เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย - Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า? โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย

รายละเอียด

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย โดย RGeraniuM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อแก้แค้นแล้วผมคงต้องหาตัวช่วย และบัฟผมคือคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักนั่นเอง

ผู้แต่ง

RGeraniuM

เรื่องย่อ




Writer : RGeraniuM
Illust : UNe1st
Typography : Rainrily & LaLina




!!WARNING!!
!คำเตือนค่ะคำเตือน!
           นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไรท์เองล้วนๆ 
            แนววายแฟนตาซี มีตั้งแต่ฉากผ่อนคลาย อบอุ่นใจ จนถึงดราม่าแอนดาร์กระดับปานกลาง
ในเรื่องมีฉากที่ใช้ความรุนแรงและเลือดสาดบ้าง เพราะงั้นอ่านโปรดระวังและใช้วิจารณญาณนะคะ

ในส่วนของโพตัวเอกนั้นไม่ฟิกโพ (ผลัดกันรุกผลัดกันรับ) แล้วนอกจากคู่ชาย-ชายแล้ว เรื่องนี้คู่รองอยู่อีกสองคู่ซึ่งเป็นคู่หญิง-หญิงกับคู่ชาย-หญิงค่ะ

***ฉากเซ็กซ์มีการอ้างอิงวิธีการบางส่วนแต่ไม่สมจริงทั้งหมดนะคะ อย่างไรก็ตาม ทางไรท์แนะนำกับผู้อ่านว่าก่อนมีเซ็กซ์ควรเตรียมตัวเตรียมใจ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเป็นอย่างดีเสมอค่ะ

สารบัญ

พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Prologue Prologue ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 1 ที่มาที่ไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 2 ออดอ้อนเผื่อได้,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 3 ทำงานแลก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 4 “รูปภาพสั่งตาย”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 5 ตามข้อตกลงไง,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 6 เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 7 เป้าหมายเดียวกัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 8 ไม่เป็นตัวถ่วงหรอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 9 ชอบแย่งของพระเอก,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 10 คนที่ใครๆ ก็เคยเห็น,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 11 ตามเงาดำไป,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 12 “ศิลาแห่งลาเมนท์”,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 13 ความช่วยเหลือจากอัศวิน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 14 กริชเงา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 15 พอดีไม่ค่อยชอบหน้า,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 16 น่าเป็นห่วงสุดๆ ,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 17 ไปอยู่ด้วยกันทำไม?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 18 คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรค้าบบบบ!!,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 20 นอนตรงไหนใช่ปัญหา,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 21 ทำไมไม่บอกฉัน,พาพระเอกมาเป็นตัวร้าย-Chapter 22 เพราะหิวไง

เนื้อหา

Chapter 19 มองเพราะคุ้นหน้า?

เมื่อรุ่งสางมาถึงราวินนั่งเอนหลังพิงพนักในห้องรับแขกทั้งคืน รับรู้ได้ทันทีว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าหรืออะไร แต่อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้หลับเอาแรงไปเยอะแล้วเลยไม่มีอาการง่วงใดๆ 
“ทำท่าทำทางเหมือนตัวเองเป็นรูปปั้นไปได้”
เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกให้อัศวินปรายนัยน์ตามรกตมอง จึงพบว่าเป็นคาเลนที่ตอนนี้สารรูปดู…...ไม่จืดเท่าไร ทั้งตาคล้ำ เสียงแหบ ไหนจะผมยุ่งเหยิง เป็นลักษณะของคนเพิ่งตื่นและนอนน้อยอย่างแท้จริง
“นอนไม่หลับเหรอครับ?”
“ก็..นิดหน่อย”
เจ้าของบ้านยักไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา 
“งั้นคุณควรหลับอีกสักหน่อย”
“ฮ่ะๆ ๆ ๆ ถ้านายพูดแบบนั้นฉันจะนอนจริงๆ แล้วนะ”
“ดีครับ ตอนนี้น่าจะประมาณตี 1 หลับเอาแรงต่อเถอะ”
“...”
ชายผมยาวดำไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ทอดสายตามองคู่สนทนา ก่อนต่อมาเขาจะถอนหายใจแล้วเปลี่ยนอิริยาบถตนเองจากนั่งเป็นนอนไปกับโซฟากว้าง เหยียดแข้งเหยียดขาพาดแขนเก้าอี้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเหม่อมองอย่างเมื่อยล้า
“ฉัน…จะเป็นแบบนั้นอีกมั้ย?”
ราวินปรายตาจับสังเกตทุกระเบียบนิ้วรอฟังคำพูดคนตรงหน้า 
“ฉันว่าตอนนี้ฉันกำลังแย่”
“ทำไมเหรอครับ?”
“อาร์ลีน…. เธอโผล่มาอีกแล้ว”
อัศวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบเสียงเรียบกึ่งตำหนิ
“ถ้าหากว่าท่านเดินทางไปทั้งแบบนี้จะเป็นการฝืนสังขารตนเอง ถึงผมมั่นใจว่าจะดูแลท่านได้ แต่หากว่าท่านไม่ใส่ใจตัวเอง นั่นอาจทำให้ท่านทรมานเอาได้นะครับ”
“นายเนี่ย...แสดงความเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้กับเจ้านายทุกคนเหรอ?”
“ตามเห็นสมควรครับ”
คาเลนหัวเราะเบาในลำคอ เขารู้สึกคุ้นชินกับท่าทีชายคนนี้เหลือเกิน แม้ว่าในนิยายจะไม่ได้โผล่ให้เห็นบ่อยๆ เหมือนกับตัวละครอื่นซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับตัวพระเอก ระหว่างที่แอนนาลิสท์กำลังจมสู่ห้วงนิทราทีละนิด คู่สนทนาก็ออกปากถามขึ้น
“ไม่บอกเรื่องคำสาปกับเขาจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ”
เจ้าบ้านเลื่อนปิดตาแล้วตอบกลับเสียงแหบ
“ช่างมันเถอะ เรื่องนี้เราจัดการกันเองได้”
“....เข้าใจแล้วครับ”
หลังจากนั้นทุกอย่างจึงเงียบไป เพราะเจ้าของผมยาวดำที่มักเป็นฝ่ายชวนคุยหลับใหลเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้านั้นเหนื่อยล้ามาก ท่าทางไม่ใช่เพียงอดหลับอดนอนมาทั้งคืน แต่คงทนคำสาปย้อนกลับอาร์ลีนด้วยเช่นกัน ตัวราวินเข้าใจในส่วนนั้นดี จึงไม่ได้รบกวนการนอนเจ้านายและเลือกนั่งเฝ้าเงียบๆ 



ก๊อกๆ ก๊อกๆ 
เมื่อมาถึงช่วงสายวัน บิทเทอจึงมาเคาะประตูบ้านคาเลนตามที่นัดหมายกันไว้ ว่าวันนี้จะเริ่มเดินทางหาศิลาแห่งไอเรท เขายืนรอได้พักหนึ่งประตูก็เปิดออก แต่คราวนี้คนต้อนรับไม่ใช่เจ้าของบ้านแต่กลับเป็นราวิน ชายซึ่งเต็มไปด้วยปริศนามากมาย แล้วยังเข้าหาแอนนาลิสท์ได้รวดเร็วจนผิดสังเกต
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณโลฮาส”
“อรุณสวัสดิ์ คาเลนหลับอยู่เหรอ?”
คนถูกถามไม่ตอบอะไรเพียงแค่เปิดประตูออกกว้างให้แขกเข้าไป พอเท้าสาวมาหยุดที่ห้องรับแขกถึงกับแปลกใจ ตอนนี้ชายผมยาวดำนอนตะแคงบนโซฟากว้างพร้อมห่มผ้าเสร็จสรรพ เหมือนเด็กน้อยอะไรอย่างนั้น
“ทำไม...สภาพหมอนั่นถึงเป็นแบบนั้น”
“ท่านคาเลนไม่ค่อยได้นอนน่ะครับ”
“งั้นก็ควรจะได้นอนสบายๆ บนเตียง”
“ผมบอกเขาแล้วครับ แต่เขาเผลอหลับไประหว่างคุยกับผมน่ะ”
บิทเทอหรี่ตามองร่างโปร่งนอนมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะเหลียวมองไปทางราวินที่ตอนนี้สบตากลับมาอย่างเรียบเฉย “นายเป็นคนดูแลคาเลนเหรอ?”
“เรียกว่าเฝ้ามากกว่าครับ”
“งั้นเหรอ แล้วได้เตรียมของเดินทางรึยัง?”
“เตรียมไว้แล้วครับ” 
ราวินตอบกลับดังนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่คาเลนที่ตระเตรียมของเองแต่เป็นเขาต่างหาก เพราะด้วยสภาพอีกฝ่ายนั้นร่อแร่มากเกินกว่าจะลุกมาจัดสรรอะไรต่างๆ เขาจึงเลือกจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองแทน
“ดีแล้ว งั้นปลุกหมอนั่นสิ”
“อย่าเลยครับ”
“ทำไม?”
บิทเทอเลิกคิ้วมอง
“ผมอยากให้เขาพักมากกว่านี้อีกนิด เดี๋ยวผมจะเป็นคนปลุกเองครับ”
นักล่าเสพติดภูตเพียงแค่มอง ไม่ตกลงหรือปฏิเสธปล่อยให้ทุกอย่างจมสู่ความเงียบ นี่คงนับว่าบรรยากาศธรรมดาสุดเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน “วันนั้นคุณเห็นผมจูบหลังมือหมอนั่นใช่ไหม?” บิทเทอว่าแล้วนั่งบนเก้าอี้เดี่ยวซึ่งอยู่เยื้องจากโซฟาคาเลนไม่เท่าไร
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนที่ออกปากถามมาตรงๆ ”
“คุณเห็นมั้ย?”
“ครับ ผมเห็น”
ราวินยอมรับมาตรง เจ้าของผมบลอนด์ขาวเห็นแบบนั้นจึงเท้าคางกับแขนเก้าอี้ หรี่ตามองไปอย่างพินิจพิเคราะห์อัศวินตรงหน้า “การเห็นภาพนั้นถือเป็นเรื่องน่าอุจาดตาสำหรับนายมั้ยล่ะ?”
“แน่นอนว่าไม่”
“ทำไม?”
“เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ผมจำเป็นต้องใส่ใจ”
“คุณไม่ได้ยอมรับว่าเรื่องที่ผมทำมันปกติ แต่คำตอบของคุณคือพยายามจะมองข้ามในสิ่งผมทำไป เพื่อจะไม่แสดงออกตรงๆ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ผมกับเขาในวันนั้น”
ราวินกลอกตามองตอบเสียงเรียบ “คุณพยายามจะจับผิดผม”
“แค่กำลังคาดเดา”
“สัมพันธ์ระหว่างพวกท่านไม่ได้เป็นอันตรายอะไร ดังนั้นไม่มีทางที่ผมจะมองว่ามันเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ท่านคาเลนมีรสนิยมอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ท่านพอใจ ไม่ใช่ธุระที่ผมต้องบอกว่าน่ารังเกียจหรือไม่”
“ตอนนี้ผมต้องการความเห็นจากคุณ ไม่ใช่กิริยาที่แสดงออกไป” 
ครั้นคำถามนั้นถูกเปล่งออกมา อัศวินก็ปรายนัยน์ตาสีมรกตมองไปอย่างเยือกเย็น ท่าทีเคร่งขรึมไม่ได้บ่งบอกอะไรมากมาย แต่บิทเทอรับรู้ได้ว่าชายคนนี้กำลังจะเผยบางอย่างออกมา 
“แล้วคุณล่ะ? บิทเทอ”
ราวินออกเสียงโทนต่ำเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อตรงๆ สายตาส่อแววอันตราย
“คุณทำแบบนั้นกับเขาเพราะอยากทำ หรือทำเพราะอยากจะเอาชนะตัวผมที่เคยทำแบบนั้นกันแน่? ถ้าหากว่าคำตอบคืออย่างหลัง ผมคงมองว่าการกระทำคุณไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับผมแม้แต่น้อย”
“ทำไมนายถึงยอมรับไม่ได้”
“เพราะ…”

อ๊ากกกกก!

คาเลนกระเด้งตัวลุกนั่งพร้อมร้องลั่น ทำเอาอีกสองคนเผลออุทานไปตามๆ กัน คนเพิ่งตื่นหอบหายใจหนักพลางยกมือสั่นเทากุมข้างขมับตนเอง 
“ฉันเห็น… เธอ ไม่ๆ ไม่จริง”
พลันพึมพำกับตัวเองคล้ายพยายามสงบสติ ไม่นานชายผมยาวดำก็กลับสู่สภาวะปกติหายจากอาการตื่นตูมไป สายตาปรายมองก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนยืนจับมองที่เขา
“ราวิน? ..แล้วบิทเทอ?”
แต่ไอ้ที่แปลกกว่านั้นคือ… ทั้งคู่ทำหน้าเหลอหลาอย่างกะเพิ่งโดนผีหลอก บิทเทอถือแจกันดอกไม้ทำท่าเตรียมเขวี้ยงใส่อันตรายก็ตามตรงหน้า แล้วไหนจะราวินซึ่งจับขอบโต๊ะเตี้ยพร้อมงัดหวดอะไรสักอย่างนั่นอีก
“พวกนายทำบ้าอะไรกันเนี่ย…. ”
เมื่อคาเลนถามเสียงแหบมา ทั้งสองคนก็วางมือจากของพวกนั้น ต่างคนต่างกลับไปนั่งบนเก้าอี้หน้าตาเฉย ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงสายตางัวเงียเจ้าของบ้านมองพวกเขาสลับไปมา 
“คงตกใจน่าดูสินะ น้องๆ หนูๆ ”
“ไม่”
“ไม่ครับ”
ราวินกับบิทเทอตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ก็เห็นร้องลั่นตามฉันเชียว”
“แค่ตกใจเถอะ”
“อ่อเหรอ~ คุณโลฮาสถึงขั้นถือแจกันเลยนะครับผม” 
ต้นเหตุทำสองบุรุษตกใจพูดยิ้มๆ พลางส่ายหัวไป เข้าใจว่าทำไมทั้งคู่ถึงมีอากัปกิริยาตื่นตกใจ ฮันเตอร์ทำเป็นหูทวนลมไม่สนคำพูดเหล่านั้น ต่อมาก็ปรายสายตามองราวินที่ตอนนี้นั่งนิ่งๆ ไม่แสดงอาการผิดแผกอะไร

‘ไอ้หมอนั่นมันตายด้านแล้วรึไงวะ? ทั้งที่เพิ่งเกิดเรื่องน่าขายหน้าขนาดนั้นแท้ๆ ’

แม้ว่าตอนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวของอัศวินคนนี้มากมายนัก แต่มีเพียงแค่เรื่องนี้ที่บิทเทอยอมรับได้เต็มปากเลยว่า ราวินเป็นพวกเก็บเงียบเก่งมาก รวมไปถึง ‘ความรู้สึก’ ของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน 

‘หรือว่าจริงๆ แล้วไอ้หมอนั่นมันไม่มีความรู้สึกอับอายกันแน่นะ?’

ขณะพระเอกกำลังสงสัยไตร่ตรองสมาชิกกลุ่มคนใหม่อยู่ นัยน์ตาสีฟ้าก็เลื่อนไปหยุดมองชายผมยาวดำทันที นอกเหนือจากความลึกลับน่าสงสัยราวินแล้ว คงเป็นอาการผิดปกติคาเลน เขาเองไม่เคยเห็นท่าทีกระวนกระวายของชายคนนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
จนกระทั่งเมื่อกี้ที่ทำเอาเขาเกือบเขวี้ยงแจกัน…. 
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
“หลับเต็มอิ่ม แบบนี้ฉันควรเอาโซฟามาเป็นเตียงแทนดีกว่ามั้ยเนี่ย~” 
ชายหนุ่มว่าพลางยืดเส้นยืดสายอย่างกระปรี้กระเปร่า อัศวินซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ถามไถ่ก่อนจะหันหน้ามองบิทเทอที่เป็นฝ่ายมองอยู่ก่อนแล้ว คุณพระเอกเลิกคิ้วก่อนราวินจะออกปากถามมา
“เดี๋ยวเราจะเริ่มเดินทางกันเลยสินะครับ”
“ใช่” ฮันเตอร์ปรายตามองคาเลนเล็กน้อย “หมอนั่นมันตื่นพอจะเดินตรงๆ แล้วรึยัง”
“พูดขนาดนี้ถามฉันเองเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ?”
“นึกว่ายังเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ได้ซะอีก”
“แค่เห็นหน้านายก็สดชื่นจนตาสว่างแล้วล่ะ~” 
คาเลนเอ่ยแล้วส่งยิ้มกว้างขยิบตาให้อย่างหยอกเล่น 

‘ท่าทางหมอนี่น่าจะฝันร้ายเฉยๆ ’



ใช้เวลาสักพักในการเตรียมตัว พวกเขาจึงเริ่มออกเดินทางตามที่ตกลงกันไว้ พอออกมาสู่ภายนอกเลยพบว่าตอนนี้เป็นช่วงสายเกือบจะบ่ายแล้ว ทั้งสามสาวเท้าไปตามข้างทางเมืองธานโดยจุดหมายคือคอกม้า คาเลนกวาดสายตามองรอบข้างอย่างเคยชิน เห็นรถไฟไอน้ำเคลื่อนบนรางอยู่ไกลๆ และเหล่าชาวเมืองดำเนินกิจวัตรตนเอง

‘ไม่ว่าจะสภาพบ้านเมืองที่ปลูกสร้างด้วยศิลาหินส่วนใหญ่ ยานพาหนะธรรมดาไม่ได้มีกลไกซับซ้อนเท่ายุคใหม่ การแต่งกาย เสียงเกือกม้ากระทบพื้น หรือแม้แต่วิถีสังคมวัฒนธรรม ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมเจอตลอด 5 ปีที่อยู่ในโลกนิยายแห่งนี้มา’

“เห็นกี่ครั้งก็ไม่ชินเลยจริงๆ ”
“ไม่ชินอะไร?” 
บิทเทอถามคนพูดลอยๆ ซึ่งเดินขนาบอย่างสงสัย

‘ฉิบหายแล้ว..’

ชายผมยาวดำชะงักไป เพิ่งรู้ว่าตัวตนเองพลั้งปากออกมา เขาแค่เผลอชื่นชมและอดสูยุคเก่าที่ถึงจะดูล้าสมัยไม่ค่อยมีเทคโนโลยี แต่กลับดูไม่ค่อยต่างจากบ้านเกิดโลกเก่าเขาเท่าไรเลย หมายถึงในเรื่องความก้าวหน้าและบรรทัดฐานสังคมน่ะนะ
“ไม่ชินที่เห็นนายทำหน้าหล่อได้ทุกวี่ทุกวันน่ะ”
คาเลนอ้างพร้อมกระตุกยิ้มใส่ ฮันเตอร์จากรอฟังคำตอบเปลี่ยนมองตรง
“ฉันมันบ้าเองที่คาดหวังว่านายจะให้คำตอบแบบธรรมดาได้” 
“นายกำลังจะบอกว่าฉันเป็นคนพิเศษ ใช่ไหมล่ะ~”
คุณพระเอกหลุดหัวเราะเบาในลำคอ จากนั้นบทสนทนาเงียบหายไปแล้วต่อใหม่ด้วยคำถาม “นายจะพาหมอนั่นไปด้วยจริงๆ เหรอ” แน่นอนว่าในสายตาเขานั้น มันคือคำถามที่ไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย

‘เอาอีกแล้วๆ วันนั้นราวินก็ถามแบบนี้ วันนี้คุณพระเอกเป็นคนถามบ้าง เฮ้อ… สองคนนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ จะญาติดีกันไม่ได้เลยรึไงเนี่ย ตัวร้ายอย่างผมเหนื่อยใจที่ต้องผูกสัมพันธ์ไม่ให้ตีกันนะเนี่ย’

“เขาใช้ได้หน่า~ เดินทางกันแค่สองคนมันอันตราย ให้อัศวินติดไปด้วยสักคนจะเป็นอะไรไป”
“นายพูดเหมือนเคยเห็นศักยภาพเจ้านั้น”
“เขาเป็นถึงอัศวิน ไม่มีทางที่จะไร้ประโยชน์อยู่แล้ว”
บิทเทอเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ เพราะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์กับการต่อรอง อีกอย่างที่เขาไม่คัดค้านออกนอกหน้า เพราะยังไงก็ตามราวินยังไม่ได้เริ่มทำอะไรผิดปกติมากเกินไป ถ้าหากระหว่างเดินทางด้วยกัน ได้เห็นทักษะความสามารถต่างๆ อย่างน้อยคงสามารถประเมินอีกฝ่ายได้
“นี่ คาเลน”
“อะ— โอ๊ะ!”
ขณะที่คนโดนเรียกจะหันไปตอบ หญิงสาวคนหนึ่งกลับวิ่งเข้ามาชนกลางอกชายผมยาวดำเต็มๆ เขาเซเล็กน้อยพลางยื่นมือจับหัวไหล่บางไว้ ทั้งเขาและเธอจึงยังทรงตัวได้อยู่
“ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ…..คุณ?”
“คะ?”
หญิงสาวช้อนสายตาสบกับเขา คาเลนจึงสามารถพินิจรูปลักษณ์ได้ง่ายขึ้น เธอเป็นคนผิวสีผนวกกับเส้นผมน้ำตาลอ่อนยาวม้วนต่ำเก็บเรียบร้อย นอกเหนือจากนั้นคือนัยน์ตาสีเทาควันสุดแปลก คาเลนไม่ได้หลงเสน่ห์หรืออย่างไร
แต่มันมีบางอย่างสะกิดความคิดเขาเข้าให้แล้ว

‘เดี๋ยวนะ นี่มัน….คุณนางร้าย?’