ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

You are my sun and I'm your moon - บทที่ 2 who have met by chance just like this โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

You are my sun and I'm your moon

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL

รายละเอียด

You are my sun and I'm your moon โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

ผู้แต่ง

PHAPPHIM

เรื่องย่อ

"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "


แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง


โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon


เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน


สารบัญ

You are my sun and I'm your moon-บทนำ start,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 1 who can understand what love is,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 2 who have met by chance just like this,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 3 who knows that a glimpse have stayed in our hearts,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 4 when we finally found each other,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 5 You erased my pain forever,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 6 You’re the only lovethat makes my life better,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 7 But you know that love is complicated unlike we wished,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 8 キミさえいれば,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 9 万里星河命运误我不认输该如何,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 10 when we need to meet this life is tearing us apartwhen we need to meet this life is tearing us apart,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 11 Even if the skyline separates us apart, love,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 12 Even if a mountain comes between, I’ll hold you now,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 13 Even if our time will not allow,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 14 oh our destiny’s vow

เนื้อหา

บทที่ 2 who have met by chance just like this


อาณาจักรเจริโค


    ในที่สุดวันเดินทางของเจ้าชายอาร์เท็มก็มาถึง ภารกิจสำคัญนี้ทำให้เขากังวลอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ด้วยเวลาที่น้อยนิดแต่เป็นเพราะคนที่เขาต้องเผชิญในภารกิจครั้งนี้คือชาวไซรัส ชาวดวงอาทิตย์ที่เปรียบเสมือนเส้นขนานของชาวดวงจันทร์อย่างเขา ตอนนี้ร่างบางก้าวเท้ามาหยุดหน้าห้องอาเชลเช่นเดิมเพื่อมาบอกลาพระมารดาของเขาก่อนที่จะต้องไปทำภารกิจที่สำคัญต่อทั้งเขาและชาวดวงจันทร์ ควีนลูน่าบอกลาพระโอรสด้วยสีหน้ากังวลแต่ก็ยิ้มให้พระโอรสอย่างอ่อนโยนเพราะเธอรู้ดีว่านี่คือชะตาของอาร์เท็มที่จะต้องไปเจอบางสิ่งที่เขาต้องเผชิญด้วยตัวของเขาเอง นี่คือสิ่งที่ชะตากำหนดมาไว้แล้ว ว่าต้องเป็น “เขา” เท่านั้น

“เดินทางปลอดภัยนะลูกและอย่าลืมซ่อนตาพระจันทร์เสี้ยวนะ มนุษย์จะมิอาจเห็นได้ เว้นแต่ชาวไซรัสเท่านั้น” ควีนลูน่ากล่าวกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“พะยะค่ะท่านแม่”

“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่รักลูกนะ”

“ลูกก็รักท่านแม่พะย่ะค่ะ”



อาณาจักรไซรัส


  “ได้เวลาแล้ว ไปเถอะลูก” คิงโซลกล่าวกับแซมชัน ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา เขารู้ดีว่าหลังจากที่แซมซันต้องไปทำภารกิจในครั้งนี้แล้ว ชีวิตของแซมซันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาไม่อาจฝืนชะตาของพระโอรสได้

“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก ลูกคือรัชทายาทเพียงคนเดียวของราชวงศ์ไซรัส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อขอให้ลูกจงเข้มแข็งไว้ ”

“พะย่ะค่ะ”

โลกมนุษย์

เมื่ออาร์เท็มมาถึงโลกมนุษย์ก็ได้แต่คิดใคร่ครวญในสิ่งที่ควีนลูน่าได้บอกไว้

“ท่านแม่ให้เวลาเพียง1ปี จะเริ่มหาจากไหนดีละเนี่ย” โลกมนุษย์กว้างใหญ่เช่นนี้ เขาควรจะเริ่มต้นที่ไหนกันนะ ไม่ทันได้คิดอะไรต่อเสียงที่คุ้นเคยก็ได้แว่วมาก่อนจะหันไปพบกับ....

“พี่เซเร ยู มาร์ !” ทั้ง4คนวิ่งเข้าไปสวมกอดกัน ทั้ง3คนนี้คือองครักษ์และสหายของเจ้าชายเว้นแต่เพียงเซเรน่าเท่านั้นที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ส่วนอีก2คน คือยูเรนัสและมาร์ เพื่อนสนิทและองครักษ์ของเขา ยูเรนัสเป็นผู้ชายตัวเล็ก หน้าหวานมีจมูกโด่งเป็นคมสัน ส่วนมาร์เป็นผู้หญิงร่างสูงระหง ผอมบาง ดวงตากลมโตสวยงามรับกับใบหน้า ส่วนคนสุดท้ายพี่เซเรน่าของเขาเป็นผู้หญิงที่งดงามราวกับเทพธิดาในนิยาย เรือนร่างเล็ก ผอมบาง ผิวขาวละเอียด สมกับเป็นชาวเจริโค

“ตอนแรกนึกว่าเราจะต้องมาคนเดียวซะแล้ว”เจ้าชายอาร์เท็มกล่าวพร้อมกับสิ่งยิ้มอันสดใส

“ไม่ได้หรอกเพคะ ยังไงพวกเราก็ต้องมาดูแลพระองค์”

“พี่เซเรครับ พูดปกติเถอะ” อาร์เท็มกล่าวพร้อมทำหน้าบู้ใส่ผู้ที่เปรียบเสมือนพี่สาวคนเดียวของเขา เซเรน่าเห็นแบบนั้นจึงเอื้อมมือหยิกแก้มน้องชายตัวน้อยของเธอเบาๆ

“ยังไงควีนลูน่าก็ไม่ยอมปล่อยให้เราลงมาคนเดียวแน่” พร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู

“เราเป็นห่วงท่านแม่เราที่อยู่ทางนั้นมากกว่า” อาร์เท็มเอ่ยก่อนจะให้ไปพูดกับยูเรนัสและมาร์

“จริงๆพวกมึงควรอยู่อารักขาแม่กูมากกว่า พี่เซเรก็ด้วยนะครับ”คราวนี้เป็นมาร์กับยูเรนัสที่พูดบ้าง “ถ้าแม่มึงยอมนะอาร์เท็ม”มาร์พูดขึ้นก่อนที่ยูเรนัสจะกล่าวสมทบ

“ยังไง ควีนก็ไม่ยอมให้มึงลำบากหรอก”

“แต่.......”

“อาร์เท็ม มึงเป็นเจ้าชายรัชทายาท ถ้ามึงเป็นอะไรไป ใครจะดูแลประชาชน”

สิ้นเสียงยูเรนัส อาร์เท็มก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ

“พี่ว่าที่ควีนตัดสินใจแบบนี้ สมเหตุสมผลนะคะ เราควรรีบตามหาเจ้าหญิงชาร์มาก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย”

“พี่เซเรคิดว่าชาวไซรัสจะลงมาที่โลกเหรอครับ” เป็นยูเรนัสที่ตั้งคำถาม

“เขาลงมาแล้วค่ะ พี่ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรถึงลงมาโลกมนุษย์พร้อมพวกเรา ดังนั้นทุกคนต้องระวังตัวนะคะ” เซเรน่าบอกกับทุกคนก่อนจะหันมาหาเจ้าชายอาร์เท็ม

“เจ้าชายส่งข่าวถึงควีนรึยังเพคะ”

“ส่งแล้วครับ”

“เอ่อ พี่เซเรครับ” ยูเรนัสเรียกเซเรน่าอีกครั้งเพราะตอนนี้เขากำลังสงสัยอะไรบางอย่าง เจ้าหญิงชาร์มาสำคัญมากขนาดที่ต้องส่งองค์รัชทายาทมาตามหาด้วยตัวเองเลยงั้นหรอเขาได้แต่คิดก่อนจะเอ่ยถามเซเรน่าเพื่อหาคำตอบ

“เจ้าหญิงชาร์มา เธอสำคัญมากเลยหรอครับ”

“สำคัญสิคะ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของควีนลูน่าที่หายตัวไปตอนอายุเพียง19ปีเท่านั้น

“งั้นก็หายไป20กว่าปีแล้วน่ะสิครับ”

“ค่ะ ถ้าเป็นชาวโลกเธอคงแก่ไปแล้ว แต่เธอเป็นเจ้าเจริโค ทุกคนจะถูกสตาฟไว้ที่อายุ21ปีเท่านั้น”

“แล้วทำไมควีนพึ่งให้พวกเรามาหาตอนนี้ล่ะคะ” ครั้งนี้เป็นมาร์ที่ถามบ้าง

“เพราะถ้าหากพระจันทร์ของอาณาจักรเจริโควนครบ2รอบเมื่อไหร่ เจ้าหญิงจะสิ้นพระชนน่ะสิคะ ถ้านับปีนี้ก็23ปีแล้วค่ะ ที่เจ้าหญิงหายตัวไป ”

“พระจันทร์ของเราวน1รอบเท่ากับ12ปีบนโลกมนุษย์ ท่านแม่สั่งว่าต้องหาเจ้าหญิงชาร์มาให้เจอก่อนงานฉลองพระจันทร์เต็มดวงคราหน้า”

“เชี่ย มีเวลาแค่ปีเดียวเองหรอ” มาร์สบถพร้อมทำหน้าคิดหนัก

“จะไหวหรออาร์เท็ม”ยูเรนัสพูดพร้อมกับลูบหลังเพื่อนเบาๆ

“กูต้องทำให้ได้”

“ไม่ต้องห่วง พวกกูจะช่วยมึงเอง”

จ๊อกกกก เสียงดังขัดจังหวะ สายตาทุกคนมองไปที่มาร์พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ

“แหะๆ หาไรกินก่อนได้ป่ะ หิวชิบหาย”

“อีมาร์วันๆเอาแต่แดกนะมึงอะ” ยูเรนัสมองบนอย่างเอือมๆ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

“เอ้า กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องดิ มึงไม่เคยได้ยินหรอ” มาร์พูดพร้อมกับบึนปากใส่คืนจนพี่เซเรต้องห้ามทัพ

“ไปค่ะๆ หาไรทานกันดีกว่า เจ้าชายทานได้นะเพคะ”

“พี่เซเรพูดเหมือนเราเรื่องมากงั้นแหละ”

“ไม่ได้เรื่องเยอะเลยค่ะ แค่สั่งมาแล้วกินไม่ได้เลย”

“พี่เซเรครับ=_=”ตอนนี้เป็นอาร์เท็มซะเองที่ทำหน้าบู้

“ค่ะๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว”




“ไอ้เจ้าชายยยยยย” ชายหนุ่มรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น ออร์บิทตะโกนลั่นเรียกเพื่อนสนิทของเขาก่อนจะมีเสียงเข้มๆดุกลับมา

“แหกปากทำไม” แซมซันเอ่ยติดรำคาญ ด้วยบุคลิกของเขาเป็นคนที่เก็บงำความรู้สึกและดูน่าเกรงขามสมกับเป็นองค์รัชทายาท ภายนอกอาจจะมองว่าเขาเย็นชา พูดน้อยแต่ตัวตนลึกๆของเขาที่ซ่อนอยู่ข้างในที่น้อยคนจะเห็น ตอนนี้รอเพียงแค่ใครคนนั้นจะได้มาไขกุญแจหัวใจที่ปิดตายมานาน ให้กลับมาอบอุ่นตามเดิม

“ทำไมคิงต้องลากให้กูลงมาโลกพร้อมมึงด้วยวะเนี่ย” ออร์บิทพูดเชิงงอแง

“อย่าบ่นสิออร์บิท” เสียงทุ้มนุ่มของ แซทเทิร์นองครักษ์คนสนิทของเจ้าชาย ชายรูปร่างสูงโปร่งหนุ่มหน้าตาอบอุ่นและใจดีบอกแก่น้องตัวดีที่กำลังงอแงงอยู่

“พี่แซทเทิร์นครับ T^T”

“เลิกทำตัวปัญญาอ่อน”

“หน๋อยย ไอ้เจ้าชาย”

“เดี้ยวสั่งจำคุกมืดให้เข็ด”

“ไอ้เจ้าชายเพื่อนรักก”

“กูไม่รักมึง” สงครามยังคงดำเนินต่อไปจนแซทเทิร์นต้องยุติสงคราม

“พอๆเลิกทะเลาะกัน คิงโซลสั่งให้มาตามหาเจ้าหญิงชาร์มาไม่ใช่เหรอ มัวแต่ทะเลาะกันอยู่ได้”

“ครับ” คู่หูเพื่อนรักจำเป็นต้องหยุดตีกัน

“พี่แซทเทิร์นครับ ทำไมเราถึงต้องมาตามหาชาวเจริโคด้วยล่ะครับ”

“เพราะเจ้าชายเอิร์ทต้องการคนของอาณาจักรเจริโคไงละ”

“เลือดสีน้ำเงินน่ะหรอครับ มันมีแค่เฉพาะเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่หรอครับ”

“พี่สังหรใจว่ารอบนี้ควีนลูน่าน่าจะส่งพระโอรสลงมาด้วยตัวเอง”

“มันไม่สามารถยุ่งกับเชื้อพระวงศ์ไซรัสได้ มันจึงมุ่งเป้าไปที่เชื้อพระวงศ์เจริโคแทน”แซมซันเอ่ย

“แล้วทำไมต้องที่โลกด้วย”

“เพราะโลกเป็นที่เดียวที่ชาวไซรัสและชาวเจริโคเจอกันโดยไม่ได้รับบาดเจ็บจากการแผ่รังสีจันทราและสุริเยน”

จ๊อกกกกกก

“แหะๆ ผมหิวข้าวแล้วน่ะครับ” ออร์บิทพูดเสียงอ้อนๆ แซมซันกับแซทเทิร์นมองหน้ากันแบบปลงๆ ก่อนพี่แซทเทิร์นจะเป็นคนชวนทุกคนไปกินข้าว

“ไปครับๆ ทานข้าวกัน เจ้าชายทานได้นะครับ”

“ทานได้ครับ”




มาถึงร้านอาหารมาร์ที่กลับมาจากห้องน้ำเดินมาเหมือนมีเรื่องอยากจะเมาท์เต็มที่

“มึงคะ เมื่อกี้กูไปเข้าห้องน้ำมา เจอผู้ชายกลุ่มหนึ่ง หล่อม๊ากกก ตัวนี่ข๊าวขาว” ยูเรนัสฟาดมือลงไปที่แขนของมาร์ด้วยความหมั่นไส้

“อีมาร์อย่าบ้าผู้ชาย” การกระทำของยูเรนัสเรียกเสียงหัวเราะของทุกคนได้เป็นอย่างดี มาร์เบ้ปากใส่ละพูดว่า “ถ้ามึงเห็นแล้วมึงจะกรี้ด” เซเรน่าได้แต่มองเด็กสองคนเถียงกันด้วยความขำขัน “เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ก่อนที่เจ้าชายจะลุกออกไปละปล่อยให้คู่เพื่อนซี้ตีกันต่อไป


“อยู่ไหนกันนะ” แซมซันสบถเบาๆเมื่อกี้เขาทำสร้อยพระจันทร์เสี้ยวหล่นออกจากกระเป๋า

เจ้าชายอาร์เท็มเดินมาพอดีพร้อมกับมองด้วยความตกใจ คนตรงหน้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมีสร้อยพระจันทร์เสี้ยวได้ เขาได้แต่คิดก่อนจะหยิบมันส่งคืนให้เจ้าของ

“นี่ครับ”

“คุณ.... เอ่อ ขอบคุณครับ ” แซมซันมองด้วยความตกตะลึง ใบหน้าสวยหวานราวกับภาพวาด ผิวขาวละเอียดของคนตัวเล็กของหน้า แต่ที่สำคัญที่สุด คนตรงหน้ามองเห็นสร้อยพระจันทร์เสี้ยวได้ยังไง

“ครับ คุณเป็นชาวเจริโคหรอครับ” อาร์เท็มเอ่ยถาม ก่อนที่ออร์บิทจะเข้ามาก่อน

“เจ้า.......” ออร์บิททำท่าจะพูดแซมซันเลยรีบตัดบท

“ป่าวครับ ออร์บิท เสร็จแล้วใช่มั้ย เรารีบไปกันเถอะ ผมขอตัวนะครับ”

“ครับ” อาร์เท็มได้แต่แปลกใจ คนตรงหน้าเขาคือใครกัน หรือจะเป็นชาวไซรัส ก่อนที่เขาจะรีบเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง

“พี่เซเร ยู มาร์ เราเจอสร้อยพระจันทร์เสี้ยว”