ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
You are my sun and I'm your moonตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "
แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง
โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon
เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน
ในที่สุดวันเดินทางของเจ้าชายอาร์เท็มก็มาถึง ภารกิจสำคัญนี้ทำให้เขากังวลอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ด้วยเวลาที่น้อยนิดแต่เป็นเพราะคนที่เขาต้องเผชิญในภารกิจครั้งนี้คือชาวไซรัส ชาวดวงอาทิตย์ที่เปรียบเสมือนเส้นขนานของชาวดวงจันทร์อย่างเขา ตอนนี้ร่างบางก้าวเท้ามาหยุดหน้าห้องอาเชลเช่นเดิมเพื่อมาบอกลาพระมารดาของเขาก่อนที่จะต้องไปทำภารกิจที่สำคัญต่อทั้งเขาและชาวดวงจันทร์ ควีนลูน่าบอกลาพระโอรสด้วยสีหน้ากังวลแต่ก็ยิ้มให้พระโอรสอย่างอ่อนโยนเพราะเธอรู้ดีว่านี่คือชะตาของอาร์เท็มที่จะต้องไปเจอบางสิ่งที่เขาต้องเผชิญด้วยตัวของเขาเอง นี่คือสิ่งที่ชะตากำหนดมาไว้แล้ว ว่าต้องเป็น “เขา” เท่านั้น
“เดินทางปลอดภัยนะลูกและอย่าลืมซ่อนตาพระจันทร์เสี้ยวนะ มนุษย์จะมิอาจเห็นได้ เว้นแต่ชาวไซรัสเท่านั้น” ควีนลูน่ากล่าวกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พะยะค่ะท่านแม่”
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่รักลูกนะ”
“ลูกก็รักท่านแม่พะย่ะค่ะ”
อาณาจักรไซรัส
“ได้เวลาแล้ว ไปเถอะลูก” คิงโซลกล่าวกับแซมชัน ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา เขารู้ดีว่าหลังจากที่แซมซันต้องไปทำภารกิจในครั้งนี้แล้ว ชีวิตของแซมซันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาไม่อาจฝืนชะตาของพระโอรสได้
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก ลูกคือรัชทายาทเพียงคนเดียวของราชวงศ์ไซรัส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อขอให้ลูกจงเข้มแข็งไว้ ”
“พะย่ะค่ะ”
โลกมนุษย์
เมื่ออาร์เท็มมาถึงโลกมนุษย์ก็ได้แต่คิดใคร่ครวญในสิ่งที่ควีนลูน่าได้บอกไว้
“ท่านแม่ให้เวลาเพียง1ปี จะเริ่มหาจากไหนดีละเนี่ย” โลกมนุษย์กว้างใหญ่เช่นนี้ เขาควรจะเริ่มต้นที่ไหนกันนะ ไม่ทันได้คิดอะไรต่อเสียงที่คุ้นเคยก็ได้แว่วมาก่อนจะหันไปพบกับ....
“พี่เซเร ยู มาร์ !” ทั้ง4คนวิ่งเข้าไปสวมกอดกัน ทั้ง3คนนี้คือองครักษ์และสหายของเจ้าชายเว้นแต่เพียงเซเรน่าเท่านั้นที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ส่วนอีก2คน คือยูเรนัสและมาร์ เพื่อนสนิทและองครักษ์ของเขา ยูเรนัสเป็นผู้ชายตัวเล็ก หน้าหวานมีจมูกโด่งเป็นคมสัน ส่วนมาร์เป็นผู้หญิงร่างสูงระหง ผอมบาง ดวงตากลมโตสวยงามรับกับใบหน้า ส่วนคนสุดท้ายพี่เซเรน่าของเขาเป็นผู้หญิงที่งดงามราวกับเทพธิดาในนิยาย เรือนร่างเล็ก ผอมบาง ผิวขาวละเอียด สมกับเป็นชาวเจริโค
“ตอนแรกนึกว่าเราจะต้องมาคนเดียวซะแล้ว”เจ้าชายอาร์เท็มกล่าวพร้อมกับสิ่งยิ้มอันสดใส
“ไม่ได้หรอกเพคะ ยังไงพวกเราก็ต้องมาดูแลพระองค์”
“พี่เซเรครับ พูดปกติเถอะ” อาร์เท็มกล่าวพร้อมทำหน้าบู้ใส่ผู้ที่เปรียบเสมือนพี่สาวคนเดียวของเขา เซเรน่าเห็นแบบนั้นจึงเอื้อมมือหยิกแก้มน้องชายตัวน้อยของเธอเบาๆ
“ยังไงควีนลูน่าก็ไม่ยอมปล่อยให้เราลงมาคนเดียวแน่” พร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู
“เราเป็นห่วงท่านแม่เราที่อยู่ทางนั้นมากกว่า” อาร์เท็มเอ่ยก่อนจะให้ไปพูดกับยูเรนัสและมาร์
“จริงๆพวกมึงควรอยู่อารักขาแม่กูมากกว่า พี่เซเรก็ด้วยนะครับ”คราวนี้เป็นมาร์กับยูเรนัสที่พูดบ้าง “ถ้าแม่มึงยอมนะอาร์เท็ม”มาร์พูดขึ้นก่อนที่ยูเรนัสจะกล่าวสมทบ
“ยังไง ควีนก็ไม่ยอมให้มึงลำบากหรอก”
“แต่.......”
“อาร์เท็ม มึงเป็นเจ้าชายรัชทายาท ถ้ามึงเป็นอะไรไป ใครจะดูแลประชาชน”
สิ้นเสียงยูเรนัส อาร์เท็มก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ
“พี่ว่าที่ควีนตัดสินใจแบบนี้ สมเหตุสมผลนะคะ เราควรรีบตามหาเจ้าหญิงชาร์มาก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย”
“พี่เซเรคิดว่าชาวไซรัสจะลงมาที่โลกเหรอครับ” เป็นยูเรนัสที่ตั้งคำถาม
“เขาลงมาแล้วค่ะ พี่ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรถึงลงมาโลกมนุษย์พร้อมพวกเรา ดังนั้นทุกคนต้องระวังตัวนะคะ” เซเรน่าบอกกับทุกคนก่อนจะหันมาหาเจ้าชายอาร์เท็ม
“เจ้าชายส่งข่าวถึงควีนรึยังเพคะ”
“ส่งแล้วครับ”
“เอ่อ พี่เซเรครับ” ยูเรนัสเรียกเซเรน่าอีกครั้งเพราะตอนนี้เขากำลังสงสัยอะไรบางอย่าง เจ้าหญิงชาร์มาสำคัญมากขนาดที่ต้องส่งองค์รัชทายาทมาตามหาด้วยตัวเองเลยงั้นหรอเขาได้แต่คิดก่อนจะเอ่ยถามเซเรน่าเพื่อหาคำตอบ
“เจ้าหญิงชาร์มา เธอสำคัญมากเลยหรอครับ”
“สำคัญสิคะ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของควีนลูน่าที่หายตัวไปตอนอายุเพียง19ปีเท่านั้น
“งั้นก็หายไป20กว่าปีแล้วน่ะสิครับ”
“ค่ะ ถ้าเป็นชาวโลกเธอคงแก่ไปแล้ว แต่เธอเป็นเจ้าเจริโค ทุกคนจะถูกสตาฟไว้ที่อายุ21ปีเท่านั้น”
“แล้วทำไมควีนพึ่งให้พวกเรามาหาตอนนี้ล่ะคะ” ครั้งนี้เป็นมาร์ที่ถามบ้าง
“เพราะถ้าหากพระจันทร์ของอาณาจักรเจริโควนครบ2รอบเมื่อไหร่ เจ้าหญิงจะสิ้นพระชนน่ะสิคะ ถ้านับปีนี้ก็23ปีแล้วค่ะ ที่เจ้าหญิงหายตัวไป ”
“พระจันทร์ของเราวน1รอบเท่ากับ12ปีบนโลกมนุษย์ ท่านแม่สั่งว่าต้องหาเจ้าหญิงชาร์มาให้เจอก่อนงานฉลองพระจันทร์เต็มดวงคราหน้า”
“เชี่ย มีเวลาแค่ปีเดียวเองหรอ” มาร์สบถพร้อมทำหน้าคิดหนัก
“จะไหวหรออาร์เท็ม”ยูเรนัสพูดพร้อมกับลูบหลังเพื่อนเบาๆ
“กูต้องทำให้ได้”
“ไม่ต้องห่วง พวกกูจะช่วยมึงเอง”
จ๊อกกกก เสียงดังขัดจังหวะ สายตาทุกคนมองไปที่มาร์พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ
“แหะๆ หาไรกินก่อนได้ป่ะ หิวชิบหาย”
“อีมาร์วันๆเอาแต่แดกนะมึงอะ” ยูเรนัสมองบนอย่างเอือมๆ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“เอ้า กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องดิ มึงไม่เคยได้ยินหรอ” มาร์พูดพร้อมกับบึนปากใส่คืนจนพี่เซเรต้องห้ามทัพ
“ไปค่ะๆ หาไรทานกันดีกว่า เจ้าชายทานได้นะเพคะ”
“พี่เซเรพูดเหมือนเราเรื่องมากงั้นแหละ”
“ไม่ได้เรื่องเยอะเลยค่ะ แค่สั่งมาแล้วกินไม่ได้เลย”
“พี่เซเรครับ=_=”ตอนนี้เป็นอาร์เท็มซะเองที่ทำหน้าบู้
“ค่ะๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว”
“ไอ้เจ้าชายยยยยย” ชายหนุ่มรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น ออร์บิทตะโกนลั่นเรียกเพื่อนสนิทของเขาก่อนจะมีเสียงเข้มๆดุกลับมา
“แหกปากทำไม” แซมซันเอ่ยติดรำคาญ ด้วยบุคลิกของเขาเป็นคนที่เก็บงำความรู้สึกและดูน่าเกรงขามสมกับเป็นองค์รัชทายาท ภายนอกอาจจะมองว่าเขาเย็นชา พูดน้อยแต่ตัวตนลึกๆของเขาที่ซ่อนอยู่ข้างในที่น้อยคนจะเห็น ตอนนี้รอเพียงแค่ใครคนนั้นจะได้มาไขกุญแจหัวใจที่ปิดตายมานาน ให้กลับมาอบอุ่นตามเดิม
“ทำไมคิงต้องลากให้กูลงมาโลกพร้อมมึงด้วยวะเนี่ย” ออร์บิทพูดเชิงงอแง
“อย่าบ่นสิออร์บิท” เสียงทุ้มนุ่มของ แซทเทิร์นองครักษ์คนสนิทของเจ้าชาย ชายรูปร่างสูงโปร่งหนุ่มหน้าตาอบอุ่นและใจดีบอกแก่น้องตัวดีที่กำลังงอแงงอยู่
“พี่แซทเทิร์นครับ T^T”
“เลิกทำตัวปัญญาอ่อน”
“หน๋อยย ไอ้เจ้าชาย”
“เดี้ยวสั่งจำคุกมืดให้เข็ด”
“ไอ้เจ้าชายเพื่อนรักก”
“กูไม่รักมึง” สงครามยังคงดำเนินต่อไปจนแซทเทิร์นต้องยุติสงคราม
“พอๆเลิกทะเลาะกัน คิงโซลสั่งให้มาตามหาเจ้าหญิงชาร์มาไม่ใช่เหรอ มัวแต่ทะเลาะกันอยู่ได้”
“ครับ” คู่หูเพื่อนรักจำเป็นต้องหยุดตีกัน
“พี่แซทเทิร์นครับ ทำไมเราถึงต้องมาตามหาชาวเจริโคด้วยล่ะครับ”
“เพราะเจ้าชายเอิร์ทต้องการคนของอาณาจักรเจริโคไงละ”
“เลือดสีน้ำเงินน่ะหรอครับ มันมีแค่เฉพาะเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่หรอครับ”
“พี่สังหรใจว่ารอบนี้ควีนลูน่าน่าจะส่งพระโอรสลงมาด้วยตัวเอง”
“มันไม่สามารถยุ่งกับเชื้อพระวงศ์ไซรัสได้ มันจึงมุ่งเป้าไปที่เชื้อพระวงศ์เจริโคแทน”แซมซันเอ่ย
“แล้วทำไมต้องที่โลกด้วย”
“เพราะโลกเป็นที่เดียวที่ชาวไซรัสและชาวเจริโคเจอกันโดยไม่ได้รับบาดเจ็บจากการแผ่รังสีจันทราและสุริเยน”
จ๊อกกกกกก
“แหะๆ ผมหิวข้าวแล้วน่ะครับ” ออร์บิทพูดเสียงอ้อนๆ แซมซันกับแซทเทิร์นมองหน้ากันแบบปลงๆ ก่อนพี่แซทเทิร์นจะเป็นคนชวนทุกคนไปกินข้าว
“ไปครับๆ ทานข้าวกัน เจ้าชายทานได้นะครับ”
“ทานได้ครับ”
มาถึงร้านอาหารมาร์ที่กลับมาจากห้องน้ำเดินมาเหมือนมีเรื่องอยากจะเมาท์เต็มที่
“มึงคะ เมื่อกี้กูไปเข้าห้องน้ำมา เจอผู้ชายกลุ่มหนึ่ง หล่อม๊ากกก ตัวนี่ข๊าวขาว” ยูเรนัสฟาดมือลงไปที่แขนของมาร์ด้วยความหมั่นไส้
“อีมาร์อย่าบ้าผู้ชาย” การกระทำของยูเรนัสเรียกเสียงหัวเราะของทุกคนได้เป็นอย่างดี มาร์เบ้ปากใส่ละพูดว่า “ถ้ามึงเห็นแล้วมึงจะกรี้ด” เซเรน่าได้แต่มองเด็กสองคนเถียงกันด้วยความขำขัน “เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ก่อนที่เจ้าชายจะลุกออกไปละปล่อยให้คู่เพื่อนซี้ตีกันต่อไป
“อยู่ไหนกันนะ” แซมซันสบถเบาๆเมื่อกี้เขาทำสร้อยพระจันทร์เสี้ยวหล่นออกจากกระเป๋า
เจ้าชายอาร์เท็มเดินมาพอดีพร้อมกับมองด้วยความตกใจ คนตรงหน้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมีสร้อยพระจันทร์เสี้ยวได้ เขาได้แต่คิดก่อนจะหยิบมันส่งคืนให้เจ้าของ
“นี่ครับ”
“คุณ.... เอ่อ ขอบคุณครับ ” แซมซันมองด้วยความตกตะลึง ใบหน้าสวยหวานราวกับภาพวาด ผิวขาวละเอียดของคนตัวเล็กของหน้า แต่ที่สำคัญที่สุด คนตรงหน้ามองเห็นสร้อยพระจันทร์เสี้ยวได้ยังไง
“ครับ คุณเป็นชาวเจริโคหรอครับ” อาร์เท็มเอ่ยถาม ก่อนที่ออร์บิทจะเข้ามาก่อน
“เจ้า.......” ออร์บิททำท่าจะพูดแซมซันเลยรีบตัดบท
“ป่าวครับ ออร์บิท เสร็จแล้วใช่มั้ย เรารีบไปกันเถอะ ผมขอตัวนะครับ”
“ครับ” อาร์เท็มได้แต่แปลกใจ คนตรงหน้าเขาคือใครกัน หรือจะเป็นชาวไซรัส ก่อนที่เขาจะรีบเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง
“พี่เซเร ยู มาร์ เราเจอสร้อยพระจันทร์เสี้ยว”