ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
You are my sun and I'm your moonตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้ ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
"ไม่ว่าความรักของเขาทั้งคู่จะถูกกีดกันด้วยสิ่งใดเขาไม่เคยหวั่นไหวหรือยอมแพ้ "
แต่ถ้าหาก กีดกันด้วยโชคชะตา ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ เขาต้องทำยังไง
โปรดติดตาม You are my sun and I am your moon
เรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันบรรจบกัน
“เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆครับ” อาร์เท็มเอ่ย บัดนี้ห้องนั่งเล่นในคอนโดหรูเต็มไปด้วยชาวดวงจันทร์ที่มานั่งรายล้อมกัน เซเรน่ามองไปยังใบหน้าหวานของน้องชาย ความรู้สึกหนักอึ้งประดาเข้ามา สิ่งที่เธอกำลังแบกรับอยู่มันหนักมาก มากเสียจนเธอเองจะทนไม่ไหว
“มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่มึงกับเขาอาจจะเคยรักกัน” ยูเรนัสกล่าว เรื่องที่เพื่อนเขาเล่ามานั้นค่อนข้างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่เชื่อสิ่งที่เพื่อนรักเขากล่าว
“กูว่าเขาก็คงรู้สึกแบบเดียวกับมึงวะ” มาร์กล่าวสบทบ ไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีตหรอกที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น แต่เพราะแววตาของชายหนุ่มจากดวงอาทิตย์ที่มองเพื่อนเขาต่างหาก ที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น
“บางทีการที่เราเคยรักใครสักคนมากๆในชาติที่แล้ว อาจจะติดตัวเรามาก็ได้นะคะ” เซเรน่าเอ่ย
“พี่เซเร หมายความว่ายังไงครับ พี่เซเรคิดว่าความฝันของเราคือเรื่องราวในอดีตของเรางั้นหรือ” อาร์เท็มเอ่ย คิ้วเรียงสวยขมวดเข้าหากัน ใบหน้าสวยหวานมีท่าทีหนักใจอย่างเห็นได้ชัด เซเรน่ามองไปยันเจ้าชายของเธอด้วยสีหน้าวิตกไม่ต่างกัน
“เจ้าชายรู้สึกแบบนั้นมั้ยล่ะเพคะ” เซเรน่าถาม แม้ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยออกมาจากปากของน้องชาย แต่เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่าน้องชายของเธอเองก็คิดเช่นนั้น
“แต่ต่อให้มึงกับเขาเคยรักกันในอดีตยังไง ปัจจุบันมึงกับเขาก็รักกันไม่ได้อยู่ดี ชาวดวงอาทิตย์กับชาวดวงจันทร์ก็เหมือนเส้นขนานของจักรวาลยังไงไม่มีวันบรรจบกันได้” ยูเรนัสเอ่ย เขาไม่ต้องการให้เพื่อนรักของเขาต้องพบกับความเจ็บปวด พวกเขารู้ดีว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขาจะไม่ยอมให้เพื่อนรักของเขาต้องทุกข์ทรมานเป็นอันขาด
“มึงหุปปากค่ะยู อย่ามาล่มเรือกู นับวันคำพูดคำจายิ่งเหมือนพี่แซทเทิร์นนะมึงอะ” มาร์กล่าวเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ จริงอยู่ที่พวกเขาไม่มีทางที่จะรักกันได้ แต่ตราบใดที่เพื่อนรักของเธอยังพอมีเวลาเหลืออยู่ เธอก็ต้องการให้เพื่อนของเธอได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีความสุขมากที่สุด
“มึงหุปปากไปเลยอีดาวอังคาร” ยูเรนัสเถียงกลับทันควัน
“กรี้ดด กูชื่อมาร์! อย่านะ เมื่อคืนกูเห็นนะว่ามึงขึ้นไปทำไรบนดาดฟ้ากับพี่แซทเทิร์น”
“อีมาร์มึงหุปปากเลยนะ” ทันทีที่มาร์กล่าวจบยูเรนัสก็พุ่งตัวเข้ามาทำท่าจะปิดปากมาร์ไม่ให้พูดอะไรออกมา แต่มาร์หลบทันพร้อมกับใช้เซเรน่าเป็นเกาะกำบัง
“พี่เซเรขา เมื่อคืนยัยยูมันหน้าแดงใส่พี่แซทเทิร์นด้วยค่ะ” มาร์เอ่ยฟ้อง เซเรน่าหันมามองหน้ายูเรนัสด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ทำให้เอายูเรนัสทำตัวไม่ถูก
“โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว” บทสนทนานั้นสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนไม่น้อย เว้นแต่เจ้าชายของพวกเขาที่ยังคงคิดไม่ตกอยู่ลำพัง
“นั่งเงียบเลยนะไอ้เจ้าชาย” มาร์เอ่ยกระเซ้าเพื่อน อาร์เท็มหลุดออกจากพะวังก่อนจะเอ่ยตอบเพื่อนของตน
“กูพูดไม่ทันมึงสองคนหรอก”
“กูคน!”มาร์และยูเรนัสเอ่ยขึ้นพร้อมกัน จนเซเรน่าต้องออกมาห้ามทัพ
“เอ่อ พี่ว่าเรากำลังหลงประเด็นกันอยู่รึป่าวคะ ตอนแรกเราคุยกันเรื่องเจ้าชายกับคุณแซมซันไม่ใช่เหรอคะ”
“เออว่ะ มึงนั้นแหละชวนเสียเรื่อง”ยูเรนัสเอ่ยละบุ้ยใบ้ไปทางมาร์
“มึงนั้นแหละค่ะอีสัส” มาร์กระซิบด่ากลับ
“หยุดตีกัน เราจะลงไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะนะ”
“แหนะ หล่อนมีพิรุทธิ์”
“นังทัวร์ดี”
“เออ คุณแซมซันนัดเราไปเจอ พอใจรึยัง”
“กูอยากจะแหมให้ถึงดวงพลูโตจริงๆ” มาร์และยูเรนัสเอ่ย
ร่างบางของเจ้าชายอาร์เท็มส่ายหัวอย่าเอือมระอาก่อนร่างเล็กจะก้าวออกจากห้องไป
“ทรงคิดเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ” แซทเทิร์นเอ่ย
“อืม” แซมซันตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ออร์บิทและแซทเทิร์นฟัง
“คนเรามันจะรักกันขนาดข้ามภพข้ามชาติเลยเหรอวะ” ออร์บิทถามอย่างสงสัย
“มีสิครับ” แซทเทิร์นตอบด้วยเสียงเรียบ เห็นทีสิ่งที่เขาหวาดกลัวมาตลอด มันก็มาถึง
“มึงไม่เคยรักใครนี่ ถ้าวันหนึ่งมึงรักใครสักคนขึ้นมาเดี้ยวมึงก็เข้าใจเองแหละ”
“หน๋อย ดูถูกกูมากนักนะไอ้เจ้าชาย” ออร์บิทมองค้อน
“พูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้”
“ไอ้เจ้าชาย!”
“ละจะทำไม”
“หยุด อย่าพึ่งตีกันครับ เราคุยกันเรื่องเจ้าชายอยู่นะครับ”แซทเทิร์นจำต้องยุติสงครามก่อนมันจะบานปลายไปมากกว่านี้
“ขอโทษครับพี่แซทเทิร์น แต่กูไม่ผิดนะไอ้เจ้าชาย” ออร์บิทบุ้ยหน้าใส่เจ้าชายเพื่อนรักเขาที่ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“พี่แซทเทิร์นครับ บันทึกไว้ด้วยนะครับ ว่ากลับไซรัสเมื่อไหร่ ออร์บิทโดนจำคุกมืด 15วัน”
“เห้ย เจ้าชาย รักดอกจึงหยอกเล่นนะพะยะค่ะ” เขารู้ดีว่าแซมซันเพียงแค่พูดแกล้งเขาเท่านั้น
“หึ” แซมซันหัวเราะในลำคอ ถึงออร์บิทจะชอบกวนประสาทเขามากแค่ไหน แต่มันก็เป็นเพื่อนรักที่เขาไว้ใจมากที่สุด
“พี่แซทเทิร์นครับ” ออร์บิทเอ่ยเสียงอ้อน
“พี่ต้องทำตามคำสั่งองค์รัชทายาท ซอรี่จริงๆนะน้องชาย” แซทเทิร์นกล่าวยิ้มๆ ตั้งแต่เด็กจนโตสองคนนี้เล่นกันแบบนี้เป็นประจำ แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่ทั้งสองคนจะโกรธกันจริงๆ ก่อนจะวนกลับไปเรื่องขององค์รัชทายาทของตนกับเจ้าชายแห่งดวงจันทร์
“ก็อย่างที่เจ้าชายคิดแหละครับ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ ”
“แต่หากเรากับเขาเคยรักกันจริง เหตุใดเรากับเขาถึงต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ทำไมต้องมาเกิดเป็นชาวไซรัสและชาวเจริโค ชาวดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ที่เป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกัน” แซมซันวิตกไม่น้อย เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขากับเจ้าชายแห่งดวงจันทร์ถึงตกอยู่ในสภาพนี้ จะรักกันก็รักไม่ได้ มองเห็นกันแต่ไม่สามารถไขว่ขว้าหรืออยู่เคียงข้างกันได้ ต้องเป็นเช่นนั้นหรือ
“นั้นเป็นเรื่องที่เจ้าชายต้องหาคำตอบเองพะย่ะค่ะ” ร่างสูงโปร่งของแซมซันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวออกไป
“จะไปไหนหรือพะยะค่ะ”
“เรานัดกับเจ้าชายอาร์เท็มไว้ครับ”
“แหนะ ร้ายกาจนักนะไอ้เจ้าชาย”
“หุปปากซะนะออร์บิท เดี้ยวกูก็กลับแล้วมั้ย”
“งึก เจ้าชายไม่อ่อนโยนกับเค้าเลย” ความกวนประสาทนี่ไม่เคยแผ่วจริงๆ
“ไม่ได้ชื่ออาร์เท็มก็ทำใจหน่อยนะ”
“555555”
“แง”
หลังจากที่อาร์เท็มนั่งคุยกับแซมซันจบ เขาทั้งสองจึงแยกย้ายกัน ก่อนหน้านั้นเขากับแซมซันได้คุยกันแล้วว่า จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนได้รับรู้ การไปพบกันครั้งนี้เหมือนแค่ต้องการใครสักคนที่อยู่เคียงข้างในยามที่เจอเรื่องราวอันแสนวุ่นวายและทั้งสอง เลือกกันและกัน เมื่ออาร์เท็มกลับมาถึงที่พักเขาจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เซเรน่า มาร์และยูเรนัสฟัง
“เชี่ย” มาร์และยูเรนัสอุททนพร้อมกัน มีเพียงเซเรน่าที่หลับตาลงช้าๆเพื่อซึบซับความจริง ความจริงที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด
“เรื่องคู่มึงแม่งสุดจริงวะ”
“ชาติที่แล้วมึงกับคุณแซมซันโดนกีดกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ยูเรนัสถาม
“ยู กูว่าชาติที่แล้วหนักแล้ว ชาตินี้กูว่าหนักกว่า ถ้าองค์แคซเซียซรู้เรื่องนะมึง” องค์แคซเซียสที่เขากล่าวถึงคือเทพผู้มีอำนาจสูงสุดและเป็นผู้พิทักษ์จักรวาล ทั้งสองคนอาจโดนลงโทษขั้นรุนแรง เพราะกฎของชาวดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์องค์แคซเซียสเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง เรื่องนี้เขาทุกคนรู้ดี
“กูรู้ กูจะไม่รักเขาเด็ดขาด”
“อาร์เท็ม ที่มึงคิดมากอยู่ทุกวันนี้ เพราะลึกๆของมึงคือจิตวิญญานของเทียนเยว่อิง ได้กลับมาเจอคนที่เขารัก รักแบบสุดหัวใจแล้ว มึงปฎิเสธไม่ได้หรอก” ยูเรนัสเอ่ย
“แต่มันคือความรู้สึกของเทียนเยว่อิงไม่ใช่กู” ความรู้สึกสับสนในใจของเขามากขึ้นทวีคูณ เขาควรจะทำอย่างไรต่อไป
“มึงกับเยว่อิงคือจิตวิญญานดวงเดียวกันนะอาร์เท็ม วันนี้มึงปฏิเสธพวกกูได้ แต่มึงไม่มีทางปฏิเสธใจตัวเองได้หรอก” มาร์กล่าวสบทบ เธอเห็นด้วยกับสิ่งที่ยูเรนัสพูด ไม่ว่าทุกอย่างจะจบลงแบบไหนตอนนี้เธอต้องการให้เพื่อนของเธอ ได้ใช้เวลากับคนที่ตัวเองรักให้ได้นานที่สุด ก่อนที่จะพรากจากกันตลอดไป
“แต่…”
“กังวลเรื่องเวลาใช่มั้ยเพคะ ตอนนี้เจ้าชายยังเหลือเวลาอยู่นะเพคะ เวลาบนโลกมนุษย์ที่เหลืออยู่ เจ้าชายยังได้อยู่กับเขา แต่ถ้าหากกลับไปแล้ว เจ้าชายจะไม่ได้พบกับเขาอีกเลยนะเพคะ เจ้าชายควรใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีความสุขนะเพคะ” เซเรน่ากล่าว ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอจะเป็นคนปกป้องน้องชายของเธอเอง ขอแค่ตอนนี้น้องชายของเธอได้มีความสุขกับคนที่ตัวเองรัก ก่อนที่เขาทั้งสองจะต้องพรากจากกันชั่วนิรันด์
“ชาติก่อน เจ้าชายและเขา ถูกกีดกันจนตกมาอยู่ในสภาวะนี้ ตอนนี้เจ้าชายกับเขาได้กลับมาพบกันแบบไม่มีอะไรกีดกันแล้ว แม้จักเป็นช่วงเวลาเพียงเล็กน้อย เจ้าชายควรใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุดนะเพคะ”
“ทำไมจะไม่มีอะไรกีดกันละครับ โชคชะตาไงครับที่ยังกีดกันพวกเราอยู่ ดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ไม่มีวันบรรจบกันได้…”
อาร์เท็มทำได้เพียงเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ ไม่ว่าอย่างไร ความจริงข้อนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี