ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ในเช้าวันต่อมา พอคาเลนและบิทเทอตื่นขึ้นจึงออกตามหาม้าสองตัวที่ผูกไว้นอกป่า ซึ่งราวินก็ได้ขอออกติดตามไปด้วย ใช้เวลาพักหนึ่งทั้งสามพ้นจากป่าเจอม้าสองตัวที่ถูกผูกทิ้งไว้และไม่ได้ถูกสัตว์ป่าโจมตีเข้า ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง
“วันนี้เราต้องย้อนกลับไปที่เมืองธานก่อน” บิทเทอว่าพลางหยิบแครอทออกมาจากกระเป๋าอานส่งเข้าปากม้าไป คาเลนกำลังเกาคอม้าอยู่หันไปถาม
“ทำไม”
“ฉันต้องไปเจอกับกลุ่มฮันเตอร์”
“งั้นก็เชิญเลยครับ”
คาเลนพยักหน้ายิ้มตอบรับอย่างเข้าใจหากบิทเทอจำเป็นต้องกลับไปเมืองธาน ซึ่งเป็นเมืองที่เขาทั้งสองอาศัยและทำงานอยู่ที่นั่น แล้วคุณพระเอกเองยังมีเขตที่ตัวเองต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ด้วย
‘ผมลืมไปเลยว่าเนื้อเรื่องช่วงนี้เขาควรจะไปกับกลุ่มฮันเตอร์ แต่เพราะมาอยู่กับผมเลยไม่ได้มีอีเว้นต์กับคนพวกนั้นอย่างที่ควรเป็น อา~ เสียใจด้วยเหล่าตัวละทั้งหลาย...แต่พระเอกเขาเลือกผมว่ะ’
‘ทำไมรู้สึกดีแปลกๆ เหมือนได้ชัยชนะ’
“นายท่าน”
ขณะคาเลนกำลังคิดขบขันในหัวตนเองก็ถูกดึงกลับมาโลกความเป็นจริง ครั้นราวินออกมาปากเรียกให้เขาก้มมองอีกฝ่ายซึ่งยังยืนอยู่บนผืนดิน
“มีอะไรเหรอ”
“คุณอยากจะให้ผมไปรอที่ไหนเหรอ” น้ำเสียงถามออกมาเรียบนิ่งและซื่อตรง
‘ลืมไปเลยว่าเขาไม่มีม้านี่หน่า เดี๋ยว…งั้นก่อนหน้านี้ ไอ้หมอนี่เดินมาตลอดเลยเหรอ? คิดแล้วรู้สึกปวดขาชะมัด แม่งเอ้ย’
คิดได้ดังนั้นคาเลนเลยแบมือยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย ราวินช้อนสายมาสบกับเขาคล้ายต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม “งั้นนายก็ขึ้นมานั่งกับฉันสิ เดี๋ยวเราไปด้วยกันเนี่ยแหละ” ราวินมองนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มบางออกมาอย่างอ่อนละไม
“ขอบคุณครับ แต่กรุณาให้ผมเป็นคนคุมบังเหียนได้รึเปล่า”
“ก็แล้วแต่”
คาเลนเขยิบถอยไปด้านหลัง ก่อนราวินจะขึ้นนั่งเบื้องหน้าคุมบังเหียนตามคำขอเมื่อครู่ แลดูเบียดไปนิดแต่สำหรับเขาทั้งสองไม่ได้เป็นปัญหาอะไร สวนทางกับบิทเทอซึ่งมองพวกเขาอยู่ห่างๆ ดวงตาหรี่ลงด้วยท่าทีเคร่งขรึมคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง
‘เพิ่งเจอกันได้ไม่นานแท้ๆ ทำไมถึงเอาคนแปลกหน้าไว้ใกล้ตัวขนาดนั้นกัน...’
ถึงฮันเตอร์หนุ่มจะนึกในใจอย่างไร แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดเคืองใจออกมาตรงๆ แล้วออกปากกล่าวกับทั้งคู่เพียงแค่สั้นๆ เท่านั้น
“ไปกันเถอะ”
ตลอดทั้งวันพวกเขาแทบจะใช้เวลาในการเดินทางเกือบหมด แน่นอนว่ามีแวะระหว่างทางเพื่อซื้ออาหารพักเหนื่อยอยู่บ้าง ไม่งั้นคาเลนที่นั่งซ้อนหลังคงเขมือบหัวราวินเข้าไปแน่นอน
“หิวจะตายอยู่แล้ว~ บิทเทอ~”
ชายผมยาวดำบ่นอิดออดอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง คนโดนเรียกเหลียวกลับมามองเล็กน้อย
“ม้านายก็ไม่ได้คุมเอง นั่งเฉยๆ ก็เหนื่อยแล้วเหรอ”
“ผมว่าเขาน่าจะเบื่อมากกว่า”
“เห็นด้วยครับ คุณรามุส”
คาเลนมองค้อนราวินเล็กน้อยที่ตอบเสริมบิทเทอหน้าตาเฉย แต่อัศวินหาได้สนใจสายตานั้นไม่ จู่ๆ ระหว่างเดินทางบรรยากาศโดยรอบกลับเย็นฟ้าครึ้มฝน นั่นยิ่งทำให้คนซ้อนหลังเบื่อจนอยากนอนเข้าไปใหญ่ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาพักใหญ่พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองธานช่วงสนธยาพอดี
“เปลี่ยนให้ฉันเป็นคนคุมบังเหียนมั้ย”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมดูแลคุณเอง”
“ถึงที่แล้วอย่ามาหาว่าฉันใช้แรงงานนายนะ”
“ไม่แน่นอนครับ”
คาเลนสนทนากับราวินเล็กน้อยโดยในปากอมลูกกวาดรสหวานไปพลาง ความหิวน้อยนิดทำให้เขาเลือกกินลูกกวาดซึ่งราวินให้ไว้ก่อนหน้าแก้ขัดไปก่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลกลอกมองอัศวินที่พอได้เห็นหน้าชัดๆ ใกล้ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่า…
หน้าตาชายคนนี้เหมือนรูปปั้นมากกว่าคนจริงๆ ซะอีก
‘ผมจำไม่ยักได้ว่าในนิยายหน้าตาหมอนี่ถูกบรรยายไว้ละเอียดแค่ไหน แค่พอจำคร่าวๆ ได้ว่าเป็นอัศวินคนหนึ่ง ตัวสูง ร่างกายกำยำ นอกเหนือจากนั้น…. เอ่อ อาา นึกไม่ออกแล้วแฮะ จริงๆ เป็นผมเองที่มีปัญหากับการจำรายละเอียดตัวละครเอาเรื่องเลย ’
‘แต่เว้นบิทเทอไว้คนหนึ่งแล้วกัน เพราะเจอหน้าครั้งแรกผมก็รู้ว่า หมอนี่แหละ พระเอกนิยายเรื่องนี้แน่นอนร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ ทำไมผมถึงรู้ได้น่ะเหรอ?’
‘ง่ายๆ เลย เพราะพระเอกหล่อไงล่ะ (ถึงจะไม่เท่าผมก็เถอะ)’
“ท่านคาเลน”
เสียงทุ้มต่ำเรียกให้เจ้าของชื่ออย่างเขากลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มเหลียวกลับมาพลันให้นัยน์ตาสีมรกตสบกับคาเลน แม้เมื่อกี้เขายังชมค่าหน้าค่าตาพระเอกอยู่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอัศวินคนนี้มีรูปลักษณ์น่าดึงดูดพอตัว ท่าทางเงียบนิ่งสุขุมทำให้เขารู้สึกถูกใจชายคนนี้เหลือกิน ยิ่งรู้ถึงความภักดีที่ได้อ่านจากเนื้อเรื่องแล้ว มันทำให้เขาชอบใจกับการมีตัวตนของราวินไม่น้อย
“ถึงแล้วเหรอ?”
“ครับ”
“คาเลน” หลังทั้งสองคนเพิ่งลงจากม้า ไม่ทันไรบิทเทอก็สาวเท้าตรงมาหาเขาทันที “ฉันจะฝากม้าพวกนี้ไว้กับรถม้าให้ไปส่งที่คอกเมืองอาร์ลีนนะ”
“อะห้ะ แล้วเสร็จจากนี้นายจะยังไงต่อ”
“ทำงานต่อ”
พอคาเลนได้ยินคำตอบแบบนั้น เลยเอี้ยวหน้าหนีหน่ายกับความบ้างานพระเอกคนนี้ซะเหลือเกิน
“ทำงานหักโหมเกินไปมั้ง~ ระวังเดินๆ ไปแล้วจะสะดุดเท้าตัวเองหน้าคะมำพื้นนะ คุณโลฮาส~”
“อย่ามาพูดสาปส่งคนกำลังจะลา”
“เปล่าสาปส่งนะ พูดเพราะเป็นห่วงว่าคุณฮันเตอร์จะสุขภาพไม่ดีต่างหาก”
‘ระหว่างเดินทางเห็นว่าไม่ค่อยพูดมากแท้ๆ พอลงจากหลังม้าแล้วปากจ้ออย่างเดิม’
บิทเทอนึกคิดแล้วถอนหายใจอย่างเอือมๆ สายตามองผ่านไหล่คาเลนเห็นราวินที่ยืนเยื้องจากด้านหลังคู่สนทนา อัศวินจับมองทั้งสองคนไม่ต่างจากพวกอารักขาอะไรเทือกนั้น
คาเลนเห็นแบบนั้นจึงเบือนหน้ามองตามคุณพระเอกทันที
“อะไร นายมองสาวเหรอ?”
‘หรือว่าผมกำลังจะเจอนางเอก!?’
แต่พอหันไปก็พบแค่ฝูงชนเดินผ่านไปมาลิบๆ ไม่มีใครเด่นมากพอจะอยู่ในสายตาบิทเทอได้ คนเป็นตัวเป็นตนชัดๆ คงมีแค่ราวินที่มองมาด้วยท่าทีสุขุม ชายผมยาวดำสำรวจจนเผลอสบตาเข้ากับอัศวินซึ่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายจึงส่งยิ้มบางให้ คาเลนยังไม่ทันแสดงอากัปกิริยาอะไร จู่ๆ บิทเทอก็จับเขาหันหัวให้กลับทางตนซะอย่างงั้น
“มองอะไรนักหนา”
“ก็นายมอง”
“แต่นายไม่จำเป็นต้องมองตามหนิ”
คนทะเล้นกระตุกยิ้ม “เข้าใจแล้วๆ ” ฮันเตอร์หรี่มองแล้วปล่อยมือจากหลังศีรษะอีกฝ่าย จากนั้นตวัดสายตาปรายหยุดมองที่ราวินอีกครั้ง ก่อนจะออกปากถามคาเลนอย่างข้องใจ
“แล้วนายพาหมอนั่นมาด้วยทำไม”
แอนนาลิสท์หนุ่มยักไหล่
“ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับหมอนั่นอยู่เยอะเลยล่ะ”
“กับอัศวินแปลกหน้านั่นเหรอ?”
“ใช่ อีกอย่างเรารู้ชื่อเขาแล้ว เพราะตอนนี้เขาคือคนรู้จักนะ”
บิทเทอกอดอกพลันขมวดคิ้วมองคล้ายจะเอาเรื่อง “ถ้าหมอนั่นเป็นคนแปลกหน้า แล้วฉันล่ะ?” คาเลนลูบปลายคางตนเองอย่างครุ่นคิด
“เอ่อ….คนรู้จัก..น๊านนานกว่าละมั้ง”
พูดจบจึงชูนิ้วหัวแม่มือพร้อมยิ้มใสซื่อมา บิทเทอมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพักหนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ
“นายนี่มันน่าปวดประสาทจริงๆ ”
‘นั่นแหละ ฉันทำให้นายปวดประสาทได้บ่อยขนาดนี้ ดังนั้นชินเร็วๆ เข้าสิครับ~ คุณพระเอก~’
“นั่นบิทเทอใช่ไหม?”
ยังไม่ทันคุยจบก็มีคนเดินเข้ามาทักนักล่าเสพติดภูต คาเลนปรายตามองไปรู้ได้ในทันทีว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาไม่ได้จดจำอีกคนในฐานะตัวเอกแบบบิทเทอ หรือเป็นตัวละครน่าสนใจแบบราวิน
แต่ที่เขาจำได้เป็นเพราะว่า…
“บิทเทอจริงๆ ด้วย” ชายผู้กล่าวทักเดินตรงเข้ามา ก่อนจะสังเกตเห็นคาเลนกับราวินเลยเลิกคิ้วมอง
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะ ผม ‘นาธาน เบนเนดิกต์’ ครับ”
นาธาน คือ ไอ้คนหักหลังพระเอก
“คาเลน แบรนดอน”
คนมาใหม่ยื่นมือมาจับเพื่อเป็นการทักทาย แต่คาเลนกลับเลือกเบือนหน้าเลี่ยงไปมองบิทเทอแล้วพูดหน้าตาเฉย “ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน ไว้เจอกันใหม่นะ บิทเทอ แล้วก็...” ชายผมดำยาวเว้นช่วงไปครู่หนึ่งแล้วพูดเน้นถ้อยคำ
“นาธาน”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นนาธานจึงดึงมือตนเองไว้ข้างลำตัวอย่างเดิม สายตาเพ่งมองแฝงมวลอารมณ์กึ่งไม่พึงใจ พระเอกมองนาธานสลับกับแผ่นหลังคาเลนที่ตรงกลับไปหาราวิน ก่อนไม่นานทั้งสองคนจะเดินจากไป
เมื่อออกห่างมาได้มากพอควรแล้ว ราวินที่ตามหลังจึงจับสายตามองคาเลนอย่างยากจะคาดเดาเช่นเคย ก่อนออกปากถามขึ้นมา “นาธาน เบเนดิกต์ เขาดูไม่พอใจนะครับ” พอถูกอัศวินทักแบบนั้นคาเลนก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างขบขัน
‘แน่นอนสิ หมอนั่นไม่ชอบให้ใครมาซี้ซั้วเรียกชื่อต้น’
“เราไม่จำเป็นต้องเอาใจคนทุกคนหรอก โดยเฉพาะคนเฮงซวย”
“คิดดีแล้วเหรอครับที่ทำแบบนั้น”
คาเลนซึ่งเดินนำเหลือบมองกลับเล็กน้อย “กลัวว่าฉันจะเป็นคนขวางโลกเหรอ?”
“ผมเพียงแต่กังวลว่าเขาจะปองร้ายท่านเอาภายหลัง”
“ฮ่ะๆ อาจจะเป็นไปได้ แต่อย่าคิดเล็กคิดน้อยไปเลย” คาเลนชะลอฝีเท้าลงแล้วยกกำปั้นกระแทกอกราวินเบาๆ “อย่างน้อยนายคงไม่ปล่อยคนแบบนั้นเข้าใกล้ฉันหรอกใช่ไหมล่ะ ท่านอัศวิน”
ราวินหลุบสายตามองส่งยิ้มเล็กๆ ให้ “แน่นอนครับ”
‘ตอนนี้บิทเทอกับนาธานน่าจะเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน พระเอกสุดหล่อของเราคงไม่รู้ว่าจะโดนทำอะไรไม่ดีในอนาคต แต่เชื่อเถอะ บิทเทอก็คงไม่โง่พอจะเชื่อหมอนั่นไปทุกอย่าง ดังนั้นตอนนี้ผมคงจะยังไม่ยุ่งอะไร ไว้พอเขารู้เองเจอจังๆ เองเมื่อไร ผมจะใส่ไฟไปตอนนั้นเอา’
‘ถ้าไปดักเรื่องนาธานกับพระเอกเนิ่นๆ มีแต่สร้างปัญหาเปล่าๆ ’
คาเลนเดินไปหยุดตรงประตูบ้านตน จากนั้นหยิบกุญแจจากกระเป๋ามาไขเปิด ขณะสาวเท้าเข้ามาได้ไม่กี่ก้าวกลับต้องชะงักแล้วหันกลับไปมองราวินที่ยืนนิ่งตรงหน้าประตู ทั้งสองสบตากันโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายคาเลนที่ออกปากถามไป
“นายมีที่พักในเมืองนี้มั้ย?”
“ก็คงต้องหาโรงแรมพักเอาน่ะครับ”
‘แย่ละ ผมเป็นคนพาเขามาเองแท้ๆ แต่ลืมไปเลยว่าหมอนี่เป็นพวกเดินทางไปทั่ว แต่ละฉากในนิยายเดี๋ยวราวินโผล่ที่นั่นที เดี๋ยวเจอที่นู่นบ้าง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ในนิยายก็ไม่ได้มีการบอกชัดเจนด้วย และ… การที่ผมพากลับมาบ้านด้วยแบบนี้’
‘มันไม่ต่างอะไรจากการพาหมาแมวจรเข้าบ้านเลย เพียงแต่หมอนี่จะดูเชื่องกว่า(?)’
“เดี๋ยวฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับนายอยู่ งั้นวันนี้ค้างที่บ้านฉันแล้วกัน”
“ได้ครับ”
เจ้าของบ้านเดินนำไปโดยมีอัศวินหนุ่มตามมาอย่างว่าง่าย ไม่หยิบจับแตะต้องอะไรใดๆ เหมือนว่าถ้าคาเลนไม่อนุญาต เขาคงไม่คิดทำอะไรเลย (อาจจะรวมถึงการก้าวเข้าบ้านด้วย)
“นายนั่งก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะเอาของไปเก็บ”
“ให้ผมช่วยมั้ยครับ?”
คาเลนซึ่งกำลังจะเดินขึ้นบันไดหันมองคนกล่าวก่อนจะหัวเราะเบาๆ “นายอย่าทำตัวให้มันเหมือนคนใช้มากสิ เดี๋ยวฉันก็เคยตัวหรอก เจ้ารูปปั้นเดินได้”
‘รูปปั้น...เดินได้?’
ราวินกะพริบตามองปริบๆ คล้ายว่าจะไม่เข้าใจในคำเรียกนั้นเสียเท่าไร คาเลนก้าวขึ้นชั้นบนเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บและจัดข้าวของต่างๆ พักหนึ่งเจ้าบ้านจึงเดินลงมาพลางมัดรวบม้วนผมตัวเองใหม่
“เอาล่ะ มาคุยกัน” ชายผมยาวดำหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับเผยยิ้ม “นายบอกว่าจะคอยติดตามฉันเสมอไปใช่ไหม? หรือตอนนั้นพูดเอาขำ”
“ผมพูดออกมาอย่างจริงใจครับ”
“แล้วเหตุผลที่ขอติดตามฉันล่ะ?”
ราวินมองนิ่งแล้วพูดต่อ “อาร์ลีนถูกกักขังไว้เป็นศิลาแห่งลาเมนท์มานาน เธอควรถูกปลดปล่อยจากการเป็นคำสาปที่ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว ผมออกติดตามท่านเพราะท่านคือคนที่ปลดปล่อยเธอไป”
‘เหตุผลของราวินที่เคารพและภักดีในตัวร้ายซึ่งเป็นนายตัวเอง ไม่เคยถูกพูดถึงในนิยายเลยสักครั้งเดียว ตอนที่อ่านก็เห็นเพียงความภักดีแบบหาได้ยากจากตัวชายคนนี้เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมได้รู้แล้ว...และเหตุผลที่เป็นจุดเริ่มต้น มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันธรรมดากว่าที่คิด’
‘ตอนที่อ่านนิยายผมคาดเดาไว้ว่าราวินอาจจะถูกตัวร้ายข่มขู่ให้อยู่ใต้บัญชาหรืออาจมีพันธะเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องทำตามโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะคิดผิดแล้วมองโลกในแง่ร้ายเกินไปสินะ’
คาเลนเอนหลังพิงพนักแล้วถอนหายใจออกมาเสียยาว
‘แปลว่าเดิมทีตามเนื้อเรื่องคาเลน แบรนดอนที่เป็นลาสต์บอส พอพ่อเสียก็ออกไล่กำจัดแท่นศิลาคำสาป 7 หลักเหมือนกับผม แต่ต่างออกไปอย่างหนึ่งคือ...’
‘ผมดันพาพระเอกไปด้วยคนน่ะสิ!!’
‘พระเอกจะเป็นพระเอกอยู่มั้ยหนอ~ หรือจะเป็นตัวร้ายหนอ~’
‘ผมกำลังป่วนนิยายคุณนักเขียนอยู่ใช่ไหมหนอ~’