เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 14 กริชเงา โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 14 กริชเงา


คาเลนนิ่งค้างแข็งทื่อไปหลังปะติดปะต่อเนื้อเรื่องได้ ค้นพบว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกตัวละครลับเท่านั้น แต่ร่างที่เขาเข้ามาอยู่เป็นถึง ‘ลาสต์บอส’ ของนิยายอีกต่างหาก การค้นพบครั้งนี้มันยิ่งใหญ่ซะยิ่งกว่าการขุดเจอฟอสซิลไดโนเสาร์ 


เขาพรูลมหายใจ หลุบสายตามองราวินผละริมฝีปากออกจากหลังมือตน ท่าทีอัศวินฉกาจคนนี้นิ่งเฉยเหลือเกินเหมือนไม่ระคายกับการจุมพิตหลังมือเขาเลย

“คิดจะทำอะไรกับหมอนั่น?”

เสียงแหบพร่าดังขึ้น พาให้สายตาทั้งสองเหลือบตาม คนกล่าวไม่ใช่ใครแต่บิทเทอที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ท่าทางดูล้านิดหน่อยแต่ก็ปกติดีไม่ได้สาหัสสากรรจ์อะไร

“ผมเพียงแสดงความเคารพ”

“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะทำแบบนั้นได้”

“ทำไมล่ะครับ?”

ราวินถามกลับหน้าซื่อตาใส พระเอกเลยปรายตาไปทางคนร่วมทาง 

“คาเลน นายปล่อยให้คนแปลกหน้ามาทำแบบนั้นเนี่ยนะ?”

‘เมื่อกี้ผมมัวแต่คิดเรื่องคำพูดของราวินเลยไม่ได้สนใจการกระทำนั่น อา….จะว่าไป พอรู้หรอกว่าหมอนี้เป็นพวกอยากแสดงความเคารพ ความภักดีแบบไม่มีกั๊ก แต่การจูบหลังมือได้แบบไม่กระด้างเนี่ย… บางทีอาจจะทำกับพวกขุนนางบ่อยจนชินแล้วมั้ง?’

‘หรือไม่ก็คงเป็นการสาบานอะไรสักอย่าง’

“ช่างเถอะ ไม่ใช่อะไรที่เป็นปัญหาขนาดนั้นหรอก” ชายผมยาวดำว่าพลางยักไหล่ตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ บิทเทอถึงกับขมวดคิ้วมองอย่างขุ่นใจ คาเลนเห็นแบบนั้นจึงเชิดมุมปากหยอกเย้า เลื่อนหลังฝ่ามือที่ถูกราวินจูบเมื่อกี้ขึ้นแตะแก้มตนเอง

“ทำไม? นายหวงมือฉันเหรอ~”

“อย่ามาพูดจาเหลวไหล” ฮันเตอร์หนุ่มหรี่ตามองราวินครู่หนึ่ง “คุณเป็นใคร”

“ราวิน เคิร์ท รามุส”

“อัศวิน?”

“ใช่ แล้วคุณชื่อ...”

“บิทเทอ โลฮาส”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณโลฮาส”

“เช่นกัน ขอบคุณที่ช่วยเหลือเราด้วยความหวังดี” 

บิทเทอกล่าวขอบคุณจากการคาดเดาสถานการณ์ คิดว่าชายคนนี้คงเข้ามาช่วยคาเลนกับเขาที่สลบทั้งคู่ ถึงแม้ว่าปากจะเอ่ยขอบคุณแต่ก็แค่คำพูดเท่านั้น หากฟังดีๆ แล้วสามารถรับรู้ได้จากน้ำเสียงพระเอกว่าระแวงในตัวคนแปลกหน้าพอควร นัยน์ตาสีฟ้าจับมองไปเหมือนพยายามค้นหาว่า…

ชายคนนี้เป็นใคร? 

แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นกับคาเลน?

บิทเทอนึกคำถามวนเวียนในหัว แล้วหันมองชายผมยาวดำซึ่งขณะนี้นั่งนิ่งคิดอะไรกับตนเองอยู่

‘นี่มันไม่ใช่แค่บิดเบือนเนื้อเรื่องแล้ว! นี่มันเข้าขั้นรีไรท์ทับเนื้อเรื่องไปเลยมั้งค้าบบบบ!! ผมขอโกรธคุณนักเขียนที่ไม่บอกตรงๆ มาแต่แรกว่าลาสบอสฝั่งตัวร้ายเป็นใคร แต่ในโลกนี้คุณคือพระเจ้าของผมครับ เพราะงั้นช่วยส่งบัฟดีๆ มาให้ผมอีกเถอะ (จะตัวละครหรือความสามารถก็ได้ค้าบ) สาธุ ไม่ใช่สิ ต้องอาเมน’

“หิวมั้ยครับ” ครั้นราวินถามพร้อมลุกเดินกลับไปนั่งบนขอนไม้หน้ากองไฟ คาเลนซึ่งกำลังโอดครวญกับความจริงที่ตัวเองเจอพลันเลิกคิ้วมอง

“นายมีอะไรให้กินด้วยเหรอ?”

“เนื้อนกย่างน่ะครับ”

“หืม…” คาเลนครางต่ำเสมองพระเอกนั่งเงียบมองไปทางราวิน “นายกินมั้ย?”

“ถ้านายหิวก็กินเลย”

“ฉันถามนายว่าจะกินหรือไม่กิน ไม่ใช่มาถามเพื่อให้นายไล่ฉันไปกินสิ”

“ฉันจะกินไม่กินมันสำคัญเหรอ?”

“ทำไมจะไม่ ก็ฉันอยากกินกับนายน่ะสิ” บิทเทอเหลียวมองคนตอบก็เห็นคาเลนที่ส่งยิ้มแหย่มา ดวงตาหรี่มองแฝงความทะเล้น “ทำไม? หรืออยากจะให้ฉันป้อนเข้าปากด้วย?”

“เฮ้อ กินพร้อมกันเนี่ยแหละ”

“หว่า~ นึกว่าจะได้ป้อนข้าวเด็กดื้อซะแล้ว~”

คาเลนบ่นออกมาอย่างนึกเสียดาย

ทั้งสองลุกไปนั่งขอนไม้หน้ากองไฟให้แสงสว่างในป่ามืดนี้ ราวินส่งเนื้อเสียบไม้ให้กับทั้งสองคน เมื่อรับมาแล้วบิทเทอจึงมองไปอย่างพินิจพิจารณา ต่างกับคาเลนซึ่งรับมาก็กินไปด้วยความหิวทันที ปราศจากท่าทางระแวงใดๆ 

“อร่อยดีแฮะ”

ราวินทอดสายตามองมาทางคาเลนก่อนจะกล่าวขึ้น “เดี๋ยวผมมานะครับ” ไม่ทันไรราวินกลับเดินหายออกไปอย่างเงียบเชียบซะอย่างนั้น

‘ถ้าตำแหน่งร่างนี้ที่ผมเข้ามาอยู่คือตัวร้ายหรือลาสต์บอส หรืออะไรก็ช่างที่มันร้ายจริงๆ แน่นอนว่าราวินจะไม่มีทางหักหลังผมแน่นอน ผมอ่านมาตั้งเท่าไรก็เห็นว่าเขาเป็นคนที่จงรักภักดีกับนายตนเองเหลือเกิน และใช่ ...คนคนนั้นคือผมเอง’

‘ดังนั้นการมีเขาอยู่ใกล้ตัวอาจจะเป็นการดีที่สุด’

“นี่ บิทเทอ”

“อะไร” บิทเทอตอบกลับทั้งที่ปากกำลังกัดเนื้อย่าง เขาเริ่มกินเพราะคาเลนทานไปก่อนไม่มีท่าทางผิดแผกสำแดงอะไร อีกอย่างคือเขาเองก็หิวมากจนไส้กิ่วหมดแล้ว

“เมื่อกี้นายหวงฉันใช่ไหมล่ะ~”

“...”

นักล่าเสพติดภูตไม่ตอบกินเนื้อย่างต่อเงียบๆ ชายผมยาวดำปรายตามองส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “เงียบแบบนี้ ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองเผลอหลงเสน่ห์ฉันงั้นเหรอ?”

“มันไร้สาระที่นายไม่ระวังตัวเองต่างหาก”

“ทำไมต้องทำเหมือนราวินเป็นหมาบ้าจะพุ่งเข้ามากัดฉันงั้นแหละ”

“นายไว้ใจหมอนั่น?”

คาเลนไหวไหล่ “ฉันพูดเพราะหมอนั่นไม่ได้เป็นแบบนั้นต่างหาก อย่าเข้าใจผิดสิ คนดี~” ว่าพลางกัดเนื้อคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นโยนไม้เข้าไปในกองไฟ บิทเทอเองกินเสร็จจึงโยนตามไป

“อะ ลืมไปเลยแฮะ”

“...?” 

พอแอนนาลิสท์หนุ่มกล่าวขึ้นเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้ บิทเทอก็หันไปมองอย่างสงสัย

“ฉันขอโทษที่ใช้นายเป็นเหยื่อล่อกับภูตพวกนั้นน่ะ”

บิทเทอเงียบมองครู่หนึ่งก่อนตอบ “ไม่นึกเลยว่านายมีจิตสำนึกเหมือนคนด้วย”

“นายเห็นฉันเป็นคนยังไงแล้วเนี่ย?”

“คนบ้าบิ่นที่ทำอะไรไม่ปรึกษาใคร”

“ก็ช่วยไม่ได้นี่นา~ สถานการณ์มันออกจะคับขันขนาดนั้น”

คาเลนขำแห้งๆ ก่อนชั่วครู่จะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังจากคนข้างๆ “ถ้าผลลัพธ์มันออกมาดีฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก” เขาเสมองเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เห็นบิทเทอเผยยิ้มออกมา แสงเพลิงส่องสว่างเห็นชัดว่าเหนือมุมปากซ้ายมีลักยิ้มปรากฏอยู่ คาเลนเลื่อนมองเส้นผมขาวซึ่งคาดว่าถ้าได้สัมผัสคงนุ่มเหมือนขนสัตว์ ไหนจะนัยน์ตาสีฟ้าต้องสะท้อนแสงชวนมองนั่นอีก

‘พระเอกนี่มันพระเอกจริงๆ ชอบทำจังหวะตกหลุมรักให้หวั่นไหวอยู่เรื่อย...’

ระหว่างที่บิทเทอกำลังมองเข้าไปในกองเพลิงลุกไหวตรงหน้า ปากขยับเปล่งเสียงถามมาอย่างใคร่รู้เกี่ยวกับการต่อสู้ศิลาแห่งลาเมนท์ 

“อาวุธของนายที่เอามาฆ่าศิลาแห่งลาเมนท์นั่นคืออะไร”

“หมายถึงกริชนั่นสินะ” 

บิทเทอผงกหัวรับเบาๆ 

“มันเรียกว่า ‘กริชเงา’ ฉันได้มันมาตอนที่ไปกำจัดคำสาปพวกภูตตัวยักษ์ที่กว่าจะล้มได้ก็ใช้เวลาเป็นปีๆ ตามคำสั่งขุนนาง พอทำสำเร็จเขาเลยอยากตอบแทนฉันด้วยการเอาชิ้นส่วนคำสาปพวกนั้นมาทำเป็นอาวุธที่ระลึกให้”

บิทเทอกระตุ้นคิ้วมอง “ทำอาวุธเป็นการขอบคุณให้แอนนาลิสท์ เอาไปให้ฮันเตอร์ที่จัดการจะไม่เป็นประโยชน์กว่าเหรอ?”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เจ้านั่นก็บอกว่า ‘ถือซะว่าเป็นของประดับเอาไว้ติดบ้านก็ได้’ ”

ได้ฟังแบบนั้นสีหน้าของฮันเตอร์หนุ่มแสดงความเคืองใจออกมามากกว่าเก่า 

“แบบนั้นก็เสียของหมด”

“ฉันรู้ว่านั่นมันของดี เพราะงั้นเลยไม่ปฏิเสธไงล่ะ”

“สร้างมาเพื่อประดับยังเอามาใช้งานขนาดนี้ แปลว่าคำสาปที่นายเจอมาคงแกร่งไม่เบา”

“ฮ่ะๆ ฉันก็เกือบแย่ ถ้าไม่ติดที่ว่าคำสาปมันไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไร” คาเลนหัวเราะเมื่อนึกย้อนกลับไปช่วงเวลานั้น บิทเทอได้ฟังจึงมองมาด้วยสีหน้างวยงง

“เกลียดขี้หน้า?”

ชายหนุ่มหลุดขำอีกครั้งให้กับปฏิกิริยาสงสัยของคู่สนทนา

“มันเหมือนกับการที่ภูตมุ่งแต่จะโจมตีนาย เพราะเห็นออร่าคำสาปฟุ้งไปทั่ว แต่พวกมันกลับเมินฉันไม่ต่างจากธาตุอากาศ”

“เหตุผลที่มันทำแบบนั้นเป็นเพราะอะไร?”

คาเลนยิ้มส่ายหน้าอ่อน “มีสองอย่าง ไม่ฉันอ่อนแอมากก็แข็งแกร่งมาก แต่สู้ออร่าคำสาปนายไม่ได้หรอก” บิทเทอมองนิ่งแล้วพูดตอบมาเสียงเรียบหน้าตาเฉย

“ฉันว่าภูตน่าจะมีสติปัญญาพอไม่สนใจคนบ้าแบบแก”

“คุณฮันเตอร์~ พูดแบบนั้นก็ใจร้ายเกินไปนะครับ~”

แซ่ก!

จากบรรยากาศสนทนาอันผ่อนคลาย เสียงพุ่มไม้ขยับทำพวกเขาตื่นตัวฉับพลัน ชายหนุ่มทั้งสองหันมองตามทิศทางเสียงอย่างเร็วไว บางสิ่งนั้นไหวอยู่อีกครั้งสองครั้ง เพียงช่วงอึดใจเดียวชายร่างสูงได้ปรากฏตัวย่างกรายสู่เขตที่แสงส่องถึง

“ราวิน?”

คาเลนเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเป็นบิทเทอที่ออกปากถามเช่นเดียวกัน

“ไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ?”

“ไม่ใช่”

ทั้งคู่พากันมองหน้าอย่างงงๆ ในสิ่งที่ราวินพูด ความเงียบกลับมาอีกครั้งเป็นสถานการณ์ชวนสงสัยอย่างน่าประหลาด สายตาสองคู่มองไปยังอัศวินหนุ่มที่ยืนเงียบ ก่อนหนึ่งอีกฝ่ายจะตอบด้วยเสียงโทนนิ่ง 

“คุณคาเลนไม่ใช่คนบ้าหรอกครับ”

“...”

“...”

‘หมอนี่เป็นตัวร้ายที่ซื่อเกินคาดจริงๆ ’