ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คาเลนนิ่งค้างแข็งทื่อไปหลังปะติดปะต่อเนื้อเรื่องได้ ค้นพบว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกตัวละครลับเท่านั้น แต่ร่างที่เขาเข้ามาอยู่เป็นถึง ‘ลาสต์บอส’ ของนิยายอีกต่างหาก การค้นพบครั้งนี้มันยิ่งใหญ่ซะยิ่งกว่าการขุดเจอฟอสซิลไดโนเสาร์
เขาพรูลมหายใจ หลุบสายตามองราวินผละริมฝีปากออกจากหลังมือตน ท่าทีอัศวินฉกาจคนนี้นิ่งเฉยเหลือเกินเหมือนไม่ระคายกับการจุมพิตหลังมือเขาเลย
“คิดจะทำอะไรกับหมอนั่น?”
เสียงแหบพร่าดังขึ้น พาให้สายตาทั้งสองเหลือบตาม คนกล่าวไม่ใช่ใครแต่บิทเทอที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ท่าทางดูล้านิดหน่อยแต่ก็ปกติดีไม่ได้สาหัสสากรรจ์อะไร
“ผมเพียงแสดงความเคารพ”
“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะทำแบบนั้นได้”
“ทำไมล่ะครับ?”
ราวินถามกลับหน้าซื่อตาใส พระเอกเลยปรายตาไปทางคนร่วมทาง
“คาเลน นายปล่อยให้คนแปลกหน้ามาทำแบบนั้นเนี่ยนะ?”
‘เมื่อกี้ผมมัวแต่คิดเรื่องคำพูดของราวินเลยไม่ได้สนใจการกระทำนั่น อา….จะว่าไป พอรู้หรอกว่าหมอนี้เป็นพวกอยากแสดงความเคารพ ความภักดีแบบไม่มีกั๊ก แต่การจูบหลังมือได้แบบไม่กระด้างเนี่ย… บางทีอาจจะทำกับพวกขุนนางบ่อยจนชินแล้วมั้ง?’
‘หรือไม่ก็คงเป็นการสาบานอะไรสักอย่าง’
“ช่างเถอะ ไม่ใช่อะไรที่เป็นปัญหาขนาดนั้นหรอก” ชายผมยาวดำว่าพลางยักไหล่ตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ บิทเทอถึงกับขมวดคิ้วมองอย่างขุ่นใจ คาเลนเห็นแบบนั้นจึงเชิดมุมปากหยอกเย้า เลื่อนหลังฝ่ามือที่ถูกราวินจูบเมื่อกี้ขึ้นแตะแก้มตนเอง
“ทำไม? นายหวงมือฉันเหรอ~”
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล” ฮันเตอร์หนุ่มหรี่ตามองราวินครู่หนึ่ง “คุณเป็นใคร”
“ราวิน เคิร์ท รามุส”
“อัศวิน?”
“ใช่ แล้วคุณชื่อ...”
“บิทเทอ โลฮาส”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณโลฮาส”
“เช่นกัน ขอบคุณที่ช่วยเหลือเราด้วยความหวังดี”
บิทเทอกล่าวขอบคุณจากการคาดเดาสถานการณ์ คิดว่าชายคนนี้คงเข้ามาช่วยคาเลนกับเขาที่สลบทั้งคู่ ถึงแม้ว่าปากจะเอ่ยขอบคุณแต่ก็แค่คำพูดเท่านั้น หากฟังดีๆ แล้วสามารถรับรู้ได้จากน้ำเสียงพระเอกว่าระแวงในตัวคนแปลกหน้าพอควร นัยน์ตาสีฟ้าจับมองไปเหมือนพยายามค้นหาว่า…
ชายคนนี้เป็นใคร?
แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นกับคาเลน?
บิทเทอนึกคำถามวนเวียนในหัว แล้วหันมองชายผมยาวดำซึ่งขณะนี้นั่งนิ่งคิดอะไรกับตนเองอยู่
‘นี่มันไม่ใช่แค่บิดเบือนเนื้อเรื่องแล้ว! นี่มันเข้าขั้นรีไรท์ทับเนื้อเรื่องไปเลยมั้งค้าบบบบ!! ผมขอโกรธคุณนักเขียนที่ไม่บอกตรงๆ มาแต่แรกว่าลาสบอสฝั่งตัวร้ายเป็นใคร แต่ในโลกนี้คุณคือพระเจ้าของผมครับ เพราะงั้นช่วยส่งบัฟดีๆ มาให้ผมอีกเถอะ (จะตัวละครหรือความสามารถก็ได้ค้าบ) สาธุ ไม่ใช่สิ ต้องอาเมน’
“หิวมั้ยครับ” ครั้นราวินถามพร้อมลุกเดินกลับไปนั่งบนขอนไม้หน้ากองไฟ คาเลนซึ่งกำลังโอดครวญกับความจริงที่ตัวเองเจอพลันเลิกคิ้วมอง
“นายมีอะไรให้กินด้วยเหรอ?”
“เนื้อนกย่างน่ะครับ”
“หืม…” คาเลนครางต่ำเสมองพระเอกนั่งเงียบมองไปทางราวิน “นายกินมั้ย?”
“ถ้านายหิวก็กินเลย”
“ฉันถามนายว่าจะกินหรือไม่กิน ไม่ใช่มาถามเพื่อให้นายไล่ฉันไปกินสิ”
“ฉันจะกินไม่กินมันสำคัญเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ ก็ฉันอยากกินกับนายน่ะสิ” บิทเทอเหลียวมองคนตอบก็เห็นคาเลนที่ส่งยิ้มแหย่มา ดวงตาหรี่มองแฝงความทะเล้น “ทำไม? หรืออยากจะให้ฉันป้อนเข้าปากด้วย?”
“เฮ้อ กินพร้อมกันเนี่ยแหละ”
“หว่า~ นึกว่าจะได้ป้อนข้าวเด็กดื้อซะแล้ว~”
คาเลนบ่นออกมาอย่างนึกเสียดาย
ทั้งสองลุกไปนั่งขอนไม้หน้ากองไฟให้แสงสว่างในป่ามืดนี้ ราวินส่งเนื้อเสียบไม้ให้กับทั้งสองคน เมื่อรับมาแล้วบิทเทอจึงมองไปอย่างพินิจพิจารณา ต่างกับคาเลนซึ่งรับมาก็กินไปด้วยความหิวทันที ปราศจากท่าทางระแวงใดๆ
“อร่อยดีแฮะ”
ราวินทอดสายตามองมาทางคาเลนก่อนจะกล่าวขึ้น “เดี๋ยวผมมานะครับ” ไม่ทันไรราวินกลับเดินหายออกไปอย่างเงียบเชียบซะอย่างนั้น
‘ถ้าตำแหน่งร่างนี้ที่ผมเข้ามาอยู่คือตัวร้ายหรือลาสต์บอส หรืออะไรก็ช่างที่มันร้ายจริงๆ แน่นอนว่าราวินจะไม่มีทางหักหลังผมแน่นอน ผมอ่านมาตั้งเท่าไรก็เห็นว่าเขาเป็นคนที่จงรักภักดีกับนายตนเองเหลือเกิน และใช่ ...คนคนนั้นคือผมเอง’
‘ดังนั้นการมีเขาอยู่ใกล้ตัวอาจจะเป็นการดีที่สุด’
“นี่ บิทเทอ”
“อะไร” บิทเทอตอบกลับทั้งที่ปากกำลังกัดเนื้อย่าง เขาเริ่มกินเพราะคาเลนทานไปก่อนไม่มีท่าทางผิดแผกสำแดงอะไร อีกอย่างคือเขาเองก็หิวมากจนไส้กิ่วหมดแล้ว
“เมื่อกี้นายหวงฉันใช่ไหมล่ะ~”
“...”
นักล่าเสพติดภูตไม่ตอบกินเนื้อย่างต่อเงียบๆ ชายผมยาวดำปรายตามองส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “เงียบแบบนี้ ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองเผลอหลงเสน่ห์ฉันงั้นเหรอ?”
“มันไร้สาระที่นายไม่ระวังตัวเองต่างหาก”
“ทำไมต้องทำเหมือนราวินเป็นหมาบ้าจะพุ่งเข้ามากัดฉันงั้นแหละ”
“นายไว้ใจหมอนั่น?”
คาเลนไหวไหล่ “ฉันพูดเพราะหมอนั่นไม่ได้เป็นแบบนั้นต่างหาก อย่าเข้าใจผิดสิ คนดี~” ว่าพลางกัดเนื้อคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นโยนไม้เข้าไปในกองไฟ บิทเทอเองกินเสร็จจึงโยนตามไป
“อะ ลืมไปเลยแฮะ”
“...?”
พอแอนนาลิสท์หนุ่มกล่าวขึ้นเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้ บิทเทอก็หันไปมองอย่างสงสัย
“ฉันขอโทษที่ใช้นายเป็นเหยื่อล่อกับภูตพวกนั้นน่ะ”
บิทเทอเงียบมองครู่หนึ่งก่อนตอบ “ไม่นึกเลยว่านายมีจิตสำนึกเหมือนคนด้วย”
“นายเห็นฉันเป็นคนยังไงแล้วเนี่ย?”
“คนบ้าบิ่นที่ทำอะไรไม่ปรึกษาใคร”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่นา~ สถานการณ์มันออกจะคับขันขนาดนั้น”
คาเลนขำแห้งๆ ก่อนชั่วครู่จะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังจากคนข้างๆ “ถ้าผลลัพธ์มันออกมาดีฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก” เขาเสมองเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เห็นบิทเทอเผยยิ้มออกมา แสงเพลิงส่องสว่างเห็นชัดว่าเหนือมุมปากซ้ายมีลักยิ้มปรากฏอยู่ คาเลนเลื่อนมองเส้นผมขาวซึ่งคาดว่าถ้าได้สัมผัสคงนุ่มเหมือนขนสัตว์ ไหนจะนัยน์ตาสีฟ้าต้องสะท้อนแสงชวนมองนั่นอีก
‘พระเอกนี่มันพระเอกจริงๆ ชอบทำจังหวะตกหลุมรักให้หวั่นไหวอยู่เรื่อย...’
ระหว่างที่บิทเทอกำลังมองเข้าไปในกองเพลิงลุกไหวตรงหน้า ปากขยับเปล่งเสียงถามมาอย่างใคร่รู้เกี่ยวกับการต่อสู้ศิลาแห่งลาเมนท์
“อาวุธของนายที่เอามาฆ่าศิลาแห่งลาเมนท์นั่นคืออะไร”
“หมายถึงกริชนั่นสินะ”
บิทเทอผงกหัวรับเบาๆ
“มันเรียกว่า ‘กริชเงา’ ฉันได้มันมาตอนที่ไปกำจัดคำสาปพวกภูตตัวยักษ์ที่กว่าจะล้มได้ก็ใช้เวลาเป็นปีๆ ตามคำสั่งขุนนาง พอทำสำเร็จเขาเลยอยากตอบแทนฉันด้วยการเอาชิ้นส่วนคำสาปพวกนั้นมาทำเป็นอาวุธที่ระลึกให้”
บิทเทอกระตุ้นคิ้วมอง “ทำอาวุธเป็นการขอบคุณให้แอนนาลิสท์ เอาไปให้ฮันเตอร์ที่จัดการจะไม่เป็นประโยชน์กว่าเหรอ?”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เจ้านั่นก็บอกว่า ‘ถือซะว่าเป็นของประดับเอาไว้ติดบ้านก็ได้’ ”
ได้ฟังแบบนั้นสีหน้าของฮันเตอร์หนุ่มแสดงความเคืองใจออกมามากกว่าเก่า
“แบบนั้นก็เสียของหมด”
“ฉันรู้ว่านั่นมันของดี เพราะงั้นเลยไม่ปฏิเสธไงล่ะ”
“สร้างมาเพื่อประดับยังเอามาใช้งานขนาดนี้ แปลว่าคำสาปที่นายเจอมาคงแกร่งไม่เบา”
“ฮ่ะๆ ฉันก็เกือบแย่ ถ้าไม่ติดที่ว่าคำสาปมันไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไร” คาเลนหัวเราะเมื่อนึกย้อนกลับไปช่วงเวลานั้น บิทเทอได้ฟังจึงมองมาด้วยสีหน้างวยงง
“เกลียดขี้หน้า?”
ชายหนุ่มหลุดขำอีกครั้งให้กับปฏิกิริยาสงสัยของคู่สนทนา
“มันเหมือนกับการที่ภูตมุ่งแต่จะโจมตีนาย เพราะเห็นออร่าคำสาปฟุ้งไปทั่ว แต่พวกมันกลับเมินฉันไม่ต่างจากธาตุอากาศ”
“เหตุผลที่มันทำแบบนั้นเป็นเพราะอะไร?”
คาเลนยิ้มส่ายหน้าอ่อน “มีสองอย่าง ไม่ฉันอ่อนแอมากก็แข็งแกร่งมาก แต่สู้ออร่าคำสาปนายไม่ได้หรอก” บิทเทอมองนิ่งแล้วพูดตอบมาเสียงเรียบหน้าตาเฉย
“ฉันว่าภูตน่าจะมีสติปัญญาพอไม่สนใจคนบ้าแบบแก”
“คุณฮันเตอร์~ พูดแบบนั้นก็ใจร้ายเกินไปนะครับ~”
แซ่ก!
จากบรรยากาศสนทนาอันผ่อนคลาย เสียงพุ่มไม้ขยับทำพวกเขาตื่นตัวฉับพลัน ชายหนุ่มทั้งสองหันมองตามทิศทางเสียงอย่างเร็วไว บางสิ่งนั้นไหวอยู่อีกครั้งสองครั้ง เพียงช่วงอึดใจเดียวชายร่างสูงได้ปรากฏตัวย่างกรายสู่เขตที่แสงส่องถึง
“ราวิน?”
คาเลนเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเป็นบิทเทอที่ออกปากถามเช่นเดียวกัน
“ไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ?”
“ไม่ใช่”
ทั้งคู่พากันมองหน้าอย่างงงๆ ในสิ่งที่ราวินพูด ความเงียบกลับมาอีกครั้งเป็นสถานการณ์ชวนสงสัยอย่างน่าประหลาด สายตาสองคู่มองไปยังอัศวินหนุ่มที่ยืนเงียบ ก่อนหนึ่งอีกฝ่ายจะตอบด้วยเสียงโทนนิ่ง
“คุณคาเลนไม่ใช่คนบ้าหรอกครับ”
“...”
“...”
‘หมอนี่เป็นตัวร้ายที่ซื่อเกินคาดจริงๆ ’