ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

You are my sun and I'm your moon - บทที่ 3 who knows that a glimpse have stayed in our hearts โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

You are my sun and I'm your moon

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL

รายละเอียด

You are my sun and I'm your moon โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

ผู้แต่ง

PHAPPHIM

เรื่องย่อ

"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "


แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง


โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon


เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน


สารบัญ

You are my sun and I'm your moon-บทนำ start,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 1 who can understand what love is,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 2 who have met by chance just like this,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 3 who knows that a glimpse have stayed in our hearts,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 4 when we finally found each other,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 5 You erased my pain forever,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 6 You’re the only lovethat makes my life better,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 7 But you know that love is complicated unlike we wished,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 8 キミさえいれば,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 9 万里星河命运误我不认输该如何,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 10 when we need to meet this life is tearing us apartwhen we need to meet this life is tearing us apart,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 11 Even if the skyline separates us apart, love,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 12 Even if a mountain comes between, I’ll hold you now,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 13 Even if our time will not allow,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 14 oh our destiny’s vow

เนื้อหา

บทที่ 3 who knows that a glimpse have stayed in our hearts

   “ห้ะ!!!”ทั้งสามคนอุทานด้วยความตกใจพร้อมกัน

“อะไรนะคะ!” เซเรน่ากล่าวด้วยความตกใจ ไม่ต่างจากยูเรนัสและมาร์ เธอไม่คาดคิดว่าบุคคลอันตรายอย่างชาวไซรัสจะอยู่ใกล้พวกเธอมากขนาดนี้

“จริงๆครับพี่เซเร เป็นสร้อยพระจันทร์เสี้ยวเหมือนของท่านแม่เลยครับ”

“เจ้าชายต้องระวังตัวแล้วนะเพคะ เขาต้องเป็นชาวไซรัสแน่ๆ” เซเรน่ากล่าวอย่างหนักใจ สีหน้าไม่สู้ดีไม่ต่างจากอาร์เท็มนัก อาร์เท็มได้แต่ครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดกันของสำคัญที่มีแค่คนในราชวงศ์ที่จะครอบครองได้ถึงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวไซรัส

“ทำไมเขาถึงมีสร้อยพระจันทร์เสี้ยวได้นะ หรือเขาจะเป็นคนที่ขโมยมาจากเหลนบุญธรรมของท่านทวด!” ถ้าเป็นดังที่เขาคิดนี่จะเป็นอันตรายต่อชาวดวงจันทร์อย่างมหาศาล

“เหลนบุญธรรมที่เป็นชาวไซรัสน่ะเหรอ” มาร์เอ่ยถามก่อนที่จะมองไปยังเพื่อนรักที่มีสีหน้าคิดวิตกกังวลไม่ใช่น้อย

“เชี่ย ทำไมซับซ้อนจังวะ แล้วป่านนี้เจ้าหญิงชาร์มาจะเป็นยังไงบ้าง ถ้าเกิดสร้อยเส้นนั้นไม่ใช่ของเหลนบุญธรรมที่เป็นชาวไซรัสแต่เป็นของเจ้าหญิงชาร์มา ท่านจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ”

“ตราบใดที่เจ้าหญิงชาร์มายังออกมารับแสงจันทราทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงพระองค์ก็ยังทรงอยู่รอดค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นอาร์เท็มก็พยักหน้าเบาๆ ถึงจะไม่หายวิตกกังวลแต่ก็ยังพอเบาใจลงได้ว่าเจ้าหญิงชาร์มาเธออาจจะยังมีชีวิตอยู่

“พี่เซเรครับ คนพวกนั้นอาจจะเป็นคนที่คิงโซลส่งมาจัดการอะไรสักอย่างบนโลกแน่ นั้นไง คนนั้นไงครับพี่เซเร!!” ยังไม่ท่านที่อาร์เท็มจะพูดจบสายตาเขาก็มองไปเห็นบุคคลต้องสงสัยที่เขาเจอเมื่อกี้ ร่างสูงสง่าของแซมซันเดินเข้ามาพอดีพร้อมกับออร์บิทที่กำลังสนทนากันอยู่ หน้าตาเรียบเฉยได้ทอดสายตามองมายังเขาทำให้เขาทำตัวไม่ถูกนัก แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือหลังจากวันนี้ชีวิตพวกเขาทุกคนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะเขา และชายหนุ่มตรงหน้า แต่คนที่ตกใจมากที่สุดคงไม่พ้นเซเรน่า เธอรู้ทันทีว่าเพราะเหตุใด ควีนถึงต้องส่งเจ้าชายอาร์เท็มมา และต้องเป็นเจ้าชายอาร์เท็มเท่านั้นที่จะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ เธอได้แต่ยอมรับกับสิ่งที่โชคชะตาได้ลิขิตไว้แล้ว

“ไอ้คนหล่อๆขาวๆนั้นน่ะเหรอที่มีสร้อยพระจันทร์เสี้ยว”มาร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังร่างสูงสง่าของแซมซัน

“ลักษณะหน้าตา ผิวพรรณ ไม่ใช่คนของอาณาจักรเจริโคแน่ๆ”ยูเรนัสพูดก่อนที่จะจ้องไปที่คนตรงหน้าด้วยอีกคน ตอนนี้ไม่มีใครเดาออกว่าคนตรงหน้ามาด้วยจุดประสงค์อะไรแต่มีเพียงคนเดียวที่มีความรู้สึกประหลาดจุกขึ้นมาท้วมท้นเต็มอก ทั้งดีใจ เสียใจ ทั้งโหยหา ทั้งเศร้าหมองอาร์เท็มสับสนกับความรู้สึกที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายก็กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน



“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น” ออร์บิทถามด้วยความสงสัย อยู่ๆก็โดนไอ้เจ้าชายลากมาแบบงงๆ

“มึงเงียบก่อน พี่แซทเทิร์นครับ เมื่อกี้เราเจอคนผู้หนึ่ง เขาเห็นเราทำสร้อยพระจันทร์เสี้ยวตก เขาเลยถามว่าเราเป็นชาวเจริโคเหรอ”

“ห้ะ!”แซทเทิร์นอุทานด้วยความตกใจก่อนออร์บิทที่อยู่ในเหตุการณ์จะพูดขึ้นมาว่า

“คนขาวๆตัวเล็กๆนั่นน่ะหรอ”

“เออ” แซมซันพยักหน้าก่อนที่แซทเทิร์นที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่จะพูดขึ้นมาว่า

“พี่ว่ามันแปลกๆแล้วนะครับ ถ้าเป็นชาวเจริโคทั่วไป ไม่น่าจะเคยเห็นสร้อยพระจันทร์เสี้ยว”

“หรือว่าเขาจะเป็นคนในราชวงศ์เจริโค” แซมซันเริ่มสงสัยและคิดอย่างที่แซทเทิร์นได้ตั้งข้อสังเกตุเพราะถ้าหากเป็นเพียงประชาชนธรรมดาทั่วไปไม่น่าจะเคยเห็นของที่สำคัญสำหรับราชวงศ์ขนาดนี้

“มีโอกาสเป็นไปได้สูงครับ เพราะควีนลูน่ามีพระโอรสเพียงองค์เดียว ทางเดียวที่เราจะรู้ได้คือไปทำความรู้จักกับพวกเขา ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเป็นหนทางเดียวที่จะรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่ หากเป็นองค์รัชทายาทของเจริโคจริง พวกเขาควรได้ทราบเจตนารมณ์การมาของชาวไซรัสและเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ว่าชาวดวงอาทิตย์มิได้คิดการอันเป็นปรปักษ์แก่ชาวดวงจันทร์ ร่างสูงโปร่งของแซมซันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนขาเรียวยาวจะก้าวเข้าไปหาคนที่เขากำลังสงสัยว่าคือเจ้าชายรัชทายาทแห่งเจริโคหรือไม่

“ขอโทษนะครับ คุณใช่คนที่เก็บสร้อยให้ผมเมื่อกี้รึป่าว” แซมซันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม พร้อมมองทั้ง4คนตรงหน้าที่ทำหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดและพลางมองหน้ากันไปมา มีเพียงอาร์เท็มเท่านั้นที่ทอดสายตามาสบตากับเขา ก้อนเนื้อในอกจุกแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกก่อนที่เสียงของคนตรงหน้าจะตอบเขาว่า “ใช่ครับ” อาร์เท็มจ้องไปยันร่างสูงโปร่งตรงหน้า ความรู้สึกเจ็บแปลบในอกแวบขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่คนตรงหน้าจะเอ่ยต่อไป

“สะดวกแลกคอนแทคมั้ยครับ พอดีผมอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสร้อยพระจันทร์เสี้ยว”

“เอ่อ” อาร์เท็มมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจ จริงอยู่ที่บนโลกมีเครื่องมีติดต่อสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ แม้เขาจะใช้จนคล่องแคล้วแล้ว แต่ว่าเขาจะให้ช่องทางการติดต่อของเขากับคนแปลกหน้าที่พึ่งเคยเจอกันมันก็ยังไงอยู่ แต่ลึกๆในใจตัวเขาเองเขารู้สึกว่า เขาควรที่จะให้คนตรงหน้า เพราะอยากรู้ว่าเขาเป็นชาวไซรัสจริงรึป่าวนั้นคือเหตุผลที่เขายกขึ้นมาแต่ในใจลึกๆกลับมีเหตุผลมากกว่านั้น

“ครับ”

“ขอบคุณครับ” แซมซันกล่าว ยูเรนัสที่ทำหน้าสงสัยคนกลุ่มตรงหน้าของเขายุแล้วจึงเริ่มถาม

“พวกคุณชื่ออะไรกันหรอครับ”

“ผมแซทเทิร์นครับ”

“ผมออร์บิทครับ”

“ฉันเซเรน่าค่ะ”

“มาร์ค่ะ”

“เรา อาร์เท็ม”

“ชื่อพวกคุณนี่เหมือนดวงดาวต่างๆเลยนะครับ อ่อ ลืมแนะนำตัวไป ผมแซมซันครับ” แซมซันกล่าวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูลึกลับซับซ้อนและไม่มีใครเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อาร์เท็มกล่าวตอบ พร้อมยิ้มตอบให้ทุกคนตรงหน้า

“งั้นพวกเราขอตัวกันก่อนนะครับ” เป็นพี่เซเรที่เอ่ยขึ้นก่อนลาบุคคลตรงหน้า

“ครับ” ออร์บิทตอบรับพร้อมมองไปยังเซเรน่า เขาคุ้นเคยกับหญิงสาวยิ่งนัก แต่คงไม่ใช่เพียงแค่เขา ทั้งแซมซันและแซทเทิร์นก็เช่นกัน ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก



“พี่เซเร มันแปลกๆใช่มั้ยครับ” อาร์เท็มทำหน้าครุ่นคิด

“แปลกมาเพคะ” เซเรน่าเองก็คิดหนักไม่ต่างกัน

“พวกเขาเป็นชาวไซรัสรึป่าววะมึง” ยูเรนัสตั้งคำถาม การมาของพวกเขามันแปลกเกินไป

“ใช่ กูว่าพวกเขามีรังสีสุริเยนออกมาน้อย แบบน้อยมากๆ” มาร์เองก็รู้สึกถึงพลังของชาวไซรัสที่จะสะท้อนกลับกับรังสีจันทราของชาวเจริโค

“เขาอาจจะซ่อนเหมือนที่กูซ่อนตราพระจันทร์เสี้ยว”

“อีกอย่างที่กูสงสัยเขาจะอยากรู้เรื่องสร้อยพระจันทร์เสี้ยวไปทำไม”

“เขาอาจจะอยากหาจุดอ่อนของเราเพื่อทำลายพวกเราก็ได้นะคะ สร้อยพระจันทร์เสี้ยวของราชวงศ์ถือเป็นของสำคัญมาก เพราะถ้าหากเขาขโมยแล้วนำไปอ้างกับควีนลูน่าได้ เขาอาจจะใช้มันเพื่อข่มขู่เราให้ยอมสิโรราบแก่ไซรัส”

“เราไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นหรอก” อาร์เท็มกล่าวน้ำเสียงจริงจัง

“ละเราจะเริ่มหาจากที่ไหน”

“วังแอนเวิร์ล” อาร์เท็มกล่าว

“มึงเล่นวังเลยเหรอ” ยูเรนัสถึงกับตาโต

“มึงไม่เคยได้ยินเหรอ ของสำคัญมักเก็บไว้ใกล้ตัว” มาร์กล่าวสมทบ

“ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ” เซเรน่าเห็นด้วยกับน้องๆ

“รัชทายาทองค์ปัจจุบันของโลกคือเจ้าชายเอิร์ทใช่มั้ย แล้วคิงแอลตันไปไหน”อาร์เท็มกล่าวถามกับเซเรน่า

“ท่านสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่2ปีที่แล้วแล้วเพคะ”

“เหตุใดเจ้าชายเอิร์ทถึงยังไม่ขึ้นครองราชย์”

“วงในบอกว่าเจ้าชายมีพระชายาที่ไม่ใช่ชาวโลกเพคะ เลยทำให้ประชาชนบางส่วนลุกขึ้นต่อต้าน แต่พระชายาก็พิสูจน์ตัวเองจนประชาชนเริ่มยอมรับ จนตอนนี้กลุ่มที่ลุกขึ้นต่อต้านได้สงบลงแล้ว อีก3เดือน เจ้าชายเอิร์ทจะราชาภิเษกขึ้นเป็นคิงแห่งโลก”

“พระชายาไม่ใช่ชาวโลกงั้นหรือ.....หรือว่าจะเป็น”

“เจ้าหญิงชาร์มา!!”มาร์และยูเรนัสพูดพร้อมกัน

“พี่เซเรครับ เรารู้สึกว่าการหายไปของเจ้าหญิงชาร์มาจะเกี่ยวข้องกับเลือดสีน้ำเงิน”

“พี่ก็คิดแบบนั้น หากเจ้าหญิงชาร์มาไม่ได้เป็นชายาของเจ้าชายเอิร์ทแล้ว พระองค์อาจจะถูกนำมาทดลองการทำยาอายุวัฒนะก็ได้นะเพคะ ราชวงศ์เจริโคหากไม่มีการหมดอายุขัยหรือส่งตัวเองไปเกิดยังโลกมนุษย์ก็จะมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ทำให้มนุษย์ต้องการนำไปทำยาเพื่อให้ตัวเองเป็นอมตะและไม่มีวันตาย”

“เห็นแก่ตัวจังนะครับ หากหมั่นทำความดี อาณาจักรเจริโคและไซรัสหาได้กีดกันให้มาเกิดเป็นคนของอาณาจักรหรือไม่” เจ้าชายถอนหายใจเบาๆ

“ปัจจุบันนี้มนุษย์โลกกำลังตกต่ำลงทุกวัน ทำให้เปอร์เซนการมาเกิดยังอาณาจักรแห่งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มีโอกาสเกิดเพียง1ใน100เท่านั้น”

“พี่เซเรครับ เคยมีคนของอาณาจักรเจริโคและไซรัสรักกันบ้างมั้ยครับ”อาร์เท็มเอ่ยเสียงแผ่วเบาก่อนจะสบตาไปยันเซเรน่าผู้ที่เขานับถือเสมือนพี่สาวแท้ๆ คำถามนั้นทำให้มาร์ ยูเรนัสและเซเรน่าหันมามองหน้ากัน

“ทำไมถามอย่างนั้นละเพคะ” เซเรน่าได้แต่ภาวนาในใจ ขออย่าให้เป็นดั่งตำนานที่เล่าสืบกันมาเลย

“เห้ย อาร์เท็ม”

“อาร์เท็มอย่าบอกนะว่า”

“ป่าว กูแค่อยากรู้” อาร์เท็มรีบกล่าวดักคอทั้งสองคน

“แล้วไปกูตกใจหมด” ทั้งมาร์และยูเรนัสถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่เซเรน่าจะค่อยๆเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“เคยมีค่ะ แต่สุดท้ายก็จำต้องจากลากัน เพราะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ยังไงก็ไม่มีวันบรรจบกันได้หรอกค่ะ"

“น่าเศร้าจังเลยนะครับ ” อาร์เท็มถอนหายใจเบาๆ

“ใช่ค่ะ ชาวดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ถึงไม่อยากพบกันเพราะชาวดวงจันทร์มีความรักได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากรักไปแล้วจะไม่สามารถรักใครได้อีก”เซเรน่ากล่าวขึ้น ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามก็จริงแต่ถ้าหากเป็นความรักของชาวดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์แล้วละก็ คงจบด้วยการจากลาอยู่ดี ข้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

“หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ไม่งั้นคงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย”

“พูดเหมือนพวกเราจะไปตกหลุมรักชาวไซรัสงั้นแหละ”

“หึ ไม่หรอก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และเราก็ไม่ต้องการให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นอีก”

“ตราบใดที่เรายังมีความรู้สึกเราก็หนีความเจ็บปวดไม่พ้นหรอกนะคะ”



“เจ้าชาย ทำไมถึงทรงทำเช่นนั้นพะย่ะค่ะ” แซทเทิร์นถาม เพราะเขารู้จักแซมซันดี

“เราแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นเจ้าชายรัชทายาทของเจริโคจริงหรือไม่”แซมซันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“พระองค์อย่าทรงลืมคำบัญชาของคิงโซลนะพะย่ะค่ะ ห้ามเข้าใกล้คนของอาณาจักรเจริโค”

“ท่านไม่อยากให้เรารักใครใช่มั้ย”แซมซันยังกล่าวเสียงเรียบเฉยดังเดิม

“ทรงรักใครก็ได้พะย่ะค่ะที่ไม่ใช่ชาวเจริโค ทรงอย่าลืมว่าดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ไม่สามารถบรรจบกันได้ ความรักของชาวไซรัสและเจริโคก็เช่นกัน เปรียบเสมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันไม่ว่าจะรักกันมากแค่ไหนสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจอยู่เคียงข้างกันได้ เช่นเดียวกับดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ที่สามารถพบเจอกันได้ในยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเท่านั้น”