เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์” โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”

‘เรื่องเล่าลือประจำเมืองอาร์ลีน ถ้าฟังเอาสนุกน่ะมันก็เอามาขบคิดเป็นเรื่องพิศวงได้ แต่สำหรับผมน่ะเรื่องพวกนี้มันควรค่าแก่การจำใส่ใจ เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นนิยายที่ผมเคยอ่าน แต่ผมกลับไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองสามารถเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ได้นานแค่ไหน’


‘แล้วที่ว่าอ่านนิยายเรื่องนี้ จริงๆ คงต้องบอกว่าผมแค่อ่าน ‘เกือบจบ’ เท่านั้นเอง เนื้อหาช่วงหลังมันค่อนข้างจะตื่นเต้นดี เข้มข้น บู๊กันยับไม่น้อย ทุกอย่างในนิยายดีหมด แต่ขณะเดียวกันผมกลับรู้สึกผิดหวังหลายๆ อย่างเช่นกัน’

‘ใจนึงผมชอบนิยายเรื่องนี้จนนับว่าเป็นนิยายขึ้นหิ้งในดวงใจ แต่ขณะเดียวกันเวลาผมอ่านไปถึงจุดไคลแมกซ์ มันก็ทำให้ผมเกลียดนิยายเรื่องนี้ถึงแม้ว่ามันจะดีมากก็ตาม’



“คาเลน”

เจ้าของชื่อผงะเล็กน้อยเหมือนตนเองถูกดึงจากภวังค์ที่จมดิ่งไปนาน เขาหันมองตามเสียงสบกับนัยน์ตาสีฟ้าใสซึ่งมองมาอย่างเรียบเฉย ทั้งสองคนประสานสายตากันโดยไม่พูดอะไร ก่อนคาเลนจะเอียงศีรษะแล้วตอบหน้าตาเฉยใส่ซะอย่างนั้น 

“มีอะไรเหรอครับ ท่านสุภาพบุรุษสุดหล่อ~”

“จู่ๆ สมองแกมันฟั่นเฟือนขึ้นมารึไง” บิทเทอขมวดคิ้วก่อนจะพูดเข้าประเด็นต่อ “เราจะผูกม้าไว้ที่นี่ เดี๋ยวเดินไปอีกนิดก็น่าจะถึงสวนร้างนั้นแล้ว”

“ใกล้ถึงสวนแล้วเหรอ?”

“ใช่ เมื่อกี้ฉันเห็นรั้วของสวนแล้ว เหมือนว่าสวนร้างนั่นจะกว้างกว่าที่คิดเอาไว้”

“หว่า~ เราจะได้เข้าไปที่นั่นกัน สอง ต่อ สอง เหรอเนี่ย~ ” คาเลนเน้นถ้อยเน้นคำยิ้มอย่างยียวน หัวเราะเบาๆ ตามปกติวิสัยตนเอง นักล่าเสพติดภูตเหลือบมองพลางถอนหายใจเล็กน้อย

“เลิกพูดมากแล้วเดินซะ หรืออยากให้ฉันหาเชือกมาจูงแกพาเข้าสวนดีล่ะ?”

คาเลนแสยะมุมปาก “ได้แบบนั้นจะเห่าให้ด้วยเลย”
“งั้นคลานสี่ขาด้วยสิ คุณแบรนดอน”

“...”

คาเลนยิ้มค้างตาหรี่มองโดยไม่ตอบอะไร ส่วนบิทเทอหันหลังสาวเท้านำเดินไป ทำเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่อะไรผิดแผกไปมากกว่าการเสวนา

‘เดี๋ยวนี้อยู่กับผมไปนานๆ หมอนี่ก็หัดยอกย้อนเป็นกับเขาแล้วเหมือนกัน ดูซิ~ คุณพระเอกอยากให้ผมรับบทน้องหมา ทั้งเห่าทั้งคลานสี่ขา ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นคน คงจะส่ายหางกับกระดิกหูแถมให้อยู่หรอก’

ระหว่างทางทั้งสองแทบจะไม่เจอสัตว์ป่าหรือภูตเลย มากสุดน่าจะเป็นพวกแมลง นก งู ที่เห็นผ่านๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจ ตามคาดเดาของบิทเทอที่บอกระหว่างทาง คิดว่าแถบนี้คงเป็นถิ่นของพวกภูตฝูงหมีพวกนั้น ปกติพวกภูตไม่เลือกกินเจออะไรก็ฆ่าก็กินหมด 

เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมสัตวป่าอื่นๆ ถึงไม่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาเดินทางเลย พอทั้งคู่จัดการพวกหมีได้บวกกับเสียงปืนที่ทำให้เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายตื่นกลัว ตอนนี้เลยเดินทางกันได้สะดวกปราศจากอุปสรรค

นั่นคือสิ่งที่บิทเทอสรุปบอกมาตามความเข้าใจเขาเอง แต่สำหรับคาเลนการเดินทางด้วยกันครั้งนี้คือการเดท(?)กลางป่าดีๆ นี่เอง

“มันดูเหมือนฉันกำลังเดินเข้าบ้านผีสิงไม่ก็สุสาน มากกว่าเดินเข้าไปในสวนนะ”

คาเลนกล่าวพร้อมมองประตูรั้วเหล็กที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะกวาดตามองทางใดของรั้วก็เห็นแต่พวกไม้เลื้อยหรือเถาวัลย์พันเต็มไปหมด บรรยากาศแผ่ออกมานั้นดูวังเวงจนน่าขนลุก พวกเขาหลงเข้ามาค้นพบซากอารยธรรมขนาดย่อมๆ
 
“ก็นี่มันสวนร้างหนิ”

“อย่างน้อยก็น่าจะมีคนดูแล”

“ใครล่ะจะมาดูแลสวนร้าง”

คาเลนเลิกคิ้วหยุดคิด “น่าจะเป็น...พวกสัตว์ไง ประมาณว่าผลัดเวรกันมาดูแลสวนซะนะ มันจะได้ไม่ดูสยองขวัญถ้ามีคนมาเจอ” บิทเทอยิ้มเล็กๆ ขบขันในจินตนาการประหลาดนั้น

“แกนี่มันสติไม่ดีจริงๆ ”

บิทเทอว่าจบแล้วเดินตรงไปดูประตูรั้วพบว่ามันถูกคล้องพันธนาการเอาไว้ด้วยโซ่ตรวนใหญ่ แต่ไม่มีแม่กุญแจปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา เป็นร่องรอยบอกว่าเคยมีคนมาเยือนที่แห่งนี้มาก่อน บิทเทอแกะโซ่ออกจากที่จับ ต่อมาแง้มเปิดประตูอันฝืดเคืองอย่างยากลำบาก

เมื่อเปิดประตูเข้าไปยิ่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหนาวเย็นประหลาด สวนทางสภาพอากาศโลกภายนอกซึ่งยามนี้อยู่ช่วงสายเกือบเที่ยงของฤดูร้อน ภาพแรกที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขา คือสวนกว้างซึ่งเต็มไปต้นไม้นานาพันธุ์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไม้ดอกไม้ประดับ แต่เมื่อไม่ได้รับการให้ดูแลมาเป็นเวลานานย่อมมีบ้างที่บางต้นตายไปตามธรรมชาติ 

“บรรยากาศหลอนชะมัด”

“พูดแบบนี้อยากเจอผีในสวนดอกไม้เหรอ” 

บิทเทอถามกลับทำเอาคาเลนขนลุกซู่ จริงๆ เขาเองไม่ได้ศรัทธาอะไรในเรื่องผีสางพวกนั้น แต่โลกนี้มันไม่ใช่น่ะสิ บางทีเรื่องเหนือธรรมชาติทำนองนั้นก็เกิดขึ้นจนเป็นปกติ

“ที่นี่ไม่มีสัตว์ป่าเลยสักตัว ไม่เห็นวี่แววภูตด้วย”

“นั่นสิ หญ้าขึ้นสูงขนาดนี้ต้องมีงูมาพันหน้าแข้งเราแล้วล่ะ”

ด้วยสภาพแวดล้อมอันไม่ชอบมาพากลนี้ จึงทำให้ทั้งสองคนเลือกที่จะเงียบกันไป แล้วเดินสำรวจหาแท่นศิลาหลักแรกให้เร็วที่สุด

‘แท่นศิลาแห่งลาเมนท์ คือ ศิลาหลักแรกที่ผมเลือกจะตามหา เพราะมันเป็นศิลาที่สามารถสังเกตเส้นทางได้ง่ายมากที่สุด แต่ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิธีการรับมือศิลานี้เลย จริงๆ เกือบทุกศิลาเป็นปริศนาพอกัน แต่ของศิลานี้บอกที่ตั้งแต่ไม่พูดถึงพลังเลย’

‘คำนวณไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามัน ‘อ่อนแอ’ หรือ ‘แข็งแกร่ง’ แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ชัดเจนซะยิ่งกว่าเส้นทางของศิลานี้คือ…’

‘แท่นศิลาแห่งลาเมนท์ คือ ศิลาแห่งความโศกศัลย์ทั้งปวง’

แกร๊ก!!

พวกเขาย่างสู่สะพานข้ามแม่น้ำไหลรอบสวนแห่งนี้ พอได้ยินเสียงกิ่งไม้หักร่วงจึงมองหาต้นเสียงซึ่งลั่นมาจากทางหลังอย่างเร็ว ชั่วขณะสองสายตาต่างสบมองกัน ก่อนทั้งคู่ต่างละจากแล้วมองไปข้างหน้าอย่างเดิม ใช้เวลาสำรวจได้สักพัก บิทเทอก็ชะงักยื่นมือไปกั้นดันอกชายผมยาวดำออก

“นั่น..”

นักล่าเสพติดภูตเชิดคางไป คาเลนมองตามจึงเห็นว่าเยื้องทางขวาซึ่งเป็นใจกลางสวนร้างนี้ ปรากฏ ‘ศิลาแห่งลาเมนท์’ รูปปั้นตั้งตระหง่านแสดงท่าทางหญิงสาวคุกเข่าร้องไห้ฟูมฟาย ดวงตาช้อนมองฟ้าผนวกกับสองมือที่ยื่นไปข้างหน้า คล้ายกับเธอเว้าวอนขอความเมตตาจากพระเจ้าอย่างน่าสมเพช เบื้องล่างรอบๆ แท่นเป็นดอกไม้สีครามบานสะพรั่งทั่วพื้นที่ ไฮเดรนเยียคือชื่อของดอกงามพวกนั้น 

“พร้อมตายรึยัง” บิทเทอถามโดยไม่หันมามอง

“แน่นอนว่าไม่”

สายลมเอื่อยพัดผ่านมาพลันให้กิ่งไม้ใบหญ้ากระทบสลับกันไปมา หากว่าต้นไม้พวกนี้ไม่ขึ้นจนรก สวนแห่งนี้คงสวยงามน่าชม แต่ ณ ตอนนี้ทุกอย่างแลดูสงบและวังเวงจนชวนขนลุกขนเกลียว นัยน์ตาสีน้ำตาลจับมองไปเบิกกว้างขึ้น

“มันกำลังจะตื่น..”

สิ่งที่เขากำลังเห็นตอนนี้คือออร่าคำสาปศิลาแผ่กระจายออกมาเป็นวงกว้าง บิทเทอขมวดคิ้วมองและฉวยถือปืนลูกซองไว้ในมือตนเองก่อนเป็นอันดับแรก

อึก…

เสียงกระซิกดังแว่วเข้าหูคาเลน มันเบาบางก็จริง แต่โสตประสาทของเขากลับสามารถจับฟังได้ ก่อนจู่ๆ จะเกิดวงเวทย์กางวงกว้างจนถึงจุดที่พวกเขายืนอยู่ ชายหนุ่มทั้งสองชะงักนิ่ง ไม่ใช่เพราะพวกเขาตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่บางอย่าง ‘บังคับ’ ให้พวกเขายืนแข็งเป็นหินเช่นนี้
สายตาสองชายหนุ่มต่างเต็มไปด้วยความระส่ำระสาย เพราะสิ่งที่จะเจอต่อไปนี้ ทั้งสองต่างไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แท่นศิลารูปปั้นหญิงสาวร่ำไห้อ้อนวอน ค่อยๆ มีการเคลื่อนไหวทีละนิด ร่างหินขยับเปลี่ยนท่าทีอย่างเชื่องช้า จากคุกเข่าค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตรงแล้วทอดสายตามาทางพวกเขา

‘แม่ง! ทำไมมันขยับไม่ได้เลยวะ!?’

ชายผมยาวดำถลึงตามองไป เพียงแค่คุมปลายนิ้วตนเองก็ยังยากแสนยาก เสียงสะอื้นซึ่งเคยเบาตอนนี้กลับดังระงมอยู่ในหัวเขา สักพักร่างชายหนุ่มทั้งสองคนเซออกจากกัน ตอนนี้บิทเทอและคาเลนกลับมาขยับคุมร่างกายตนเองได้อย่างเดิม

แฮ่กๆ ๆ 

ฮันเตอร์เหงื่อไหลหยดจากปลายคาง หลังได้สัมผัสกับความกดดันเมื่อครู่ สักพักเสียงขยับปีกบินด้วยความถี่สูงดังเข้าโสตประสาท เพียงแค่แหงนขึ้นเล็กน้อยจึงพบกับเหล่าแมลงรูปลักษณ์คล้ายต่อ แต่ขนาดตัวใหญ่พอกับเหยี่ยวบินออกมาจากทุกสารทิศ

ปั้ง!

ภูตแมลงบินพุ่งหาบิทเทอหมายจะโจมตี ฮันเตอร์หนุ่มครั้นขยับตัวได้ถือลูกซองสาดกระสุนลูกปรายสวนกลับไป เพียงนัดเดียวสามตัวก็ตายและร่วงไปตกบนพื้นทันที ยังไม่ทันจะได้สังหารต่อบิทเทอกลับชะงักงัน ร่างกายเขาหยุดนิ่งอีกครั้งก่อนครู่ต่อมาจะหันไปตวาดใส่คาเลน

“อย่ายิงพวกมัน!”

แอนนาลิสท์หนุ่มถือลูกซองแฝดขึ้นเตรียมยิงช่วยคุณพระเอกยั้งมือไว้ สายตาปรายมองพวกมันที่ส่วนใหญ่เล็งบิทเทอไว้ ความสงสัยเกิดขึ้นและก็คลายลงทันที หลังได้กลิ่นประหลาดบางอย่าง

‘ไอ้แมลงพวกนี้ไม่อึดไม่ถึก แต่ถ้าโดนตีเข้าสักครั้งก็เจ็บใช่ย่อย แถมด้วยจำนวนที่เยอะขนาดนี้ด้วย อีกอย่างถ้าฆ่าทิ้งแล้วมันปล่อยกลิ่นเหม็นฉุน ออกฤทธิ์ทำให้เป็นอัมพาตไปชั่วขณะ’

‘งานหยาบชะมัด’

คาเลนที่หาคำตอบได้กัดฟันแน่นกรอดด้วยความเคืองใจ สายตามองจับไปยังบิทเทอที่ตอนนี้เปลี่ยนไปใช้ดาบ ชายหนุ่มตวาดดาบไม่ใช่เพื่อฆ่าแต่เป็นการไล่พวกมันออกไปให้ห่าง บางตัวเกรงกลัวก็บินถอย แต่บางตัวก็บินพุ่งมาโดนฟันอย่างไม่กลัวตาย 

เป็นภาระให้บิทเทอต้องฟันสลับปิดจมูกไม่สูดกลิ่นพวกมัน เมื่อไรก็ตามที่เผลอหยุดขยับ แมลงพวกนั้นต้องรุมโจมตีแน่นอน สายตาคาเลนจับการเคลื่อนไหวฮันเตอร์ แมลงพวกนั้นแทบไม่สนใจเขาเลย ชายผมยาวดำมองภาพพระเอกถูกแมลงพวกนั้นรุมโจมตี ก่อนมุมปากจะแสยะยิ้มขึ้น

‘เหมือนฉันจะเกิดไอเดียสุดเจ๋งสุดเลวได้แล้วสิ’

“เดี๋ยวไว้จะขอโทษทีหลังแล้วกัน”

คาเลนรำพันก่อนจะวิ่งตรงเข้าไป เล็งปืนลูกซองแฝดยิงใส่พวกแมลงรอบตัวบิทเทอทันที เมื่อเห็นแมลงตายผนวกกับได้ยินเสียงปืนดังเข้าหูมา บิทเทอก็มองมาอย่างตระหนกไม่เข้าใจในการกระทำของคนร่วมทาง เพราะการทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการรมควันด้วยแก๊สพิษอัมพาต

‘ไอ้เวรนี่มันทำบ้าอะไรวะ!?’

บิทเทอสบถในใจถลึงตาใส่อย่างหัวเสีย ตอนนี้กลิ่นซากพวกภูตแมลงตลบอบอวลเกินกว่าเขาที่จะเลี่ยงได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคาเลนหาได้สนใจท่าทีชายผมบลอนด์ขาว เลือกยิงกระสุนลูกปรายใส่แมลงรอบตัวฮันเตอร์ปราศจากความลังเล ตัวแล้ว ตัวเล่า ร่วงตกพื้นเป็นซากกอง 

จนที่สุด….

ปั้ง!!

สองตัวสุดท้ายถูกสังหารร่วงตกลงพื้น คาเลนแทบไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาทำทุกอย่างนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขากำจัดพวกมันได้หมดแล้ว แลกกับการที่บิทเทอคงต้องยืนนิ่งเป็นอัมพาตอยู่แบบนั้นไปครู่หนึ่ง

ถึงร่างกายจะขยับไม่ได้แต่เมื่อมองกลับไปยังคุณพระเอก ก็สบกับสายตาบิทเทอที่เพ่งมองมาอย่างโทสะสุดขีดหาไม่ได้ 

‘ผมควรจะภูมิใจสินะ เพราะผมเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำให้พระเอกโกรธได้ขนาดนี้’

‘แกทำบ้าอะไรของแก’ คาเลนเดาคำพูดที่สื่อผ่านได้จากนัยน์ตาสีฟ้าใสของคุณพระเอก ถ้าเดาเผื่ออีกนิดคิดว่าคงมีคำด่าสาปส่งติดมาประปรายนิดหน่อย 

จัดการภูตแมลงเสร็จไม่ทันไร วงเวทย์ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้ารูปปั้นหญิงสาว เข็มยาวเท่าแขนจำนวนห้าเล่มพุ่งตรงไปหาบิทเทอด้วยความเร็วสูง ขณะนั้นฮันเตอร์หนุ่มทำได้แค่ยืนนิ่งรอรับชะตากรรม แต่จู่ๆ กลับมีบางอย่างมาบังร่างเขาเอาไว้ พร้อมเกิดเสียงเข็มกระแทกอย่างแรง
 สายตาบิทเทอชายมองกำบังสีดำ มันเหมือนกับเงาที่ก่อรูปร่างมากกว่าอาวุธจริงๆ พอมองผ่านหัวไหล่คาเลนจึงเห็นว่ากริชซึ่งเป็นอาวุธของคาเลนปักเสียบพื้นดินเอาไว้

“นี่มันอะไร”

“เอ่อ… มันอธิบายลำบากน่ะ แต่มันเป็นอาวุธของผมเอง”

คำตอบไม่ช่วยทำให้เขาหายสงสัย บิทเทอเหลือบกลับมายังชายผมดำยาวซึ่งมายืนข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ มืออีกฝ่ายประคองจับท้ายทอยนักล่าเสพติดภูตไว้ สีหน้าของคาเลนอยู่ในระยะใกล้เห็นได้ถึงความกังวลแต่แววตาแลตื่นเต้นอันเป็นนิสัยประหลาดชายคนนี้

“ทำไม...ทำไมแกขยับได้”

คาเลนที่ในทีแรกมองไปยังศิลา เหลียวกลับมาทางคุณพระเอกที่สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาขยับยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์น่าขันเลย

“พอดีว่าฉันมีพวกยาระงับพิษอยู่น่ะ”

“...”

“ขอโทษที มันอยู่ในสถานการณ์ที่ฉันจะเอายาไปให้นายก็คงไม่ได้”

ความเดือดดาลบิทเทอเปิดเผยออกมาแม้ว่าไม่พูดสักคำ เวลาผ่านไปรวมห้านาทีก็ได้ยินเสียงกระแทกดังมาจากกำบังไม่ขาด นั่นเพราะศิลานั่นเอาแต่เรียกเข็มออกมายิงใส่ไม่หยุดไม่หย่อน 

“เราขยับไปไหนไม่ได้เลย”

“ใช่ ว่าแต่ไอ้แมลงเวรพวกนั้นมันตายห่าหมดรึยัง”

“จุ๊ๆ สุภาพหน่อยสิ~” คาเลนพูดแหย่ขำๆ ก่อนฮันเตอร์จะแทงศอกในสีข้างอีกคน ทำเอาชายผมดำยาวยืนจุกไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว “ว่าแต่นายขยับได้แล้วใช่มั้ย” พระเอกได้ยินคำถามนั้นจึงลองขยับเขยื้อนตัวเพื่อเช็กร่างกาย แน่นอนว่ามันกลับมาเป็นปกติแล้ว

“เยี่ยม งั้นเดี๋ยวเรามาเริ่มบุกกันต่อเลย”

“แผนนายคือ?”

คาเลนยิ้มเจื่อนๆ ไป

‘ผมไม่ได้ไม่มีแผนหรอกนะ แต่...ไอ้แผนนี้น่ะ ถ้าขอให้บิทเทอร่วมมือด้วยมันคงจะยากไปหน่อย หรือตอนนี้ผมต้องใช้อุบายกับเขาก่อนนะ’

“คือ…”

“เราจะวิ่งแยกออกเป็นสองทางพุ่งไปหาศิลานั้น ฉันไปซ้ายส่วนนายก็ทางขวา” คาเลนกลืนน้ำลายลงคอเลือกที่จะฟังแผนคนตรงหน้าแทน “ฉันจะเป็นเหยื่อล่อให้นายเอง ระหว่างนั้นเข้าไปทำลายศิลาซะ”

‘พระเจ้าช่วย! บิทเทอจะเป็นเหยื่อให้ผม?!! จริงๆ แผนที่ผมจะเสนอก็ไม่ต่างจากนี้มาก แต่… จากประสบการณ์อ่านแล้วผมไม่คิดว่าพระเอกจะเป็นคนบ้าระห่ำขนาดนี้’

“มันจะดีเหรอ” 

แอนนาลิสท์หนุ่มถามกลับทั้งที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมในแผนของบิทเทอ ฮันเตอร์เลิกคิ้วถามกลับ “แล้วมันมีอย่างอื่นที่ดีกว่านี้รึไง” นักล่าเสพติดภูตเพ่งสายตาก่อนจะถามเสียงต่ำ 

“อย่าบอกนะว่านายไม่รู้วิธีทำลายศิลา…”

“เปล่าครับผม! ผมมีวิธีครับท่าน!!”

“งั้นอย่าชักช้า เริ่มเลย”

“เดี๋ยว” ครั้นถูกเรียกไว้ชายผมบลอนด์ขาวจึงเหลียวกลับไป ก่อนคาเลนจะยื่นขวดยาให้ “ยาระงับพิษน่ะ อย่างน้อยถ้าเป็นเหยื่อล่อนายต้องทำให้มันเจ็บน้อยที่สุดสิ” 

“เข้าใจแล้ว”

หลังว่าจบ บิทเทอเลยรับไปดื่มจนหมดขวดในทีเดียว ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนครู่ต่อมากำบังเงาดำจะหายวับไป ชายหนุ่มแยกวิ่งออกจากกันอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางคาเลนตรงไปดึงกริชปักพื้นติดมือมาด้วย วงเวทย์ที่ทีแรกเล็งเป้าหมายเดียว ตอนนี้หายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้งเพื่อเล็งบิทเทอซึ่งถือดาบไว้มั่น

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! 

ฉับพลันเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา พระเอกตระหนกก่อนเร่งฝีเท้าวิ่งซิกแซงหลบเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนจู่ๆ ขณะกำลังจะหลบพ้นก็มีเข็มเล่มนึงพุ่งมาโดนเอว จากนั้นภูตแมลงที่เพิ่งโดนคาเลนสังหารถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง 

“แม่งเอ้ย.. ”

บิทเทอสบถอย่างไม่ชอบใจ ตอนนี้เขาต้องหลบเลี่ยงทั้งเข็มที่เล็งยิงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแมลงพวกนั้น ขณะตวัดดาบฟันใส่แมลงสองตัว เข็มได้พุ่งปักเข้าหัวไหล่ซ้าย ความรู้สึกที่รับรู้ได้นอกจากความเจ็บคืออาการชาไม่ต่างจากพิษของภูตแมลง
คาเลนลอบมองสถานการณ์ทางอีกคนบ้างเป็นพักๆ เท้าวิ่งสับไปใกล้ศิลามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่คาด ไม่ว่าจะภูตหรือศิลาต่างก็พากันสนใจบิทเทอกันอย่างเดียว

‘คุณพระเอกเราเนี่ยเสน่ห์แรงจริงๆ เลย’

คาเลนนึกขำกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งตรงฝ่าดอกไฮเดรนเยียเข้าไปถึงแท่นศิลาได้ เขาปีนขึ้นไปยืนอยู่ข้างบนในระยะใกล้พอเหมาะ มือถือกริชง้างขึ้นเตรียมแทงใส่ แต่จู่ๆ รูปปั้นหญิงสาวที่ตอนแรกยืนนิ่งกลับหันหน้ามาจ้องตากลับแล้วจับบีบคอเขาด้วยมือหินนั้นข้างเดียว

กึ่ก! อึ่ก!

แรงบีบมหาศาลไล่อากาศในปอดออกไป เท้าที่เคยยืนบนแท่นตอนนี้ลอยคว้างกลางอากาศปราศจากที่วาง คาเลนพยายามดีดดิ้นแต่ด้วยตำแหน่งและแรงแตกต่างกันมากเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขัดขืน วงเวทย์ใหม่ทั้งหมดสี่วงปรากฏก่อนจะปล่อยเข็มปักทั้งแขนทั้งขาสองข้าง ทำคาเลนร้องออกมาด้วยความปวดร้าว

อ๊ากกก!

“แม่งเอ๊ย!”

มือของเขาถือกริชนี้ไว้เตรียมแทงแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้มันกลับเปล่าประโยชน์ เพราะร่างกายมันไม่ฟังเขาเลย จากนั้นร่างเขาก็ถูกเหวี่ยงไถลไปกับพื้นในสวนจนหญ้าดินถูกถางเป็นทาง อาวุธกริชของเขาตกไม่ห่างไปจากแท่นศิลา ทั่วทั้งกายชายผมยาวดำชาไปหมด ขนาดว่ายาระงับพิษยังช่วยอะไรไม่ได้

“บิทเทอ! ใช้กริชนั่นโว้ย!!”

พระเอกวิ่งมาถึงแท่นตรงไปคว้าอาวุธนั้นมาถือไว้ได้ ระหว่างทางเขาฆ่าพวกภูตไปหมด รวมถึงเป็นอัมพาตไม่รู้ตั้งเท่าไร ตามตัวมีเข็มปักเต็มไปหมดอย่างกับเม่น ตอนนี้พิษมันเกินกว่ายาจะรับไหว ชายหนุ่มฝืนสุดสังขารปีนขึ้นแท่น

“ฉันใช้มันไม่เป็นโว้ยยย!”

“แทงมัน!”

ฮันเตอร์ง้างขึ้นจะแทงเข้ากลางอก แต่ศิลากลับจับข้อมือทั้งสองข้างยั้งเอาไว้ แรงของเขาสู้ไอ้ปีศาจหินนี้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว มันพยายามจะดันกริชที่เกือบแทงลงออกไป แต่บิทเทอก็ออกแรงกดมากกลับไปเช่นเดียวกัน 

“แม่ง!”

นักล่าเสพติดภูตกัดฟันแน่น ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้อย่างไร เพราะตอนนี้มันจะถึงขีดกำจัดเขาแล้ว คาเลนซึ่งนอนกองอยู่บนพื้นเพ่งสายตามองไป ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น

“อาร์ลีน!”

เสียงตวาดดังจนบิทเทอเผลอชะงัก แต่ที่น่าประหลาดคือศิลานั้นกลับชะงักไปด้วย ฮันเตอร์หนุ่มใช้จังหวะนั้นเสียบกริชปักกลางอก ทุกอย่างเงียบราวกับสุรเสียงรอบข้างถูกช่วงชิง ร่างรูปปั้นสาวซึ่งเป็นศิลาค่อยๆ แตกร้าวจนในที่สุดก็แยกส่วนออกเป็นเสี่ยงๆ 

บิทเทอค่อยๆ ปีนลงจากแท่นชายตามองเศษหินพวกนั้น ก่อนจะประคองร่างตนเองไปหาคาเลนซึ่งตอนนี้นอนนิ่งกองอยู่บนพื้น เขาหยุดเบื้องหน้าร่างคนร่วมทางแล้วก้มลงมอง

“ตายแล้วเหรอ ไอ้เวร”

“...”

ชายผมยาวดำไม่ตอบกลับอะไร เข็มที่ปักตามตัวบิทเทอกลายเป็นหินแตกหลุดออกไป ก่อนเขาจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ มองคาเลนสลบไสลอยู่แบบนั้น

“ไอ้โง่เอ้ย”

จากนั้นฮันเตอร์ผล็อยหลับไปอีกคนด้วยความล้าเต็มกลืน