ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
You are my sun and I'm your moonตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "
แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง
โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon
เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน
“ลองกลับไปคิดดีๆนะครับ เจ้าชายอาร์เท็ม แล้วพบกันใหม่” ร่างสูงระหงเอ่ยพร้อมกับเดินจากไป เขารู้ดีว่าการที่เจ้าชายแห่งดวงจันทร์มิได้ตอบโต้อะไรกลับมานั้น เจ้าตัวอาจจะยอมรับกลายๆหรือไม่ก็อาจจะคิดไตร่ตรองซะก่อน
ทางด้านฝั่งองครักษ์ของเจ้าชายก็ตามหาเจ้าชายของเขากันให้วุ่นก่อนที่ร่างบางของคนที่พวกเขากำลังตามหากำลังเดินกลับเข้ามา
“เจ้าชาย! เสด็จไปไหนมาเพคะ” เซเรน่าที่ก่อนหน้านี้วิ่งตามหาองค์รัชทายาทของเธอเป็นคนกล่าวด้วยเสียงหอบ เพราะก่อนหน้านี้เธอวิ่งตามหาเจ้าชายจนทั่วแต่ก็ยังไม่พบ
“อาร์เท็ม!!” ทั้งมาร์และยูเรนัสกล่าวพร้อมกันดังลั่นเมื่อเห็นเพื่อนรักที่อยู่ๆก็หายตัวไปในยามราตรี พวกเขาเป็นห่วงอาร์เท็มจับใจ ยิ่งมีบุคคลอันตรายอย่างชาวไซรัสอยู่รอบตัวด้วยแล้วละก็ยิ่งทวีความเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
“เราออกไปสูดอากาศนิดหน่อยครับพี่เซเร”
“โถว่ อาร์เท็ม พวกกูก็คิดว่ามึงโดยชาวไซรัสจับตัวไป”
“จะไปไหนมึงก็บอกพวกกูก่อนดิวะ” ทั้งยูเรนัสและมาร์กล้าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“กูขอโทษ”อาร์เท็มเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“พี่เซเร ยู มาร์ เราไปเจอชาวไซรัสมา” ทั้งสามคนมีสีหน้าตกใจ
“เจ้าชายเพคะ” ยังไม่ทันที่เซเรน่าจะกล่าวอะไร อาร์เท็มก็เอ่ยต่อ
“เขาบอกว่า เขาลงมาเพื่อช่วยเราตามหาเจ้าหญิงชาร์มา” ยูเรนัส มาร์และเซเรน่าเงียบไปครู่หนึ่ง
“จะทรงเชื่อหรือเพคะ” เป็นเซเรน่าที่ถาม เธอเป็นห่วงเจ้าชายของเธอจับใจ หากชาวไซรัสไม่ได้คิดทำอย่างที่พูดแล้วละก็ เจ้าชายของเธอจะเป็นอันตรายยิ่งนัก
“เราไม่รู้ แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ”
“ไม่ทรงได้รับรังสีสุริเยนเลยหรือเพคะ” เซเรน่าถาม
“ไม่เลยครับ” คำตอบของเจ้าชายรัชทายาททำให้เซเรน่ามีสีหน้าที่หนักใจหรือว่า ‘โซลเมท’ ตามตำนานจะเป็นองค์รัชทายาทของเธอ
“เขาคุยกับมึงว่าอะไรบ้าง” เป็นมาร์ที่เอ่ยถาม
“เขาบอกว่าชาวไซรัสลงมาเพื่อช่วยเราตามหาเจ้าหญิงชาร์มาและแสดงความบริสุทธิ์ใจ” ทั้งสามคนได้แต่เงียบ
“เจ้าชายทรงเชื่อหรือเพคะ” เซเรน่าถาม ถึงแม้ชาวไซรัสจะยืนยันว่าเขามาเพื่อช่วยเหลือ แต่เธอก็ไม่สามารถปักใจเชื่อได้ ตราบใดที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ยังเป็นเหมือนเส้นขนานของจักรวาล เธอไม่อาจเชื่อใจชาวไซรัสได้
“ก็ต้องรอดู หากเขาคิดทรยศ เขาจะได้รับรู้ถึงพลังจันทรารัตติกาล” ทั้งสามคนมีสีหน้าตกใจ นี่คือพลังที่มีอำนาจสูงสุดของชาวดวงจันทร์มีเพียงแค่ราชินีและองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถใช้พลังนี้ได้
ไม่ทันได้มีบทสนทนาอะไรต่อเสียงเครื่องมือสื่อสารก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
‘samsun เชิญคุณเข้าร่วมกลุ่ม’ เห็นทีชาวไซรัสที่เขาเจอจะใช้อุปกรณ์ชนิดนี้คล่องแคล่วไม่น้อย ‘artem เข้าร่วมกลุ่ม’
“เราขอเชิญคนของเราเข้ามาด้วย”
“เชิญครับ ”
SERE : “กลุ่มอะไรเพคะเจ้าชาย”
Artem: “รอดูครับพี่เซเร”
Sature:“สวัสดีครับ” แซทเทิร์นกล่าวทักทาย
SERE:“นี่มัน.....”
Sature:“คงไม่ต้องแนะนำตัวกันมากนะครับ”
Urenus: “พวกเราจะเชื่อใจคุณได้แน่หรอครับ”
Sature: “เชื่อได้สิครับ”
_SAMSON _ : “จากที่คิงโซลทราบข่าวว่าองค์รัชทายาทแห่งเจริโคจะลงมาหาเจ้าหญิงชาร์มาด้วยองค์เอง จึงมีความประสงค์ให้พวกเราชาวไซรัสมา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของชาวไซรัสว่ามิได้เป็นผู้ทำร้ายหรือลักพาตัวเจ้าหญิงชาร์มา
Artem: “พวกเรามีเวลาแค่1ปีเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าหญิงชาร์มาจะสิ้นพระชนม์”
SERE: “แล้วเรื่องรังสีสุริเยนและจันทราล่ะเพคะ”
Artem: “เรากับคุณแซมซันไม่โดยรังสีจันทราและสุริเยนซึ่งกันและกัน”
Sature: “หรือว่าจะเป็น คุณเซเรครับ”
SERE:“ฉันก็คิดว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
Orbit : “พี่แซทเทิร์นครับ แล้วแบบนี้เรากับชาวเจริโคจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ในเมื่อมีเพียงแค่แซมซันกับเจ้าชายอาร์เท็มที่ไม่ได้รับบาวเจ็บจากรังสีสุริเยน ”
Sature: “ตราบใดที่ยังอยู่บนโลกมนุษย์รังสีสุริเยนและจันทราจะไม่สะท้อนกลับซึ่งกันและกัน แต่ก็ยังคงมีการแพร่ออกมาอยู่ดีแต่พละกำลังจะเบาบางมากกว่าปกติ แต่ก็ยังมีแค่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเท่านั้นที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่รับรังสีซึ่งกันและกัน”
Urenus: “แค่เพียงเสี้ยวดินของวันเท่านั้นเองเหรอครับ”
Sature: “ครับ เวลาที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะอยู่เคียงคู่กันได้ คือตอนที่พระอาทิตย์ กำลังจะตกดินเท่านั้น”
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น เมื่อได้ยินคำว่าพระอาทิตย์ตกดินทั้งแซมซันและอาร์เท็มต่างรู้สึกปวดหัวตุ้บๆ ภาพบางอย่างกำลังแวบไปแวบมา ความรู้สึกจุกแปลบขึ้นมาในอก ความรู้สึกเสียใจที่กำลังถาโถมเข้ามา ก่อนจะได้ยินอะไรบางอย่างแว่วมาในโสตประสาทที่จับใจความได้เพียงว่า
“พี่ซันครับ เราจะได้เจอกันอีกใช่มั้ย”
“เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เยว่อิงอยากให้พี่ซันรู้ไว้นะว่าพระจันทร์จะมาอยู่เคียงข้างพระอาทิตย์เสมอ”
“ครับ พระอาทิตย์ดวงนี้จะรอพระจันทร์ขึ้นมาเคียงข้างเสมอนะครับ”