เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน

‘รู้มั้ยว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงได้เป็นเรื่องที่ผมรักสุดๆ แต่ต่อมาก็เกลียด ทั้งที่มันออกมาดีมากขนาดนั้น เหตุผลก็เป็นเพราะ….’

‘ผมเกลียดการถูกทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่พระเอกเจอ’ 

‘พูดให้ถูกคือผมเห็นใจบิทเทอมากเกินไป ทนเห็นเขาเจ็บปวดมากกว่านี้ไม่ได้เลยหยุดอ่านนิยายเรื่อง ‘นักล่าสาปบาป’ ไปทันที ...แม้ว่าการพาเขามาเดินทางกับผม มันจะเป็นการบิดเบือนเนื้อเรื่องหรือยังไงก็ช่าง แต่อย่างน้อยผมก็อยากดึงเขาให้ออกห่างจากคนพวกนั้น’

‘หรือจริงๆ ตอนนี้ผมแค่กำลังทำเกินเหตุนะ?’

‘บิทเทอ ตอนนี้ฉันกำลังช่วยนายอยู่ใช่มั้ย?’



บุรุษผมยาวดำสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับหอบหายใจเข้าออกหนัก นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลงกว้างพบกับจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างอยู่บนน่านฟ้ายามราตรี หมู่ดาวรายล้อมรอบๆ ถูกบดบังด้วยเมฆไม่ก็กิ่งไม้ที่ยื่นเข้ามาในทัศนวิสัย เสียงท่อนฟืนแตกปริเมื่อถูกแผดเผาดังเบาๆ คลออยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

สายตาปรายมองกองไฟส่องสว่างท่ามกลางป่าใหญ่ ความสงสัยก่อตัวขึ้นก่อนคาเลนจะสังเกตเห็นคนที่นั่งข้างๆ กองไฟ 

“อะไรกันเนี่ย เดี๋ยวนี้มีภูตป่ามาดูแลฉันด้วยเหรอ?”

บุคคลปริศนานั่งจ้องกองเพลิงค่อยๆ หันมา เพราะความมืดเขาจึงเห็นไม่ชัดนักรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร แต่เท่าที่มองออกตอนนี้ คนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มสวมเครื่องแบบอัศวิน ผิวขาวซีดพอกับผมหยักศกสีจาง และเด่ดสุดคงเป็นนัยน์ตามรกต

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

คนแปลกหน้าถามกลับเสียงสุขุม ทำคาเลนเลิกคิ้วมองท่าทีไม่ตกใจของอีกฝ่าย

“ก็….รู้สึกมึนหัวปวดตัวนิดหน่อย”

“ครับ งั้นคุณควรจะพักต่อ”

“เดี๋ยว นายควรบอกว่าตัวเองเป็นใครก่อนสิ” คาเลนว่าพลางกลอกตามองรอบๆ ใช้คำพูดเป็นการเองเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ก่อนจะพบบิทเทอนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ บาดแผลมากมายได้รับการรักษา พอกลับมาสำรวจตัวเองจึงเห็นว่าแผลเขาถูกรักษาแล้วเช่นเดียวกัน

“ ‘ราวิน เคิร์ท รามุส’ ”

“นั่นชื่อนาย?”

“ใช่ครับ”

คาเลนเอียงศีรษะมองราวินแสดงท่าทางนิ่งเฉยไม่พูดอะไร ก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจแนะนำตัวไปเพื่อทำลายบรรยากาศสงัดนี้ “ฉันคาเลน แบรนดอน” เมื่อพูดชื่อออกมาไปสีหน้าราวินก็แสดงอารมณ์ประหลาดออกมาเล็กน้อย

‘ราวิน… ทำไมรู้สึกคุ้นชื่อหมอนี่แปลกๆ ’

คาเลนเพ่งสายตาใคร่ครวญ ก่อนอัศวินแปลกหน้าผู้เป็นคนให้ความช่วยเหลือจะกล่าวขึ้น “มีอะไรที่สงสัยงั้นเหรอครับ” พออีกฝ่ายเปิดทางให้ถาม คาเลนจึงไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสไว้ทันที

“นายเป็นคนช่วยพวกฉันใช่ไหม?”

“ผมเจอคุณทั้งสองนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ในสวน เลยพาออกมาทำแผลให้ยาถอนพิษ”

“ขอบคุณที่ช่วยนะ ทำเอาฉันตกใจแย่ตอนเห็นนายครั้งแรก นึกว่าภูตเทวดาที่ไหนมาช่วยซะอีก” คาเลนหัวเราะแห้งให้กับโชคดีที่เจอในครั้งนี้ เพราะการต่อสู้นั้นสร้างความสาหัสทั้งเขาและบิทเทออย่างมาก สังขารต่างฝ่ายต่างย่ำแย่เกินกว่าจะดูแลตัวเองได้

สายตาปรายหยุดมองราวินที่ตอนนี้หันกลับไปจ้องกองไฟอย่างเดิม

‘ประหลาดชะมัด หมอนี่เจอผู้ชายฉกรรจ์สองคนกลางป่านอนสลบเหมือดอย่างกับศพ แล้วพาออกมาจากสวนเพื่อรักษาทุกอย่างให้ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกับบิทเทอเป็นใคร? จะบอกว่าไอ้คนนี้เป็นคนดีที่บังเอิญผ่านเข้ามาในป่านี้มันก็ออกจะ….’

‘มันจะมีคนปกติที่ไหนเขาเข้าไปในสวนร้างนั่นกันล่ะค้าบบบบ~’

“แบรนดอน…” หลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมมานาน จู่ๆ ราวินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “คุณคงเป็นบุตรของคาเบิลใช่ไหมครับ?” 

“ใช่ รู้จักเขาเหรอ?”

“เคยอ่านงานเขียนวรรณกรรมคลาสสิคของเขาน่ะ”

“ชอบไหม”

“ชอบมากครับ” เสียงเรียบเฉยเอ่ยออกมา ถ้าใครก็ตามมองว่าพระเอกนิยายเรื่องนี้เป็นคนขรึมมากๆ แล้ว ชายคนนี้คงขรึมกว่าเป็นไหนๆ หรือบางทีอาจจะเป็นคนประเภทเดียวกัน ท่าทางดูซื่อตรงแต่ก็สุขุม 

‘หรือว่าหมอนี่เป็นแฟนคลับตัวยงของคาเบิลกันเนี่ย’

“ว่าแต่นายเข้าป่ามาทำไมล่ะ เป็นนักเดินทางเหรอ?” 

ราวินส่ายหน้าเบาๆ “ผมแค่จะมาเยี่ยมเธอ” คาเลนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สายตาจับมองไปยังคู่สนทนาอย่างสงสัย เดาไม่ได้เลยว่าคนคนนี้คือใครกัน

‘มันน่าประหลาด แถมมากๆ เลยด้วย เพราะผมกับบิทเทอคือคนแปลกหน้า แทนที่หลังจากช่วยแล้ว พอผมไม่ก็บิทเทอตื่นมาควรจะเป็นฝ่ายถูกซักไซ้ กลับกลายเป็นว่าผมต้องมาถามไถ่เขาเองซะอย่างนั้น’

‘หมอนี่...แปลกจริงๆ ’

“เมื่อกี้นายบอกว่ามาเยี่ยมเธอ นายหมายถึงใครงั้นเหรอ? คนรัก?” 

คาเลนถามกลับด้วยน้ำเสียงอันเป็นธรรมชาติ ราวินชะงักไปก่อนจะเหลียวกลับมองคนถาม แสงเพลิงส่องตกกระทบใบหน้า ดวงตาส่องสะท้อนฉายแววสงบนิ่ง

“อาร์ลีน”

“นาย...”

“พวกคุณเป็นคนฆ่าอาร์ลีนใช่ไหม?”

ฉับพลันครั้นเสียงราบเรียบเอ่ยจบ คาเลนก็รู้สึกเย็นวาบลมจับไปทั้งตัว ครู่เมื่อกี้มีหลายๆ อย่างประดังเข้าในหัวไม่หยุด แต่ตอนนี้เขาได้คำตอบเหมาะเจาะกับเวล่ำเวลาซะเหลือเกิน 

‘ผมจำได้แล้ว… ‘ราวิน เคิร์ท รามุส’ คืออดีตอัศวินเปี่ยมไปด้วยฝีมือการรบรา ได้รับตำแหน่งแม่ทัพไปออกศึกหลายครั้งในช่วงสงคราม เขาได้รับชัยชนะและนำเกียรติมากมายมาสู่ประเทศชาติ’ 
‘ฟังดูเป็นตัวละครที่เจ๋งใช่ไหมล่ะ? รูปลักษณ์งดงามและกริยาสุขุมน่าดึงดูด แล้วไหนจะความสามารถพวกนั้นอีก แต่ขอบอกเลยว่าตอนนี้ผมกำลังเจอกับปัญหาใหญ่มากๆ ๆ ๆ ๆ ’

‘เพราะเขาอยู่ฝั่งตัวร้ายยังไงล่ะ’

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้พวงมาด้วยบรรยากาศกดดันจากราวิน ชายที่เขาเพิ่งรู้จักไม่ถึงชั่วโมงและก็ค้นพบเมื่อไม่กี่วินาทีนี้เองว่า เขาคือหนึ่งตัวละครฝั่งตัวร้ายนั่นเอง 

“ใช่ เราทำเอง”

“...”

“คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” 

บรรยากาศหนักหน่วงลดลงฉับพลัน จากนั้นแววนัยน์ตาสีมรกตพลันแสดงความสงสัยออกมาแทน “พวกคุณทำได้?” คาเลนเลิกคิ้วมองกลับพร้อมกับแสยะมุมปากเล็กน้อย

“ใช่ อยากแสดงความยินดีกับเราเหรอ”

ราวินยิ้มตอบมา ทั้งที่การยิ้มมันควรจะทำให้คู่สนทนาอย่างเขาผ่อนคลายลง แต่ก็ไม่ เพราะนั่นมันเป็นรอยยิ้มที่ดูทะมึนเกินกว่าจะบอกได้ว่าชายคนนี้กำลังแสดงความเป็นมิตร 

‘ผมเลือกที่จะไม่โกหกเขา เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นการแสดงความจริงใจ เอ่อ...พูดเล่นน่ะ จริงๆ แล้วตอนนี้จะโกหกยังไงมันก็ไม่เนียนต่างหาก’

“คุณคงไม่ได้เรียกชื่อคำสาปออกมาหรอกใช่ไหม” ราวินถาม

“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะเรียกชื่อคำสาปล่ะ?”

“ถ้าคุณรู้ว่าอาร์ลีนที่ผมพูดถึงคืออะไร คุณคงจะรู้ว่ามันคือชื่อของคำสาปศิลาแห่งลาเมนท์”

‘สิ่งที่ราวินกำลังพูดถึงคือ ‘ชื่อคำสาป’ ไม่ใช่ทุกคำสาปที่จะมีชื่อ แต่เมื่อเราเจอคำสาปที่มีชื่อในตัวเองนั้น การเรียกชื่อคำสาปจะสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้ทั้งกับตัวคำสาปและตัวของคนเรียกชื่อเช่นกัน’

‘ผมเป็นแอนนาลิสท์ย่อมรู้เรื่องนี้ดีว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง แอนนาลิสท์หลายคนไม่เรียกชื่อคำสาปเพราะมันอาจจะทำให้พวกเขาลำบากซะเอง’

‘ง่ายๆ มันเป็นวิธีการที่เสี่ยง ถ้าเรียกชื่อคำสาปไปแล้วตายก็คือตาย ถ้ารอดก็ต้องแบกรับผลกระทบที่ตามมา ผมเองพยายามหลีกเลี่ยงในการไม่ออกนามคำสาป แต่การต่อสู้กับศิลาแห่งลาเมนท์ สถานการณ์บีบบังคับอย่างช่วยไม่ได้’

‘ยังไงซะ ตอนนี้ผมก็เรียกคำสาปชื่อ ‘อาร์ลีน’ ไปแล้ว ต่อจากนี้คือความเสียหายที่ผมต้องจ่ายคืน’

“พูดขึ้นมาเพราะรู้วิธีแก้คำสาปเหรอ?”

“ไม่เชิงครับ”

คาเลนเลิกคิ้วแล้วเผยรอยยิ้มกว้างปรากฏออกมา

“งั้นลองเล่ามาก็ได้ ฉันอยากฟังอะไรฆ่าเวลาด้วย” ราวินนิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจ 

‘ผมลำบากใจที่ผูกมิตรกับราวิน’

‘จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการผูกสัมพันธ์กับตัวร้ายหรอก หลายๆ ครั้งออกจากชอบด้วยซ้ำไป เก่งๆ เท่ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าหากว่ารู้จักกันไว้ก็คงได้ประโยชน์หลายๆ อย่างเลยทีเดียว แต่มันน่ากังวลเพราะผมน่ะเดาใจอะไรฝั่งตัวร้ายไม่ค่อยออก แถมพวกนั้นน่าจะพยศพอๆ กับผมเลยมั้ง’

‘แต่ยังไงก็ช่างเถอะ… หมอนี่ไม่รู้เรื่องคำสาปศิลาเยอะไปหน่อยเหรอ?’

สายตาราวินมองเข้าไปในกองเพลิงเงียบๆ พักใหญ่ จนในที่สุดเขาก็เอ่ยปากว่ามา “คุณเคยฟังเรื่องเล่าลือของเมืองอาร์ลีนใช่ไหมครับ” 

คาเลนพยักหน้าตอบเบาๆ 

“อาร์ลีนเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตอยู่จริงๆ เมื่อนานมาแล้ว เรื่องราวเล่าลือที่ว่าก็มีทั้งส่วนจริงและก็ไม่จริงอยู่เช่นเดียวกัน” ราวินว่าแล้วลุกขึ้นนำเอาถุงผ้าขนาดเล็กวางบนมือคาเลน 

“นายรู้เรื่องของเธอเหรอ?”

“ไม่มากครับ” 

คาเลนกะพริบตามองราวินสลับกับถุงผ้าสีน้ำเงินในมือตนเอง 

“นี่… คืออะไร?”

“ข้างในเป็นลูกกวาดน่ะครับ”

“ลูกกวาด?”

ราวินพยักหน้า “ครับ คุณน่าจะไม่ได้กินอะไรมานาน เลยให้ได้เท่าที่มีไปก่อน” คนรับเลิกคิ้วมองอย่างฉงนใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ส่งยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท

“ขอบคุณแล้วกันนะ ไว้ฉันจะกินตอนที่อยากแล้วกัน”

‘คงไม่ได้แอบใส่ยาพิษลงในลูกกวาดหรอกใช่ไหม’

อดไม่ได้ที่เขาจะมองอย่างเคลือบแคลง เพราะคนให้จะเป็นใครไปได้นอกจากตัวร้ายที่ถึงเท่ขนาดไหน ปลื้มมากเท่าไร แต่ถ้ามาฆ่าเขาด้วยยาพิษทำเหมือนคนโรคจิตวางยาเบื่อหมา คาเลนคงอดเสียดายไม่ได้ที่จะชมเชยความโง่ตัวเองและสาปส่งความใจร้ายราวิน

“นายเห็นว่าฉันเป็นคนจัดการศิลาแล้ว อยากจะเล่าอะไรเกี่ยวกับอาร์ลีนให้ฟังมั้ย”

ราวินมองมาทางคาเลนด้วยสายตาส่อแววอ่อนลง
 
“เธอเป็นหญิงสาวที่น่าเวทนา เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่อาร์ลีนเป็นเพียงทาสจากแดนสงคราม แต่ด้วยใบหน้าและเรือนร่างงดงามของเธอ เลยถูกพวกขุนนางหรือคนมีฐานะแย่งกันซื้อ เรียกว่าเคยเป็นที่นิยมเลยทีเดียว”

“พูดเหมือนนายรู้จักเธอจริงๆ ”

“ไม่หรอกครับ” ราวินเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมไม่จำเป็นต้องเล่าต่อ เพราะหลังจากนี้คุณคงได้เห็นเรื่องพวกนั้นเอง”

‘ถ้าหากว่าผมไม่ใช่แอนนาลิสท์คงงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้วว่าไอ้หมอนี่อยากสื่ออะไร จะว่าราวินเป็นคนพูดตรงก็ใช่ จะว่าพูดแฝงนัยก็ถูก ผลกระทบจากการเรียกชื่อคำสาป ฟังจากที่ราวินพูดคงเป็นการเห็นความทรงจำของอาร์ลีนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่สินะ’

‘หรือบางทีอาจจะมีอย่างอื่นอีก...’

ขณะที่คาเลนระดมความคิดในหัวอยู่นั้น เขาเพิ่งสังเกตเห็นชายร่างสูงเดินมาหยุดที่ปลายเท้าตน สายตาหลุบมองลงอย่างนิ่งเฉยยากจะมองออกเช่นเดิม “คุณคิดจะทำลายแท่นศิลาทั้ง 7 หลักใช่ไหมครับ” คาเลนมองนิ่งแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ?”

เพราะราวินหันหลังให้กับกองเพลิงจึงอ่านสีหน้าได้ยาก แต่ชั่วขณะคาเลนเห็นรอยยิ้มบางปรากฏออกมา “ในที่สุดผมก็ได้เจอแล้ว” ราวินย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้น เขาเอื้อมจับประคองฝ่ามือคาเลนไว้อย่างทะนุถนอม

“เดี๋ยว..”

“โปรดให้ผมได้ติดตามคุณไปด้วยเถอะ ท่านคาเลน”

ราวินว่าจบพลางดึงหลังฝ่ามือมาเข้าใกล้ใบหน้าคม ไม่นานริมฝีปากได้รูปจึงประทับลงอย่างแผ่วเบาราวกับถูกขนนกสัมผัส 

‘เอาล่ะ...มีอีกอย่างที่ผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้แบบสายฟ้าแลบ ฟังจากคำพูดของราวินที่ใช้คำว่า ‘ท่าน’ เมื่อกี้ ถ้าอิงตามเนื้อหานิยายแล้วเขาจะเอาไว้เรียกนายตนเอง ซึ่งราวินเรียกแบบนั้นกับผมก็หมายความว่า...’

‘ผมเป็นตัวร้ายน่ะสิ ไอ้เปรต!!’