ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

You are my sun and I'm your moon - บทที่ 4 when we finally found each other โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

You are my sun and I'm your moon

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL

รายละเอียด

You are my sun and I'm your moon โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

ผู้แต่ง

PHAPPHIM

เรื่องย่อ

"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "


แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง


โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon


เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน


สารบัญ

You are my sun and I'm your moon-บทนำ start,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 1 who can understand what love is,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 2 who have met by chance just like this,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 3 who knows that a glimpse have stayed in our hearts,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 4 when we finally found each other,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 5 You erased my pain forever,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 6 You’re the only lovethat makes my life better,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 7 But you know that love is complicated unlike we wished,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 8 キミさえいれば,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 9 万里星河命运误我不认输该如何,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 10 when we need to meet this life is tearing us apartwhen we need to meet this life is tearing us apart,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 11 Even if the skyline separates us apart, love,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 12 Even if a mountain comes between, I’ll hold you now,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 13 Even if our time will not allow,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 14 oh our destiny’s vow

เนื้อหา

บทที่ 4 when we finally found each other

     ทันทีที่อาร์เท็มกลับมาถึงที่พักของตัวเอง ร่างบางทิ้งตัวลง พลางคิดถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึงแม้การกระทำของคนที่เขาพึ่งพบเจอจะน่าสงสัยมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกลึกๆในใจของตัวเขาเองกลับไม่คิดปฏิเสธเลย เพราะอะไรกันนะ

“โอ้ยย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเรื่องอะไรวะเนี่ย” เขาควรรีบไปอาบน้ำชำระร่างกายให้ปลอดโปร่งเสียก่อนที่สมองจะคิดอะไรไปมากกว่านี้

     หลังจากที่เขาทำธุระของตัวเองเสร็จ เสียงแจ้งเตือนจากเจ้าสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘โทรศัพท์มือถือ’ก็ดังขึ้น พร้อมกับข้อความที่ส่งมาจากบุคคลที่แสนจะน่าสงสัยและอันตรายต่อเขา ทั้งหัวใจและร่างกาย อาร์เท็มก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้บุรุษผู้นั้น ความรู้สึกที่ประดังเข้ามา ทั้งดีใจ ทั้งเจ็บปวด ทั้งเศร้าหมอง ทำให้เขาสับสนไปหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ แล้วคนๆนั้นจะรู้สึกเหมือนที่เขาเป็นในตอนนี้บ้างไหม ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เสียงแจ้งเตือนมาพร้อมกับหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง อาร์เท็มคว้าเจ้าหน้าจอสี่เหลี่ยมขึ้นมา ก่อนจะพินิจครู่หนึ่ง 

“สวัสดีครับ”

“ครับ”

“คุณชื่ออะไรนะครับ” อาร์เท็มไม่รู้ว่าคนตรงหน้าลืมชื่อเขาจริงๆหรือตั้งใจจะยียวนกวนประสาทกันแน่

“อาร์เท็มครับ”

“ความหมายชื่อนี้เหมือนจะแปลว่าดวงจันทร์ใช่มั้ยครับ”

“ไม่ครับ อาร์เท็มแปลว่าเทพธิดาแห่งดวงจันทร์”

“แปลกนะครับ ผมไม่คิดว่าคนบนโลกจะมีคนใช้ชื่อพวกนี้ด้วย” เอ๊ะ นี่คนตรงหน้าจงใจกวนประสาทเขาชัดๆ

“หึ ชื่อคุณก็หมายความว่าพระอาทิตย์ไม่ใช่เหรอครับ” อาร์เท็มย้อน

“ครับ แซมซัน พระอาทิตย์ที่แข็งแกร่ง” ถ้าให้เขาเดาคนที่เขากำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ต้องทำสีหน้านิ่งๆไม่รู้ไม่ชี้แบบไม่ต้องสืบ ทั้งชื่อ ทั้งหน้าตา คนตรงหน้าช่างชวนให้น่าสงสัยยิ่งหนักอาร์เท็มพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามเขาไปตามตรง

“คุณบอกเรามาตรงๆดีกว่า ว่าคุณต้องการอะไร”

“คงแค่อยากรู้เรื่องของอาณาจักรดวงจันทร์ละมั้งครับ เจ้าชายอาร์เท็ม” ทันทีที่อาร์เท็มเห็นสิ่งที่เขาพิมพ์ตอบมา อาร์เท็มได้แต่ตกตะลึง นี่เขารู้งั้นเหรอว่าตนคือใคร

“คุณเป็นใครกันแน่!”

“ตราพระจันทร์เสี้ยวที่หน้าผาก เหมือนจะปิดไม่มิดนะพะย่ะค่ะ เจ้าชายรัชทายาทแห่งเจริโค”

“คุณ! คุณต้องการอะไร”

“เราแค่มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ไม่ใช่หรือพะยะค่ะ” ยิ่งคนตรงหน้าพิมพ์มาแบบนั้นยิ่งสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้กับร่างบางไม่น้อย คิ้วเรียงสวยขมวดเข้าหากันแน่น นี่มันจงใจกวนประสาทกันชัดๆ!

“คุณแซมซัน! อย่ากวนประสาทครับ คุณคือชาวไซรัสใช่มั้ย”

“ถ้าเราบอกว่าใช่ คุณจะทำอะไรเราได้”

“อย่ามายุ่งกับชาวเจริโค ไม่งั้นคุณได้เห็นดีกับเราแน่ คุณแซมซัน!”





          ใบหน้าหล่อเหลาของแซมซันปรากฏรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก พลางจ้องมองข้อความในมือถือ คนอะไร โมโหแล้วน่ารักขึ้นเท่าตัว

“ไอ้เจ้าชาย ให้ผูกมิตรไม่ได้ให้สร้างศัตรูไอ้สัส เดี้ยวเขาก็เกลียดขี้หน้ามึงอะ” ออร์บิทพูด

“พี่บอกให้ไปผูกมิตรนะพะยะค่ะ........” แซทเทิร์นเอ่ย สายตามองไปยันเจ้าชายของเขาที่ยังยิ้มเล็กยิ้มน้อยไม่เลิก นี่คงเป็นรอยยิ้มในรอบหลายปีของเจ้าชาย หลังจากทรงสูญเสียพระมารดาไป

“คนอะไร ดุเหมือนกระต่ายแง้วๆ” แซมซันเอ่ยพร้อมยิ้มน้อยๆ

“เจ้าชาย.........” แซทเทิร์นมองค้อน เจ้าชายของเขาดูสนุกกับการได้แหย่เจ้าชายแห่งดวงจันทร์ไม่น้อย 

“เรามีวิธีของเราหน่าพี่แซทเทิร์น”

“สรุปคือคนที่เจ้าชายพบคือเจ้าชายอาร์เท็ม องค์รัชทายาทแห่งเจริโคใช่มั้ยพะยะค่ะ”แซทเทิร์นเอ่ยถาม ทำไมทุกอย่างช่างง่ายดายเยี่ยงนี้ ราวกับถูกกำหนดไว้อย่างไรอย่างนั้น

“ใช่”

“ทรงรู้มั้ยว่าพระองค์คือเจ้าชายแซมซัน”

“เราไม่ได้บอก”

“แต่แปลก” ออร์บิทที่ทำหน้าเหมือนคิดใครครวญอะไรสักอย่างกล่างขึ้น

“แปลกอะไรออร์บิท” แซทเทิร์นเอ่ยถาม เขาเห็นคนตรงหน้านั่งคิดอะไรมาสักพักแล้ว

“แปลกที่รังสีสุริเยนและรังสีจันทราไม่สะท้อนกลับ” คำพูดของออร์บิททำให้ทั้งเขาและแซมซันนึกถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“เออพี่ลืมเรื่องนี้ไปเลย ตอนพระองค์เข้าใกล้เจ้าชายอาร์เท็ม ไม่ทรงได้รับรังสีจันทราเลยหรือพะยะค่ะ”

“ไม่มีนะครับพี่แซทเทิร์น”

“หรือว่า........” สิ่งที่ตำนานกล่าวไว้มันจะเป็นจริง เจ้าชายรัชทายาทของเขาน่ะหรือ เป็นแซมซันจริงๆใช่มั้ย แซทเทิร์นได้แต่คิดในใจ

“อะไรครับ”แซมซันและออร์บิทถามขึ้นพร้อมกัน พลันมองไปทางแซทเทิร์นอย่างสงสัย

“ขอให้พี่มั่นใจกว่านี้ก่อนนะครับ”


                “โอ้ยย หัวร้อนโว๊ย!” อาร์เท็มยังคงหงุดหงิดคนที่เขาสนทนาเมื่อครู่นี้ไม่หาย เซเรน่า มาร์และยูเรนัสต่างก็งงไปตามๆกัน ใครกันนะที่ทำให้เจ้าชายผู้ใจเย็นดั่งธารน้ำแข็งของเขาหงุดหงิดได้

“เป็นอะไรเพคะ” เป็นเซเรน่าที่เข้ามาถามเจ้าชายเป็นคนแรกก่อนมาร์และยูเรนัสจะเข้ามาถาม

“เป็นอะไรไอ้เจ้าชาย”มาร์มองไปยังเพื่อนสนิทของตัวเอง ตั้งแต่รู้จักกับอาร์เท็มมาตั้งแต่เด็กยันโต ไม่มีเลยสักครั้งที่อาร์เท็มจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

“แย่งแครอทกับกระต่ายไม่ชนะรึไง” ยูเรนัสเอ่ยติดเล่น

“มึงจะบ้าเหรอยู คนที่เราเจอวันนี้เขาเป็นชาวไซรัสแน่ๆและกวนประสาทมาก!”น้ำเสียงที่ยังคงหงุดหงิดนั้นให้คำตอบได้ดีว่าเจ้าชายของพวกเขาหงุดหงิดมากแค่ไหน

“หือ” ทั้งมาร์ทั้งยูเรนัสต่างสตั้น นี่ผู้ชายที่พวกเขาเจอกันวันนี้ทำให้เพื่อนของเขาไม่สบอารมณ์ขนาดนี้ได้ยังไง

“เขาเก่งนะเนี่ยทำคนใจเย็นเหมือนน้ำแข็ง ใจแข็งแกร่งดั่งภูผาอย่างมึงโมโหได้” ยูเรนัสพูด แต่ไหนแต่ไรมา เพื่อนของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ดูท่าชาวไซรัสคนนี้คงจะไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ

“กูชักอยากรู้จักเขาแล้วสิ” มาร์พูดพร้อมหันไปมองตากับยูเรนัสอย่างรู้กัน มีเพียงเซเรน่าที่ยังคงวิตกกังวล

“แต่เขาเป็นชาวไซรัสนะคะ แต่แปลก” เซเรน่าหยุดชะงัก ทำให้ทั้งสามคนหันมามองเซเรน่าด้วยความสงสัย

“อะไรครับพี่เซเร”

“แปลกยังไงคะ”

“เจ้าชายไม่ทรงได้รับรังสีสุริเยนเลยเหรอเพคะ”

“เออใช่ พวกกูก็ลืมถามมึงไป” มาร์เริ่มคิดตามที่เซเรน่าพูด

“ปกติถ้ารังสีสุริเยนและจันทราใกล้กันมันจะสะท้อนกลับไม่ใช่เหรอครับพี่เซเร”

“หรือว่าจะเป็นตามตำนาน.....”เซเรน่าเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ตำนานอะไรครับ” คำพูดของเซเรน่าสร้างความสงสัยให้แก้ทั้งสามคนอีกครั้ง

“รอพี่มั่นใจกว่านี้พี่จะบอกนะคะ”

หรือว่า สิ่งที่เธอกลัวที่สุดกำลังจะมาถึง

      ‘อย่าให้เป็นจริงเลยนะคะเพคะ ไม่งั้นจะเกิดเหตุการณ์ที่พี่กลัวมากที่สุด’ เซเรน่าได้แต่คิดพร้อมกับมองไปยังใบหน้าสวยของเจ้าชายอาร์เท็มผู้ที่เปรียบเสมือนน้องชายที่เธอรักมากที่สุด ใบหน้าที่สวยหวานเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เธอต้องรักษารอยยิ้มนี่ไว้ให้นานที่สุด ก่อนที่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะมาพรากมันไปก็ตาม