปรับท่าทางให้สงบนิ่งกว่าเก่า ชายผมบลอนด์ขาวมองก่อนเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาทันที “คาเบิลไม่ได้ตายเพราะโรคมะเร็ง”


คาเลนชะงักไปพร้อมย่นคิ้วมอง บิทเทอสบตากลับแล้วพูดต่อ


“นายคงรู้จักโรค ‘สาปกายศิลา’ ใช่มั้ย?”


สาปกายศิลา เป็นโรคที่รักษาไม่หายไม่ต่างจากโรคมะเร็ง แต่ความต่างคือคนป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการที่ยากสังเกตในช่วงแรก ช่วงปลายตามร่างกายจะมีบางส่วนกลายเป็นหินแข็งจนขยับแทบไม่ได้ พอตายไปร่างกายจะค่อยๆ กลายเป็นหินแข็งทั่วทั้งหมดไม่ต่างจากรูปปั้น’


‘ผมรู้จักโรคนี้ดี เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในโรคที่เกิดจากคำสาปหายาก และแอนนาลิสท์หลายๆ คนก็ให้ความสนใจกันมาก อย่างผมก็ศึกษาเรื่องนี้ตามโอกาสเพราะมันมีส่วนเกี่ยวกับนิยายพอตัว แต่ถึงจะวิเคราะห์วิจัยหายังไง ก็หาต้นตอโรคแทบไม่เจอ มีแต่ทฤษฎีที่ยากจะพิสูจน์ เพราะงั้นไม่ต้องหวังการหาวิธีรักษาหรอก’


สายตาคาเลนหยุดมองบิทเทอ ‘ทำไมเขาถึงรู้เรื่องนี้ล่ะ? สรุปแล้วเขามีความสัมพันธ์ยังไงกับคาเบิลกันแน่? ผมเคยคิดว่าการอ่านได้นิยายมันได้เปรียบแท้ๆ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่ารู้เรื่องไอ้หมอนี่ลึกตื้นหนาบางแค่ไหน’


“รู้จัก จะบอกว่าคาเบิลเป็นโรคนั้นสินะ… ”


“นายรู้อยู่แล้วเหรอ?”


คาเลนเค้นเสียงหัวเราะแห้งออกมา 


“เกริ่นมาขนาดนี้ทำไมจะเดาไม่ออกล่ะ ถามอะไรแปลกจริงๆ ” บิทเทอเงียบไม่ตอบอะไรจึงเป็นเขาที่ออกปากถาม “ทำไมถึงบอกเรื่องนี้กับผมล่ะ?”


“แค่คิดว่านายควรจะรู้เรื่องนี้ไว้”


คนถามแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น เพราะปกติแล้วคุณพระเอกเป็นคนทำตัวเย็นชาผิดที่ผิดเวลาอยู่ก็บ่อยครั้ง ไหงตอนนี้กลับทำได้ดีจนเขาอยากแปลงร่างเป็นโทรโข่งป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า ‘บิทเทอ โลฮาส ได้เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจมนุษย์มากขึ้นแล้วครับ’ 


‘ว่าไปเถอะ~ ไอ้คำพูดเมื่อกี้เกือบทำผมตกหลุมรักอีกแล้วนะ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่สามารถเอนจอยกับเซอร์วิสนี้ได้ ผมคงเดินเข้าไปหยิกแก้มเขาสักที’


“พูดแบบนี้เดี๋ยวผมก็เข้าใจว่าคุณเป็นห่วงผมหรอก” คาเลนแซวเหมือนกับทุกครั้งพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา บิทเทอกอดอกมองนิ่งแล้วตอบกลับเสียงเรียบ


“ใช่ ฉันเป็นห่วงนาย”


“ครับ?”


คาเลนยิ้มค้างแล้วถามกลับเหมือนฟังไม่ถนัด


“ฉันบอกว่า ‘ฉันเป็นห่วงนาย’”


‘เมื่อกี้...ผมหูฝาดใช่ไหม?’