เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก


ช่วงสายวันท้องฟ้ามืดครึ้มลอยเหนือเมืองธาน คาเลนมองออกไปข้างนอกหน้าต่างกว้าง คาดเดาว่าต่อจากนี้ฝนคงจะตกหนัก อดทำเขากังวลไม่ได้ว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนหรืออย่างไร ขณะที่นั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ยาว หัวไหล่ก็ถูกสะกิดเบาๆ พอหันหน้าไปมองจึงพบว่าเป็นคนหล่อ…อะแฮ่ม

หมายถึงพระเอกน่ะ

“ว่าไง นึกยังไงนายถึงนัดเจอกับฉันที่นี่ล่ะ บิทเทอ”

พูดเช่นนั้นเพราะที่ที่คุณพระเอกนัดมาเจอคือสำนักงานรับภารกิจฮันเตอร์ คาเลนกล่าวทักทายพร้อมกับยิ้มแฉ่งออกมาอย่างคารมดี บิทเทอในมาดฮันเตอร์เดินมานั่งลงข้างๆ ส่วนคนทักจากที่มองนอกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นเท้าคางมองพระเอกแทน  

“นายมาช้ากว่าฉันนะ”

“ทำไม”

“ตื่นสายเหรอ?”

“ซื้อของระหว่างทางต่างหาก” บิทเทอพรูลมหายใจออกมาก่อนจะวางริบบิ้นเส้นเล็กสีแดงเลือดหมูไว้บนเคาน์เตอร์ ชายหนุ่มเห็นของที่อีกคนซื้อมาเลยเลิกคิ้วมองอย่างฉงน แต่คล้ายคุณพระเอกรู้ว่าคู่สนทนาสงสัยจึงบอกคำตอบไป

“ริบบิ้น”

“ริบบิ้น?”

“เอามามัดผมยาวๆ นายไงล่ะ เห็นแล้วเกะกะลูกตา”

คาเลนจับปลายผมยาวดำตัวเองพลางชำเลืองมอง ปกติชายหนุ่มมัดรวบผมไว้เสมออยู่แล้ว ไม่อยากให้มันสะบัดเกะกะน่ารำคาญ กระนั้นไม่คิดว่าบิทเทอจะมาใส่ใจเรื่องยิบย่อยแบบนี้ อะไรที่ทำให้พระเอกคนนี้กังวลกันในเมื่อเขามัดผมเรียบร้อยอยู่แล้ว

“แต่นายเห็นหนิว่าฉันมีอยู่แล้ว” 

ชายหนุ่มว่าพร้อมชี้นิ้วไปยังริบบิ้นที่มัดรวบผมยาวตัวเองอยู่ 

“ก็ไม่ได้บอกว่าให้ใช้ตอนนี้”

“ฉันไม่เก็บของนายไว้เปล่า ได้มาทั้งทีต้องใช้สิ”

“แล้วแต่นาย”

บิทเทอตอบกลับเสียงเรียบอย่างไม่ยี่หระ

“ก็นะ ของที่ได้จากนายน่ะมันสำคัญซะจนอยากเอาขึ้นหิ้งบูชาเลย”

ฮันเตอร์หนุ่มนิ่งเงียบไปพักหนึ่งโดยคงท่าทางสุขุมอย่างเดิม ก่อนครู่ต่อมาจะกล่าวกับคาเลนด้วยความเอือมใจ “หยุดใช้คำพูดประหลาดนั่นสักทีเถอะ”

‘ผมบอกเลยว่าถ้าเขาตั้งใจจีบผมอยู่ ผมจะเอาตัวเองใส่พานแล้วถวายให้ถึงที่เลย’

ระหว่างสนทนากันอยู่นั้น หญิงผมสีคาราเมลหยิกทรงมัดรวบสูงออกจากประตูมุมอับตา กลับมายืนประจำหลังเคาน์เตอร์ เดาได้เลยว่าคงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภารกิจ คาเลนละสายตาจากบิทเทอและหันไปหรี่ตามองเธอคนนี้ที่มีหน้าตาเป็นมิตร 

“คุณคงไม่ใช่ฮันเตอร์หรอกใช่ไหมคะ?”

“ครับ”

“ฉันยานรัม ฮิลล์ค่ะ” เธอว่าแล้วส่งยิ้มหวานตาหยีให้อย่างเป็นมิตร

“ผมคาเลน แบรนดอนครับ”

‘รื้อจากความทรงจำอันไม่น้อยนิดของผมแล้ว ‘ยานรัม ฮิลล์’ คือตัวละครประกอบที่มีหน้าที่บันทึกภารกิจฮันเตอร์ ความพิเศษของเธอคงเป็นกลิ่นอายออกแนวพี่สาว อายุน่าจะมากกว่าผมจากโลกเก่าด้วยซ้ำไป (เดาว่า 40 กว่าปี) นอกจากความพี่สาว อีกอย่างคงเป็นกริยาอันเป็นมิตรแบบผู้ใหญ่’

‘แต่ถามว่าเธอเป็นตัวละครในดวงใจผมมั้ย? แน่นอนว่าไม่ พระเอกของผมเท่ที่สุดครับ แต่ที่จำรายละเอียดเกี่ยวกับเธอได้ขนาดนี้ เป็นเพราะว่าเวลาดึกๆ เธอกับบิทเทอมักจะพูดคุยกันแก้เบื่อแก้เหงาบ่อยๆ ’

หลังได้ยินนามของเขาถูกกล่าวออกมา ยานรัมก็ถามกลับมาทันที เห็นได้ชัดเลยว่าเธอแสดงความสนใจในตัวคาเลน “งั้นคุณคือแบล็คอาร์ตใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“ไม่อยากเชื่อ.. นี่บิทเทอ นายโดนแอนนาลิสท์คนเก่งมาทาบทามเชียวเหรอ?”

บิทเทอมองไปด้วยสีหน้าตายด้าน เขากลอกตาหยุดมองคาเลนที่หันมาส่งยิ้มให้ ก่อนฮันเตอร์หนุ่มจะตอบเสียงขรึม “คนเก่ง? ไอ้หมอนี่น่ะเหรอครับ?” 

“ถามย้อนมาได้นะ เขาเป็นถึงแอนนาลิสท์ที่สามาร—-”

“เฮ้อ~”

ฮันเตอร์หนุ่มทำหูทวนลม ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เวลาอยู่บิทเทอแล้วยานรัมจะทำท่าทางสนิทสนมมากกว่าเดิม ไม่สำรวมอย่างตอนคุยกับคาเลน เพราะจากความสัมพันธ์ในนิยาย คู่นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพี่สาวน้องชาย

“งั้นคุณแบรนดอนจะออกไปทำงานกับบิทเทอเหรอคะ?”

“ครับ เป็นภารกิจที่ค่อนข้างจะยาวเลยทีเดียว”

“แบบนี้นี่เอง คงมาจดบันทึกภารกิจสินะคะ”

“ใช่แล้วครับ ใช่แล้วครับ” 

บิทเทอตอบรับอย่างหน่ายๆ แทน ทั้งที่คาเลนกับยานรัมกำลังคุยกันอยู่ หญิงสาวปรายตามองคนตอบก่อนจะหมุนตัวเดินผ่านประตูมุมอับนั่นไปอีกครั้ง เมื่อชายผมดำยาวเห็นเธอเดินลับตาสายตา จึงเหลียวมองคุณพระเอกกำลังจุดสูบบุหรี่ ท่าทางเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

“เหม่อเหรอ?”

ชายผมดำยาวถามพร้อมกับเอียงหัวมอง

“ไม่มองหน้านายไม่ได้หมายความว่าเหม่อสักหน่อย”

“ทำไม มองหน้าฉันแล้วกลัวจะเขินรึไง?”

“อาจจะ”

คาเลนอึ้ง ไม่เชื่อว่านั่นคือคำตอบของอีกฝ่าย เขาหรี่ตามองก่อนจะตบหูตัวเองเบาๆ เช็กว่ามันยังใช้งานได้ดีมั้ย “เดี๋ยวนี้นายเรียนรู้ที่จะตอบโต้ฉันแบบนี้เหรอ?” บิทเทอเลิกคิ้วมองเล็กน้อย แวบหนึ่งเขาเห็นว่ามุมปากอีกฝ่ายเชิดยิ้มจาง



หลังทำการจดบันทึกภารกิจกับยานรัมเสร็จสิ้น เธอได้ให้คำอวยพรมา ‘ขอให้ปลอดภัยนะคะ’ คำพูดที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไร คุ้นหูดีตั้งแต่โลกนี้ยันโลกเก่าที่คาเลนเคยอยู่มา ถึงอย่างนั้นพอได้ยินประโยคแบบนี้ทีไรก็อดรู้สึกดีไม่ได้ที่มีคนคอยบอกลาแสดงความเป็นห่วง (แม้จะตามมารยาทก็เถอะ)

“เอาล่ะ เราจะเริ่มเดินทางกันเลยใช่ไหม”

“ใช่ ขึ้นรถม้าไปทางเหนือจนถึงเมืองอาร์ลีน พักที่นั่นสักคืนก่อนแล้วคอยขี่ม้าเลียบไปกับแม่น้ำ” บิทเทอพูดแผนการทั้งหมดให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย คาเลนพยักหน้าเบาก่อนจะถามเสียงยียวนกลับ

“งั้นการเดทครั้งนี้อยากเริ่มจากอะไรก่อนล่ะ?”

“นี่มันงานครับ คุณแบรนดอน”

ฮันเตอร์ตบหลังชายผมยาวดำครั้งสองครั้ง จากนั้นเรียกรถให้มาจอดเทียบเพื่อโดยสารเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่วางเอาไว้ ครั้นคาเลนหย่อนตัวนั่งลงบนเบาะ ความคิดมากมายก็ค่อยๆ ไหลเข้ามา แม้ภายนอกจะมีหลากเสียงพร้อมรบกวน แต่ถูกลดทอนลงด้วยความเงียบในรถม้านี้

‘อยู่ๆ ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังรนหาที่ตายแปลกๆ การตามหาแท่นศิลาคำสาปก็ถือว่าน่ากังวลอยู่หรอก แต่ปัญหามันคือระหว่างทางที่เราต้องไปต่างหาก พูดตรงๆ ตอนนี้ผมกำลังพาพระเอกออกนอกเส้นเรื่องไปมาก’

คาเลนนึกแบบนั้นแล้วกลอกตามองบิทเทอแวบหนึ่ง ‘ต่อจากนี้คงเดาอะไรไม่ได้มาก แต่ข้อมูลทุกอย่างที่ผมรู้จากบันทึกพวกนั้นมันมากพอแล้วที่จะรับมือ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น’

‘บางทีคนอย่างผมมันเอาแต่ใจจนน่าหงุดหงิดจริงๆ ’



การเดินทางดำเนินไปอย่างยาวนานเป็นชั่วโมง นี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่คาเลนได้เดินทางออกจากเมือง นอกเหนือจากเรื่องงานและเรื่องเที่ยว เขารู้ดีว่ายุคสมัยนี้การเดินทางนั้นใช้เวลานานไม่เหมือนกับยุคที่ตนเคยอยู่มา บางเมืองควบม้าที่เรียกว่ามอเตอร์ไซค์ไปไม่กี่นาทีก็ถึง แต่รถม้าใช้เวลาเกือบๆ สิบนาทีหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป 

“คาเลน”

เจ้าของชื่อหันมองบิทเทอซึ่งเป็นคนกล่าว ในตอนนี้สีหน้าชายผมยาวดำเรียบเฉยเหมือนหลงอยู่ภวังค์ความคิดตนเอง ฮันเตอร์หนุ่มอดรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ไม่ได้ที่คนตรงหน้าเงียบเป็นเป่าสาก จึงได้ออกปากเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา

“นายคิดจริงๆ เหรอว่าคาเบิลเป็นโรคสาปกายศิลา เพราะแท่นศิลาคำสาปพวกนั้น”

“ทุกอย่างสอดคล้องกันเป็นส่วนมาก ในบันทึกที่เอาติดมาด้วยก็มีการกล่าวถึงอยู่ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือการพิสูจน์”

“ถ้าหากว่าพิสูจน์ว่ามันใช่ล่ะ” 

บิทเทอถามเสียงต่ำ พาให้คาเลนสบตากลับแล้วเชิดยิ้มเหี้ยม 

“ก็ทำลายศิลาทั้งหมดนั่นแหละ”

นักล่าเสพติดภูตหรี่ตามองหลังได้ยินคำตอบมาแบบนั้น เขาพอทราบว่าเจตจำนงของคาเลนคืออะไร มันดูชัดเจนแต่ในขณะเดียวกัน มันก็เดาได้ยากว่าชายคนนี้จะหาทางทำลายแท่นศิลาคำสาปพวกนั้นยังไง

“ถ้าเราทำแผนทุกอย่างนี้ไม่ดีพอ เราอาจถูกจับตามอง”

“นายสนใจเรื่องนั้นด้วยเหรอ?” ชายผมดำยาวถามกลับอย่างท้าทาย บิทเทอมองนิ่งแล้วถอนหายใจไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีนั้น

“ต้องสนสิ เพราะมันทำให้ฉันอยู่ยากขึ้น”

“คุณเป็นฮันเตอร์ที่ดีและเก่ง ถึงไม่ทำเรื่องแบบนี้คุณเองก็ถูกจับตามองอยู่แล้ว”

“อยากให้ฉันชินกับมันเหรอ?”

“ประมาณนั้น”

พวกเขาสนทนากันเป็นบางครั้งบางคราวระหว่างโดยสาร เวลาผ่านไปสู่ช่วงบ่ายวันก็มาถึงจุดหมายซึ่งเป็นเมืองทางเหนือตามที่บิทเทอว่าไว้ก่อนหน้า สองบุรุษเดินตามทางแล้วเลือกพักโรงแรมแห่งหนึ่งเดาว่าคงใช้เวลาไม่นานไปเกินในการพักอยู่ที่นี่

ก๊อกๆ ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะ เรียกให้เจ้าของห้องพักอย่างคาเลนเดินไปเปิดต้อนรับ พบแขกซึ่งเป็นฮันเตอร์ร่วมทางหน้านิ่งหล่อเหลา พวกเขาไม่ได้พักอยู่ห้องเดียวกัน เหตุผลก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคุณพระเอกคนนี้หวงที่ขนาดไหน ฉะนั้นบอดี้การ์ดต่างโลกคนนี้เลยเลือกที่จะหลีกเลี่ยงในการมีปัญหากับชายคนนี้ในช่วงแรกของการเดินทาง

“ทำไม? กลัวฝันร้ายเลยอยากมานอนกับฉันเหรอ?”

“ปากแกนี่มันจริงๆ ” บิทเทอเดินเข้าแล้วใช้ศอกดันแผ่นอกคาเลนอย่างฉุนๆ คนทักยิ้มร่าขบขันต่อการตอบสนองสุดเอือมนั้น “ฉันมาเพราะว่าเราต้องเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้แต่เช้า”

“ฉันพร้อมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ฉันมา ‘ดู’ เพื่อความแน่ใจ ไม่ได้จะมา ‘ถาม’ เอาปากเปล่า”

‘ง่ะ~ ดุจังเลยครับ~ พ่อนักล่าคนเก่ง~’

คาเลนนึกในใจแบบนั้น ทั้งที่ตอนนี้บิทเทอส่งสายตาดุดันมาอย่างกับจะกลืนกินเขาเข้าไป สัมภาระของฮันเตอร์ส่วนใหญ่เป็นอาวุธไม่ก็พวกยารักษา ส่วนทางเขาพกกระเป๋าหนังมาหนึ่งใบ ข้างในมีบันทึกแท่นศิลาคำสาปของคาเบิล กริชที่ได้มาจากสำนักงานแอนนาลิสท์ นอกนั้นก็เป็นของใช้อื่นๆ 

ตอนนี้คุณพระเอกหน้าขรึมกำลังค้นดูของแต่ละชิ้นในกระเป๋าคาเลน แน่นอนว่าเขาอนุญาตแล้ว จนหนุ่มบลอนด์ขาวดูของเสร็จจึงละสายตาจากสัมภาระภายใน หันไปกล่าวถามกับคนเป็นเจ้าของแทน

“นายไม่ได้เตรียมอาวุธอะไรมาเลยสินะ”

“ใช่ แต่ฉันคิดว่ายังไง ภูตส่วนใหญ่นายเป็นคนจัดการอยู่แล้ว เพราะงั้นให้ปืนมาสักกระบองกับฉันแล้วคอยจัดการพวกปลายแถวให้ก็ไม่แย่”

คาเลนเสนอมาทำบิทเทอปรายมองคนกล่าว

“แล้วทำไมไม่เตรียมปืนมา”

“ฉันว่าจะขอปืนของนายยังไงล่ะ”

“...”

พอได้ยินคำตอบแบบนั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็หรี่มองมาอย่างขุ่นเคือง แน่นอนว่าเขาจับสังเกตออกทันทีว่าฮันเตอร์คนนี้กำลังแสดงความไม่พอใจ “ทำไมมองแบบนั้นเหรอครับ~”

“ไหนบอกว่าเตรียมพร้อมไง”

“ก็ฉันไม่มีปืนหนิ อีกอย่างแอนนาลิสท์ที่ติดอาวุธมันจะมีสักเท่าไรกัน”

‘ปกติแล้วแอนนาลิสท์ที่ติดอาวุธมีไม่มากนักหรอก เพราะยังไงซะหน้าที่ก็คือการเก็บงานช่วงสุดท้าย ถอนคำสาปวัตถุเสร็จจากนั้นก็วิเคราะห์พวกภูต ความเสี่ยงที่จะเจอเรื่องอันตรายมีน้อยกว่าฮันเตอร์อยู่แล้ว ความปลอดภัยในการคุ้มครองแอนนาลิสท์ยังเป็นหนึ่งในหน้าที่พวกฮันเตอร์ด้วยซ้ำไป’ 

‘แต่จริงๆ นั่นมันก็แค่ข้ออ้างน่ะ เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือผมอยากจะใช้ปืนของบิทเทอต่างหาก ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ?’

‘เพราะมันเป็นของพระเอกไงล่ะ ผมเลยอยากแย่งมาแค่นั้นแหละครับ’

“ฉันมีลูกซองแฝดกับลูกซองเดี่ยว ใช้เป็นใช่ไหม?” นักล่าเสพติดภูตถามพร้อมกับกอดอกยืนพิงหลังกับผนังห้อง คาเลนหย่อนตัวนั่งลงปลายเตียงแล้วเผยยิ้มบางออกมา

“รู้วิธีใช้ แต่ถ้าความชำนาญก็ไม่ขนาดนั้น”

“งั้นเหรอ”

บิทเทอพยักหน้ารับกำลังครุ่นคิดถึงศักยภาพเขาอยู่ แต่ท่าทีแลไม่ได้เป็นกังวลอะไรขนาดนั้น เพราะก่อนหน้านี้คาเลนเองก็เคยรับมือกับภูตด้วยวิธีที่บ้าบิ่นนั่น(?)ให้เขาเห็นแล้ว ชายผมยาวดำซึ่งนั่งปลายเตียงเลื่อนแขนทั้งสองข้างยันเอนตัวเล็กน้อย

“คุณหลับตาข้างหนึ่ง ข้างไหนก็ได้ แล้วลืมขึ้นหน่อยสิ”

จู่ๆ คาเลนก็พูดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล พาให้เรียวคิ้วบิทเทอย่นเข้าหากัน

“ทำไม”

“ลองดูสิ” 

เมื่อเขาเชื้อเชิญแบบนั้น บิทเทอจึงลองหลับตาขวาลงและลืมขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอก “แบบนี้?”

“นั่นแหละ ทำอีกรอบ”

คุณพระเอกทำอีกครั้งหนึ่งตามที่คนตรงหน้าบอกด้วยความงวยงง แต่คราวนี้ทำเร็วกว่าเมื่อกี้มาก บิทเทอทำเสร็จไปก็ยังคงไม่เข้าใจว่าตนทำแบบนี้แล้วได้ประโยชน์อะไร เลยมองกลับไปยังคนบอกที่มองมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้าง

“เมื่อกี้คุณขยิบตาให้ผมเหรอ~ บิทเทอ~”

“...”

“หว่า~ เขินซะแล้วสิ~ คุณฮันเตอร์~”

“จะประสาทอีกนานมั้ย”

“คริๆ ”