ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

You are my sun and I'm your moon - บทที่ 10 when we need to meet this life is tearing us apartwhen we need to meet this life is tearing us apart โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

You are my sun and I'm your moon

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL

รายละเอียด

You are my sun and I'm your moon โดย PHAPPHIM @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง

ผู้แต่ง

PHAPPHIM

เรื่องย่อ

"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "


แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง


โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon


เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน


สารบัญ

You are my sun and I'm your moon-บทนำ start,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 1 who can understand what love is,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 2 who have met by chance just like this,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 3 who knows that a glimpse have stayed in our hearts,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 4 when we finally found each other,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 5 You erased my pain forever,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 6 You’re the only lovethat makes my life better,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 7 But you know that love is complicated unlike we wished,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 8 キミさえいれば,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 9 万里星河命运误我不认输该如何,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 10 when we need to meet this life is tearing us apartwhen we need to meet this life is tearing us apart,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 11 Even if the skyline separates us apart, love,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 12 Even if a mountain comes between, I’ll hold you now,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 13 Even if our time will not allow,You are my sun and I'm your moon-บทที่ 14 oh our destiny’s vow

เนื้อหา

บทที่ 10 when we need to meet this life is tearing us apartwhen we need to meet this life is tearing us apart

   แสงอรุณที่โพล่พ้นขอบฟ้าเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ที่กำลังมาถึง หลังจากที่ทั้งอาร์เท็มและแซมซันตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันยาวนาน

   เปลือกตาสีไข่ลืมตาขึ้นมาช้าๆ รอยคราบน้ำตายังไม่จางหาย ‘นี่เขาฝันไปเหรอ’ อาร์เท็มได้แต่ครุ่นคิดเหตุใดความฝันนั้นช่างเหมือนจริงเหลือเกิน ความรู้สึกต่างๆประดาเข้าในอก ร่างบางรู้สึกจุกเมื่อความรู้สึกทั้งหมดกำลังประดาเข้ามาจนเขาตั้งรับแทบไม่ไหว เขารับรู้ได้ถึง ‘ความเจ็บปวดของเทียนเยว่อิง’ คนๆนั้นที่ใบหน้าละม้ายคล้ายเขามากเหลือเกิน 


   ร่างสูงโปร่งของแซมซันที่พึ่งหลุดจากห้วงนิทราลืมตาตื่นขึ้น ร่างสูงกุมอกข้างซ้าย ความรู้สึกเจ็บแปลบที่มาพร้อมกับอาการปวดหัวตุ้บๆทุกครั้ง เรื่องราวมากมายในความฝันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน เหตุใดมันถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกเขาเช่นนี้ หรือแท้จริงแล้วเรื่องราวทั้งหมด มันคืออดีตของเขา และคนๆนั้นในความฝัน คือเจ้าชายแห่งดวงจันทร์ที่เขาพึ่งพบเจอ ความรู้สึกเฝ้ารอคอยใครสักคนของเขา มลายหายไปนับตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับอาร์เท็ม หรือเจ้าชายแห่งดวงจันทร์กับเขาจะเคยรักกันมาจริงๆ แซมซันสลัดความคิดทั้งหมดในหัวทิ้ง ก่อนจะลุกไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองสายน้ำเย็นไหลผ่านเรือนร่างสูงโปร่ง เขาหวังเพียงว่ามันจะช่วยผ่อนคลายจิตใจที่ร้อนรุ่มดังกองเพลิงของเขาลงได้บ้าง ถ้าเรื่องทั้งหมดคือความจริง เขาควรจะทำเช่นไรต่อไปกัน 


   อาร์เท็มและแซมซันลงมายังห้องอาหารพร้อมกัน ทั้งสองบังเอิญเจอกันระหว่างทาง หากแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยเรื่องราวในความฝันของทั้งคู่โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่า เมื่อคืนเขาทั้งคู่ตกอยู่ในห้วงเหตุการณ์เดียวกันเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนความรู้สึกทั้งหลายประดังประเดเข้ามา ทั้งคิดถึง ทั้งโหยหา แม้อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือก็ไม่สามารถไขว่คว้ากันเอาไว้ได้ แม้อดีตจะเคยรักกันมากเพียงไหน อย่างไรปัจจุบันของเขาทั้งสองก็มิอาจอยู่เคียงคู่กันได้ เฉกเช่นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ไม่เคยได้อยู่เคียงข้างกันแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม 


  หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเช้าเสร็จพวกเขาก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องของชาวดวงจันทร์ ทั้งอาร์เท็ม และแซมซันต่างครุ่นคิดว่าควรจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กับทุกคนฟังดีมั้ย ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน 

  “เมื่อคืนเราฝันแปลกๆ” 

  “เมื่อคืนเราฝันแปลกๆ” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบก่อนที่มาร์จะเอ่ยกระเซ้าเพื่อนของตนเพื่อไม่ให้บรรยากาศเคร่งเครียดมากเกินไป 

  “ความพูดพร้อมกันอะเนอะ” 

  “มาร์ เดี้ยวเถอะ”อาร์เท็มหันไปดุเพื่อนรักที่นั่งทำหน้าพิลึกใส่เขา 

  “ฝันว่าอะไรเพคะ” เซเรน่าที่มีท่าทางเคร่งเครียดเอ่ยถาม

  “ฝันเห็นตัวเองน่ะครับ ในฝันมีคุณแซมซันด้วย” อาร์เท็มกล่าวตอบ

  “เราก็เหมือนกัน ฝันเห็นคุณอาร์เท็ม” แซมซันกล่าวสมทบ 

ทั้งแซทเทิร์นทั้งเซเรน่าเงียบไปทั้งคู่ก่อน ก่อนจะหันมาสบตากันและพยักหน้าเบาๆ 

  “คุณเซเรครับ”

  “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เซเรน่าพยักหน้ารับ ก่อนที่ยูเรนัส มาร์ และออร์บิทที่ทำหน้างงกันอยู่นั้นจะเอ่ยถาม 

  “พี่อย่ารู้กันสองคนสิครับ บอกน้องด้วย” ยูเรนัสเอ่ยติดงอแง 

  “บอกหนูกันหน่อยก็ได้นะคะพี่ๆ” มาร์ก็ถามตอบมาติดๆ 

  “ตำนานโซลเมทแห่งโชคชะตา ใกล้จะเป็นจริงแล้วค่ะ” เซเรน่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความหนักใจอย่ามหาศาล

  “ไม่ต้องสงสัยกันหรอกนะครับ ทุกๆอย่างถูกกำหนดมาหมดแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้” แซทเทิร์นเอ่ยสมทบ 

   

  เจ้าชายอาร์เท็มและแซมซันแยกตัวออกมานั่งพักผ่อนบริเวณสวนสาธารณะใต้คอนโดที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ ทั้งสองต่างนั่งเงียบไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา มีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น 

  “คุณ” 

  “คุณ” บทจะพูดก็พูดขึ้นพร้อมกัน แซมซันได้แต่คิดในใจพลันมองไปยังคนตัวเล็ก เป็นสัญญาณว่าให้คนตัวเล็ก เอ่ยธุระของตัวเองก่อน

  “เรื่องที่เราสองคนฝัน มันคือเรื่องเดียวกันใช่มั้ย” เจ้าชายแห่งดวงจันทร์เอ่ยขึ้น ร่างเล็กพลันเอียงคอถามอย่างสงสัย คนตรงหน้าเขาช่างน่ารักเหมือนกระต่ายน้อยจริงๆ แซมซันได้แต่คิดก่อนจะตอบคำถามคนตรงหน้า 

  “ถ้าเป็นเรื่องของฮารุกิ กับเทียนเยว่อิงก็คงใช่” แซมซันตอบ เหตุการณ์เมื่อคืนคงมีอิทธิพลกับความรู้สึกคนตัวเล็กไม่น้อย ตัวเขาเองก็เช่นกัน 

  “คุณว่ามันแปลกๆมั้ย” ร่างบางเอ่ยถาม 

  “แปลกสิครับ”

   “เราสงสัย คุณคิดว่ามันเป็นอดีตของพวกรึป่าว” คนตัวเล็กหย่นหัวคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด 

  “เราให้คำตอบคุณไม่ได้หรอกครับ แต่ที่เรารู้คือหลังจากที่เราตื่นจากความฝัน เรารู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมด เคยเกิดขึ้นจริงๆ” แซมซันตอบ เขาเองก็คิดไม่ตกเรื่องนี้มาตลอด 

  “เราก็รู้สึกเช่นนั้น” 

   

   หลังจากที่ทั้งเขาและแซมซันแยกย้ายกัน อาร์เท็มก็ได้แต่นั่งครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหน้าที่ ทั้งเรื่องราวในอดีต ทั้งความรู้สึกแปลกประหลาดที่เริ่มก่อตัวในใจของเขา มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ตัวเขาเองก็ไม่อาจตอบได้ อาจจะเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบกับแซมซัน ชายหนุ่มผู้มาจากดวงอาทิตย์ หรือเมื่อไหร่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถตอบได้ แม้กระทั่งวันนี้ ตอนที่เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ความเจ็บปวด ความเสียใจ ความรักความโหยหาล้วนประดังเข้ามา เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเจอคนที่ตัวเองรอคอยมานานแสนนาน การรอคอยใครสักคน รู้สึกแบบนี้เองงั้นเหรอ แท้จริงแล้วเขาควรจะตีตัวออกห่างจากชายหนุ่มจากดวงอาทิตย์ไม่ใช่หรือ เพราะอะไรกัน เหตุใดตัวเขาถึงไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ชายผู้นั้นมากเพียงไร หัวใจที่เยือกเย็นกลับรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนโดนกระแสเพลิงในคืนเดือนหนาวหลอมละลาย ทำไมกันนะ เจ้าชายแห่งดวงจันทร์ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง เขาไม่ควรรู้สึกแบบนี้เลย เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ความรักระหว่างชาวไซรัสและชาวเจริโค ไม่มีวันเป็นไปได้เลย เขาควรรีบจัดการความรู้สึกตัวเองให้เร็วที่สุด ก่อนที่มันจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ 



   ร่างสูงโปร่งของแซมซันยืนสูดอาการบริสุทธิ์อยู่ที่ริมระเบียงในหัวพลันคิดเรื่องราวมากมายที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ทั้งความรู้สึก ‘รัก’ ที่เขามีต่อเจ้าชายแห่งดวงจันทร์ในความฝัน ทำไมเขาถึงรู้สึกรักร่างบางมากมายขนาดนี้ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าความรักที่ฮารุกิมีต่อเยว่อิงนั้นจะส่งมาถึงเขาหรือมันไม่เคยหายไปไหน มันยังคงอยู่กับเขามาตลอด ตั้งแต่ในอดีตจนถึงในเวลานี้ ยิ่งอยู่ใกล้คนตัวเล็กมากเท่าไหร่ ความรู้สึกอยากปกป้อง อยากดูแล อยากโอบกอดคนตรงหน้าไว้ให้ได้นานที่สุดล้วนประดังเข้ามา ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้กันนะ เขาได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง เขาไม่ควรรู้สึกแบบนี้ เห็นทีเขาคงต้องห้ามตัวเองตอนนี้ ก่อนที่ใจเขาจะถลำลึกลงไป หากวันนั้นมาถึงมันอาจจะสายเกินแก้ เพราะอย่างไรก็ตาม ความรักของชาวดวงจันทร์ และชาวดวงอาทิตย์ก็ไม่อาจเป็นไปได้ 




  “คุณเซเรครับ” แซทเทิร์นเอ่ยเสียงทุ้ม

  “คะ” 

  “เรื่องโซลเมท…” 

  “ฉันคิดว่าใช่แล้วล่ะค่ะ แต่หากเป็นดังที่ตำนานกล่าวเอาไว้ มันจะเกิดโศก อนาฎกรรมความรักครั้งใหญ่” เซเรน่ากล่าวตอบ เธอเองก็หนักใจเรื่องนี้ไม่แพ้กัน 

  “แต่ถ้าหากเขารักกันขึ้นมาจริงๆ คุณเซเรจะกีดกันเขาสองคนมั้ยครับ”

  “ไม่ค่ะ แค่โศกอนาฎกรรมความรักในอดีต มันก็สาหัสมากพอแล้ว พวกเราไม่ควรกีดกันเขาสองคนอีกแล้ว” 

  “แล้วเรื่องรังสีสุริเยนและจันทราล่ะครับจะทำยังไง แล้วอายุขัยของพวกเขาล่ะ เขาจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แม้จะรักกันมากแค่ไหนก็ตาม” แซทเทิร์นกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้ต้องการจะกีดกันคนทั้งคู่ แต่เขาก็เป็นห่วงน้องชายของเขามากเหลือเกิน 

  “ฉันรู้ค่ะ แต่เขาก็ควรได้ใช้เวลาเสี้ยวเดียวของวันยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินมาเจอกันได้ไม่ใช่หรือคะ ต่อให้เวลาของเขาทั้งคู่จะเหลือน้อยลงมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังมีเวลา อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเขาจะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะคะ” 

  “ผมไม่ได้กีดกันเขาสองคนนะครับ แต่ผมกลัวว่าเขาสองคนจะต้องเจ็บปวด ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแบบในอดีตอีกแล้ว” 

  “มันเป็นแรงกรรมที่เขาทั้งสองต้องชดใช้ค่ะ เรื่องบางเรื่องเราก็ฝืนโชคชะตาไม่ได้หรอกนะคะ บางอย่างก็เป็นโชคชะตา ที่ไม่อาจะเลี่ยงได้” 

  “ครับ” 



“พี่เซเร ยู มาร์ เราว่าเรากับคุณแซมซันเคยรักกัน”


“พี่แซทเทิร์น ออร์บิท เราว่าเรากับเจ้าชายอาร์เท็มเคยรักกัน”