โรงเรียนสอนให้หนูมีความรับผิดชอบ แต่โรงเรียนที่ป๊ะป๋าเรียนมาเขาไม่สอนเหรอ ป๊ะป๋าไปรังแกคุณคนสวย แต่ไม่รับผิดชอบเนี่ยนะ หนูอายที่มีป๊ะป๋าแบบนี้นะ — “มั่วแล้ว! คุณคนสวยต่างหากที่แกล้งป๋า แกล้งจนท้อง!!!”

#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse) - บทที่ 11 ป๊ะป๋าโดนแกล้งเรอะ โดย KONKON satuu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ครอบครัว,รัก,ดราม่า,omegaverse,ปะป๊าอย่าโง่ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ครอบครัว,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

omegaverse,ปะป๊าอย่าโง่

รายละเอียด

โรงเรียนสอนให้หนูมีความรับผิดชอบ แต่โรงเรียนที่ป๊ะป๋าเรียนมาเขาไม่สอนเหรอ ป๊ะป๋าไปรังแกคุณคนสวย แต่ไม่รับผิดชอบเนี่ยนะ หนูอายที่มีป๊ะป๋าแบบนี้นะ — “มั่วแล้ว! คุณคนสวยต่างหากที่แกล้งป๋า แกล้งจนท้อง!!!”

ผู้แต่ง

KONKON satuu

เรื่องย่อ

รู้ถึงไหน อายถึงนั่น! 

คนอย่าง 'ป๊ะป๋าวัชระ'  อัลฟ่าหนุ่มที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เงินทอง อาชีพมั่นคง และมีลูกชายปากดี (จัด) แก่แดด เถรตรง ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ถึงกระนั้นก็ยังไปทำคนอื่นท้องและจะทิ้งอย่างไม่ไยดี!!! 

ที่สำคัญเป็นพี่ชายสุดสวยที่ 'ภูริภัทร' ชอบมาก ๆ ด้วย


"ป๊ะป๋าช่างเลวนัก กล้ารังแกพี่สุดสวยของภูทำไม!!! ภูจะเอาเลือดบนหัวป๋าออกเดี๋ยวนี้!"

"เดี๋ยวนะภู นิธิศสุดสวยของภู (พอ) รังแกป๋าต่างหาก รังแกจนท้อง! ไอ้เด็กแก่แดดไม่รู้เรื่อง!!!"

"ไม่จริ๊งงงงง!"


ฟีลป๊ะป๋ากับลูกหยุมหัว

และ

พ่อหนุ่มหน้าสวยกับหนุ่มธุรกิจพ่อเลี้ยงเดี่ยว


คำเตือน :

Omegaverse 

multiverse 

blood เลือด , death ความตาย

Profanity คำหยาบคาย pregnancy ตั้งครรภ์ 

Sexual explicit เนื้อหามีความโจ่งแจ้งในเรื่องเพศ

Violence การใช้ความรุนแรง gun ปืน

Verbal abuse ทำร้ายทางวาจา

Toxic family ครอบครัวที่ไม่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน (ญาติผู้ใหญ่)




สารบัญ

#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 1 เด็ก (ไม่) ไร้เดียงสา,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 2 ร้านเครื่องเขียนพิเศษและคุณคนสวย,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 3 คุณวัชรผู้แสนขรึม nc50%,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 4 บ้านสิริมหินศรณ์ที่ภูเกลียด,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 5 วันไปเที่ยวของบ้านภูริภัทร,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 6 100 nightstand nc100%,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 7 อาการออก,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 8 พี่นิธิศไม่สบายเหรอ,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 9 พี่ธิศโดนป๊ะป๋าแกล้ง,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 10 วันหยุดที่ไม่ได้หยุด,#ป๊ะป๋าอย่าโง่ (omegaverse)-บทที่ 11 ป๊ะป๋าโดนแกล้งเรอะ

เนื้อหา

บทที่ 11 ป๊ะป๋าโดนแกล้งเรอะ

บทที่ 11

ป๊ะป๋าโดนแกล้งเรอะ

 

 

 

โลกนี้มีการแบ่งลำดับชนชั้นโดยใช้เพศรองในการกำหนด ได้แก่ 

อัลฟ่า‍‍ ผู้อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แข็งแกร่งและอยู่เหนือคนอื่น 

เบต้า กลุ่มคนธรรมดาไม่มีลักษณะเด่นใด ‍ๆ‍‍ กระทั่งไม่สามารถรับรู้กลิ่นฟีโรโมน 

และโอเมก้า ผู้อยู่ต่ำสุด การกดขี่และความเชื่อสมัยโบราณนั้นถูกลบหายไปแล้ว ปัจจุบันทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน สามารถจับคู่กับเพศใดก็ได้

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นผู้ชายเพศอัลฟ่า‍‍และโอเมก้าสามารถตั้งครรภ์ได้ แต่มีข้อจำกัดบางอย่างตามเพศสภาพ เช่น อัลฟ่า‍‍เพศชายสามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริง แต่ 95% จะมีสภาวะมีบุตรยาก เพราะร่างกายไม่ได้มีความสมบูรณ์พร้อมเท่า
โอเมก้า ทำให้บุคคลที่เกิดมาจากอัลฟ่า‍‍และอัลฟ่า‍‍ด้วยกันว่า ‘เลือดบริสุทธิ์’

วัชระคืออัลฟ่า‍‍ 

มีร่างกายกำยำสมส่วน แข็งแรงตามสภาพผู้ชายคนหนึ่ง เขาเกิดจาก
อดิศักดิ์และมยุรีที่เป็นอัลฟ่า‍‍ ทั้งคู่เป็น 15% ที่เหลือที่มีบุตรได้ตามปกติ ในส่วนของวัชระนั้นเคยตรวจสุขภาพแล้วพบว่าอยู่ในกลุ่มมีบุตรยาก 

กระนั้นคนเป็นพ่อมักหาคู่ให้เขาสม่ำเสมอ จนกระทั่งพี่ชายของเขาเสียชีวิตจึงหยุดไปสักพัก ไม่นานมานี้เพิ่งกลับมาทำพฤติกรรมแบบเดิมแล้ว นั่นคือการส่งปลายฟ้ามาให้ตน ซึ่งเขาไม่มีทางที่จะรักหล่อนแน่นอน

ถึงจะบอกว่าตนนั้นไม่เกี่ยงว่าจะคบหาคู่เป็นเพศรองอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะพลาดท่าตกหลุมที่นิธิศขุดไว้ซะได้

พ่อหนุ่มอัลฟ่า‍‍กลิ่นซิตรัสแสนหอมหวานรัญจวนใจ ใบหน้างามพิศมีเสน่ห์ รอยยิ้มแสนอบอุ่น

และใช่ วัชระกำลังตั้งครรภ์กับนิธิศคนนั้น

“คุณวัชร”

“…” 

จะทำอย่างไรดีเล่า มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อจะตายไป 

“คุณคะ”

“ค ครับ ว่าไง” วัชระหลุดจากภวังค์ทันทีที่นิ้วเรียวของลำดวนแตะลงบนลาดไหล่กว้าง สีหน้าหล่อนดูเป็นห่วงตนนัก เขาจึงส่งยิ้มให้เบาใจ

“ป้าเห็นคุณนั่งนิ่งนานแล้วเลยเป็นห่วงค่ะ”

“ผมไม่เป็นไรครับ”

“เป็นอะไรก็บอกป้าตรง ‍ๆ‍‍ นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ เผื่อป้าจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง” 

เพราะเห็นว่าหลังกลับมาจากโรงพยาบาล คุณชายของตนจะเหม่อลอยเก่งเป็นพิเศษ กลัวว่ายังไม่หายสนิทแล้วกลับมาป่วยต่อมันคงไม่ดีเท่าไหร่

“ขอบคุณนะครับ ผมคงต้องรบกวนป้าทุกเช้าให้ชงน้ำขิงให้กิน ตามที่หมอเขาแนะนำมา”

“ได้เลยค่ะ ป้าจะชงให้อย่างดีเลย” ลำดวนยิ้มแป้นที่อยางน้อยอีกฝ่ายก็ยอมพึ่งพาตนบ้าง สาววัยกลางคนเดินไปเก็บของในบ้านต่อ ปล่อยวัชระอยู่กับตัวเองเหมือนเดิม

หลังจากที่รู้ว่าท้องก็ปาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้วที่ตนอยู่กับความลับที่ไม่อาจบอกใครได้แม้กระทั่งภูริภัทร‍‍‍หรือลำดวน กระนั้นคนที่รู้เพียงคนเดียวอย่างนัทกลับถูกปิดปาก สั่งห้ามบอกใครเด็ดขาด เวลาเจอหน้าก็ห้ามทักเรื่องนี้ด้วย

ทำไปเพื่ออะไร ปกปิดทำไม?

“ขี้ขลาดนักไอ้วัชร” 

ฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ความคิดตบตีกันในหัวจนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ อยากนอนพักสักตื่น วันนี้ถ้าภูริภัทร‍‍‍อยู่บ้านแล้วรู้ว่าตนไม่ได้ไปทำงานคงกรี๊ดลั่นบ้าน ประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าในที่สุดท่านประธานบริษัทที่จ้างเลขาตั้งสองคนได้หยุดทำงานกับเขาบ้างแล้ว

คิดแล้วก็น่าปวดหัวดี

ปี๊ดดด!

เสียงแตรรถยนต์กรีดร้องลั่นจนทำให้คนนอนงีบบนโซฟาสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ชะเง้อมองทางหน้าบ้าน เห็นรถยนต์สีดำคุ้นตา พอเห็นทะเบียนรถเท่านั้นแหละ คิ้วขวากระตุกถี่รัวทันที

“ท่านประธาน บอสค้าบบ” เสียงทุ้มโหวกเหวกอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น วิ่งเข้ามาในบ้านพร้อมพุ่งตรงมาหาตนทันที

“ไอ้นัท มารยาท”

“ขอโทษครับ พอดีดีใจที่ได้มาบ้านท่านประธาน” นัทพูดไปยิ้มไป ใช้นิ้วชี้ดันกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะส่งเอกสารบางอย่างให้ “รบกวนเซ็นต์ให้หน่อยครับ”

“นี่ยอมขับรถมาเพื่อให้เซ็นต์เนี่ยนะ ไหนบอกไม่มีอะไรเร่งด่วน”

“ก็ไม่มีจริง ‍ๆ‍‍ แต่ผมอยากมาหาคุณพี่นี่นา” ไม่ได้เห็นหน้าตั้งหนึ่งอาทิตย์ คิดถึงม๊ากแน่ะ

วัชระถึงกับร้องเหอะออกมา แต่ก็ยอมอ่านเอกสารนั้นแต่โดยดี ส่วนเลขาตัวป่วนกลับเดินรอบบ้านอย่างชำนาญ ได้ยินเสียงหวีดร้องของป้าลำดวน แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะมันตามมาด้วยเสียงหัวเราะของนัท คงจะดีใจที่ได้เจอกันอีกแหละ สองคนนั้นเขาซี้กันจะตาย ดูได้จากที่รู้เรื่องเขาเข้าโรงพยาบาล

“นัทเอาไป เซ็นต์ให้แล้ว ไสหัวไป” อัลฟ่า‍‍กลิ่นดอกกาแฟตะโกนเรียก ไม่นานเจ้าตัวก็วิ่งแจ้นออกมารับเอกสารเอาไว้และหย่อนก้นนั่งลงข้าง ‍ๆ‍‍ วัชระ จ้องหน้าไม่วางตา

“อะไร”

“คุณพี่” 

“อะไร” 

“สรุป” 

“ถ้าจะถามเรื่องนั้นก็ออกไปจากบ้านฉัน” 

“เปล๊า ไม่ได้จะถามเรื่องนั้นสักหน่อย คุณพี่รู้เหรอว่าผมจะถามอะไร” 

“…” ก็รู้สิวะ

“คุณพี่ยังไม่ได้บอกใครใช่ไหม” 

“กลับไป” 

“คุณพี่วัชร ผมกำลังช่วยพี่นะ ผมรู้ว่าคุณพี่กำลังประสบปัญหาอะไร” 

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยนัท” วัชระกลอกตาไปมา ทำท่าจะเดินหนีขึ้นไปนอนห้องตัวเอง ทว่าสองขากลับแข็งทื่อเมื่อได้ยินประโยคที่เลขาส่วนตัวพูดออกมา

“คุณพี่ท้องกับคุณคนสวยหรือเปล่า คุณคนสวยที่ร้านเครื่องเขียน” 

วัชรเดินกลับมา กำหมัดแน่น เขาโกรธและกลัวจัดจนเผลอปล่อย
ฟีโรโมนออกมา แม้นัทจะเป็นอัลฟ่า‍‍เหมือนกันแต่ก็ยังรับรู้ถึงความอึดอัดและฉุนจมูก ต้องยกมือขึ้นเพื่อยอมแพ้

“พูดอะไรออกมานัท” 

“ผ ผมแค่เดาต่างหาก เพราะน้องภูชอบบอกว่าป๊ะป๋าชอบพี่คนสวย แล้วน้องก็ชอบเล่าเรื่องคนนั้นให้ฟังทุกครั้งที่มาบริษัท” ทั้งฟีโรโมน สีหน้าและน้ำเสียงทุ้มทำเอาขาของนัทสั่น ต้องรีบนั่งก่อนก้นจ้ำเบ้าพื้น

“…” วัชรไม่ได้พูดอะไร สีหน้ายังคงไม่ดี ขมวดคิ้ว ปากพูดพึมพำกับตัวเอง

“นายห้ามบอกใครเข้าใจไหม” 

“แลกกัน คุณพี่ต้องมาปรึกษาผม ผมมีประสบการณ์” วัชระหันขวับขมวดคิ้วมุ่น นัทต้องอธิบายเสริม “ผมเป็นถึงเลขาคุณพี่นะ ผมช่วยได้กระทั่งเรื่องนอกงาน ไม่คิดค่าโอทีเพิ่มด้วย” 

“…” 

“ผมพูดจริง ‍ๆ‍‍ นะ ผมหวังดีกับคุณพี่จริง ‍ๆ‍‍ เพราะยังไงก็ไม่มีทางบอกพวกคุณท่านใช่ไหมล่ะ” 

เลขาส่วนตัวของวัชระอย่างเขา เคยเจออดิศักดิ์และมยุรีเป็นบางครั้ง และทุกครั้งที่พบกัน สังเกตได้ว่าเจ้านายของตนจะรู้สึกไม่ดี แต่ก็ยังพยายามเก็บมันเอาไว้ไม่ให้รู้ถึงความอ่อนแอ ความเจ็บปวดที่ตนเองได้รับ ดังนั้นทุกครั้งที่พวกอาวุโสมา นัทต้องช่วยชายคนนี้ แม้จะไม่ใช่ธุระกงการอะไร

และด้วยนิสัยพวกนี้ของวัชรทำให้นัทรู้ว่าเจ้าตัวไม่มีทางบอกหรือปรึกษาเรื่องที่ตั้งครรภ์แน่นอน

วัชระถอนหายใจออกมา “รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง” 

นัทยิ้มกว้าง รู้ว่าประโยคนั่นไม่ได้ติเตียนแต่อย่างใด

“แต่ไม่ใช่วันนี้” 

หูสัตว์ทิพย์บนกลุ่มผมของนัทลู่ลงพร้อมไหล่กว้างที่ห่อเหี่ยว แต่ก็ยังดีที่ไม่ผลักไสแล้ว 

เจ้านายของตนเปิดใจแล้ว เยี่ยมเลย! 

นัทตั้งใจจะตอดถามทีละเล็กน้อย เผื่อจะได้คำตอบอะไรบ้าง ทว่าต้องพับเก็บแผนนั้นเอาไว้เมื่อมีคนดูแลสวนชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง

“คุณวัชรครับ มีคนเอาขนมมาให้” พร้อมชูถุงกระดาษขึ้นมาโชว์ นัทเดินเข้าไปรับและส่งให้เจ้านายทันที

วัชระขมวดคิ้ว มองของที่อยู่ในถุงกระดาษ มันคือพวกขนม น้ำ ธัญพืชอบกรอบต่าง ‍ๆ‍‍ มีบ้างที่เป็นของโปรดของตัวเอง แต่ใครจะไปรู้เรื่องของเขาดีขนาดนั้น

“มีโน้ตเขียนอยู่ด้วย” นัทพูด 

อัลฟ่า‍‍กลิ่นดอกกาแฟพลิกถุงไปอีกทาง เห็นกระดาษโน้ตลายน่ารักติดมากับถุง ลายมือคุ้นตาทำให้คิ้วกระตุกถี่

 

‘ผมเอาของกินมาให้ เห็นว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาล อยากให้พี่ได้กินของดี ‍ๆ‍‍ (แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดีเท่าที่พี่กินอยู่ไหมนะ) 

ป.ล. ผมมาหาพี่ได้ไหม ถ้าได้ช่วยแชทบอกได้ไหม โทรมาก็ได้ ผมคิดถึง’ 

 

“…” 

แล้วคิ้วก็ยิ่งกระตุกถี่เมื่ออ่านข้อความในโน้ตเสร็จ นี่มันนิธิศอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งลายมือ การใช้ภาษาที่สามารถคิดจินตนาการออกว่าตอนเขียนเจ้าตัวต้องรู้สึกเหมือนสุนัขโดนเจ้าของทิ้ง

“ใช่ศิลปินที่ฝากผลงานอันล้ำค่าไว้ในท้องคุณพี่รึเปล่า เดี๋ยวสิ! ไม่ได้แอบอ่านนะ ตามันไปเห็นเอง ไม่ได้ตั้งใจอ่านสักหน่อย!!!” เห็นอีกฝ่ายยกกำปั้นขึ้นหวังจะประทุษร้ายก็รีบถอยกรูไปติดผนังห้องทันที 

วัชระจะบ้าตายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องนิธิศ และนัทที่พูดไม่หยุดปาก ไหนจะคำพูดเปรียบเปรยบ้าบอนั่นอีก คิดถูกไหมเนี่ยที่ให้มันรู้และคอยให้คำปรึกษา 

“กลับไปได้แล้วนัท ฉันจะพักผ่อน” 

“คุณพี่อ่า เรายังไม่ได้เข้าประเด็นหลักสักเรื่องเลยนะ” 

“วันอื่น” 

“ตั้งแต่ที่ออกจากโรงพยาบาลท้องก็หลายสัปดาห์แล้วนะ จะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว คุณพี่ยังไม่ได้จัดการเรื่องฝากเด็กใช่ไหมล่ะ” 

“เออ เดี๋ยวก่อนก็ได้” 

“ไม่ได้คุณพี๊ นี่มันก็ปาไปเป็นเดือนแล้วนะ ท้องตั้งหนึ่งเดือน อ๊าก!” นัทกรีดร้องเมื่อถูกเตะออกจากบ้าน ยังใจดีเขวี้ยงกระเป๋าสัมภาระและเอกสารออกมาด้วย อัลฟ่า‍‍หนุ่มรีบปิดประตูล็อกหน้าต่าง ปิดผ้าม่านเมื่อเห็นว่าเลขาส่วนตัวพุ่งกระโจนหวังจะเข้าบ้านอีกรอบ อ้อ! ไม่ลืมให้คนสวนส่งแขกแบบระดับวีไอพีให้ด้วย

“บายนะคุณเลขา” 

 

 

ตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาล วัชระก็ยอมพักผ่อนอยู่บ้าน มีบางครั้งที่เข้าบริษัทไปจัดการความเรียบร้อย นั่นทำให้ภูริภัทร‍‍‍น้ำตาปริ่ม เห็นบิดายอมเชื่อฟังคำแนะนำจากลูกอย่างเขาที่เคยพูดปากเปียกปากแฉะว่าพักบ้าง มีพนักงานตั้งเยอะแยะ การที่ตัวเองหยุดโดยมีเลขาตั้งสองคนมันไม่ทำให้บริษัทล้มละลายหรอก

แถมยังมารับเขาทุกเย็นเลย ช่วงเช้าเข้าใจได้ ถือว่าอนุโลมให้กับคนป่วยละกัน แต่ก็มีเรื่องที่ให้ภูริไม่ชอบใจเหมือนเดิม

“แวะร้านเครื่องเขียนให้หน่อย กระดาษรายงานหมด” พูดทันทีที่ขึ้นรถมาแล้ว วัชระไม่ได้มองคู่สนทนา แต่กำลังมองรอบข้างรถยนต์ โรงเรียนเพิ่งเลิกทั้งเด็กและผู้ปกครองค่อนข้างเยอะ จึงต้องระวังเป็นพิเศษ

“ในโรงเรียนไม่มีร้านสหกรณ์ขายรึไง” 

“มี แต่รำคาญคุณครู พูดมาก” 

“ระวังคำพูดหน่อยภูริภัทร‍‍‍” 

“ก็เรื่องจริงนี่” เด็กน้อยเบะปาก “สรุปป๊ะป๋าพาไปได้ไหม” 

“อืม” 

ถึงจะยอมพาไป แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมเข้าไปในร้านด้วยกัน แถมภูริ‍‍ต้องเจอกับนิธิศเพียงคนเดียว รายนั้นก็ดูเหมือนจะป่วยไม่หายสักที

“ป๊ะป๋าไม่มาด้วยเหรอภู” ชายหนุ่มผมบลอนด์งามเอ่ยถาม สีหน้าซีดเซียวไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อนหายไปจนสิ้น กระนั้นก็ยังหลงเหลือความงามเอาไว้อยู่

“มาครับ แต่ไม่ยอมลงมาจากรถ” สิ้นประโยค ใบหน้างามก็หงอยลง เขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบผู้ใหญ่อย่างไรดี

“ทะเลาะกันจริง ‍ๆ‍‍ ใช่ไหม เหมือนคนทะเลาะกันจริง ‍ๆ‍‍ นะ” 

นิธิศเคยบอกว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่การที่อีกคนหลบหน้า อีกคนทำหน้าหงอยเหงา ซึมหน้าเป็นส้วมนี่มันหมายความอย่างไรล่ะ?

“แค่เข้าใจผิด แต่ป๊ะป๋าภูไม่ยอมเจอหน้าพี่น่ะสิ” 

สุดท้ายก็ต้องยอมบอกไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเข้าใจผิดเรื่องอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ และความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง อธิบายไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

“งั้นภูช่วยไหม ป๊ะป๋าภูก็ไม่โอเคเหมือนกัน” 

“จะดีเหรอ เดี๋ยวก็โดนดุหรอก” 

“แค่นี้จิ๊บ ‍ๆ‍‍ จะตาย” 

“แต่พี่ขอลองพยายามด้วยตัวเองก่อน แล้วค่อยยืมมือน้องภูดีกว่า” นิธิศระบายยิ้มออกมา ถึงจะเป็นการง้อแบบกาก ‍ๆ‍‍ โดยการเป็นไรเดอร์ส่งขนมอาหาร และสมุนไพรไปให้ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องไม่ยอมออกมาเจอกันแน่นอน อย่างไรก็ตามเขาก็หวังว่า ‘ลูกตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก’ มันจะสามารถช่วยเขาได้จริง ‍ๆ‍‍

“ก็ได้ แต่ภูจะบอกอะไรนะ รีบ ‍ๆ‍‍ คืนดีเถอะ อย่าปล่อยไว้นานเลย มันไม่ดีจริง ‍ๆ‍‍ นะ” 

“ครับ พี่ขอบคุณน้องภูนะ” 

และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นิธิศก็ยังใช้ลูกไม้เดิมอย่างการฝากของเยี่ยมไข้ให้วัชระ ไปเหยียบยันหน้าบ้านแต่ฝากคนสวนหรือแม่บ้านให้ ไม่กล้าเรียกให้มารับต่อหน้าหรอก ของที่ให้ไปก็มีแต่ของโปรด บางวันก็เป็นวิตามินบ้าง ของจิปาถะที่สามารถใช้งานได้จริงโดยไม่เสี่ยงทิ้งถังขยะ

ทว่าบางครั้งก็แอบคิดว่าของเหล่านั้นคนรวย ‍ๆ‍‍ อย่างวัชระจะต้องการหรือ? ก็แค่ของธรรมดา ‍ๆ‍‍ เอง ถึงนั่นเป็นความคิดชั่ววูบ เพราะยังไงเขาก็ให้ด้วยความเต็มใจ ใส่ความหวังดีและความห่วงใยลงไปในสิ่งของและอาหารด้วย เพราะฉะนั้นมันมีค่ามากเกินกว่าจะบรรยาย

จำได้ว่าวันแรกเป็นดอกไม้ พร้อมข้อความที่อ่านแล้วใจฟู มีกำลังใจฮึกเหิม

วันต่อมาเป็นธัญพืชไว้กินเล่นแต่ได้ประโยชน์

วันถัด ‍ๆ‍‍ มาอีกก็เป็นอาหาร มื้อเช้าแสนอร่อยอย่างโจ๊กหมู

วัดถัด ‍ๆ‍‍‍ๆ‍‍‍ๆ‍‍‍ๆ‍‍‍ๆ‍‍ มา จนคนสวน แม่บ้านจำหน้าได้แล้วว่าเป็นใครออกมารับ เป็นแพนเค้ก

จนกระทั่งปัจจุบัน ที่เขามายืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับภูริภัทร‍‍‍

“เชื่อเขาเลย ส่งของแบบนั้นใครมันจะหายงอน” นี่น่ะเหรอคนสวยของภูริภัทร‍‍‍ การง้อน่ารักน่าเอ็นดูก็จริง แต่ทำแบบนี้มันจะได้ผลหรือมีความก้าวหน้าบ้างไหมล่ะ ป๊ะป๋าตนยิ่งไม่สนใจพวกนี้อยู่ด้วยมั้ง

ดีแล้วที่วันนี้นิธิศได้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากตนสักที แล้วฟ้าก็ยังเป็นใจส่งลุงพลมารับกลับบ้านพอดี เขาเลยขอให้ติดรถกลับมาด้วย จะได้เริ่มแผนได้ง่าย

แผนก็ไม่มีอะไรเลย เดินเข้าไปทักทายและขอคุยด้วยแค่นั้นก็จบ ภูริ‍‍จะเป็นสะพานให้พวกผู้ใหญ่เอง

ว่าแต่นั่นรถใครน่ะ

“รถใครเหรอลุงพล” 

“รถเลขาคุณวัชรครับ มาตั้งแต่ก่อนลุงออกไปรับภูอีก” 

พี่นัทนี่เอง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับแผนที่วางไว้เท่าไหร่หรอก เดี๋ยวก็ไล่ให้ออกมาไกล ‍ๆ‍‍ ตัววัชระก็ได้แล้ว

“ภูว่าป๊ะป๋าภูจะชอบไหม จะยกโทษให้พี่รึเปล่า” ถามพลางมองของในมือ วันนี้ของเยี่ยมไข้ (ที่คนป่วยอาจจะหายไข้นานแล้ว) เป็นเค้กส้ม รสชาติเปรี้ยวอมหวานกำลังดีกินแล้วสดชื่น เหมาะสำหรับคนป่วยอยู่แล้ว รู้สึกว่าวัชระจะเคยกินมันด้วย

“ไม่รู้สิ ภูไม่ใช่ป๊ะป๋า พี่ธิศต้องไปถามเจ้าตัวเองแล้วล่ะ” 

นิธิศเม้มริมฝีปากอย่างไม่มั่นใจตนเอง เพียงเสี้ยววินาทีก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ใบหน้างามมุ่งมั่นจนก่อเป็นพลังแรงกายแรงใจอันฮึกเหิม หากปล่อยไว้นานกว่านี้จะมีแต่ผิดใจเข้าไปใหญ่ และส่งผลเสียมากขึ้น มันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ดังนั้นเขาต้องรีบเคลียร์แล้ว

“พี่พร้อมรึยัง” เด็กวัย 6 ขวบเอ่ยถาม

“ครับ” ถึงจะตอบแบบนั้นไปก็เถอะ แต่ในใจกลับไม่พร้อมเอาเสียเลย เฮ้อ

เขาเดินตามเจ้าของบ้านต้อย ‍ๆ‍‍ ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ใจเต้นไม่เป็นส่ำ หากแอมมี่รู้เข้าคงทำหน้าเย้ยหยันใส่ พร้อมหัวเราะเป็นนางมารร้ายที่ชอบล้อเลียนตนเอง 

มันทำไมนัก! ก็แค่คิดไม่ออกว่าต้องทำตัวยังไงถึงทำให้คนที่ชอบพอใจและให้อภัย เพราะเขาแคร์วัชรมากไงถึงกังวลขนาดนี้

“อ้าว น้องภูกลับมาแล้วเหรอ หิวไหม ป้าหาอะไรให้กินนะ” ลำดวนลงมาจากชั้นล่าง เห็นเด็กน้อยและชายหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาจึงเอ่ยถาม 

“ไม่หิวครับป้า ว่าแต่ป๊ะป๋าอยู่ไหนเหรอ” 

“อยู่ข้างบนกับคุณนัทจ้ะ แล้วนี่มาหาคุณวัชรเหรอ ดีจังนะที่กล้าเข้ามาในบ้านแล้ว” ลำดวนอมยิ้ม เธอจำได้ว่าคนคนนี้เป็นคนพาวัชรไปโรงพยาบาล อีกทั้งมีอยู่สองสามครั้งที่พบนิธิศฝากอาหารมาให้วัชร พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มาร้าย ให้ถามกับภูริภัทร‍‍‍ได้เลย

หล่อนรู้อยู่แล้ว สีหน้าท่าทางที่เป็นห่วงเจ้านายของตนมากขนาดนั้น ต้องเป็นคนดีแน่นอน

“ถ้างั้นภูขึ้นไปหาดีกว่า” สิ้นประโยคก็ลากนิธิศขึ้นไปด้วย ทั้งสองเดินให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ลืมที่จะกระซิบพูดคุยถึงแผนที่เตรียมไว้

ไม่มีอะไรมาก แค่ภูริภัทร‍‍‍เข้าไปก่อน คุยเล่นเพื่อสำรวจอารมณ์และท่าทีจากนั้นก็ออกไปและให้นิธิศเข้าไปคุย เป็นอันจบ ง๊ายง่ายแต่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไงแค่นั้นแหละ

“ทำตามที่คุยกันไว้นะพี่ธิศ” ภูริภัทร‍‍‍กระซิบพูด หลังจากที่มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนวัชระแล้ว 

“จะดีเหรอ” 

“ดีซี่พี่ถอยไม่ได้แล้วนะ” อยากจะกรี๊ดออกมา ทำไมเด็กอย่างเขาต้องเข้ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ด้วยนะ ชอบทำเรื่องให้มันใหญ่จริง ‍ๆ‍‍

ภูริภัทร‍‍‍พ่นลมหายใจออกมา ตั้งท่าจะเคาะประตู ทว่ากลับชะงักค้างและเปลี่ยนมาเงี่ยหูฟัง เพราะบทสนทนาภายในห้องที่เล็ดลอดออกมามันตงิดใจเหลือเกิน ทำให้หูต้องแนบชิดกับประตูแทน จนในที่สุดก็จับใจความได้

 

“แล้วถ้าผ่านไปหลายเดือนมันจะใหญ่อีกแค่ไหน เท่าแตงโมเลยไหม” นั่นคือเสียงของวัชระ

“ก็ใหญ่ไง มากกว่านั้นด้วยมั้ง คุณพี่ต้องเคยเห็นสิ” 

“แล้วถ้าแค่สองสามเดือนล่ะ” 

“ก็แล้วแต่สรีระคนคนนั้น ก็คงเหมือนคนอ้วนมากกว่านั่นแหละ” 

“ถ้างั้นก็ยังใช้เสื้อผ้าปิดพุงได้นี่ เหมือนคนอ้วนปกติ” 

“ถามจริงว่าคิดจะปิดอะ เดี๋ยวผ่านไปหลาย ‍ๆ‍‍ เดือนเข้าทุกคนก็ต้องรู้อยู่แล้ว มันปิดยากจะตาย” 

“…” 

“คุณพี่บอกไปเถอะ” 

“ไม่ ฉันว่าแกล้งกลับบ้างก็คงจะดี” 

“ห๋า? แกล้ง? ถามจริง มันใช่เรื่องไหมเนี่ย จริงจังหน่อยสิ” 

“เอาให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้เลย เหมือนธิศจะอ้วกไม่สบายด้วยสิ งั้นเอาให้อ้วกเป็นสองเท่า” 

“เฮ้อเอาเข้าไป ทำไมคุณพี่ดื้อขนาดนี้นะ ทั้งที่คนนั้นไม่ได้ผิดอะไรยังจะแกล้งซ้ำอีกโว๊ะ” 

แกล้ง? ป๊ะป๋าแกล้งนิธิศคนสวยเหรอ?

“ล้อเล่นไปงั้น เดี๋ยวหาคำพูดดี ‍ๆ‍‍ ก่อน นี่มันเรื่องซีเรียสนะ” 

ห๊ะ?

ภูริภัทร‍‍‍นิ่งค้างไปแล้ว ไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ของวัชระ ในสมองมีแต่คำว่า ‘แกล้ง’ วนไปมาราวกับเทปที่ถูกเปิดวนเรื่อย ‍ๆ‍‍ 

ที่พวกเขาทะเลาะกันเป็นเพราะแกล้งกันแรงเกินไปเหรอ? รุนแรงถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลเลยเนี่ยนะ ภูริภัทร‍‍‍ยอมไม่ได้เด็ดขาด

ปึง!!!

“ป๊ะป๋าช่างเลวนัก กล้ารังแกพี่สุดสวยของภูทำไม!!! ภูจะเอาเลือดบนหัวป๋าออกเดี๋ยวนี้!” 

ประตูพลันเปิดออก นิธิศที่ห้ามไม่ทันก็ต้องรีบหลบซ่อนตัว ใจจริงอยากคว้าตัวเด็กเอาไว้ แต่กลัวว่าสถานการณ์จะแย่ลง

ผู้ใหญ่ทั้งสองนิ่งค้างไปหลายวินาที ตกใจที่เห็นว่าภูมาอยู่ที่นี่พร้อมอาละวาดลั่น แสดงว่าได้ยินที่คุยกันน่ะสิ

“ภูมาได้ไงเนี่ย” นัทถามสภาพลุกลี้ลุกลน 

“ป๊ะป๋าบังอาจรังแกพี่นิธิศ แกล้งพี่สุดสวยทำไม ทำไมไม่คุยกันดี ‍ๆ‍‍ ทำไมต้องใจร้ายแบบนี้!” 

พอเป็นเรื่องนิธิศทีไร ความเอาแต่ใจก็แทรกทันทีโดยไม่สนสิ่งรอบข้าง ต้องการคำตอบ ต้องการงอแง

นัทไม่สามารถตอบอะไรได้ ในเมื่อคำถามเจาะจงให้วัชระตอบ ทว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งจนน่ากลัว หากไม่หยุดภูริภัทร‍‍‍ไว้คงได้บ้านแตกแน่

เลขาหนุ่มตั้งท่าจะเดินไปอุ้มภูริภัทร‍‍‍อยู่แล้ว ถ้าชายเจ้าของกลิ่นดอกกาแฟเอื้อนเอ่ยออกมา

“พูดอะไรน่ะ ฉันน่ะเหรอ…ป๋าน่ะเหรอแกล้ง? ใจร้าย? นิสัยไม่ดี?” น้ำเสียงทุ้มสั่นไหว ดวงตาเรียวคลอด้วยน้ำตา ถือว่าเป็นปฏิกิริยาที่ผิดคาดมากสำหรับนัท นึกว่าจะโมโหและสั่งสอนเด็กให้รู้ความ แต่กลับ…ร้องไห้

“…” ภูริภัทร‍‍‍ไม่ได้ตอบอะไร

วัชระลุกขึ้นยืน เดินมายืนตรงหน้าลูกชาย น้ำตายังคงไหลไม่หยุดจนเด็กน้อยตกใจ 

จะบอกอะไรให้นะ นิธิศสุดสวยของภู รังแกป๋าต่างหาก”

“อะไรนะ?” 

“รังแก แกล้งกันจนท้อง! เข้าใจไหม ในนี้มันมีเด็ก เด็กที่นิธิศทิ้งเอาไว้ ไอ้เด็กแก่แดดไม่รู้เรื่อง เลิกเข้าข้างคนอื่นสักที!!! ฮึก” 

เมื่อได้พูดความในใจออกไปก็ปลดปล่อยน้ำตาไว้ไม่อยู่

เด็กน้อยตัวนิ่งค้าง ความรู้สึกช้า ครั้นได้สติก็กรี๊ดแตก ส่งเสียงดังออกมาดังลั่น 

“ไม่จริ๊งงงงง!” 

ภูริภัทร‍‍‍รู้ว่าท้องคืออะไร แต่ก็ไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร มันคือเรื่องจริงเหรอ จริงดิ? 

“อะไรนะ? พี่วัชรท้องเหรอ” 

“นิธิศ” 

“พี่ท้องกับผม” 

คนที่ซ่อนตัวอยู่กลับเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้างามตื่นตะลึงไม่แพ้วัชระที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว เสียงที่เอ่ยเรียกจึงเบาหวิวแทบจางหายไปกับอากาศ

คนที่ไม่อยากให้รู้เรื่องนี้มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ต้องได้ยินหมดแล้ว
แน่ ‍ๆ‍‍ ฟังจากคำถามเมื่อกี้

ไม่จริง

คนนอกอย่างนัทได้แต่กำมือแน่น ภาวนาอยู่ในใจซ้ำ ‍ๆ‍‍ หวังว่าพระเจ้าจะช่วย แต่ก็อดที่จะอุทานคำหยาบคายออกมาเบา ‍ๆ‍‍ ไม่ได้ว่า

“ฉิบ หาย” 

แบบคำโต ‍ๆ‍‍ เลย