ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ช่วงสายวันท้องฟ้ามืดครึ้มลอยเหนือเมืองธาน คาเลนมองออกไปข้างนอกหน้าต่างกว้าง คาดเดาว่าต่อจากนี้ฝนคงจะตกหนัก อดทำเขากังวลไม่ได้ว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนหรืออย่างไร ขณะที่นั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ยาว หัวไหล่ก็ถูกสะกิดเบาๆ พอหันหน้าไปมองจึงพบว่าเป็นคนหล่อ…อะแฮ่ม
หมายถึงพระเอกน่ะ
“ว่าไง นึกยังไงนายถึงนัดเจอกับฉันที่นี่ล่ะ บิทเทอ”
พูดเช่นนั้นเพราะที่ที่คุณพระเอกนัดมาเจอคือสำนักงานรับภารกิจฮันเตอร์ คาเลนกล่าวทักทายพร้อมกับยิ้มแฉ่งออกมาอย่างคารมดี บิทเทอในมาดฮันเตอร์เดินมานั่งลงข้างๆ ส่วนคนทักจากที่มองนอกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นเท้าคางมองพระเอกแทน
“นายมาช้ากว่าฉันนะ”
“ทำไม”
“ตื่นสายเหรอ?”
“ซื้อของระหว่างทางต่างหาก” บิทเทอพรูลมหายใจออกมาก่อนจะวางริบบิ้นเส้นเล็กสีแดงเลือดหมูไว้บนเคาน์เตอร์ ชายหนุ่มเห็นของที่อีกคนซื้อมาเลยเลิกคิ้วมองอย่างฉงน แต่คล้ายคุณพระเอกรู้ว่าคู่สนทนาสงสัยจึงบอกคำตอบไป
“ริบบิ้น”
“ริบบิ้น?”
“เอามามัดผมยาวๆ นายไงล่ะ เห็นแล้วเกะกะลูกตา”
คาเลนจับปลายผมยาวดำตัวเองพลางชำเลืองมอง ปกติชายหนุ่มมัดรวบผมไว้เสมออยู่แล้ว ไม่อยากให้มันสะบัดเกะกะน่ารำคาญ กระนั้นไม่คิดว่าบิทเทอจะมาใส่ใจเรื่องยิบย่อยแบบนี้ อะไรที่ทำให้พระเอกคนนี้กังวลกันในเมื่อเขามัดผมเรียบร้อยอยู่แล้ว
“แต่นายเห็นหนิว่าฉันมีอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มว่าพร้อมชี้นิ้วไปยังริบบิ้นที่มัดรวบผมยาวตัวเองอยู่
“ก็ไม่ได้บอกว่าให้ใช้ตอนนี้”
“ฉันไม่เก็บของนายไว้เปล่า ได้มาทั้งทีต้องใช้สิ”
“แล้วแต่นาย”
บิทเทอตอบกลับเสียงเรียบอย่างไม่ยี่หระ
“ก็นะ ของที่ได้จากนายน่ะมันสำคัญซะจนอยากเอาขึ้นหิ้งบูชาเลย”
ฮันเตอร์หนุ่มนิ่งเงียบไปพักหนึ่งโดยคงท่าทางสุขุมอย่างเดิม ก่อนครู่ต่อมาจะกล่าวกับคาเลนด้วยความเอือมใจ “หยุดใช้คำพูดประหลาดนั่นสักทีเถอะ”
‘ผมบอกเลยว่าถ้าเขาตั้งใจจีบผมอยู่ ผมจะเอาตัวเองใส่พานแล้วถวายให้ถึงที่เลย’
ระหว่างสนทนากันอยู่นั้น หญิงผมสีคาราเมลหยิกทรงมัดรวบสูงออกจากประตูมุมอับตา กลับมายืนประจำหลังเคาน์เตอร์ เดาได้เลยว่าคงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภารกิจ คาเลนละสายตาจากบิทเทอและหันไปหรี่ตามองเธอคนนี้ที่มีหน้าตาเป็นมิตร
“คุณคงไม่ใช่ฮันเตอร์หรอกใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
“ฉันยานรัม ฮิลล์ค่ะ” เธอว่าแล้วส่งยิ้มหวานตาหยีให้อย่างเป็นมิตร
“ผมคาเลน แบรนดอนครับ”
‘รื้อจากความทรงจำอันไม่น้อยนิดของผมแล้ว ‘ยานรัม ฮิลล์’ คือตัวละครประกอบที่มีหน้าที่บันทึกภารกิจฮันเตอร์ ความพิเศษของเธอคงเป็นกลิ่นอายออกแนวพี่สาว อายุน่าจะมากกว่าผมจากโลกเก่าด้วยซ้ำไป (เดาว่า 40 กว่าปี) นอกจากความพี่สาว อีกอย่างคงเป็นกริยาอันเป็นมิตรแบบผู้ใหญ่’
‘แต่ถามว่าเธอเป็นตัวละครในดวงใจผมมั้ย? แน่นอนว่าไม่ พระเอกของผมเท่ที่สุดครับ แต่ที่จำรายละเอียดเกี่ยวกับเธอได้ขนาดนี้ เป็นเพราะว่าเวลาดึกๆ เธอกับบิทเทอมักจะพูดคุยกันแก้เบื่อแก้เหงาบ่อยๆ ’
หลังได้ยินนามของเขาถูกกล่าวออกมา ยานรัมก็ถามกลับมาทันที เห็นได้ชัดเลยว่าเธอแสดงความสนใจในตัวคาเลน “งั้นคุณคือแบล็คอาร์ตใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
“ไม่อยากเชื่อ.. นี่บิทเทอ นายโดนแอนนาลิสท์คนเก่งมาทาบทามเชียวเหรอ?”
บิทเทอมองไปด้วยสีหน้าตายด้าน เขากลอกตาหยุดมองคาเลนที่หันมาส่งยิ้มให้ ก่อนฮันเตอร์หนุ่มจะตอบเสียงขรึม “คนเก่ง? ไอ้หมอนี่น่ะเหรอครับ?”
“ถามย้อนมาได้นะ เขาเป็นถึงแอนนาลิสท์ที่สามาร—-”
“เฮ้อ~”
ฮันเตอร์หนุ่มทำหูทวนลม ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เวลาอยู่บิทเทอแล้วยานรัมจะทำท่าทางสนิทสนมมากกว่าเดิม ไม่สำรวมอย่างตอนคุยกับคาเลน เพราะจากความสัมพันธ์ในนิยาย คู่นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพี่สาวน้องชาย
“งั้นคุณแบรนดอนจะออกไปทำงานกับบิทเทอเหรอคะ?”
“ครับ เป็นภารกิจที่ค่อนข้างจะยาวเลยทีเดียว”
“แบบนี้นี่เอง คงมาจดบันทึกภารกิจสินะคะ”
“ใช่แล้วครับ ใช่แล้วครับ”
บิทเทอตอบรับอย่างหน่ายๆ แทน ทั้งที่คาเลนกับยานรัมกำลังคุยกันอยู่ หญิงสาวปรายตามองคนตอบก่อนจะหมุนตัวเดินผ่านประตูมุมอับนั่นไปอีกครั้ง เมื่อชายผมดำยาวเห็นเธอเดินลับตาสายตา จึงเหลียวมองคุณพระเอกกำลังจุดสูบบุหรี่ ท่าทางเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“เหม่อเหรอ?”
ชายผมดำยาวถามพร้อมกับเอียงหัวมอง
“ไม่มองหน้านายไม่ได้หมายความว่าเหม่อสักหน่อย”
“ทำไม มองหน้าฉันแล้วกลัวจะเขินรึไง?”
“อาจจะ”
คาเลนอึ้ง ไม่เชื่อว่านั่นคือคำตอบของอีกฝ่าย เขาหรี่ตามองก่อนจะตบหูตัวเองเบาๆ เช็กว่ามันยังใช้งานได้ดีมั้ย “เดี๋ยวนี้นายเรียนรู้ที่จะตอบโต้ฉันแบบนี้เหรอ?” บิทเทอเลิกคิ้วมองเล็กน้อย แวบหนึ่งเขาเห็นว่ามุมปากอีกฝ่ายเชิดยิ้มจาง
หลังทำการจดบันทึกภารกิจกับยานรัมเสร็จสิ้น เธอได้ให้คำอวยพรมา ‘ขอให้ปลอดภัยนะคะ’ คำพูดที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไร คุ้นหูดีตั้งแต่โลกนี้ยันโลกเก่าที่คาเลนเคยอยู่มา ถึงอย่างนั้นพอได้ยินประโยคแบบนี้ทีไรก็อดรู้สึกดีไม่ได้ที่มีคนคอยบอกลาแสดงความเป็นห่วง (แม้จะตามมารยาทก็เถอะ)
“เอาล่ะ เราจะเริ่มเดินทางกันเลยใช่ไหม”
“ใช่ ขึ้นรถม้าไปทางเหนือจนถึงเมืองอาร์ลีน พักที่นั่นสักคืนก่อนแล้วคอยขี่ม้าเลียบไปกับแม่น้ำ” บิทเทอพูดแผนการทั้งหมดให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย คาเลนพยักหน้าเบาก่อนจะถามเสียงยียวนกลับ
“งั้นการเดทครั้งนี้อยากเริ่มจากอะไรก่อนล่ะ?”
“นี่มันงานครับ คุณแบรนดอน”
ฮันเตอร์ตบหลังชายผมยาวดำครั้งสองครั้ง จากนั้นเรียกรถให้มาจอดเทียบเพื่อโดยสารเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่วางเอาไว้ ครั้นคาเลนหย่อนตัวนั่งลงบนเบาะ ความคิดมากมายก็ค่อยๆ ไหลเข้ามา แม้ภายนอกจะมีหลากเสียงพร้อมรบกวน แต่ถูกลดทอนลงด้วยความเงียบในรถม้านี้
‘อยู่ๆ ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังรนหาที่ตายแปลกๆ การตามหาแท่นศิลาคำสาปก็ถือว่าน่ากังวลอยู่หรอก แต่ปัญหามันคือระหว่างทางที่เราต้องไปต่างหาก พูดตรงๆ ตอนนี้ผมกำลังพาพระเอกออกนอกเส้นเรื่องไปมาก’
คาเลนนึกแบบนั้นแล้วกลอกตามองบิทเทอแวบหนึ่ง ‘ต่อจากนี้คงเดาอะไรไม่ได้มาก แต่ข้อมูลทุกอย่างที่ผมรู้จากบันทึกพวกนั้นมันมากพอแล้วที่จะรับมือ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น’
‘บางทีคนอย่างผมมันเอาแต่ใจจนน่าหงุดหงิดจริงๆ ’
การเดินทางดำเนินไปอย่างยาวนานเป็นชั่วโมง นี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่คาเลนได้เดินทางออกจากเมือง นอกเหนือจากเรื่องงานและเรื่องเที่ยว เขารู้ดีว่ายุคสมัยนี้การเดินทางนั้นใช้เวลานานไม่เหมือนกับยุคที่ตนเคยอยู่มา บางเมืองควบม้าที่เรียกว่ามอเตอร์ไซค์ไปไม่กี่นาทีก็ถึง แต่รถม้าใช้เวลาเกือบๆ สิบนาทีหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป
“คาเลน”
เจ้าของชื่อหันมองบิทเทอซึ่งเป็นคนกล่าว ในตอนนี้สีหน้าชายผมยาวดำเรียบเฉยเหมือนหลงอยู่ภวังค์ความคิดตนเอง ฮันเตอร์หนุ่มอดรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ไม่ได้ที่คนตรงหน้าเงียบเป็นเป่าสาก จึงได้ออกปากเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา
“นายคิดจริงๆ เหรอว่าคาเบิลเป็นโรคสาปกายศิลา เพราะแท่นศิลาคำสาปพวกนั้น”
“ทุกอย่างสอดคล้องกันเป็นส่วนมาก ในบันทึกที่เอาติดมาด้วยก็มีการกล่าวถึงอยู่ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือการพิสูจน์”
“ถ้าหากว่าพิสูจน์ว่ามันใช่ล่ะ”
บิทเทอถามเสียงต่ำ พาให้คาเลนสบตากลับแล้วเชิดยิ้มเหี้ยม
“ก็ทำลายศิลาทั้งหมดนั่นแหละ”
นักล่าเสพติดภูตหรี่ตามองหลังได้ยินคำตอบมาแบบนั้น เขาพอทราบว่าเจตจำนงของคาเลนคืออะไร มันดูชัดเจนแต่ในขณะเดียวกัน มันก็เดาได้ยากว่าชายคนนี้จะหาทางทำลายแท่นศิลาคำสาปพวกนั้นยังไง
“ถ้าเราทำแผนทุกอย่างนี้ไม่ดีพอ เราอาจถูกจับตามอง”
“นายสนใจเรื่องนั้นด้วยเหรอ?” ชายผมดำยาวถามกลับอย่างท้าทาย บิทเทอมองนิ่งแล้วถอนหายใจไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีนั้น
“ต้องสนสิ เพราะมันทำให้ฉันอยู่ยากขึ้น”
“คุณเป็นฮันเตอร์ที่ดีและเก่ง ถึงไม่ทำเรื่องแบบนี้คุณเองก็ถูกจับตามองอยู่แล้ว”
“อยากให้ฉันชินกับมันเหรอ?”
“ประมาณนั้น”
พวกเขาสนทนากันเป็นบางครั้งบางคราวระหว่างโดยสาร เวลาผ่านไปสู่ช่วงบ่ายวันก็มาถึงจุดหมายซึ่งเป็นเมืองทางเหนือตามที่บิทเทอว่าไว้ก่อนหน้า สองบุรุษเดินตามทางแล้วเลือกพักโรงแรมแห่งหนึ่งเดาว่าคงใช้เวลาไม่นานไปเกินในการพักอยู่ที่นี่
ก๊อกๆ ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะ เรียกให้เจ้าของห้องพักอย่างคาเลนเดินไปเปิดต้อนรับ พบแขกซึ่งเป็นฮันเตอร์ร่วมทางหน้านิ่งหล่อเหลา พวกเขาไม่ได้พักอยู่ห้องเดียวกัน เหตุผลก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคุณพระเอกคนนี้หวงที่ขนาดไหน ฉะนั้นบอดี้การ์ดต่างโลกคนนี้เลยเลือกที่จะหลีกเลี่ยงในการมีปัญหากับชายคนนี้ในช่วงแรกของการเดินทาง
“ทำไม? กลัวฝันร้ายเลยอยากมานอนกับฉันเหรอ?”
“ปากแกนี่มันจริงๆ ” บิทเทอเดินเข้าแล้วใช้ศอกดันแผ่นอกคาเลนอย่างฉุนๆ คนทักยิ้มร่าขบขันต่อการตอบสนองสุดเอือมนั้น “ฉันมาเพราะว่าเราต้องเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้แต่เช้า”
“ฉันพร้อมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“ฉันมา ‘ดู’ เพื่อความแน่ใจ ไม่ได้จะมา ‘ถาม’ เอาปากเปล่า”
‘ง่ะ~ ดุจังเลยครับ~ พ่อนักล่าคนเก่ง~’
คาเลนนึกในใจแบบนั้น ทั้งที่ตอนนี้บิทเทอส่งสายตาดุดันมาอย่างกับจะกลืนกินเขาเข้าไป สัมภาระของฮันเตอร์ส่วนใหญ่เป็นอาวุธไม่ก็พวกยารักษา ส่วนทางเขาพกกระเป๋าหนังมาหนึ่งใบ ข้างในมีบันทึกแท่นศิลาคำสาปของคาเบิล กริชที่ได้มาจากสำนักงานแอนนาลิสท์ นอกนั้นก็เป็นของใช้อื่นๆ
ตอนนี้คุณพระเอกหน้าขรึมกำลังค้นดูของแต่ละชิ้นในกระเป๋าคาเลน แน่นอนว่าเขาอนุญาตแล้ว จนหนุ่มบลอนด์ขาวดูของเสร็จจึงละสายตาจากสัมภาระภายใน หันไปกล่าวถามกับคนเป็นเจ้าของแทน
“นายไม่ได้เตรียมอาวุธอะไรมาเลยสินะ”
“ใช่ แต่ฉันคิดว่ายังไง ภูตส่วนใหญ่นายเป็นคนจัดการอยู่แล้ว เพราะงั้นให้ปืนมาสักกระบองกับฉันแล้วคอยจัดการพวกปลายแถวให้ก็ไม่แย่”
คาเลนเสนอมาทำบิทเทอปรายมองคนกล่าว
“แล้วทำไมไม่เตรียมปืนมา”
“ฉันว่าจะขอปืนของนายยังไงล่ะ”
“...”
พอได้ยินคำตอบแบบนั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็หรี่มองมาอย่างขุ่นเคือง แน่นอนว่าเขาจับสังเกตออกทันทีว่าฮันเตอร์คนนี้กำลังแสดงความไม่พอใจ “ทำไมมองแบบนั้นเหรอครับ~”
“ไหนบอกว่าเตรียมพร้อมไง”
“ก็ฉันไม่มีปืนหนิ อีกอย่างแอนนาลิสท์ที่ติดอาวุธมันจะมีสักเท่าไรกัน”
‘ปกติแล้วแอนนาลิสท์ที่ติดอาวุธมีไม่มากนักหรอก เพราะยังไงซะหน้าที่ก็คือการเก็บงานช่วงสุดท้าย ถอนคำสาปวัตถุเสร็จจากนั้นก็วิเคราะห์พวกภูต ความเสี่ยงที่จะเจอเรื่องอันตรายมีน้อยกว่าฮันเตอร์อยู่แล้ว ความปลอดภัยในการคุ้มครองแอนนาลิสท์ยังเป็นหนึ่งในหน้าที่พวกฮันเตอร์ด้วยซ้ำไป’
‘แต่จริงๆ นั่นมันก็แค่ข้ออ้างน่ะ เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือผมอยากจะใช้ปืนของบิทเทอต่างหาก ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ?’
‘เพราะมันเป็นของพระเอกไงล่ะ ผมเลยอยากแย่งมาแค่นั้นแหละครับ’
“ฉันมีลูกซองแฝดกับลูกซองเดี่ยว ใช้เป็นใช่ไหม?” นักล่าเสพติดภูตถามพร้อมกับกอดอกยืนพิงหลังกับผนังห้อง คาเลนหย่อนตัวนั่งลงปลายเตียงแล้วเผยยิ้มบางออกมา
“รู้วิธีใช้ แต่ถ้าความชำนาญก็ไม่ขนาดนั้น”
“งั้นเหรอ”
บิทเทอพยักหน้ารับกำลังครุ่นคิดถึงศักยภาพเขาอยู่ แต่ท่าทีแลไม่ได้เป็นกังวลอะไรขนาดนั้น เพราะก่อนหน้านี้คาเลนเองก็เคยรับมือกับภูตด้วยวิธีที่บ้าบิ่นนั่น(?)ให้เขาเห็นแล้ว ชายผมยาวดำซึ่งนั่งปลายเตียงเลื่อนแขนทั้งสองข้างยันเอนตัวเล็กน้อย
“คุณหลับตาข้างหนึ่ง ข้างไหนก็ได้ แล้วลืมขึ้นหน่อยสิ”
จู่ๆ คาเลนก็พูดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล พาให้เรียวคิ้วบิทเทอย่นเข้าหากัน
“ทำไม”
“ลองดูสิ”
เมื่อเขาเชื้อเชิญแบบนั้น บิทเทอจึงลองหลับตาขวาลงและลืมขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอก “แบบนี้?”
“นั่นแหละ ทำอีกรอบ”
คุณพระเอกทำอีกครั้งหนึ่งตามที่คนตรงหน้าบอกด้วยความงวยงง แต่คราวนี้ทำเร็วกว่าเมื่อกี้มาก บิทเทอทำเสร็จไปก็ยังคงไม่เข้าใจว่าตนทำแบบนี้แล้วได้ประโยชน์อะไร เลยมองกลับไปยังคนบอกที่มองมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้าง
“เมื่อกี้คุณขยิบตาให้ผมเหรอ~ บิทเทอ~”
“...”
“หว่า~ เขินซะแล้วสิ~ คุณฮันเตอร์~”
“จะประสาทอีกนานมั้ย”
“คริๆ ”