ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ตะวันตก,ทะลุมิติ,คอมเมดี้,บู๊,พระเอกเทพ,ตัวร้าย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระหว่างที่สองเท้าก้าวตามทางเท้า คาเลนก็หัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า บิทเทอซึ่งเดินข้างๆ มองอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนั้น แต่ไม่คิดจะถาม สาเหตุที่เขาทำตัวเหมือนคนสติหลุดนั่นเป็นเพราะหญิงสาวคนวิ่งชนตนเมื่อกี้
เธอคือ ‘นางร้าย’ นิยายนักล่าสาปบาป
‘ไม่คาดฝันเลยแฮะว่าจะเจอที่เมืองธานแถมเร็วอีกต่างหาก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ภาพลักษณ์เธอดูใสซื่อกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก คิดว่าจะดูร้ายๆ แต่ไหงออกมาอย่างกับสาวน้อยเรียบร้อยคนหนึ่ง ว่าแต่….เธอชื่ออะไรนะ? จำหน้าตาได้แต่ดันจำชื่อไม่ได้เนี่ยสิ?’
ระหว่างเดินไปคิดไป ฝีเท้าต้องหยุดครั้นถูกกระตุกคอเสื้อรั้งไว้ ชายผมยาวดำชะงักพลันถอยเท้ากลับยืนมาข้างๆ บิทเทอที่เป็นคนดึง “ถึงคอกม้าแล้ว” เสียงเรียบว่ามาพร้อมปรายนัยน์ตาสีฟ้ามอง เขาคงจะเหม่อคิดเยอะเกินไปเลยเกือบจะได้เป็นเด็กหลงทางแล้ว ดีที่คุณพระเอกใจดีจูงกลับมา
“เดี๋ยวผมจะไปเช่าม้าให้นะครับ”
คาเลนส่งเงินให้ราวินที่อาสาไปจัดการเช่าม้าให้ ปล่อยบิทเทอกับเขารออยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุณพระเอกคาบบุหรี่ออกมาจากซองจุดสูบด้วยไม้ขีดเสร็จสรรพ
“สูบบุหรี่มันอร่อยเหรอ บิทเทอ”
“บ้านนายกินบุหรี่เป็นขนมเหรอ”
แอนนาลิสท์หนุ่มยักไหล่ “เปล่า แต่นายก็สูบมันเหมือนเป็นของว่างนั่นแหละ” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรเพียงสูบบุหรี่ต่อ นัยน์ตาสีตาลจับมองคุณพระเอกไม่วาง เส้นผมบลอนด์ขาวไหวอ่อนตามลมพัดผ่าน สายตายังคงเรียบเฉยแฝงความดุร้ายถูกเก็บซ่อนเอาไว้
‘แม่งเอ้ย หล่อเป็นบ้าเลยค้าบ~’
“มองอะไร”
“เปล่า กำลังทึ่ง—”
“ทึ่งหน้าตาฉัน?”
คาเลนยิ้มค้างมองคนพูดดักทางซะอย่างนั้น “ถ้าเป็นแกต้องพูดอะไรไร้สาระแน่” ชายผมดำยาวหัวเราะเบาเมื่อถูกจับได้ ก่อนไม่นานราวินจะเดินมาพร้อมกับม้าจำนวนสามตัว
ทั้งสามต่างนำสัมภาระจัดวางมัดกับอานม้าให้เรียบร้อย แอนนาลิสท์กำลังจะขึ้นนั่งหยุดชะงักครั้นอัศวินเดินมาพร้อมยื่นถุงผ้าเล็กๆ ให้ เขารับมาเปิดดูเห็นว่าข้างในเป็นลูกกวาด เหมือนของว่างที่อัศวินหนุ่มให้ตอนเจอกันครั้งแรก
‘อัศวินคนนี้พกลูกอมติดตัวเป็นนิสัยขัดกับบทตัวร้ายมาดนิ่งจริงๆ เล๊ย~’
คาเลนนึกถึงความขัดแย้งนี้อดหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ จากนั้นส่งลูกกวาดหลากสีเม็ดหนึ่งเข้าปากไป บิทเทอซึ่งเตรียมการเสร็จจึงเข้ามาบอกถึงการเดินทางไปยังจุดหมายครั้งนี้
“เราจะเดินทางผ่านไปอีกสองสามเมือง พอเข้าป่าได้แล้วขึ้นเขาบาฮิน บางทีน้ำตกเทลรินน่าจะจุดไหนสักแห่งของเขาลูกนี้”
“รู้ดีจังนะ คุณแผนที่เดินทางได้~”
บิทเทอหันไปจ้องเขม็งใส่คนทะเล้นทำหน้าระรื่นอยู่ได้ “ถึงไปเดินเที่ยวก็ต้องรู้ที่รู้ทางป่าเขา หาคนคอยนำทางบ้าง แต่เรามีธุระสำคัญที่นั่น ถ้าไม่หัดเอาข้อมูลอะไรใส่สมองจะหลงป่าตาย”
“พูดเล่นนิดหน่อยทำเป็นเบ่งจริงจังไปได้~” คาเลนหยอกกลับ “ว่าแต่ที่นั่นมีชนเผ่าบาฮินอยู่สินะ”
“ใช่”
“พวกเขาเป็นมิตรมั้ย”
“ไม่แน่ใจ ถึงจะมีคนรู้ว่าชนเผ่านั่นอยู่บนเขาบาฮิน แต่ก็น้อยมากที่มีคนรู้ว่าชนเผ่านั่นเป็นอยู่ยังไง เป็นมิตรหรือไม่” ชายผมดำยาวหรี่ตามอง เกิดความสนใจต่อชนเผ่าบาฮิน
เขานึกย้อนไปตอนยังอยู่โลกเดิม ป่าดงพงไพรแทบเป็นสิ่งไกลตัวไป อย่างประเทศที่เขาเข้าไปทำงานมีแต่ตึกรามบ้านช่องหลากตาไปหมด ถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวป่าเขาแต่ใช่ว่าเขาว่างพอจะไป ผนวกด้วยค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งเสียน้องๆ อีก ส่วนในประเทศบ้านเกิดที่เคยอาศัยตอนยังเด็ก ป่าหลายๆ ส่วนถูกเอาไปใช้เป็นพื้นที่อย่างอื่นหมดแล้ว สัตว์ไร้แหล่งที่อยู่อาศัยถูกล่าจนสูญพันธุ์ หรือเข้าขั้นคุ้มครองสงวน
พอนึกเปรียบเทียบโลกเดิมกับโลกนี้ทีไร อดเสียดายไม่ได้จริงๆ เหมือนพอก้าวหน้าจนได้สิ่งอำนวยความสะดวกกลับต้องแลกด้วยธรรมชาติไปเลย
“รีบเดินทางกันเถอะ”
สิ้นเสียงบิทเทอกล่าวจบ ทั้งสามคนก็พากันแยกย้ายขึ้นอานม้าตัวเอง เริ่มคุมบังเหียนให้เท้าทั้งสี่พาหนะก้าวเดินทางไกลสู่ถนนหนทาง เวลาเดียวกันนั้น หลากหลายความคิดเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวคาเลนอีกครั้งยากจะควบคุม
‘ตั้งแต่อยู่โลกนี้มาผมได้เจอตัวละครที่…แต่ละคนก็คนดีทั้งนั้น (ประชด) ราวินก็ใช่แล้วคนหนึ่ง เบเนดิกต์ก็อีกคน แล้วไหนจะคุณนางร้ายเนี่ยสิที่น่าหนักใจพอๆ กันเลย หรือว่าจริงๆ แล้วผมมีดวงสมพงศ์กับตัวละครแนววายร้ายกันน้า~’
‘อาจจะใช่ก็ได้ เพราะผมมัน ลาสต์บอส เหมือนกันหนิเนอะๆ ๆ ’
ชายผมดำยาวนึกไปถอนหายใจพลางหยิบลูกอมอีกเม็ดเข้าปาก
‘การถูกวางบทตัวร้ายเป็นสิ่งที่ผมถนัดนะ ไม่ได้หมายความว่าผมถนัดที่จะทำร้ายใครหรอก แต่ในโลกเดิมที่ผมจากมา ผมมักจะถูกมองแบบนั้นบ่อยๆ ทำดีบ้างแต่มีเรื่องระยำตำบอนบ้าง ถ้าถามว่าเสียใจมั้ย? บอกเลยว่า ไม่! ถ้าผมเจอคนเฮงซวย ขอตอบโต้กลับดีกว่าอยู่เฉย ถึงจะกลายเป็นไอ้เฮงซวยไปด้วยก็ช่างหัวแม่งเถอะครับ’
‘เพราะการยอมจำนนกับเรื่องห่วยแตกน่ะไม่ใช่สไตล์ผม’
“บิทเทอ”
ขณะเดินทางนั้น ชายหนุ่มได้ออกปากเรียก พลันให้เจ้าของชื่อหันมองคาเลนซึ่งส่งยิ้มยียวนเหมือนเคย เพิ่มเติมคือในมือชูถุงผ้าสีน้ำเงินแกว่งไปมาข้างหัว พระเอกเลิกคิ้วมองกลับเป็นเชิงว่า ‘ต้องการอะไร’
“กินมั้ย”
“มันคือ?”
“ลูกกวาด”
“...”
พอเห็นคนโดนชวนเงียบไป แอนนาลิสท์จึงเอียงหัวมองอย่างฉงน ส่วนทางฮันเตอร์เปลี่ยนไปหันมองทางแทนเงียบๆ ชายผมยาวดำจึงถามซ้ำอีกครั้ง “ไม่กินเหรอ~ ลูกอมน่ะ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กรึไงถึงได้กินของแบบนั้น”
“ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมฉันกินจะไม่ได้ล่ะ กินเข้าไปแล้วรสชาติมันจะอุบาทว์จนต้องคายทิ้งเลยสินะ โอ้ว~ ขอบคุณในความเป็นห่วงของนาย บิทเทอ~”
บิทเทอจับสายตามองไปทางคนทะเล้นด้วยสีหน้าเฉยชา บางทีเขาอาจจะเริ่มเคยชินกับการคิดเองเออเองของชายคนนี้แล้ว คาเลนเขย่าถุงต่อพร้อมกับถามกลับมาอีกครั้ง
“กินมั้ย~ คุณฮันเตอร์~ รับรองว่าอร่อยกว่าบุหรี่”
“เซ้าซี้เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
นักล่าเสพติดภูตแบมือรับเอาลูกกวาดมาเม็ดหนึ่ง ของหวานสีเขียวใสกลิ้งบนมือเขาก่อนจะถูกส่งเข้าปาก รสชาติหวานๆ แผ่ซ่านไปทั่ว ปกติเขาไม่ใช่คนนิยมกินอะไรแบบนี้เลย เหตุเพราะพอว่างปากเมื่อไรก็สูบบุหรี่อย่างเดียวมาตลอด
“อร่อยกว่าบุหรี่ใช่ไหมล่ะ~”
“อืม”
ครั้นพระเอกขานตอบในลำคอ คาเลนจึงทอดสายตามองก่อนพูดออกมาเบาๆ พอได้ให้ยินแค่สองคนเท่านั้น “อยากป้อนให้จัง” ฮันเตอร์หนุ่มมองกลับด้วยสายตาดุ คล้ายว่าถ้าตอนนี้เขากับแอนนาลิสท์ไม่ได้อยู่บนหลังม้ากลางถนนคงจะหวดเข้าให้สักป้าบ
“อย่ามาพูดเหลวไหล”
“จริงๆ ก็แอบเขินล่ะสิ~”
ใช้เวลาในการเดินทางมาอย่างยาวนานก็ออกจากเมืองธานมาสู่เมืองใหม่ ด้วยระยะทางที่ผ่านมาซึ่งคาดว่าต่อจากนี้คงยังอีกไกล ผนวกกับตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำมากแล้ว พวกเขาจึงเลือกพักโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองไปก่อน
ขณะกำลังเดินตรงเข้าไปคุยกับพนักงานหญิงประจำตำแหน่งเคาน์เตอร์ พวกเขาก็ได้ตกลงกันเองระหว่างที่เธอกำลังรอฟังคำตอบ
“แค่ 2 ห้องพอนะ”
บิทเทอขมวดคิ้วมองคาเลน “ทำไม?”
“ราวินจะอยู่ห้องเดียวกันกับฉัน ส่วนนายอยู่อีกห้องหนึ่งไป”
หลังได้ยินแบบนั้นคุณพระเอกกลอกตาหยุดมองอัศวิน ตลอดการเดินทางราวินแทบจะไม่พูดไม่จาอะไรเลย คงความสุขุมเงียบเอาไว้เสมอต้นเสมอปลาย
“ทำไมนายต้องอยู่กับหมอนั่น?”
“ก็ค้างกันแค่คืนดียว มีเหตุผลอะไรที่ต้องแยกห้องให้เปลืองเงินล่ะ”
เมื่อเหตุผลนั้นถูกกล่าวออกมา บิทเทอก็ละสายตาจากคู่สนทนาไปพูดกับพนักงานหญิงด้วยท่าทางอ่อนลง ต่างจากอากัปกิริยาตอนแสดงต่อหน้าเขาราวกับคนละคน มันอดไม่ได้ที่คาเลนจะรู้สึกอยากหยิกแก้มนายพระเอกคนนี้จริงๆ
“ห้องใหญ่พักสามคนครับ”
“เดี๋ยวสิ—”
“แค่ค้างคืนเดียว อยู่ด้วยกันสามคนมันจะเป็นอะไรไปล่ะ?”
ฮันเตอร์ยอกย้อนกลับมา จัดการจ่ายเงินให้กับพนักงานเรียบร้อยหมดทุกอย่างในเวลาอันสั้น ชายผมยาวดำได้แต่มองตาปริบๆ ในการกระทำอันเอาแต่ใจคนตรงหน้า
‘ผมน่ะไม่มีปัญหาครับ! คุณต่างหากที่มีปัญหา!’
‘คุณพระเอกเป็นบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ย!!?’
พวกเขานำเอาสัมภาระซึ่งไม่ได้มากมายอะไรขึ้นมาบนห้องด้วย ส่วนม้าจัดการฝากให้ทางโรงแรมดูแล ครั้นถึงห้องพักสิ่งที่คาเลนเห็นคือห้องกว้างที่มีข้าวของพอประมาณไม่ได้มากมายอะไร สมกับราคาที่ไม่ได้มาก แต่...เตียง
มีแค่เตียงใหญ่เตียงเดียวเท่านั้น
‘ผู้ชายสามคนตัวไม่ใช่เล็กๆ จะนอนอัดกันบนเตียงนี้ไหวเหรอ?’
นั่นคือคำถามแรกที่เขาเห็นสภาพเตียงซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ นัยน์ตาสีน้ำตาลปรายมองโซฟากว้างวางเยื้องจากปลายเตียงไปไม่เท่าไร จุดนั้นน่าจะพอเป็นที่นอนชั่วคราวได้ แต่ยังไงก็ตาม ต้องมีคนนอนอยู่บนเตียงถึงสองคนอยู่ดี
“ฉันนอนโซฟานะ”
คาเลนเสนอขึ้นมาว่าตนเองจะจับจองนอนบนโซฟาตัวกว้างนั้น “ไม่สบายตัวเอาเหรอครับ” ราวินถามกลับก่อนชายผมยาวดำจะส่ายหัวตอบกลับ
“มันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น”
“ผมว่าท่านไปนอนที่เตียงเถอะครับ เดี๋ยวผมจะประจำอยู่ตรงนั้นเอง”
“ทำไมล่ะ?”
“เพื่อความสบายในการหลับนอนของท่าน”
พอเจ้าของผมบลอนด์ขาววางสัมภาระตนเองเสร็จจึงลอบมองไปทางสองคนนั้น คาเลนรู้สึกได้ถึงสายตาคุณพระเอกเลยอดไม่ได้ที่จะเกิดความกดดันขึ้นมา เพราะเขารู้ดีว่าในนิยายคุณพระเอกหวงพื้นที่ตัวเองขนาดไหน ฉะนั้นถ้าเขาได้นอนร่วมเตียงเดียวกับชายคนนี้อาจจะได้คอหักตายซะก่อน…
‘แบบนั้นนอนกับราวินที่โซฟามันซะเลยแล้วกัน!’
“งั้นเราสองคนนอนด้วยกั—-”
“นอนกับฉัน”
บิทเทอแทรกขึ้น พาให้ชายผมยาวดำหันมองตาปริบๆ
“จะเรื่องมากทำไม นอนเตียงเดียวกับฉันมันมีปัญหาตรงไหน”
“เปล่า”
‘มีสินะ เอ็งนั่นแหละที่มีปัญหา!!’
“งั้นเอาเป็นว่านายนอนกับฉันซะ แค่นี้เข้าใจมั้ย?”
คาเลนที่ได้คำตอบแบบนั้นจึงมองนิ่งยิ้มค้าง
‘คุณพระเอกเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ…?’