ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตั้งแต่ออกเดินทางมาพวกเขาต่างรู้ดีว่าอะไรเกิดได้บ้าง อย่างที่เคยว่าไป แท่นศิลาซึ่งอยู่ปลายทางอันตรายก็จริง แต่ใช่ว่าระหว่างทางสามารถไปได้สะดวกสบาย สิ่งที่แน่ชัดอย่างหนึ่งคือไม่ครั้งใดครั้งหนึ่ง ทั้งสองต้องมีการปะทะกับภูตหรือสัตว์ป่าแน่นอน
‘ก็แค่ลงม้ามาดูว่าพอจะมีทางไปมั้ย แล้วไหงมันเป็นแบบนี้วะ?’
“นี่มันแย่มากเลยนะ คุณฮันเตอร์”
คาเลนพูดติดขำขณะมือถือลูกซองแฝดเอาไว้มั่น สายตาจับมองไปยังหมีร่างใหญ่ขนขาวลายด่างน้ำตาลเข้ม หางยาวส่ายไปมาผิดกับธรรมชาติหมีทั่วไป นั่นเพราะมันคือภูตในรูปลักษณ์สัตว์เท่านั้น สายตามันเพ่งมองมาอย่างดุร้าย ถ้าไม่นับท่าทางอำมหิต หน้าตามันคงคล้ายกับหมาลายด่างร่างยักษ์ชอบกล
โฮกกกกกกก!
ปัง!?
ฉับพลันหมียักษ์คำรามดังพุ่งใส่บิทเทอที่อยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตร คาเลนลั่นลูกซองกระสุนปรายเข้าระหว่างเนินอกเป้าหมาย ทำเจ้านั่นคำรามด้วยความเจ็บโกรธ
“แม่งเอ๊ย!”
ในทีแรกชายผมดำยาวเลือกเล็งหัว แต่เพราะยังไม่ทันตั้งตัวเลยพลาดโดนจุดอื่น บิทเทอที่เพิ่งผละจากพุ่งกลับเข้าไปกระหน่ำฟันดาบกลางตัวมันเร็วไว พอเห็นว่าสัตว์คลั่งกำลังจะโจมตีสวนจึงถอยออก ทางภูตหมีถึงโดนโจมตีหลายครั้ง ก็ยังไล่กวดเพียงบิทเทออย่างเอาเป็นเอาตาย เมินตัวคาเลนไปซะอย่างนั้น
‘ปกติน่าจะฟันเข้าสิ หรือดาบฉัน...ไม่ บางทีหนังหมีบ้านี่คงหนาไป’
บิทเทอหนีไปหลบหลังต้นไม้เป็นกำบัง ภูตหมียักษ์วิ่งเข้าไปหวังจะหมายเอาชีวิต คาเลนที่สับเท้าขนาบมายิงลูกซองเข้าหัวของมันเต็มๆ ลูกกระสุนพุ่งโดนตาข้างหนึ่งจนบอดไป มันถูกสกัดเอาไว้และร้องลั่นอีกครั้ง ฮันเตอร์หนุ่มเก็บดาบเปลี่ยนถือลูกซองเดี่ยวแทน
ในชั่วเสี้ยววิ สายตาเรียวคมปรายมองทั่วร่างภูตยักษ์ ก่อนจะหยุดลงที่ขาหลังข้างขวาของมัน บิทเทอตัดสินใจเล็งปากกระบอกยิงตรงนั้นทันที มันร้องออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่อย่างโมโหร้าย ฮันเตอร์ไหวตัวทันรีบเลี่ยงหลบ อย่างน้อยต้นไม้ก็ขวางทางถ่วงเวลามันได้บ้าง
แม้ว่าภูตตนนี้เจ็บหนักแต่มันไม่ถอย ตรงมาหมายเอาชีวิตเสียยิ่งกว่าเดิม บิทเทอวิ่งตรงไปหลบหลังต้นไม้อีกต้น เขาหักลำปืนใส่กระสุนอย่างคล่องแคล่ว แต่จังหวะนั้นหมีตะปบใส่กำบังจนสั่นสะท้านมาถึงตัวเขา อุ้งมือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเล็บยาวแหลมกำลังจะง้างเหวี่ยงอีกครั้ง
บิทเทอดีดตัวออกจากหลังต้นไม้ หนีเล็บของมันซึ่งอีกนิดคงเฉือนผิวคอเขาได้แล้ว
ปั้ง!
ขณะนั้นคาเลนซึ่งวิ่งตามหลังเยื้องไม่ห่าง ย่ำเท้าหามุมยิงซ้ำขาหลังที่ถูกสร้างแผลไว้ก่อนหน้า ภูตหมีร้องออกมาเสียงดังลั่นป่า ก่อนสักพักร่างมันจะลงไปกองนิ่งบนพื้น
“ไอ้บ้านี่แม่งโคตรอึด”
คาเลนบ่นอุบอิบพร้อมกับหัวเราะเบา เท้าสาวเข้าไปหาบิทเทอที่ออกจากหลังต้นไม้ ฮันเตอร์หนุ่มมองซากหมีย่อยสลายอย่างรวดเร็วตามปกติพวกภูต ครู่หนึ่งขาข้างที่ถูกพวกเขายิงจนสังหารมันได้ ก็มีหินร่วงจากซากของเหลวดำเมือก
“นายเนี่ยสังเกตได้ยังไงกัน รู้ด้วยเหรอว่าวัตถุคำสาปฝังอยู่ที่ขาหลังมัน”
“ฉันเห็นนายยิงจุดที่น่าจะสำคัญหมดแล้ว แต่มันไม่สะทกสะท้าน ดาบฟันกลางตัวหนังก็หนาเกินไป ไม่น่ามีส่วนไหนที่มีวัตถุคำสาปอยู่เลย ถ้าวัตถุคำสาปไม่ฝังที่หัวหรือลำตัวก็คงเป็นแขนขาสักข้างของมัน”
“นายยิงขาข้างที่มีวัตถุคำสาปฝังอยู่พอดีเลย ดูท่าคุณจะมีดีเรื่องโชคจริงๆ ”
‘จุดอ่อนของภูตทุกตัวคือ ‘วัตถุคำสาป’ มันไม่ต่างอะไรกับหัวใจของสิ่งมีชีวิตธรรมดา ถ้าโดนโจมตีจุดนั้นครั้งเดียวหรือซ้ำสักครั้งก็ตายได้เลย แต่เอาเถอะ คุณพระเอกเนี่ยมีโชคไปซะทุกเรื่องเลยรึไง ฝันถึงผู้หญิงประหลาดนั้นก็ไม่ฝัน แถมยังหาวัตถุคำสาปในร่างภูตได้ในเวลาไม่กี่วินาที’
‘แต่ว่างั้นคงไม่ได้… เพราะหมอนี่ยังมีออร่าคำสาป ทั้งที่ผมอุตส่าห์ถอนคำสาปแล้วแท้ๆ ไหนจะเป็นคนเดียวที่โดนภูตไล่ตะเพิดอีก น่าเศร้า~’
‘บอกได้แค่ว่าบิทเทอมีทั้งโชคร้ายและโชคดี’
นักล่าเสพติดภูตก้มหยิบหินก้อนนั้นโยนให้คนร่วมทาง คาเลนรับไว้แล้วชำเลืองดูเล็กน้อย แน่นอนว่ามันคือวัตถุคำสาปที่เป็นแหล่งพลังงาน ทำให้ภูตนั่นมาไล่ฆ่าพวกเขาเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่
“อยากลองเก็บไว้ดูเล่นมั้ย?”
คาเลนพูดหยอกพร้อมกับยื่นไปทางอีกคน บิทเทอจึงส่ายหน้าเบือนหนี
“ใช่เวลาเล่นพิเรนทร์รึไง รีบถอนคำสาปสิ”
“ครับๆ คุณฮันเตอร์คนเก่ง~”
เสียงตอบกลับยียวนดังออกมาพร้อมหัวเราะเบา แอนนาลิสท์หนุ่มซึ่งชำเลืองมองยังไม่ทันจะได้เริ่มถอนคำสาปหิน ก็มีภูตหมีขนสีขาวลายน้ำตาลด่างอีกตัววิ่งพรวดหาคาเลน บิทเทอที่ยืนไม่ห่างยกลูกซองประทับเล็ง แต่ชายผมดำยาวยื่นมือไปดันปากกระบองชี้ขึ้น
“อย่าเลย เปลืองกระสุน”
หนุ่มผมบลอนด์ขาวเลิกคิ้ว ก่อนจะเห็นว่าเจ้าหมีนี่ขนาดเล็กกว่าตัวเมื่อกี้มาก อีกอย่างที่น่าประหลาดคือมันไม่ได้เข้ามาทำร้ายคาเลน แต่กลับเข้ามาดมๆ อ้อนๆ ขาเขาอย่างกับแมวยังไงยังงั้น
“อะไรน่ะ”
“เจ้านี้น่าจะอยู่ฝูงเดียวกับตัวที่เราฆ่าเมื่อกี้”
“ทำไมมันถึงไม่ทำอะไรแก”
คาเลนโยนก้อนหินซึ่งเป็นวัตถุคำสาปในมือเล่น ก่อนจะรับหินถือไว้ในระดับสายตา “เพราะนี่ไง พวกภูตที่เป็นพวกเดียวกันน่ะ มันไม่ได้จำพวกตัวเองจากรูปร่าง กลิ่น เสียง แต่มันคัดแยกว่าอะไรเป็นมิตรหรือศัตรูจากคำสาปต่างหาก”
“หมายความว่ามันไม่มองว่านายเป็นภัย เพราะนายถือคำสาปแบบเดียวกับที่มันมีงั้นสิ”
“ถูกต้องครับผม~!”
“ตอนนี้มันคิดว่านายเป็นแม่มันสินะ”
พอเขาได้ยินคำพูดซื่อๆ ของบิทเทอเลยหยุดหัวเราะทันที “หว่า~ พูดแบบนี้อยากได้ฉันเป็นแม่ทูนหัวเหรอจ๊ะ คุณฮันเตอร์คนเก่ง~”
“ปากแกนี่มัน…”
“มันทำไมเหรอ?”
คาเลนถามกลับทันควันพลางเลื่อนปลายนิ้วลูบสัมผัสริมฝีปากตนเองเบาๆ มุมปากเชิดขึ้นแฝงด้วยความร้ายเล่ห์ บิทเทอมองนิ่งไม่ตอบอะไร เลือกที่จะเบี่ยงสายตาไปทางหมีที่ยืนเกาะขาชายผมดำยาวไม่ปล่อย มันมองมาทางเขาด้วยสายตาอาฆาตอย่างเห็นได้ชัด
“นายรีบจัดการมันเถอะ”
‘ตามปกติแล้วภูตหนึ่งฝูงจะมีหนึ่งตัวที่มีวัตถุคำสาปฝังอยู่ในร่าง นอกนั้นจะเป็นภูตร่างเปล่าไม่มีวัตถุคำสาป ดังนั้นถ้าหากว่าผมถอนคำสาปหินนี้ไปแล้ว...’ คาเลนเหลือบไปทางภูตลูกหมีที่มองตาแป๋ว พอเขากับมันสบตากันเท่านั้น หัวสัตว์ก็ขยับเอียงมองอย่างสงสัย
‘ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ โง่จริงๆ เลยไอ้หมี~’
“เราฆ่าเป็นตัวที่มีคำสาปฝังพอดี พอถอนคำสาปเสร็จ หมีที่เหลือในฝูงก็คงหายวับเป็นซากหมด”
คาเลนพูดพร้อมกับหันไปทางคุณพระเอกที่กอดอกมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มรู้ดีแล้วว่าฮันเตอร์คนเก่งอยากจะฟังเรื่องการทำงานแอนนาลิสท์อยู่ไม่น้อย แต่เพียงแค่ไม่ออกปากถามก็เท่านั้น เขาละสายตาจากบิทเทอกลับมามองหินคำสาปเพื่อจัดการตามหน้าที่ตนเอง ปลายนิ้วทั้งห้าเริ่มลูบหินไปมาก่อนริมฝีปากจะขยับร่ายบางอย่างเสียงแผ่ว
“นัลคาจากเงาข้า จงถอนคำสาปนี้เสีย”
สักพักหินในมือก็ค่อยๆ สลายเป็นผงดำฟุ้งร่วงลงพื้นดิน พอก้อนวัตถุคำสาปกลายเป็นเม็ดเล็กลงคาเลนจึงออกแรงบีบจนมันแหลกเป็นธุลีคามือตนเอง
“เรียบร้อย”
เสียงโทนต่ำว่าพลางถูมือตัวเองเพื่อเอาฝุ่นผงออก ไม่นานหมียืนเกาะขาก็ร้องครางต่ำในลำคอ ท่าทางมันหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด และมันไม่ได้ดิ้นรนเพื่อฝืนความตาย คาเลนถอยเท้าออก มองไปยังหมีที่ร่างของมันค่อยๆ สลายกลายเป็นซากเน่าในเวลาต่อมา
เมื่อจัดการคำสาปเจ้าภูตหมีเสร็จ ทั้งสองจึงห่างออกมาจากบริเวณนั้น คาเลนหันมองคนร่วมทาง พบว่าบิทเทอมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มยิ้มให้พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างรื่นรมย์เหมือนทุกครั้ง พอมาถึงจุดที่ผูกม้าไว้ซึ่งอยู่รอบนอกของป่า ฮันเตอร์หนุ่มก็แกะเชือกแล้วขึ้นขี่หลัง แต่สายตายังจับจ้องคาเลนอย่างเดิม
“มองทำไมเหรอ หรือรู้สึกชอบหน้าฉันขึ้นมานิดนึงแล้ว?”
ชายหนุ่มว่าขณะขึ้นขี่ม้า อดคิดไม่ได้ว่าบางทีพระเอกคนนี้พิกลซะจริง พวกเขาเริ่มเดินทางไปพร้อมๆ กันหลังลงไปสำรวจพื้นที่เพื่อจะหาเส้นทางเข้าไปได้ง่ายๆ
“เปล่า แต่ฉันมีเรื่องสงสัยต่างหาก”
“งั้นว่ามาสิ”
“ปกติฉันมักจะเป็นฝ่ายล่าภูตเลยไม่ค่อยจะรู้สึกเท่าไร แต่ว่าทำไมพวกภูตถึงเล็งแค่ฉันคนเดียวล่ะ?” คาเลนนึกย้อนไปตอนที่หมียักษ์นั้นเมินเขา แล้วพุ่งเข้าไปหาบิทเทอก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะบิทเทอคงคิดว่ามันหวังจะเล็งคาเลนซะมากกว่า
‘โชคร้ายจริงๆ เลยคุณพระเอก~’
“เจ้าพวกนี้มันรู้สึกได้ถึงออร่าคำสาปของนายไงล่ะ ไม่แปลกถ้ามันจะเข้าโจมตีแบบนั้น”
“หมายความว่ายังไง”
“ออร่าคำสาปคุณน่ะมันแรงมาก ตอนนี้ขนาดผมยังเห็นมันฟุ้งรอบตัวคุณอยู่เลย ถ้าเป็นพวกภูตคงรู้สึกว่าออร่าคุณเป็นการคุกคามพวกมัน” บิทเทอรับฟังอย่างครุ่นคิด จากนั้นคาเลนกล่าวต่อโดยที่อีกคนยังไม่ได้ถาม “เมื่อกี้ดาบของนายใช้การไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”
ฮันเตอร์หนุ่มเพิ่งนึกเอะใจได้ ทางแอนนาลิสท์ที่ขี่ม้าขนาบข้างปรายตามองดาบข้างเอวอีกคน
“อยากจะบอกอะไร”
คาเลนยิ้ม “ดาบนายน่ะไม่มีปัญหาหรอก หนังหมีนั้นหนาก็จริง แต่ดาบนั้นก็สร้างมาเพื่อทำลายภูตที่ร่างกายมีแต่คำสาปโดยเฉพาะ ฟันไม่เข้าแต่อย่างน้อยควรจะมีรอย แต่เมื่อกี้เหมือนนายถือแผ่นไม้ไปฟันหมีไม่มีผิดเลย”
“เลิกพูดมากแล้วบอกสักทีว่ามันเป็นเพราะอะไร”
‘ใจร้อนซะจริงนายคนนี้’
“เพราะออร่าคำสาปของนายเหมือนเดิม” คาเลนเว้นช่วงไปหัวเราะออกมาเบาๆ รับรู้ได้เลยว่าคู่สนทนาตนเองกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการต่อสู้เมื่อครู่ “ดาบนายสร้างมาเพื่อทำลายคำสาปโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้คนใช้มันกลับมีออร่าคำสาปปล่อยออกมาตลอดเวลา ดาบมันเลยสึกหรอเพราะถูกออร่าคำสาปกร่อนทุกวินาทีที่นายถือมัน”
หลังบิทเทอได้ยินแบบนั้นถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างอิดออด ก็ไม่ยักจะแปลกใจ เพราะคาเลนรู้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วว่าพระเอกคนนี้ทั้งรักทั้งหวงดาบเล่มนี้ขนาดไหน แต่สุดท้ายดาบต้องมาพังเพราะตัวเองซะอย่างนั้น
“ตอนนี้ฉันทำได้แค่เปลี่ยนอาวุธไปเรื่อยๆ สินะ”
คาเลนปรายตามองยิ้มบางๆ
“อย่าเสียใจไปเลย อยากให้ผมกอดหรือลูบหัวปลอบมั้ยเอ่ย~ ”
“คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะช่วยอะไรฉันได้เหรอ”
“ฉันคิดว่านายน่าจะชอบน้า~ ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก เลิกคิดไปเองสักที”
ชั่วขณะบิทเทอคุมบังเหียนให้ม้าหยุดฉับพลัน คาเลนทำตามและขมวดคิ้วหันไปข้างหน้าตามทิศทางที่บิทเทอมอง จากนั้นร่างกายเขาก็แข็งทื่อไปราวกับว่าเป็นท่อนไม้ ดวงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ไกลออกไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ ปรากฏร่างหญิงสาวคนหนึ่งยืนนิ่งๆ ยืนหันข้างมองเข้าไปในป่า
เหมือนเธอจะเป็นมนุษย์ แต่ทั่วทั้งร่างนั้นกลับเป็นเงาดำ ดังนั้นเธอจึงไม่ใช่
“นั่นมัน อาร์ลีน?”
คาเลนพูดเบาเหมือนพึมพำ
‘ถึงเธอจะคลุมไปด้วยเงาดำแต่มันโปร่งมาก ถ้าเพ่งมองดูทั้งรูปร่าง หน้าตา หรือเส้นผม เธอคือผู้หญิงที่โผล่เข้ามาในฝันของทุกคนในเมืองอาร์ลีนแน่นอน แต่ทำไมถึงอยู่ที่นี่..หรือเธอมีตัวตนจริงๆ ?’
“ใช้คำว่าเจอ ‘สาวในฝัน’ คงไม่เกินจริงเลยสินะ”
ชายผมยาวดำกล่าวขบขัน โดยที่บิทเทอยังคงจับสายตามองไปยังเงานั้น
“นายจะบอกว่านั่นคืออาร์ลีน?”
“ถูกต้องครับผม แต่...นี่มันเกินคาดมากเลยที่มาเจออะไรพิลึกพิลั่นแบบนี้”
“นายกลัวเหรอ?”
หลังบิทเทอว่าจบ พลันทำคาเลนกลั้นขำจนไหล่สั่น “เขาเรียกว่าตื่นเต้นต่างหาก!” แม้ว่าทั้งสองจะคุยเล่นกันอยู่ แต่สายตายังจับไปยังร่างหญิงสาวไม่วาง รอบข้างเป็นป่าสนที่มีแต่ไม้ยืนต้นสูง ถ้านี้คือหนังสยองขวัญคงบรรยากาศเป็นใจให้ผีหลอกสุดๆ
ร่างเงาที่ยืนนิ่งเริ่มเขยื้อนออกเดินอย่างเชื่องช้า แต่ไม่นานก็เลือนหายไปต่อหน้าต่อตา บิทเทอกับคาเลนมองค้างอย่างนั้น ครู่ต่อมาจึงหันมองหน้ากันเอง
“เมื่อกี้เราสองคนโดนผีหลอกใช่มั้ย บิทเทอ”
“ก็….อาจจะใช่”
“ว่าแต่ทางที่เธอเดินไปมันเป็นทางที่เราจะต้องไปนี่หน่า” คาเลนอ้าปากพลางยกมือขึ้นป้องด้วยความตกใจ (แบบปลอมๆ ) “เรากำลังเดินตามผี!?”
“แกเลิกทำตัวประสาทกินสักทีเถอะ”