ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
‘รู้มั้ยว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงได้เป็นเรื่องที่ผมรักสุดๆ แต่ต่อมาก็เกลียด ทั้งที่มันออกมาดีมากขนาดนั้น เหตุผลก็เป็นเพราะ….’
‘ผมเกลียดการถูกทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่พระเอกเจอ’
‘พูดให้ถูกคือผมเห็นใจบิทเทอมากเกินไป ทนเห็นเขาเจ็บปวดมากกว่านี้ไม่ได้เลยหยุดอ่านนิยายเรื่อง ‘นักล่าสาปบาป’ ไปทันที ...แม้ว่าการพาเขามาเดินทางกับผม มันจะเป็นการบิดเบือนเนื้อเรื่องหรือยังไงก็ช่าง แต่อย่างน้อยผมก็อยากดึงเขาให้ออกห่างจากคนพวกนั้น’
‘หรือจริงๆ ตอนนี้ผมแค่กำลังทำเกินเหตุนะ?’
‘บิทเทอ ตอนนี้ฉันกำลังช่วยนายอยู่ใช่มั้ย?’
บุรุษผมยาวดำสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับหอบหายใจเข้าออกหนัก นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลงกว้างพบกับจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างอยู่บนน่านฟ้ายามราตรี หมู่ดาวรายล้อมรอบๆ ถูกบดบังด้วยเมฆไม่ก็กิ่งไม้ที่ยื่นเข้ามาในทัศนวิสัย เสียงท่อนฟืนแตกปริเมื่อถูกแผดเผาดังเบาๆ คลออยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
สายตาปรายมองกองไฟส่องสว่างท่ามกลางป่าใหญ่ ความสงสัยก่อตัวขึ้นก่อนคาเลนจะสังเกตเห็นคนที่นั่งข้างๆ กองไฟ
“อะไรกันเนี่ย เดี๋ยวนี้มีภูตป่ามาดูแลฉันด้วยเหรอ?”
บุคคลปริศนานั่งจ้องกองเพลิงค่อยๆ หันมา เพราะความมืดเขาจึงเห็นไม่ชัดนักรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร แต่เท่าที่มองออกตอนนี้ คนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มสวมเครื่องแบบอัศวิน ผิวขาวซีดพอกับผมหยักศกสีจาง และเด่ดสุดคงเป็นนัยน์ตามรกต
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
คนแปลกหน้าถามกลับเสียงสุขุม ทำคาเลนเลิกคิ้วมองท่าทีไม่ตกใจของอีกฝ่าย
“ก็….รู้สึกมึนหัวปวดตัวนิดหน่อย”
“ครับ งั้นคุณควรจะพักต่อ”
“เดี๋ยว นายควรบอกว่าตัวเองเป็นใครก่อนสิ” คาเลนว่าพลางกลอกตามองรอบๆ ใช้คำพูดเป็นการเองเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ก่อนจะพบบิทเทอนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ บาดแผลมากมายได้รับการรักษา พอกลับมาสำรวจตัวเองจึงเห็นว่าแผลเขาถูกรักษาแล้วเช่นเดียวกัน
“ ‘ราวิน เคิร์ท รามุส’ ”
“นั่นชื่อนาย?”
“ใช่ครับ”
คาเลนเอียงศีรษะมองราวินแสดงท่าทางนิ่งเฉยไม่พูดอะไร ก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจแนะนำตัวไปเพื่อทำลายบรรยากาศสงัดนี้ “ฉันคาเลน แบรนดอน” เมื่อพูดชื่อออกมาไปสีหน้าราวินก็แสดงอารมณ์ประหลาดออกมาเล็กน้อย
‘ราวิน… ทำไมรู้สึกคุ้นชื่อหมอนี่แปลกๆ ’
คาเลนเพ่งสายตาใคร่ครวญ ก่อนอัศวินแปลกหน้าผู้เป็นคนให้ความช่วยเหลือจะกล่าวขึ้น “มีอะไรที่สงสัยงั้นเหรอครับ” พออีกฝ่ายเปิดทางให้ถาม คาเลนจึงไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสไว้ทันที
“นายเป็นคนช่วยพวกฉันใช่ไหม?”
“ผมเจอคุณทั้งสองนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ในสวน เลยพาออกมาทำแผลให้ยาถอนพิษ”
“ขอบคุณที่ช่วยนะ ทำเอาฉันตกใจแย่ตอนเห็นนายครั้งแรก นึกว่าภูตเทวดาที่ไหนมาช่วยซะอีก” คาเลนหัวเราะแห้งให้กับโชคดีที่เจอในครั้งนี้ เพราะการต่อสู้นั้นสร้างความสาหัสทั้งเขาและบิทเทออย่างมาก สังขารต่างฝ่ายต่างย่ำแย่เกินกว่าจะดูแลตัวเองได้
สายตาปรายหยุดมองราวินที่ตอนนี้หันกลับไปจ้องกองไฟอย่างเดิม
‘ประหลาดชะมัด หมอนี่เจอผู้ชายฉกรรจ์สองคนกลางป่านอนสลบเหมือดอย่างกับศพ แล้วพาออกมาจากสวนเพื่อรักษาทุกอย่างให้ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกับบิทเทอเป็นใคร? จะบอกว่าไอ้คนนี้เป็นคนดีที่บังเอิญผ่านเข้ามาในป่านี้มันก็ออกจะ….’
‘มันจะมีคนปกติที่ไหนเขาเข้าไปในสวนร้างนั่นกันล่ะค้าบบบบ~’
“แบรนดอน…” หลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมมานาน จู่ๆ ราวินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “คุณคงเป็นบุตรของคาเบิลใช่ไหมครับ?”
“ใช่ รู้จักเขาเหรอ?”
“เคยอ่านงานเขียนวรรณกรรมคลาสสิคของเขาน่ะ”
“ชอบไหม”
“ชอบมากครับ” เสียงเรียบเฉยเอ่ยออกมา ถ้าใครก็ตามมองว่าพระเอกนิยายเรื่องนี้เป็นคนขรึมมากๆ แล้ว ชายคนนี้คงขรึมกว่าเป็นไหนๆ หรือบางทีอาจจะเป็นคนประเภทเดียวกัน ท่าทางดูซื่อตรงแต่ก็สุขุม
‘หรือว่าหมอนี่เป็นแฟนคลับตัวยงของคาเบิลกันเนี่ย’
“ว่าแต่นายเข้าป่ามาทำไมล่ะ เป็นนักเดินทางเหรอ?”
ราวินส่ายหน้าเบาๆ “ผมแค่จะมาเยี่ยมเธอ” คาเลนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สายตาจับมองไปยังคู่สนทนาอย่างสงสัย เดาไม่ได้เลยว่าคนคนนี้คือใครกัน
‘มันน่าประหลาด แถมมากๆ เลยด้วย เพราะผมกับบิทเทอคือคนแปลกหน้า แทนที่หลังจากช่วยแล้ว พอผมไม่ก็บิทเทอตื่นมาควรจะเป็นฝ่ายถูกซักไซ้ กลับกลายเป็นว่าผมต้องมาถามไถ่เขาเองซะอย่างนั้น’
‘หมอนี่...แปลกจริงๆ ’
“เมื่อกี้นายบอกว่ามาเยี่ยมเธอ นายหมายถึงใครงั้นเหรอ? คนรัก?”
คาเลนถามกลับด้วยน้ำเสียงอันเป็นธรรมชาติ ราวินชะงักไปก่อนจะเหลียวกลับมองคนถาม แสงเพลิงส่องตกกระทบใบหน้า ดวงตาส่องสะท้อนฉายแววสงบนิ่ง
“อาร์ลีน”
“นาย...”
“พวกคุณเป็นคนฆ่าอาร์ลีนใช่ไหม?”
ฉับพลันครั้นเสียงราบเรียบเอ่ยจบ คาเลนก็รู้สึกเย็นวาบลมจับไปทั้งตัว ครู่เมื่อกี้มีหลายๆ อย่างประดังเข้าในหัวไม่หยุด แต่ตอนนี้เขาได้คำตอบเหมาะเจาะกับเวล่ำเวลาซะเหลือเกิน
‘ผมจำได้แล้ว… ‘ราวิน เคิร์ท รามุส’ คืออดีตอัศวินเปี่ยมไปด้วยฝีมือการรบรา ได้รับตำแหน่งแม่ทัพไปออกศึกหลายครั้งในช่วงสงคราม เขาได้รับชัยชนะและนำเกียรติมากมายมาสู่ประเทศชาติ’
‘ฟังดูเป็นตัวละครที่เจ๋งใช่ไหมล่ะ? รูปลักษณ์งดงามและกริยาสุขุมน่าดึงดูด แล้วไหนจะความสามารถพวกนั้นอีก แต่ขอบอกเลยว่าตอนนี้ผมกำลังเจอกับปัญหาใหญ่มากๆ ๆ ๆ ๆ ’
‘เพราะเขาอยู่ฝั่งตัวร้ายยังไงล่ะ’
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้พวงมาด้วยบรรยากาศกดดันจากราวิน ชายที่เขาเพิ่งรู้จักไม่ถึงชั่วโมงและก็ค้นพบเมื่อไม่กี่วินาทีนี้เองว่า เขาคือหนึ่งตัวละครฝั่งตัวร้ายนั่นเอง
“ใช่ เราทำเอง”
“...”
“คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
บรรยากาศหนักหน่วงลดลงฉับพลัน จากนั้นแววนัยน์ตาสีมรกตพลันแสดงความสงสัยออกมาแทน “พวกคุณทำได้?” คาเลนเลิกคิ้วมองกลับพร้อมกับแสยะมุมปากเล็กน้อย
“ใช่ อยากแสดงความยินดีกับเราเหรอ”
ราวินยิ้มตอบมา ทั้งที่การยิ้มมันควรจะทำให้คู่สนทนาอย่างเขาผ่อนคลายลง แต่ก็ไม่ เพราะนั่นมันเป็นรอยยิ้มที่ดูทะมึนเกินกว่าจะบอกได้ว่าชายคนนี้กำลังแสดงความเป็นมิตร
‘ผมเลือกที่จะไม่โกหกเขา เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นการแสดงความจริงใจ เอ่อ...พูดเล่นน่ะ จริงๆ แล้วตอนนี้จะโกหกยังไงมันก็ไม่เนียนต่างหาก’
“คุณคงไม่ได้เรียกชื่อคำสาปออกมาหรอกใช่ไหม” ราวินถาม
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะเรียกชื่อคำสาปล่ะ?”
“ถ้าคุณรู้ว่าอาร์ลีนที่ผมพูดถึงคืออะไร คุณคงจะรู้ว่ามันคือชื่อของคำสาปศิลาแห่งลาเมนท์”
‘สิ่งที่ราวินกำลังพูดถึงคือ ‘ชื่อคำสาป’ ไม่ใช่ทุกคำสาปที่จะมีชื่อ แต่เมื่อเราเจอคำสาปที่มีชื่อในตัวเองนั้น การเรียกชื่อคำสาปจะสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้ทั้งกับตัวคำสาปและตัวของคนเรียกชื่อเช่นกัน’
‘ผมเป็นแอนนาลิสท์ย่อมรู้เรื่องนี้ดีว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง แอนนาลิสท์หลายคนไม่เรียกชื่อคำสาปเพราะมันอาจจะทำให้พวกเขาลำบากซะเอง’
‘ง่ายๆ มันเป็นวิธีการที่เสี่ยง ถ้าเรียกชื่อคำสาปไปแล้วตายก็คือตาย ถ้ารอดก็ต้องแบกรับผลกระทบที่ตามมา ผมเองพยายามหลีกเลี่ยงในการไม่ออกนามคำสาป แต่การต่อสู้กับศิลาแห่งลาเมนท์ สถานการณ์บีบบังคับอย่างช่วยไม่ได้’
‘ยังไงซะ ตอนนี้ผมก็เรียกคำสาปชื่อ ‘อาร์ลีน’ ไปแล้ว ต่อจากนี้คือความเสียหายที่ผมต้องจ่ายคืน’
“พูดขึ้นมาเพราะรู้วิธีแก้คำสาปเหรอ?”
“ไม่เชิงครับ”
คาเลนเลิกคิ้วแล้วเผยรอยยิ้มกว้างปรากฏออกมา
“งั้นลองเล่ามาก็ได้ ฉันอยากฟังอะไรฆ่าเวลาด้วย” ราวินนิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจ
‘ผมลำบากใจที่ผูกมิตรกับราวิน’
‘จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการผูกสัมพันธ์กับตัวร้ายหรอก หลายๆ ครั้งออกจากชอบด้วยซ้ำไป เก่งๆ เท่ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าหากว่ารู้จักกันไว้ก็คงได้ประโยชน์หลายๆ อย่างเลยทีเดียว แต่มันน่ากังวลเพราะผมน่ะเดาใจอะไรฝั่งตัวร้ายไม่ค่อยออก แถมพวกนั้นน่าจะพยศพอๆ กับผมเลยมั้ง’
‘แต่ยังไงก็ช่างเถอะ… หมอนี่ไม่รู้เรื่องคำสาปศิลาเยอะไปหน่อยเหรอ?’
สายตาราวินมองเข้าไปในกองเพลิงเงียบๆ พักใหญ่ จนในที่สุดเขาก็เอ่ยปากว่ามา “คุณเคยฟังเรื่องเล่าลือของเมืองอาร์ลีนใช่ไหมครับ”
คาเลนพยักหน้าตอบเบาๆ
“อาร์ลีนเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตอยู่จริงๆ เมื่อนานมาแล้ว เรื่องราวเล่าลือที่ว่าก็มีทั้งส่วนจริงและก็ไม่จริงอยู่เช่นเดียวกัน” ราวินว่าแล้วลุกขึ้นนำเอาถุงผ้าขนาดเล็กวางบนมือคาเลน
“นายรู้เรื่องของเธอเหรอ?”
“ไม่มากครับ”
คาเลนกะพริบตามองราวินสลับกับถุงผ้าสีน้ำเงินในมือตนเอง
“นี่… คืออะไร?”
“ข้างในเป็นลูกกวาดน่ะครับ”
“ลูกกวาด?”
ราวินพยักหน้า “ครับ คุณน่าจะไม่ได้กินอะไรมานาน เลยให้ได้เท่าที่มีไปก่อน” คนรับเลิกคิ้วมองอย่างฉงนใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ส่งยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท
“ขอบคุณแล้วกันนะ ไว้ฉันจะกินตอนที่อยากแล้วกัน”
‘คงไม่ได้แอบใส่ยาพิษลงในลูกกวาดหรอกใช่ไหม’
อดไม่ได้ที่เขาจะมองอย่างเคลือบแคลง เพราะคนให้จะเป็นใครไปได้นอกจากตัวร้ายที่ถึงเท่ขนาดไหน ปลื้มมากเท่าไร แต่ถ้ามาฆ่าเขาด้วยยาพิษทำเหมือนคนโรคจิตวางยาเบื่อหมา คาเลนคงอดเสียดายไม่ได้ที่จะชมเชยความโง่ตัวเองและสาปส่งความใจร้ายราวิน
“นายเห็นว่าฉันเป็นคนจัดการศิลาแล้ว อยากจะเล่าอะไรเกี่ยวกับอาร์ลีนให้ฟังมั้ย”
ราวินมองมาทางคาเลนด้วยสายตาส่อแววอ่อนลง
“เธอเป็นหญิงสาวที่น่าเวทนา เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่อาร์ลีนเป็นเพียงทาสจากแดนสงคราม แต่ด้วยใบหน้าและเรือนร่างงดงามของเธอ เลยถูกพวกขุนนางหรือคนมีฐานะแย่งกันซื้อ เรียกว่าเคยเป็นที่นิยมเลยทีเดียว”
“พูดเหมือนนายรู้จักเธอจริงๆ ”
“ไม่หรอกครับ” ราวินเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมไม่จำเป็นต้องเล่าต่อ เพราะหลังจากนี้คุณคงได้เห็นเรื่องพวกนั้นเอง”
‘ถ้าหากว่าผมไม่ใช่แอนนาลิสท์คงงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้วว่าไอ้หมอนี่อยากสื่ออะไร จะว่าราวินเป็นคนพูดตรงก็ใช่ จะว่าพูดแฝงนัยก็ถูก ผลกระทบจากการเรียกชื่อคำสาป ฟังจากที่ราวินพูดคงเป็นการเห็นความทรงจำของอาร์ลีนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่สินะ’
‘หรือบางทีอาจจะมีอย่างอื่นอีก...’
ขณะที่คาเลนระดมความคิดในหัวอยู่นั้น เขาเพิ่งสังเกตเห็นชายร่างสูงเดินมาหยุดที่ปลายเท้าตน สายตาหลุบมองลงอย่างนิ่งเฉยยากจะมองออกเช่นเดิม “คุณคิดจะทำลายแท่นศิลาทั้ง 7 หลักใช่ไหมครับ” คาเลนมองนิ่งแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ?”
เพราะราวินหันหลังให้กับกองเพลิงจึงอ่านสีหน้าได้ยาก แต่ชั่วขณะคาเลนเห็นรอยยิ้มบางปรากฏออกมา “ในที่สุดผมก็ได้เจอแล้ว” ราวินย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้น เขาเอื้อมจับประคองฝ่ามือคาเลนไว้อย่างทะนุถนอม
“เดี๋ยว..”
“โปรดให้ผมได้ติดตามคุณไปด้วยเถอะ ท่านคาเลน”
ราวินว่าจบพลางดึงหลังฝ่ามือมาเข้าใกล้ใบหน้าคม ไม่นานริมฝีปากได้รูปจึงประทับลงอย่างแผ่วเบาราวกับถูกขนนกสัมผัส
‘เอาล่ะ...มีอีกอย่างที่ผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้แบบสายฟ้าแลบ ฟังจากคำพูดของราวินที่ใช้คำว่า ‘ท่าน’ เมื่อกี้ ถ้าอิงตามเนื้อหานิยายแล้วเขาจะเอาไว้เรียกนายตนเอง ซึ่งราวินเรียกแบบนั้นกับผมก็หมายความว่า...’
‘ผมเป็นตัวร้ายน่ะสิ ไอ้เปรต!!’