เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า


ในเช้าวันต่อมา พอคาเลนและบิทเทอตื่นขึ้นจึงออกตามหาม้าสองตัวที่ผูกไว้นอกป่า ซึ่งราวินก็ได้ขอออกติดตามไปด้วย ใช้เวลาพักหนึ่งทั้งสามพ้นจากป่าเจอม้าสองตัวที่ถูกผูกทิ้งไว้และไม่ได้ถูกสัตว์ป่าโจมตีเข้า ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง 


“วันนี้เราต้องย้อนกลับไปที่เมืองธานก่อน” บิทเทอว่าพลางหยิบแครอทออกมาจากกระเป๋าอานส่งเข้าปากม้าไป คาเลนกำลังเกาคอม้าอยู่หันไปถาม

“ทำไม”

“ฉันต้องไปเจอกับกลุ่มฮันเตอร์”

“งั้นก็เชิญเลยครับ”

คาเลนพยักหน้ายิ้มตอบรับอย่างเข้าใจหากบิทเทอจำเป็นต้องกลับไปเมืองธาน ซึ่งเป็นเมืองที่เขาทั้งสองอาศัยและทำงานอยู่ที่นั่น แล้วคุณพระเอกเองยังมีเขตที่ตัวเองต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ด้วย

‘ผมลืมไปเลยว่าเนื้อเรื่องช่วงนี้เขาควรจะไปกับกลุ่มฮันเตอร์ แต่เพราะมาอยู่กับผมเลยไม่ได้มีอีเว้นต์กับคนพวกนั้นอย่างที่ควรเป็น อา~ เสียใจด้วยเหล่าตัวละทั้งหลาย...แต่พระเอกเขาเลือกผมว่ะ’

‘ทำไมรู้สึกดีแปลกๆ เหมือนได้ชัยชนะ’

“นายท่าน”

ขณะคาเลนกำลังคิดขบขันในหัวตนเองก็ถูกดึงกลับมาโลกความเป็นจริง ครั้นราวินออกมาปากเรียกให้เขาก้มมองอีกฝ่ายซึ่งยังยืนอยู่บนผืนดิน
“มีอะไรเหรอ”

“คุณอยากจะให้ผมไปรอที่ไหนเหรอ” น้ำเสียงถามออกมาเรียบนิ่งและซื่อตรง

‘ลืมไปเลยว่าเขาไม่มีม้านี่หน่า เดี๋ยว…งั้นก่อนหน้านี้ ไอ้หมอนี่เดินมาตลอดเลยเหรอ? คิดแล้วรู้สึกปวดขาชะมัด แม่งเอ้ย’

คิดได้ดังนั้นคาเลนเลยแบมือยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย ราวินช้อนสายมาสบกับเขาคล้ายต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม “งั้นนายก็ขึ้นมานั่งกับฉันสิ เดี๋ยวเราไปด้วยกันเนี่ยแหละ” ราวินมองนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มบางออกมาอย่างอ่อนละไม 

“ขอบคุณครับ แต่กรุณาให้ผมเป็นคนคุมบังเหียนได้รึเปล่า”

“ก็แล้วแต่”

คาเลนเขยิบถอยไปด้านหลัง ก่อนราวินจะขึ้นนั่งเบื้องหน้าคุมบังเหียนตามคำขอเมื่อครู่ แลดูเบียดไปนิดแต่สำหรับเขาทั้งสองไม่ได้เป็นปัญหาอะไร สวนทางกับบิทเทอซึ่งมองพวกเขาอยู่ห่างๆ ดวงตาหรี่ลงด้วยท่าทีเคร่งขรึมคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง

‘เพิ่งเจอกันได้ไม่นานแท้ๆ ทำไมถึงเอาคนแปลกหน้าไว้ใกล้ตัวขนาดนั้นกัน...’

ถึงฮันเตอร์หนุ่มจะนึกในใจอย่างไร แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดเคืองใจออกมาตรงๆ แล้วออกปากกล่าวกับทั้งคู่เพียงแค่สั้นๆ เท่านั้น 

“ไปกันเถอะ”



ตลอดทั้งวันพวกเขาแทบจะใช้เวลาในการเดินทางเกือบหมด แน่นอนว่ามีแวะระหว่างทางเพื่อซื้ออาหารพักเหนื่อยอยู่บ้าง ไม่งั้นคาเลนที่นั่งซ้อนหลังคงเขมือบหัวราวินเข้าไปแน่นอน

“หิวจะตายอยู่แล้ว~ บิทเทอ~”

ชายผมยาวดำบ่นอิดออดอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง คนโดนเรียกเหลียวกลับมามองเล็กน้อย 

“ม้านายก็ไม่ได้คุมเอง นั่งเฉยๆ ก็เหนื่อยแล้วเหรอ”

“ผมว่าเขาน่าจะเบื่อมากกว่า”

“เห็นด้วยครับ คุณรามุส”

คาเลนมองค้อนราวินเล็กน้อยที่ตอบเสริมบิทเทอหน้าตาเฉย แต่อัศวินหาได้สนใจสายตานั้นไม่ จู่ๆ ระหว่างเดินทางบรรยากาศโดยรอบกลับเย็นฟ้าครึ้มฝน นั่นยิ่งทำให้คนซ้อนหลังเบื่อจนอยากนอนเข้าไปใหญ่ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาพักใหญ่พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองธานช่วงสนธยาพอดี

“เปลี่ยนให้ฉันเป็นคนคุมบังเหียนมั้ย”

“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมดูแลคุณเอง”

“ถึงที่แล้วอย่ามาหาว่าฉันใช้แรงงานนายนะ”

“ไม่แน่นอนครับ”

คาเลนสนทนากับราวินเล็กน้อยโดยในปากอมลูกกวาดรสหวานไปพลาง ความหิวน้อยนิดทำให้เขาเลือกกินลูกกวาดซึ่งราวินให้ไว้ก่อนหน้าแก้ขัดไปก่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลกลอกมองอัศวินที่พอได้เห็นหน้าชัดๆ ใกล้ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่า…

หน้าตาชายคนนี้เหมือนรูปปั้นมากกว่าคนจริงๆ ซะอีก

‘ผมจำไม่ยักได้ว่าในนิยายหน้าตาหมอนี่ถูกบรรยายไว้ละเอียดแค่ไหน แค่พอจำคร่าวๆ ได้ว่าเป็นอัศวินคนหนึ่ง ตัวสูง ร่างกายกำยำ นอกเหนือจากนั้น…. เอ่อ อาา นึกไม่ออกแล้วแฮะ จริงๆ เป็นผมเองที่มีปัญหากับการจำรายละเอียดตัวละครเอาเรื่องเลย ’

‘แต่เว้นบิทเทอไว้คนหนึ่งแล้วกัน เพราะเจอหน้าครั้งแรกผมก็รู้ว่า หมอนี่แหละ พระเอกนิยายเรื่องนี้แน่นอนร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ ทำไมผมถึงรู้ได้น่ะเหรอ?’

‘ง่ายๆ เลย เพราะพระเอกหล่อไงล่ะ (ถึงจะไม่เท่าผมก็เถอะ)’

“ท่านคาเลน”

เสียงทุ้มต่ำเรียกให้เจ้าของชื่ออย่างเขากลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มเหลียวกลับมาพลันให้นัยน์ตาสีมรกตสบกับคาเลน แม้เมื่อกี้เขายังชมค่าหน้าค่าตาพระเอกอยู่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอัศวินคนนี้มีรูปลักษณ์น่าดึงดูดพอตัว ท่าทางเงียบนิ่งสุขุมทำให้เขารู้สึกถูกใจชายคนนี้เหลือกิน ยิ่งรู้ถึงความภักดีที่ได้อ่านจากเนื้อเรื่องแล้ว มันทำให้เขาชอบใจกับการมีตัวตนของราวินไม่น้อย 

“ถึงแล้วเหรอ?”

“ครับ”

“คาเลน” หลังทั้งสองคนเพิ่งลงจากม้า ไม่ทันไรบิทเทอก็สาวเท้าตรงมาหาเขาทันที “ฉันจะฝากม้าพวกนี้ไว้กับรถม้าให้ไปส่งที่คอกเมืองอาร์ลีนนะ”

“อะห้ะ แล้วเสร็จจากนี้นายจะยังไงต่อ”

“ทำงานต่อ” 

พอคาเลนได้ยินคำตอบแบบนั้น เลยเอี้ยวหน้าหนีหน่ายกับความบ้างานพระเอกคนนี้ซะเหลือเกิน

“ทำงานหักโหมเกินไปมั้ง~ ระวังเดินๆ ไปแล้วจะสะดุดเท้าตัวเองหน้าคะมำพื้นนะ คุณโลฮาส~”

“อย่ามาพูดสาปส่งคนกำลังจะลา”

“เปล่าสาปส่งนะ พูดเพราะเป็นห่วงว่าคุณฮันเตอร์จะสุขภาพไม่ดีต่างหาก” 

‘ระหว่างเดินทางเห็นว่าไม่ค่อยพูดมากแท้ๆ พอลงจากหลังม้าแล้วปากจ้ออย่างเดิม’

บิทเทอนึกคิดแล้วถอนหายใจอย่างเอือมๆ สายตามองผ่านไหล่คาเลนเห็นราวินที่ยืนเยื้องจากด้านหลังคู่สนทนา อัศวินจับมองทั้งสองคนไม่ต่างจากพวกอารักขาอะไรเทือกนั้น

คาเลนเห็นแบบนั้นจึงเบือนหน้ามองตามคุณพระเอกทันที

“อะไร นายมองสาวเหรอ?”

‘หรือว่าผมกำลังจะเจอนางเอก!?’

แต่พอหันไปก็พบแค่ฝูงชนเดินผ่านไปมาลิบๆ ไม่มีใครเด่นมากพอจะอยู่ในสายตาบิทเทอได้ คนเป็นตัวเป็นตนชัดๆ คงมีแค่ราวินที่มองมาด้วยท่าทีสุขุม ชายผมยาวดำสำรวจจนเผลอสบตาเข้ากับอัศวินซึ่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายจึงส่งยิ้มบางให้ คาเลนยังไม่ทันแสดงอากัปกิริยาอะไร จู่ๆ บิทเทอก็จับเขาหันหัวให้กลับทางตนซะอย่างงั้น

“มองอะไรนักหนา”

“ก็นายมอง”

“แต่นายไม่จำเป็นต้องมองตามหนิ”

คนทะเล้นกระตุกยิ้ม “เข้าใจแล้วๆ ” ฮันเตอร์หรี่มองแล้วปล่อยมือจากหลังศีรษะอีกฝ่าย จากนั้นตวัดสายตาปรายหยุดมองที่ราวินอีกครั้ง ก่อนจะออกปากถามคาเลนอย่างข้องใจ

“แล้วนายพาหมอนั่นมาด้วยทำไม”

แอนนาลิสท์หนุ่มยักไหล่ 

“ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับหมอนั่นอยู่เยอะเลยล่ะ”

“กับอัศวินแปลกหน้านั่นเหรอ?”

“ใช่ อีกอย่างเรารู้ชื่อเขาแล้ว เพราะตอนนี้เขาคือคนรู้จักนะ”

บิทเทอกอดอกพลันขมวดคิ้วมองคล้ายจะเอาเรื่อง “ถ้าหมอนั่นเป็นคนแปลกหน้า แล้วฉันล่ะ?” คาเลนลูบปลายคางตนเองอย่างครุ่นคิด

“เอ่อ….คนรู้จัก..น๊านนานกว่าละมั้ง”

พูดจบจึงชูนิ้วหัวแม่มือพร้อมยิ้มใสซื่อมา บิทเทอมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพักหนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ 

“นายนี่มันน่าปวดประสาทจริงๆ ”

‘นั่นแหละ ฉันทำให้นายปวดประสาทได้บ่อยขนาดนี้ ดังนั้นชินเร็วๆ เข้าสิครับ~ คุณพระเอก~’

“นั่นบิทเทอใช่ไหม?”

ยังไม่ทันคุยจบก็มีคนเดินเข้ามาทักนักล่าเสพติดภูต คาเลนปรายตามองไปรู้ได้ในทันทีว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาไม่ได้จดจำอีกคนในฐานะตัวเอกแบบบิทเทอ หรือเป็นตัวละครน่าสนใจแบบราวิน 
แต่ที่เขาจำได้เป็นเพราะว่า…

“บิทเทอจริงๆ ด้วย” ชายผู้กล่าวทักเดินตรงเข้ามา ก่อนจะสังเกตเห็นคาเลนกับราวินเลยเลิกคิ้วมอง

“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะ ผม ‘นาธาน เบนเนดิกต์’ ครับ” 

นาธาน คือ ไอ้คนหักหลังพระเอก

“คาเลน แบรนดอน”

คนมาใหม่ยื่นมือมาจับเพื่อเป็นการทักทาย แต่คาเลนกลับเลือกเบือนหน้าเลี่ยงไปมองบิทเทอแล้วพูดหน้าตาเฉย “ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน ไว้เจอกันใหม่นะ บิทเทอ แล้วก็...” ชายผมดำยาวเว้นช่วงไปครู่หนึ่งแล้วพูดเน้นถ้อยคำ 

“นาธาน”

ครั้นได้ยินเช่นนั้นนาธานจึงดึงมือตนเองไว้ข้างลำตัวอย่างเดิม สายตาเพ่งมองแฝงมวลอารมณ์กึ่งไม่พึงใจ พระเอกมองนาธานสลับกับแผ่นหลังคาเลนที่ตรงกลับไปหาราวิน ก่อนไม่นานทั้งสองคนจะเดินจากไป



เมื่อออกห่างมาได้มากพอควรแล้ว ราวินที่ตามหลังจึงจับสายตามองคาเลนอย่างยากจะคาดเดาเช่นเคย ก่อนออกปากถามขึ้นมา “นาธาน เบเนดิกต์ เขาดูไม่พอใจนะครับ” พอถูกอัศวินทักแบบนั้นคาเลนก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างขบขัน

‘แน่นอนสิ หมอนั่นไม่ชอบให้ใครมาซี้ซั้วเรียกชื่อต้น’

“เราไม่จำเป็นต้องเอาใจคนทุกคนหรอก โดยเฉพาะคนเฮงซวย”

“คิดดีแล้วเหรอครับที่ทำแบบนั้น”

คาเลนซึ่งเดินนำเหลือบมองกลับเล็กน้อย “กลัวว่าฉันจะเป็นคนขวางโลกเหรอ?”

“ผมเพียงแต่กังวลว่าเขาจะปองร้ายท่านเอาภายหลัง”

“ฮ่ะๆ อาจจะเป็นไปได้ แต่อย่าคิดเล็กคิดน้อยไปเลย” คาเลนชะลอฝีเท้าลงแล้วยกกำปั้นกระแทกอกราวินเบาๆ “อย่างน้อยนายคงไม่ปล่อยคนแบบนั้นเข้าใกล้ฉันหรอกใช่ไหมล่ะ ท่านอัศวิน”

ราวินหลุบสายตามองส่งยิ้มเล็กๆ ให้ “แน่นอนครับ”

‘ตอนนี้บิทเทอกับนาธานน่าจะเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน พระเอกสุดหล่อของเราคงไม่รู้ว่าจะโดนทำอะไรไม่ดีในอนาคต แต่เชื่อเถอะ บิทเทอก็คงไม่โง่พอจะเชื่อหมอนั่นไปทุกอย่าง ดังนั้นตอนนี้ผมคงจะยังไม่ยุ่งอะไร ไว้พอเขารู้เองเจอจังๆ เองเมื่อไร ผมจะใส่ไฟไปตอนนั้นเอา’

‘ถ้าไปดักเรื่องนาธานกับพระเอกเนิ่นๆ มีแต่สร้างปัญหาเปล่าๆ ’

คาเลนเดินไปหยุดตรงประตูบ้านตน จากนั้นหยิบกุญแจจากกระเป๋ามาไขเปิด ขณะสาวเท้าเข้ามาได้ไม่กี่ก้าวกลับต้องชะงักแล้วหันกลับไปมองราวินที่ยืนนิ่งตรงหน้าประตู ทั้งสองสบตากันโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายคาเลนที่ออกปากถามไป

“นายมีที่พักในเมืองนี้มั้ย?”

“ก็คงต้องหาโรงแรมพักเอาน่ะครับ”

‘แย่ละ ผมเป็นคนพาเขามาเองแท้ๆ แต่ลืมไปเลยว่าหมอนี่เป็นพวกเดินทางไปทั่ว แต่ละฉากในนิยายเดี๋ยวราวินโผล่ที่นั่นที เดี๋ยวเจอที่นู่นบ้าง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ในนิยายก็ไม่ได้มีการบอกชัดเจนด้วย และ… การที่ผมพากลับมาบ้านด้วยแบบนี้’
‘มันไม่ต่างอะไรจากการพาหมาแมวจรเข้าบ้านเลย เพียงแต่หมอนี่จะดูเชื่องกว่า(?)’

“เดี๋ยวฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับนายอยู่ งั้นวันนี้ค้างที่บ้านฉันแล้วกัน”

“ได้ครับ”

เจ้าของบ้านเดินนำไปโดยมีอัศวินหนุ่มตามมาอย่างว่าง่าย ไม่หยิบจับแตะต้องอะไรใดๆ เหมือนว่าถ้าคาเลนไม่อนุญาต เขาคงไม่คิดทำอะไรเลย (อาจจะรวมถึงการก้าวเข้าบ้านด้วย) 

“นายนั่งก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะเอาของไปเก็บ”

“ให้ผมช่วยมั้ยครับ?”

คาเลนซึ่งกำลังจะเดินขึ้นบันไดหันมองคนกล่าวก่อนจะหัวเราะเบาๆ “นายอย่าทำตัวให้มันเหมือนคนใช้มากสิ เดี๋ยวฉันก็เคยตัวหรอก เจ้ารูปปั้นเดินได้”

‘รูปปั้น...เดินได้?’

ราวินกะพริบตามองปริบๆ คล้ายว่าจะไม่เข้าใจในคำเรียกนั้นเสียเท่าไร คาเลนก้าวขึ้นชั้นบนเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บและจัดข้าวของต่างๆ พักหนึ่งเจ้าบ้านจึงเดินลงมาพลางมัดรวบม้วนผมตัวเองใหม่

“เอาล่ะ มาคุยกัน” ชายผมยาวดำหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับเผยยิ้ม “นายบอกว่าจะคอยติดตามฉันเสมอไปใช่ไหม? หรือตอนนั้นพูดเอาขำ”

“ผมพูดออกมาอย่างจริงใจครับ”

“แล้วเหตุผลที่ขอติดตามฉันล่ะ?”

ราวินมองนิ่งแล้วพูดต่อ “อาร์ลีนถูกกักขังไว้เป็นศิลาแห่งลาเมนท์มานาน เธอควรถูกปลดปล่อยจากการเป็นคำสาปที่ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว ผมออกติดตามท่านเพราะท่านคือคนที่ปลดปล่อยเธอไป”

‘เหตุผลของราวินที่เคารพและภักดีในตัวร้ายซึ่งเป็นนายตัวเอง ไม่เคยถูกพูดถึงในนิยายเลยสักครั้งเดียว ตอนที่อ่านก็เห็นเพียงความภักดีแบบหาได้ยากจากตัวชายคนนี้เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมได้รู้แล้ว...และเหตุผลที่เป็นจุดเริ่มต้น มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันธรรมดากว่าที่คิด’

‘ตอนที่อ่านนิยายผมคาดเดาไว้ว่าราวินอาจจะถูกตัวร้ายข่มขู่ให้อยู่ใต้บัญชาหรืออาจมีพันธะเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องทำตามโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะคิดผิดแล้วมองโลกในแง่ร้ายเกินไปสินะ’

คาเลนเอนหลังพิงพนักแล้วถอนหายใจออกมาเสียยาว

‘แปลว่าเดิมทีตามเนื้อเรื่องคาเลน แบรนดอนที่เป็นลาสต์บอส พอพ่อเสียก็ออกไล่กำจัดแท่นศิลาคำสาป 7 หลักเหมือนกับผม แต่ต่างออกไปอย่างหนึ่งคือ...’

‘ผมดันพาพระเอกไปด้วยคนน่ะสิ!!’

‘พระเอกจะเป็นพระเอกอยู่มั้ยหนอ~ หรือจะเป็นตัวร้ายหนอ~’

‘ผมกำลังป่วนนิยายคุณนักเขียนอยู่ใช่ไหมหนอ~’