เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ

เสียงแหลมดังแว่วเข้าโสตประสาทชวนระคายหู เปลือกตาคาเลนปิดสนิทไม่อาจมองเห็น สิ่งที่รับรู้ตอนนี้คือความว่างเปล่า เหมือนเขากำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เสียงเล็กแหลมดังเสียดขึ้นกว่าเก่า ใกล้ขึ้นกว่าเดิม คงเพราะใช้เวลาสดับฟังพักหนึ่งจึงแยกออกว่าเป็นเสียงแมลงกระพือปีกถี่
ฮึก...ฮือ
เสียงร่ำไห้สะอื้นดังสะท้อนตามมา ถึงมันจะเบากว่าเสียงแมลงแต่ก็ดังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เขากำหมัดแน่นจนสั่นไปหมด ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหลับอยู่จริงๆ มั้ย? แล้วเสียงพวกนี้มันมีจริงรึเปล่า?

ทั้งที่คาเลนไม่ได้ลืมตาแต่กลับเห็นภาพฉายเหมือนดูหนังม้วนเก่าๆ หญิงสาวคนหนึ่งถูกหิ้วปีกโดยทหารรับจ้างผลักเข้าไปในกรงขังอย่างไม่ไยดี เส้นผมสีทองยาวหยักศกสลวยผนวกกับผิวเนียนขาว เห็นได้ชัดว่ารูปพรรณหล่อนน่าชมยิ่ง แต่ความงามนั้นถูกกลบด้วยดินโคลนสกปรกเปื้อนตามจุดต่างๆ 
“เสียดายจริง พวกนั้นดันมาเจอนังนี้เข้า ไม่งั้นเราคงได้เสียบก่อน”
“เหอะ พนันกันมั้ยว่าใครจะซื้อไปได้”
“ฮ่ะๆ ๆ เดาว่าไม่ต่ำกว่าสิบคน เดี๋ยวก็แพศยาเหมือนโสเภณีข้างทางนั่นแหละ”
สองอัศวินหยอกล้อเล่นตลกชีวิตเชลยสาว เดาไปตามประสาด้วยความเบื่อหน่ายในเวลางาน เธอผู้ซึ่งอ่อนเรี่ยวอ่อนแรงจะต่อล้อต่อเถียง กระนั้นก็รับรู้ตลอดมาว่าสายตาคนเหล่านี้มองมาด้วยกามราคะมากกว่าเวทนา ไม่ใช่ความเมตตาอยากช่วยเหลือ แค่ต้องการได้สัมผัสเรือนร่างเพียงเท่านั้น 
ภายหลังเธอถูกส่งไปอีกสถานที่ที่ดีกว่าคุกในแดนสงคราม ได้หลับนอน กินอาหารอิ่ม อาบน้ำอุ่น ขัดผิว ทาน้ำมันหอม และสวมเสื้อผ้าอาภรณ์งามขับให้รูปโฉมเปล่งประกาย การปรนนิบัตินี้ไม่ต่างจากการลงทุน แล้วทุนที่ทุ่มเทจะได้คืนในงานประมูลใต้ดิน 
เสียงตอบรับฮือฮาเป็นอย่างยิ่ง เหล่าบุรุษหลงใหลในใบหน้าเรือนร่างเธอต่างเร่งเกทับด้วยเงินมหาศาล จนในที่สุดการประมูลได้สิ้นสุดลง ภายหลังหล่อนเพิ่งทราบว่าตนถูกขุนนางซึ่งมีศักดิ์เป็นเอิร์ลซื้อมา ไม่ต่างจากสัตว์ในคอกหรือตุ๊กตาในตู้โชว์ หากใครมีกำลังทรัพย์ถูกใจก็ซื้อไปอย่างง่ายดาย
“หล่อนน่ะทำหน้าที่บนเตียงได้ดี หน้าตาเลอโฉมหาใครเทียบได้ยาก”
คำชมจากเจ้าของชีวิตซึ่งร่วมนอนกับเธอพูดมาอย่างภาคภูมิ ไม่ต่างจากการล่าสัตว์ใหญ่ได้จึงโอ้อวดสู่ผู้อื่น ไม่นานเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นก็ตามมา
หญิงสาวผมทองหยักศกถูกมัดรวบต่ำ ผิวขาวนวลละเอียดถูกสวมทับด้วยชุดเดรสแหวกขาสีมุกลายลูกไม้ เสื้อผ้าบางประดับลายอวดเรือนร่างให้ดูชมได้ง่าย เธอถูกจัดให้สวมมันเพื่อง่ายต่อการปรนเปรอใคร่เอิร์ลผู้เป็นเจ้าบ้าน นัยน์ตาสีฟ้ากลมโตจ้องออกไปนอกหน้าต่าง พลางขยับมือบางสัมผัสกระจกเบาๆ 
“ทาสนั่นชื่อว่าอะไร? ใช่ อาร์ลีนรึเปล่า?” 
เสียงพวกนั้นไม่ได้อยู่ใกล้นัก แต่ก็ดังมากพอที่เธอจะจับใจความได้ว่าตนถูกกล่าวถึง
“นั่นแหละชื่อนาง ผ่านมาดูห้องเธอกี่ครั้งมีแต่เครื่องประดับเต็มไปหมด”
“นายท่านถูกใจหล่อน ให้เป็นกอบเป็นกำก็ไม่แปลก”
“นางหน้าตาสะสวย งามจนรอดจากสงครามมาอยู่กับนายท่าน วันๆ ใช้ชีวิตเสวยสุขไม่ต้องอะไรมากมาย เฮ้อ~ ไม่ยุติธรรมเลย ทั้งที่แม่นั้นมีดีแค่เปลือกแท้ๆ ” หนึ่งในสาวใช้กล่าวอย่างอ่อนล้าที่วันๆ ต้องงานรองมือรองเท้าคนใหญ่ในบ้าน
“เพราะแบบนั้นไง ใครๆ ถึงได้เรียกเธอว่า ‘ตุ๊กตาบำเรอ’ ”



หลังเรื่องราวดำเนินฉายมาจบลง ดวงตาก็เบิกโพลงตื่นขึ้นมองเพดานกลางดึก ปากอ้ากอบลมหายใจเข้าแล้วถอนออกช้าๆ กะพริบตาถี่พลางยันกายลุกนั่ง เหงื่อกาฬไหลทั่วร่างจนรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด แต่ปลายเท้าเย็นวาบอย่างน่าประหลาด ขณะยังไม่ทันได้สติดี กลับได้ยินเสียงกระพือปีกแมลงดังขึ้น พลันทำคาเลนรีบปิดหูตัวเองทันใด

‘เสียงแมลงนั่นมาจากไหนกัน?’

ครั้นคำถามผุดเข้ามาในความคิด สายตาเขาก็สังเกตเห็นบางอย่างอยู่ที่พื้นห้องตนเอง มันคือชายกระโปรงลายลูกไม้สีไข่มุก คาเลนเริ่มกลอกตามองรอบๆ จึงเห็นว่าห้องยังเป็นห้องของตน แต่เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ กลับแลดูหรูหรา แล้วไหนจะโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับสตรีซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่อาจทราบ เขาขมวดคิ้วก่อนเสียงกระพือปีกแมลงจะดังขึ้นมากกว่าเก่า
คาเลนสบถหลังได้ยินเสียงแสลงหู แต่ขณะหนึ่งที่สายตาปรายไปทางหน้าต่างกลับต้องชะงัก ร่างหญิงสาวผอมบางสวมเดรสสีไข่มุกลายลูกไม้เหมือนที่เห็นตอนหลับ แต่ชายกระโปรงนั้นยาวกว่าภาพในหัวก่อนหน้านี้มาก เส้นผมทองหยักศกมัดรวบต่ำไหวไปมา
“....”
จู่ๆ ทุกอย่างเงียบลงราวกับประสาทหูถูกทำลายทิ้ง นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองออกไปข้างนอก ค่อยๆ เบือนหน้ามาคาเลนอย่างแช่มช้า กระทั่งสายตาทั้งสองสบมองกันอยู่นาน
ความคิดแวบแรกที่ผ่านเข้ามาคือ เธอนั้นงดงามจนไม่อาจละสายตาได้
การขยับเขยื้อนหล่อนนั้นเนิบช้าแต่สง่า มือเอื้อมไปดึงริบบิ้นออกปล่อยให้ผมยาวหยักศกสยายเป็นอิสระ นัยน์ตาสีฟ้ากลมโตจดจ้องมองมา คาเลนพยายามจะขยับตัว แต่ก็ยากเกินกว่าจะทำได้ เธอค่อยๆ เดินตรงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา ใบหน้าโน้มลงใกล้จนระยะห่างเหลือไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน
“เธอ….”
คาเลนหลุดปากพูดแค่คำเดียว จากใบหน้าอันงดงามเริ่มซีดเผือด ริมฝีปากแดงเรื่อค่อยๆ แห้งลงจากแตกเป็นขุย ดวงตาซึ่งจดจ้องอย่างเศร้าหมองตอนนี้กลับไร้แววราวกับศพ เธอค่อยๆ อ้าปากออกกว้างขึ้น กว้างขึ้น กว้างจนขอบปากฉีกออกเห็นเนื้อหนังแหวกขาดเรื่อยๆ ตามความกว้าง
เสียงกระพือแมลงกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เขาค้นพบถึงที่มาของเสียงนี้ว่ามันมาจากภายในปากอาร์ลีน ยังไม่ทันจะเข้าใจสถานการณ์มากมายนัก แมลงตัวหนึ่งก็บินพุ่งออกมาพร้อมเสียงกรีดร้องหญิงสาวดังลั่นจนแสบแก้วหู



“ท่านคาเลน” 
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงตอบสนองเสียงเรียกทุ้มต่ำ สายตาเบิกมองด้วยอาการหอบหนัก ใช้เวลาพักหนึ่งจังหวะหายใจจึงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ ก่อนหันมองราวินที่มองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นทุกครั้ง 
“ราวิน?” 
คาเลนกลอกตามองรอบๆ ห้องตนเอง ทุกอย่างยังปกติดีไม่มีอะไรแปลก ตัดสินไปว่าสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้าคือความฝันทั้งสิ้น
“ท่านกำลังโดนคำสาปย้อนกลับเล่นงานนะครับ”
“ฉันรู้ เฮ้อ...สมเป็นแท่นศิลาคำสาปจริงๆ เล่นเอาซะเกือบฉี่ราดคาฝัน” คาเลนพูดพลางหัวเราะเบา สายตาหยุดมองอัศวินอีกครั้งก่อนเลิกคิ้วถามกลับ “ทำไมนายถึงมาหาฉันตอนดึก”
“ผมเป็นกังวลเรื่องคำสาปที่กำลังจะทำร้ายท่าน”
“แล้วนายเข้ามาในห้องได้ยังไง?”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง 
“ประตูเปิดทิ้งไว้น่ะครับ”

‘ถึงผมจะบอกว่าไว้ใจในการมีตัวตนของราวิน แต่เพราะเขาเก่งมากเนี่ยแหละจึงน่าเป็นห่วง ถึงในนิยายราวินจะเป็นคนที่จงรักภักดีขนาดไหน แต่บางทีหวยอาจจะออกว่าเขาหักหลังผมเอาทีหลังก็ได้ เพราะตอนจบผมก็ไม่ได้อ่าน ฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้’
‘ขอโทษนะพวก แต่ฉันมันพวกขี้ระแวง’

“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะโดนคำสาปเอาคืน”
“เมื่อกี้...” ราวินเงียบเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด “ตอนผมเข้ามาท่านนั่งอยู่แล้วมองไปที่หน้าต่าง สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเลยเรียก”
พอได้ยินอีกคนเล่าแบบนั้นคาเลนถึงกับแสดงท่าทางแปลกใจออกมา
“ฉันละเมอ?”
“เกือบจะอย่างนั้น แต่เหมือนท่านจะเห็นอะไรที่หน้าต่างนั้นมากกว่า”
ราวินว่าแล้วมองหน้าต่างห้องที่ยังคงปิดสนิทไม่มีร่องรอยของอะไรทั้งสิ้น คาเลนหันมองตามแต่เพียงอึดใจก็ถีบเท้าถอยออกทันที “เธอ!?” ภาพที่เห็นคืออาร์ลีนกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อชายหนุ่มเผลอเรียก หญิงสาวจึงค่อยๆ เหลียวมาเหมือนกับในภาพฝัน
แต่ก่อนจะได้สบตา ราวินกลับจับหัวไหล่ทั้งสองข้างเขาบังคับหันมองหน้าตนแทน 
“ตั้งสติสิครับ!”
เสียงอันหนักแน่นทำให้คาเลนเตลิด ชายหนุ่มพยายามคุมสติจนก่อนจะเคลื่อนหลับตาลง จากนั้นพรูลมหายใจปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านน่าหวาดผวาพวกนั้น จนลืมตาแล้วเหลียวมองหน้าต่างบานเดิม ตอนนี้มันว่างเปล่า ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว 
“ตอนนี้ฉันกำลังบ้าไปแล้วสินะ”

‘ปกติผมก็เคยเจออะไรแบบนี้ แต่ไม่เคยกลัวถึงขนาดนี้เลยสักครั้ง แต่คำสาปอาร์ลีนฤทธิ์เยอะขนาดที่ว่าผมเผลอคิดว่าเธอมีตัวตนตรงหน้าผมจริงๆ ไปแล้ว’
ชายหนุ่มปรายตามองอัศวินที่ยังคงจับหัวไหล่มองมา 
‘ถ้าไม่ได้หมอนี่ ผมอาจจะเป็นบ้าจริงๆ ก็ได้’

“ขอบใจนะ”
คาเลนว่าแล้วดันอกราวิน อีกฝ่ายผละออกกลับไปยืนที่ปลายเตียงอย่างเดิม 
“ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร แต่ฉันคงไม่นอนแล้วล่ะ”
ราวินไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่มองมาเหมือนรอคอยคำสั่งต่อไปอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า ตนเองพาอัศวินหรือพาหมาเข้าบ้านมากันแน่
“นายไม่ง่วงรึไง?”
“ไม่ครับ”
“พักผ่อนบ้างสิ เดี๋ยวเช้ามาเดินไปหลับไปฉันจะหัวเราะเยาะนายเอานะ”
“ผมไม่หลับหรอกครับ” ราวินยังคงปฏิเสธซึ่งผิดคาดเล็กน้อย เพราะตลอดมาคาเลนคิดเสมอว่าชายคนนี้จะยอมทำตามสั่งอย่างว่าง่าย แต่จริงๆ แอบรั้นนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับคุมไม่อยู่ 
“งั้นลงไปชั้นล่าง”
“ลงไปทำอะไรเหรอครับ?”
“อยู่เฉยๆ มันน่าเบื่อ มาคุยฆ่าเวลากันคงไม่รบกวนนายเกินไปใช่ไหมล่ะ เพราะยังไงนายก็ไม่นอนอยู่แล้วหนิ” เจ้าผมขาวจางฟังรับคำคาเลนอย่างไม่คัดค้าน ก่อนพวกเขาจะลงไปยังห้องรับแขก โดยเจ้าบ้านหยิบเอาบันทึกแท่นศิลาคำสาป 7 หลักคาเบิลติดมือมาด้วย
“ท่านจะไม่นอนจริงๆ เหรอ?”
“เห็นอะไรแบบนั้นใครจะไปนอนลงล่ะ”
เมื่อชายหนุ่มหย่อนตัวนั่งเก้าอี้ก็เปิดบันทึกอ่านต่อ ราวินเลือกนั่งตรงข้ามพลางทอดสายตามองคาเลนด้วยกริยาสุขุม ทุกอย่างเงียบไปโดยปริยาย ตอนนี้คาเลนเพ่งสมาธิกับหนังสือตรงหน้ามากกว่าจะพูดคุย กระทั่งอัศวินเป็นคนออกปากถาม 
“ท่านจะออกเดินทางทำลายศิลาพวกนั้นเหรอ?”
“อะห้ะ”
“คิดว่าจะทำสำเร็จมั้ยครับ?”
“ถ้าเตรียมการทุกอย่างมาดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ฉันก็ไม่ได้จะบอกหรอกว่ามันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก” คาเลนละสายตาจากตัวอักษรและภาพวาดประกอบในบันทึก เปลี่ยนไปจับมองคู่สนทนาแทน “ทำไม? นายไม่มั่นใจในตัวฉันขึ้นมาเหรอ?”
อีกฝ่ายส่ายหัวอ่อน
“ผมเชื่อมั่นว่าท่านว่าทำได้เสมอครับ”
“ฮ่ะ~ พูดประจบประแจงแบบนี้ ฉันทำพลาดอย่ากล่าวหาผิดหวังกับฉันเอาละกัน” ราวินไม่ตอบอะไรเพียงแค่เผยยิ้มบางส่งให้ ส่วนคาเลนก้มหน้าอ่านบันทึกต่อพร้อมกับคุยไปด้วย  
“ว่าแต่นายเรียกฉันว่า ‘ท่าน’ มาตลอดเลยหนิ”
“ครับ”
“ทำไมต้องใช้คำพูดคำจาเหมือนฉันเป็นคนใหญ่คนโตงั้นล่ะ?”
“ท่านเป็นคนที่ผมเชื่อมั่นนับถือ การเรียกเช่นนั้นถือเป็นการให้เกียรติครับ”
คาเลนลดหนังสือลงแล้วมองไปทางราวินด้วยรอยยิ้มแหย่ “แหม่~ ฉันชักจะเหลิงละนะ” อัศวินหลุบสายตามองแล้วถามกลับ
“คุณจะพาเขาไปทำลายศิลาคำสาปด้วยเหรอ?”
“หมายถึงบิทเทอสินะ”
“ใช่ครับ” ราวินเพ่งสายตามองรอฟังคำตอบอย่างคาดหวัง 

‘ปกติตามเนื้อเรื่องเดิมของนิยายแล้ว บิทเทอจะต้องอยู่ฝั่งที่คอยคุ้มกันให้กับแท่นศิลาคำสาปทั้ง 7 หลักเพื่อกันไม่ให้ถูกทำลาย นั่นคือตามเนื้อเรื่องเดิมนะครับ แต่ตอนนี้แท่นศิลาถูกทำลายไปแล้วหนึ่งหลักโดยผมกับคุณพระเอก’
‘ผมซึ่งเป็นลาสต์บอสอีกต่างหาก’
คาเลนสบตากับราวินคล้ายว่าจะเดาใจ ‘การที่ราวินระแวงฮันเตอร์จะเดินทางไปด้วยครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพวกฮันเตอร์ส่วนใหญ่จะเลือกปกป้องแท่นศิลาพวกนั้น เขาคงกลัวว่าผมจะโดนหักหลังเข้าสินะ’

“ฉันติดสัญญาอย่างหนึ่งกับเขา เลยต้องพาไปด้วย”
ราวินเงียบก่อนจะตอบกลับมา “ถ้าหากว่าท่านตัดสินใจดังนั้น ผมก็ไม่ขัดข้องอะไรครับ” ชายผมยาวดำยิ้มอย่างพึงใจหลังได้ยินแบบนั้น ก่อนคำถามใหม่จะถูกกล่าวมาอีก
“ท่านจะทำลายแท่นศิลาคำสาปต่อไป ทั้งที่คำสาปอาร์ลีนยังไม่หายดี จะไม่เป็นไรเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก” 
“แต่—”
“ชู่ว~ ไม่เอาสิไม่เอา~” คาเลนว่าเสียงอ่อน นัยน์ตาสีตาลหรี่มองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันไม่บ้าถึงขนาดจะออกไปสู้ทั้งที่สภาพตัวเองยังไม่สมประกอบหรอก”
ว่าจบก็เอนหลังพิงพนักยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ฉันจะรักษาตัวเองระหว่างทาง”
“แต่แบบนั้นมันไม่เสี่ยงอันตรายเกินไปเหรอครับ”
ชายหนุ่มลดแขนทั้งสองลงแล้วเลื่อนปิดบันทึกคาเบิล “เผื่อนายอาจจะยังไม่รู้ แต่ขอบอกก่อนว่าฉันคือแอนนาลิสท์นะ เพราะงั้นถ้ายังไม่ตายก็หาทางแก้คำสาปนี้ได้แน่นอน”
ราวินไม่กล่าวอะไรต่อ แต่สายตาทอดมองมาแสดงถึงความห่วงใยโดยไม่ออกมาเป็นคำพูด
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะคอยดูแลท่านระหว่างเดินทางให้”
พอได้รับคำตอบแบบนั้นคาเลนเลยเชิดยิ้มอย่างพอใจ
“อย่าห่วงมากเลยหน่า~ ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะให้นายมาปกป้องตลอดสักหน่อย แอนนาลิสท์แบล็คอาร์ตอย่างฉันเจ๋งจะตายไป”
“งั้นท่านเตรียมวิธีรักษาคำสาปอาร์ลีนได้แล้วเหรอครับ”
“ไม่”
“...” 
ราวินมองนิ่งไม่ได้แสดงสีหน้าต่างไปจากเดิมเลย ถึงอย่างนั้นเขาเองกลับจับสัมผัสได้ถึงความผิดหวังภายในที่แผ่ออกมา อย่างไรก็ตาม คาเลนก็ตอบเสียงเริงร่าและส่งยิ้มปิดท้าย
“เดี๋ยวฉันก็คิดออก เพราะงั้นหายห่วง!”

ตอนนี้มีเพียงคำไม่กี่พยางค์ที่เด่นชัดอยู่ในหัวราวิน นั่นคือ… 
‘ท่านคาเลน น่าเป็นห่วงสุดๆ ’