เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก

หลังบิทเทอตอบรับข้อเสนอสุดแปลกประหลาด พวกเขาต่างแยกย้ายไปรับผิดชอบหน้าที่การงานของตนเอง ตกลงกันไว้ว่าค่อยมาคุยเรื่องนี้ต่อตอนเวลาว่างก็ไม่สายไป จนมาถึงเย็นวันหนึ่ง ฮันเตอร์หนุ่มได้ตัดสินใจมาบ้านคาเลนเพื่อหารือเรื่องแท่นศิลาคำสาปอีกครั้ง 


ชายผมยาวดำเปิดประตูออกมาต้อนรับอย่างแปลกใจ เพราะทีแรกเขากะจะเป็นคนไปคุยกับอีกฝ่าย แต่ท่าทางนักล่าเสพติดภูตดูจะตื่นเต้นกับข้อเสนอเลยมาหาเขาซะเอง

“ท่าทางนายจะสนใจข้อเสนอฉันเอามากๆ เลยนะ”

“ก็ใช่” 

‘การที่ผมตัดสินใจทำเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะสำเร็จ ดีไม่ดีเปอร์เซ็นต์ที่สำเร็จจะน้อยกว่าจนริบหรี่ด้วยซ้ำไป การพึ่งพระเอกย่อมเป็นตัวที่ดีเสมอ’

คนเป็นเจ้าบ้านเดินไปหย่อนตัวนั่งลงในห้องรับแขก บิทเทอสาวเท้าตามถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นข้าวของมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ เอกสาร และจานอาหารใส่พาสต้าราดซอสเนื้อส่งกลิ่นหอมกรุ่นอ่อนๆ คุณพระเอกเห็นแบบนั้นพลันขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย

“ทำไมมันรกขนาดนี้…”

ปกติบิทเทอคงไม่พูดเสียมารยาท แต่เพราะเป็นคาเลนจึงกล้ากล่าวออกมา

“ทำงานก็ต้องเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิ เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องมันก็ไม่ดีหรอกหน่า~”

สายตาฮันเตอร์หนุ่มเลื่อนมองจานอาหารอย่างขุ่นเคือง คาเลนถึงจะสังเกตได้ว่าอีกคนรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำตน แต่เขาเลือกไม่แยแสปฏิกิริยานั้น แล้วยังมีหน้ามาใช้ส้อมม้วนเส้นพาสต้าเข้าปากต่ออีก

“อยากกินด้วยเหรอ?”

“นี่มันห้องรับแขก”

“แต่นี่มันบ้านผมครับ คุณฮันเตอร์เจ้าระเบียบ” บิทเทอถอนหายใจ ก่อนคาเลนจะยิ้มแล้วพูดชักชวน “กินมั้ยล่ะ? ฉันทำไว้เยอะอยู่นะ”

“ไม่จำเป็น”

โครกกก….

ปฏิเสธไม่ทันขาดคำเสียงท้องร้องก็ดังขึ้น คราวนี้ไม่ได้มาจากหนุ่มทะเล้นแต่เป็นหนุ่มผมบลอนด์ขาวที่ทอดสายตามองด้วยสีหน้าบึ้งตึง จากนั้นชายผมยาวดำมัดม้วนต่ำจึงเผยยิ้มอย่างขบขันเย้าแหย่

“คงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธแล้วนะ บิทเทอ”

จากนั้นทั้งสองคนจึงกินมื้อเย็นด้วยกันโดยปริยาย คาเลนกินไปพลางอ่านเอกสารกับหนังสือ บิทเทอพยายามจะไม่ใส่ใจในการกระทำนั้น แต่ไม่พ้นสายชายผมยาวดำที่นั่งตรงข้ามกลอกตามองแฝงความขบขัน

‘อาจจะดูไม่ค่อยออก แต่บิทเทอออกแนวเจ้าระเบียบ...นิดหน่อย? เขาไม่สนหรอกว่าผมกินอาหารห้องไหน ตรงไหน แต่เขาสนเพราะผมกินอาหารไปด้วยอ่านเอกสารไปด้วย แบบไม่กลัวว่ามันจะตกใส่เอกสารมั้ยต่างหาก แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาอะไร’

‘ยังไงพระเอกคนหล่อคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่ชอบบังคับเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้หรอก’

“เอกสารพวกนั้นเกี่ยวกับแท่นศิลาคำสาปเหรอ?”
บิทเทอถามแล้วส่งเส้นพาสต้าม้วนเข้าปาก

“ใช่ แอบไปไถ่ข้อมูลมานิดหน่อยน่ะ”

คาเลนเลือกผละสายตาจากหน้ากระดาษแล้วกินอาหารต่อ อีกอย่างคือจะได้สนทนากับชายตรงหน้าถนัด “อยากบอกอะไรในฐานะฮันเตอร์มั้ย?” และคำถามนั่นทำคนฟังเงียบไปขณะหนึ่ง

“นายเป็นพวกชอบโดนสั่งสอนรึไง?”

“ถ้าบิทเทอ โลฮาสเป็นคนเฆี่ยนตีสั่งสอนก็น่าสน” 

ชายผมยาวดำว่าแล้วยักคิ้วหลิ่วตาใส่อย่างหยอกล้อ ทำคู่สนทนาถอนหายใจออกอย่างอิดออด แต่ก็ไม่วายแอบตงิดใจกับว่า ‘เฆี่ยนตี’

“ศิลาไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่หาได้ง่าย พลังของมันคาดเดาได้ยาก ขอบเขตคำสาปของแท่นศิลาคำสาปกว้างแค่ไหนไม่มีใครรู้ เพราะงั้นถ้านายคิดจะไป ก็อย่าไปสู้จนตายแบบโง่ๆ แล้วกัน” บิทเทอเงียบไปเพื่อเคี้ยวอาหารก่อนจะพูดต่อ “อีกอย่าง นายรู้ได้ยังไงว่าถ้าทำลายศิลาพวกนั้นแล้วจะไม่เกิดเรื่องอันตรายตามมา”

“เรื่องนั้นฉันไม่แน่ใจ แต่ถ้าทำลายศิลานั่น คำสาปที่ทำให้เกิดโรคสาปกายศิลาจะหายไป”

บิทเทอได้ยินแบบนั้นจึงมองนิ่ง “ไปเอาข้อมูลแบบนั้นมาจากไหน?”

‘อย่างน้อยเขาก็ควรรู้เรื่องนี้ไว้เพื่อความสะดวกในการไปถึงเป้าหมาย จริงๆ ตามเนื้อเรื่องเดิมของนิยายแล้ว บิทเทอไม่มีทางจะรู้เรื่องนี้ได้ในช่วงต้นเลย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะผมกำลังจะสปอยล์นิยายให้พระเอกฟัง(?)’

“ตามนั้น” คาเลนเอ่ยพลางเลื่อนหนังสือที่วางอยู่ข้างตนเองให้อีกคน บิทเทอหยุดทานอาหารแล้วรับมาทันที สายตาค่อยๆ กลอกอ่านอย่างพินิจ ส่วนคาเลนทานพาสต้าซอสเนื้อรอจนกว่าคู่สนทนาอ่านจบ

“ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากที่เงียบมาพักหนึ่งบิทเทอก็ส่งหนังสือคืนให้

“แต่ก่อนที่จะทำให้สิ่งที่นายพูดเป็นจริงได้ นายคงตายก่อน”

“อย่าแช่งกันสิ~ เกิดฉันกลัวจนฉี่ราดระหว่างกินอาหารฉันจะโทษนาย”

“ฉันต้องสน?” บิทเทอเลิกคิ้วมองกลับแล้วทานพาสต้าต่อ ส่วนทางด้านคาเลนที่ทานจนหมดจึงหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอ่านต่อ ครั้นฮันเตอร์หนุ่มกลืนเส้นพาสต้าเสร็จจึงเอ่ยกำชับ หวังเตือนสติและบอกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังจะวางแผนทำอะไร 

“เรื่องนี้มันไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้น”

“แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้”

“เอาอะไรมามั่นใจ”

“เพราะฉันมีนายอยู่ไงล่ะ บิทเทอ” คนทะเล้นพูดออกมาหน้าตาเฉยเหมือนไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองด้วยซ้ำ พลันทำคู่สนทนาถึงกับนิ่งไปแป๊บนึง ก่อนจะกระแอมเสียงแก้อาการกระด้างประหลาด

“ยะ...ยังไง นายก็ต้องรักษาคำสาปฉันด้วย”

คาเลนช้อนนัยน์ตาสีน้ำตาลมองกลับพร้อมเชิดมุมปาก “ฉันไม่ลืมข้อตกลงของเราหรอก เพราะนายน่ะสำคัญที่สุด” ยิ่งได้ฟังคำพูดคำจาจากชายผมดำยาว คล้ายว่าบิทเทอรู้สึกระคายแปลกๆ เหมือนใครเอาขนนกมาจั๊กจี้ใจอย่างไงอย่างงั้น



หลังพวกเขาทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ การหารือจึงเริ่มกลับสู่ความจริงจังอย่างที่ควรเป็น แต่ระหว่างคุยก็มีหยอกเล่นบ้างตามประสาอัธยาศัยของคาเลน 

โอ๊ะ…

ชายผมยาวดำอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนสายตาสะดุดเข้ากับเนื้อหาบางอย่าง เขายกมือขึ้นทำท่าเหมือนจะหาอะไรมาเขียนแต่ก็ไม่มี จนเผลอหลุดปากพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว 

“บิทเทอ ขอปากกาไฮไลท์หน่อย” 

“ปากกา...ไฮไลท์?”

‘เอ่าเวร! ลืมตัวไปได้ยังไงเนี่ย ทำไมแกสมองกลวงแบบนี้ห้ะ!?’

คาเลนเพิ่งจะนึกได้เลยตบหัวเองเบาๆ “เอ่อ...ช่างมันเถอะ แต่ดูนี่สิ บางทีถ้านายอ่านตรงนี้น่าจะรู้ว่านี่มันอยู่ที่ไหน” ว่าจบก็หมุนหนังสือหันไปทางบิทเทอพร้อมกับชี้ไปตัวอักษรที่เขาหมายตาไว้

“ ‘รูปปั้นตั้งกลางสวนหญ้าล้อมด้วยร่องน้ำกว้างเป็นวงกลม ทำไมสิ่งก่อสร้างประหลาดถึงได้อยู่กลางสวนร้างกัน?’ ” บิทเทออ่านทวนพร้อมพินิจไปด้วย
“นายรู้สินะว่ามันคือที่ไหน”

“พอเดาได้ ถัดจากเขตที่ฉันรับผิดชอบ นายน่าจะจำได้ว่ามันมีแม่น้ำไหลผ่าน”

“จำไม่ได้”

ฮันเตอร์จากใบหน้าเฉยก็เปลี่ยนมองค้อนใส่ ท่าทีนั้นทำคาเลนหัวเราะฝืดออกมา “ฉันไม่ได้จะพูดกวนนายนะ แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ เลยพูดแบบนั้นต่างหาก” ชายผมบลอนด์ขาวพ่นลมหายใจแล้วอธิบาย

“ในบันทึกไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน แต่พอประมาณว่าอยู่ไม่ไกลจากเขตนี้เท่าไร ดังนั้นแม่น้ำสายยาวที่ผ่านเมืองนี้คงยาวจนไปถึงสวนร้างนั้นด้วย”

“นายเคยไปเหรอ? สวนร้างนั่นน่ะ”

“สวนร้างที่มีน้ำไหลรอบสวนน่ะมันมีไม่กี่แห่งหรอก นอกจากว่ามันจะเป็นที่ที่ฉันไม่รู้จักจริงๆ ”

‘ตามนิยายบิทเทอเป็นคนมีแผนแต่เป็นพวกไม่ค่อยพูด กว่าจะปริปากบอกก็ตอนทำทุกอย่างเสร็จไปแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าจะทำให้เขาบอกแผนได้ยังไง นอกจากต้องทำให้หมอนี่ไว้ใจเท่านั้น’

‘หรือไม่ผมก็ต้องเป็นคนคิดแผนเอง แล้วค่อยมาคาดเดาขอบเขตความสามารถเขาเองทีหลัง’

คาเลนได้ยินแบบนั้นถึงกับหลุดขำ “เก่งๆ ความรู้แน่นขนาดนี้อยากได้รางวัลมั้ย~ สนใจเอาผมเป็นของขวัญมั้ยครับ คุณฮันเตอร์~” ชายดำยาวมัดม้วนต่ำพูดเสียงหวานมองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม แสดงออกเพื่อหยอกล้ออีกฝ่ายอย่างเคยชิน

“สนใจสิ”

“...”

คาเลนยิ้มค้าง

“เพราะฉันต้องให้นายช่วยแก้คำสาป”

“อ๋อ~ แบบนี้นี่เอง”

‘แม่งใจหายหมด’

คุยกันได้พักหนึ่งคาเลนจึงปิดหนังสือ พร้อมส่งเสียงร้องออกมาคล้ายว่าเพิ่งนึกบางอย่างได้ เขาลุกขึ้นสุดส่วนสูงแล้วเดินตรงไปหยิบเสื้อโค้ทยาวมาสวม บิทเทอมองตามด้วยความสงสัยจึงออกปากถาม

“นายจะไปไหน”

“เราสองคนต้องเดินทางกันยาวๆ เลย อีกอย่างระหว่างทางเราน่าจะเจอภูตด้วย เลยว่าจะหาอาวุธมาติดตัวสักหน่อย” คาเลนเงียบไปพลางยิ้มกระหยิ่มออกมา “หรือคุณจะคุ้มกันให้ผมกันล่ะ?”
“ทำไมฉันต้องคุ้มกันให้นาย”

“ก็~ ฉันมันผู้ชายบอบบาง”

นักล่าเสพติดภูตได้คำอธิบายถึงกับมองด้วยสีหน้าไม่เชื่อสุดใจ สายตาเลื่อนมองคนทะเล้นตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่กลัวว่าจะเสียมารยาท เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้แคร์

“ฉันขอปฏิเสธว่านั่นไม่เป็นความจริง”

“ทำไมล่ะ? คุณฮันเตอร์~”

“นายน่าจะได้เห็นตอนตัวเองต่อยกับภูตพวกนั้นนะ คนบอบบางที่ไหนเข้าไปสู้มันอย่างกับเสือล่ากวาง” คาเลนแอบลอบยิ้มมุมปาก ไม่ปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายกล่าวนั้นเป็นความจริง คนสติดีที่ไหนเขาเข้าไปสู้กับภูตแบบนั้น 

แต่เขาไม่ใช่...

‘เพราะคนอย่างผมมันเท่อะครับ~’

“ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ทำไม จะไปก็ไปสิ” บิทเทอว่าพลางสะบัดเท้าเตะหน้าแข้งชายผมยาวดำเบาๆ คนโดนเร่งสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มแห้งๆ ตามฉบับคนกวนประสาท

“แฮะๆ ไปกันเถอะ”

ฮันเตอร์หนุ่มถอนหายใจอ่อนเดินต่อโดยไม่แยแส



เมื่อออกมาจากบ้าน คาเลนก็นำทางไปยังสำนักงานแอนนาลิสท์ที่เขาทำงานอยู่ ภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมหินปูนขาวขุ่นสูง สายตาบิทเทอจับจ้องมองสถานที่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจก่อนจะออกปากถามไปทันที “นายมาที่นี่ทำไม หรือมีอารมณ์อยากทำงานต่อ”

 คนถูกถามได้ยินแบบนั้นถึงกับหัวเราะร่าออกมา

“นายเห็นฉันขยันขนาดนั้นเล๊ย?”

“งั้นมาทำไม”

คาเลนหรี่ตายิ้มแฝงนัย “มาเอาของขวัญน่ะ”

“ของขวัญ? เวลาแบบนี้เนี่ยนะ”

“งั้นเข้ามาดูด้วยกันมั้ยล่ะ~”

บิทเทอนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ารับ คนนำมามองอย่างพอใจก่อนจะสาวเท้านำเข้าสำนักงานทันที ภายในมีแต่โต๊ะทำงานไร้คนนั่ง คงเพราะเลยเวลาเลิกงานไปแล้วจึงมีคนอยู่ที่นี่จนนับนิ้วได้ คาเลนเลือกที่จะไม่ทักทายใคร นอกจากเขาไม่อยากจะรบกวนคนอื่นๆ อีกอย่างคือเขาไม่ได้มีธุระกงการอะไรกับคนเหล่านั้นด้วย

หนุ่มผมยาวดำเปิดประตูมายังห้องแยกอีกห้องหนึ่ง ปรากฏร่างชายคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเล็กๆ สายตาปรายมองคนมาเยือนแค่แวบเดียว ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางเป็นกันเอง 

“หว่า~ อย่าบอกนะว่านายพาสาวที่แอบคบมาแนะนำ—”

“อะแฮ่ม!”

คาเลนกระแอมเสียงขัดเพื่อนร่วมงานอย่าง ‘เรบิน’ ทันท่วงที อีกฝ่ายเลิกคิ้วก่อนจะเหลือบมองดีๆ จึงเห็นว่าบิทเทอยืนอยู่ข้างหลังเยื้องจากคาเลนไปเล็กน้อย เขาถึงกับนั่งนิ่งทื่อไปเพราะตนเผลอเสียมารยาทใส่อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“เรบิน เอาของฝากของฉันมาให้หน่อย”

“ดะ ได้”

เรบินรับคำมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ร่างโปร่งลุกไปดูตู้สูงที่เก็บข้าวของต่างๆ ไว้เป็นชั้น ไม่นานก็หยิบเอากล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมายื่นให้ คาเลนรับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนอีกฝ่ายจะกระซิบพูดกับเขาพอให้ได้ยินแค่สองคน 

“ไปพาคนดังที่ไหนมาเนี่ย!”

“ทำไม อยากขอลายเซ็นรึไง”

“ใช่ที่ไหน! หัวใจฉันแทบวายเพราะแก—”

“ขอบคุณที่เอาของฝากให้นะครับ~” คาเลนตัดบทรับของมาแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับบิทเทอทันที เรบินได้แต่มองตามอย่างฉงนงงก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

“เจ้าบ้านั่นกวนประสาทชะมัด”

ทางด้านชายหนุ่มทั้งสองพอเดินออกมาจากสำนักงาน บิทเทอเลยออกปากถามด้วยความใคร่รู้ “ของฝากที่ว่านั่นคืออะไร” คนถูกถามไม่พูดอะไรเลือกที่จะหยุดฝีเท้าตรงหน้าสำนักงาน เขาเปิดฝากล่องไม้ออกแล้วยื่นให้บิทเทอดู จึงเห็นว่าด้านในคือกริชใส่ฝักหนังไว้อย่างดี

“นี่อาวุธของนายเหรอ?”

“ใช่ ฉันบอกเลยว่ากริชนี้มีความพิเศษ”

“ยังไง”

“เพราะมันมีผมเป็นเจ้าของยังไงล่ะ”

“...”

แม้ว่าชายหนุ่มจะส่งมุกหยอกเล่นมา แต่บิทเทอยังคงแสดงท่าทีสุขุมหรี่ตามองอย่างขุ่นมัวใจ พินิจหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกเอาอาวุธนี้มา คาเลนสังเกตเห็นท่าทีนั้นก็ยิ้มให้อย่างมั่นใจ

“ไม่ต้องห่วง เห็นแบบนี้แต่ฉันไม่คิดจะเป็นตัวถ่วงนายหรอก บิทเทอ”